ความคิดเห็นที่ 1 เล่าต่อๆ ๆ อยากรู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง  เราเองเชื่อเรื่องนี้นะคะ เพระเราเองเจอกะตัวอ่ะ คือ ของเรา ยังไม่โอนค่ะ แต่ว่า เราฝันถึง ผู้หญิงแต่งกายชุดคล้ายสมัย ร.5 สวยมาก อยุ่ในบ้าน พอถามคนแถวนั้น และถามคนที่เขาเคยเชิญเจ้า หรือตั้งศาลมาก่อน  ว่า เจ้าที่ที่นี่เป็นผู้หญิงใช่ไหม คนอยู่เดิมคือ ผู้หญิงและเป็นเชื้อพระวงศืเนื่องจากเราเห็นจากการแต่งกาย มียศศักดิ์ ฐานะ ตอนหลังถึงได้รู้ว่า ที่ๆ บ้านเราสร้าง และบริเวณนั้นทั้งหมด เป็นของ เจ้าจอมสมัย ร.5 ซึ่งท้ายซอยยังมีตำหนักและศาลที่ชาวบ้านกราบไหว้อยู่เลย อึ้งไปเลยเรา จากคุณ : Jikkoi - [ 15 ก.ค. 50 00:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นธรรมดาหละครับ อย่างที่แถวๆบางกะปิ หรือรามคำแหงส่วนมากก็จะเป็นสุเหร่า บางทีก็มีเรื่องแปลกเหมือนกันครับ จากคุณ : experimental - [ 15 ก.ค. 50 02:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 co-incident น่ะครับ แนะนำให้ลองไปหาDVDเรื่อง A Beautiful Mindมาดู หนังดีมากๆได้รางวัลออสการ์ด้วย เนื้อเรื่องเกี่ยวกับศาสตราจารย์รางวัลโนเบลคนนึง รับบทโดย รัสเซล โครว ครับ ดูแล้วจะรู้ว่าสมองคนเรานั้นเป็นสิ่งซับซ้อนและเหลือเชื่อมากๆ ส่วนตัวละครที่สมองสร้างขึ้นมานั้นจะแตกต่างกันขึ้น อยู่กับความเชื่อและวัฒนธรรมที่คนนั้นๆอาศัยอยู่ ยกตัวอย่างง่ายๆครับ "เทวดา"ของไทยจะประมาณว่า ห่มสไบมีชฎาอยู่บนหัว แต่ถ้าเป็นทางตะวันตก ก็จะประมาณ ใส่ชุดขาว มีปีกนกสีขาวที่หลังและมีวงแหวนสีทองบนหัว หรือจะเป็น"ผี" ก็จะมีลักษณะที่ต่างกัน ถามว่าเพราะอะไรถึงไม่เหมือนกันครับ?? ก็เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนเกิดจากจินตนาการของมนุษย์เราไงล่ะครับแต่เมื่อรวมกับวัฒนธรรมที่ต่างกัน สิ่งสมมติเหล่านั้นจึงมีรูปร่างลักษณะต่างกัน เพราะถ้าสิ่งเหล่านั้นมีอยู่จริงๆ ลักษณะโดยรวมก็น่าจะเหมือนกันทั่วโลกนะครับ ไม่ใช่ต่างกันโดยสิ้นเชิงแบบนี้ ยกตัวอย่างง่ายๆอีกทีครับ "ดวงจันทร์" สิ่งที่มีอยู่จริง เห็นได้จริง อยู่มาเป็นล้านๆปีแล้ว ลองไปถามใครก็ได้ดูสิครับไม่ว่าจะคนลาว คนไทย คนอเมริกัน คนสวิส คนญี่ปุ่น คนแอฟริกา คนฝรั่งเศส 9ล9 ผมเชื่อว่าทุกคนก็จะอธิบายลักษณะดวงจันทร์ได้ตรงกันครับ คือ เป็นดวงกลมๆแสงสีขาวนวล เห็นได้ชัดตอนกลางคืน คงไม่มีใครหรอกครับที่ตอบว่า ดวงจันทร์ประเทศผมเป็นทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด สีเขียวขี้ม้ามีวงแหวนล้อมรอบ5ชั้น บลา บลา บลา... ถ้ามีแบบนั้นก็แสดงว่าเจ้านั่นคงจินตนาการเพริศแพร้วแล้วละครับ สรุปว่าถ้าสิ่งใดมีอยู่จริง ไม่ว่าคนจากส่วนไหนของโลกก็จะบอกลักษณะได้ตรงกันครับ สิ่งสมมติมากมายเกิดจากจินตนาการของมนุษย์เพื่อมาอธิบายปรากฎการณ์แปลกๆ เช่น "จันทรุปราคา" ลองนึกดูสิครับ ย้อนไปซักร้อยๆปี คนเราก็ยังไม่ฉลาดเหมือนปัจจุบัน ไฟฟ้าก็ไม่มีต้องอาศัยแสงจากคบเพลิงและดวงจันทร์ แล้วอยู่มาคืนนึงพระจันทร์ที่กำลังส่องแสงอยู่ดีๆก็ค่อยๆแหว่งมืดลงๆทีละน้อยจนดับมืดสนิทไปทั้งดวงในเวลาไม่กี่นาที คนสมัยนั้นเห็นก็ช็อค อึ้งกิมกี่สิครับ เป็นคุณก็คงกลัวและเกิดคำถามขึ้นมาในใจมากมาย เกิดอาเพสอะไรขึ้น?พระจันทร์หายไปไหน? และด้วยความรู้สมัยนั้นคนจึงสรุปได้ว่า อ๋อที่แท้พระราหูมาอมดวงจันทร์นั่นเอง!! เห็นมั๊ยครับ ได้คำตอบของคำถามคาใจแล้ว ว่าแล้วก็พากันจุดประทัดไล่บ้าง ส่งเสียงดังๆไล่บ้าง เอาของดำมาเซ่นบ้าง สุดแต่ภูมิปัญญาและวิธีการของแต่ละท่าน............จนมาปัจจุบันน คนที่ได้รับการศึกษาก็จะทราบว่า จันทรุปราคาเกิดจากการที่โลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ อยู่ในแนวเดียวกัน ทำให้เงาของโลกไปบังดวงจันทร์ นักดาราศาสตร์ยังสามารถคำนวณวันและเวลาที่จะเกิดได้ด้วยซ้ำไป แต่ก็ดูเหมือนคนหลายๆคนในปัจจุบันพยายามปฏิเสธวิทยาการความรู้ใหม่ๆ และยังก้มหน้าก้มตาจุดประทัดบ้าง หาของดำไปเซ่นไหว้บ้าง... เฮ้อ คนเรา! ผมล่ะอยากให้ผู้ปฏิเสธความเจริญเหล่านั้นเลิกใช้ไฟฟ้า เลิกดูทีวีสี vcd dvd เลิกใช้รถ เลิกนอนห้องแอร์หรือแม้แต่พัดลม เลิกไปโรงพยาบาล เลิกกินKFC เลิกฟังสเตอริโอ mp3 เลิกนั่งเครื่องบิน เลิกใช้คอม เลิกใช้มือถือ เลิกใช้น้ำประปา..... วิทยาศาสตร์ทั้งนั้นล่ะครับที่ทำให้เราใช้ชีวิตสบายขึ้นอย่างทุกวันนี้ อยากบินก็ขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศ ผมยังไม่เคยเห็นเกจิอาจารย์อาคมแก่กล้าท่านใดเหาะไปต่างประเทศซักที เกจิที่ว่าขลังๆดังๆบารมีแก่กล้าปลุกเสกเครื่องลางของขลังกันกระสุนแคล้วคลาดภยันตรายสารพัด เห็นป่วยทีไรก็ถูกหามส่งโรงหมอทุกที ถ้าเจ๋งจริงก็ให้ลูกศิษย์เอาของปลุกเสกที่ว่าดีนักหนาของตัวเองไปให้ห้อยแล้วนั่งเฉยๆสิครับ หวังว่าข้อความนี้จะทำให้บัวที่อยู่ปริ่มน้ำทั้งหลาย ได้โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเจอสัจธรรม แสงสว่างแห่งเหตุและผล เทอญ... จากคุณ : A Beautiful Mind - [ 15 ก.ค. 50 03:23:28 A:58.8.138.37 X: TicketID:147907 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องบางอย่างอธิบายไม่ได้หรอกครับ เอาง่ายๆ คนเราตายแล้วไปไหน  ใครรู้บ้าง (ไม่เอาคำตอบทางศาสนานะ ขอคำตอบแบบวิทยาศาสตร์) จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 15 ก.ค. 50 03:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยกับคุณ ต้นโพธิ์ต้นไทรค่ะ เพราะถ้าวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ทุกอย่างจริงๆ เรื่องแบบนี้คงจะไม่มีใครพูดถึงไปนานแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : boombiimm - [ 15 ก.ค. 50 09:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เฮ้อ...บ้านเราเคยมีคนตายในบ้าน  ก็มีก็อก ๆ แก็ก ๆ บ้าง  แต่น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ จากคุณ : biebie999 - [ 15 ก.ค. 50 10:23:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความเชื่อในสิ่งที่อธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ของคนในสังคมก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าคนในสังคมอยู่กันอย่างมีสติ  สังคมนั้นก็อยู่ด้วยกันเป็นปกติสุข การเชื่อหรือไม่เชื่อไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไรเลย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ของคนในสังคมสำคัญยิ่งกว่า จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก - [ 15 ก.ค. 50 10:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พ่อผมระหว่างปลูกบ้านฝันไปว่าได้ดูการสร้างบ้าน และ เห็นคนงานกำลังสร้างบ้านอยู่ เป็นคนสมัยก่อนนะครับ คือไม่ใส่เสื้อและนุ่งโจงกระเบน และมีเจ้านายคอยสั่งอยู่ว่าสร้างให้ดี ๆ นะ เจ้าของจริงเขามาอยู่แล้ว พอบ้านสร้างเสร็จย้ายเข้าไปอยู่ น้องผมก็เจอเลยครับ มันเล่าว่า เห็นเหมือนเงาที่ปลายเตียงพอลืมตาดู เห็นคนใส่ชุดทหารยืนอยู่ปลายเตียง แล้วก็หายไป แต่น้องผมมันไม่กลัวหรอกครับ เพราะมันเห็นประมาณอย่างนี้บ่อย  ๆ จากคุณ : s.sup - [ 15 ก.ค. 50 13:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราก็ค่อนข้างจะเชื่อว่า ทุกบ้านจะมีเจ้าที่นะ ใครไม่เคยเจอก็คงจะไม่เชื่อ จากคุณ : mingkwan - [ 15 ก.ค. 50 17:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมสร้างบ้านในที่ดินของที่บ้านนี่แหละ คนคุมงานมาเล่าให้ฟังทีหลังว่า ได้ยินเสียงเหมือนคนมานั่งเล่นหมากรุกกันหน้าที่พักดึกๆ หลายคืน ตอนลงเสาเอกก็เอาขนมเปี๊ย มาไหว้ด้วย มารู้ตอนหลังว่ามีคนมาเข้าฝัน ตอนบ้านใกล้เสร็จก็มีคนมานอนเฝ้าในบ้านเลย บอกว่าเห็นเหมือนมีคนเดินข้ามจากยอดมะพร้าวต้นนึงไปอีกต้นนึง และสุดท้ายตอนเก็บงานซึ่งคนงานย้ายไปที่อื่นแล้ว แต่ตอนมาเก็บงานก็แอบตัดกล้วยไปกิน ซึ่งที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่คนงานกลับมาขอไหว้เจ้าที่ บอกว่าวันก่อนที่มาตัดกล้วยไป แล้วคืนนั้นมีคนมาเข้าฝันว่า กล้วยที่ตัดไปขอใครหรือยัง เลยต้องกลับมาไหว้ขอขมาเจ้าที่ ส่วนตัวผมก็นอนบ้านนี้คนเดียวมาจะปีแล้ว ไม่เคยเจออะไรเลย แต่ก็อุ่นใจลึกๆว่า คงเป็นบรรพบุรุษที่ยังคอยช่วยดูแลบ้านเราอยู่ ดีจัง จากคุณ : ซาตาน - [ 15 ก.ค. 50 22:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบคุณต้นโพธิ์ต้นไทร คคห.4ครับ “ความเชื่อ” เปลี่ยนแปลงกันยากครับ ต้องอาศัยทั้งเหตุผล ความกล้า และความมั่นใจ เหตุนี้เองพิธีกรรมต่างๆ เช่น บูชาราหูจึงยังคงมีอยู่ทั้งที่ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเกิดจากอะไร ตอบ คห.4ครับ ตอบแบบวิทยาศาสตร์เลยนะครับ ตายแล้วก็จบครับ ไม่มีไปไหนทั้งนั้น แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดกว่าสัตว์อื่นไงครับ เด็กฉลาดยังชอบถามเลยครับ มนุษย์ก็เลยมักจะมีคำถามอยู่ในใจตลอดเวลากับสิ่งที่เกิดรอบตัว คำถามยอดฮิต: 1. ตายแล้วไปไหน? คำตอบจากปราชญ์ในสมัยก่อน : (เนื่องจากคำถามลักษณะนี้มีมาตั้งแต่สมัยก่อนนู้น คำตอบจึงเป็นคำตอบที่คิดโดยสติปัญญาความรู้ของคนในสมัยนู้น ถึงเป็นปราชญ์ก็เป็นปราชญ์ในสมัยนู้น แต่คำตอบก็ถูกถ่ายทอดมาจนปัจจุบัน) - ปราชญ์โลกตะวันออก: ตายแล้วก็จะเป็นดวงวิญญาณออกจากร่างและถูกยมทูตพาตัวไปพบยมบาลตัวสีแดงอ้วนๆ มีเขา2ข้าง หน้าโหดๆมีหนวดด้วย(สุดแต่จะจินตนาการออกมา)เพื่อพิพากษา ทำดีขึ้นสวรรค์ ทำชั่วลงนรก แยกย่อยไปอีกว่า สวรรค์อยู่บนฟ้า มีสีขาวๆโพลนๆ มีนางฟ้าสวยๆใส่ชฎา มีเทวดา มีอาหารทิพย์ มีฯลฯ(สุดแต่จะเติมแต่งจินตนาการอีกเช่นกัน ตอนเด็กๆผมยังเคยคิดเลยว่าต้องทำความดีเยอะๆ ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ไปวิ่งไล่จุ๊บเหล่านางฟ้าสวยๆ หุหุ) ส่วนนรกก็น่ากลัวหน่อย มีกะทะ(คุณ)ทองแดงใส่น้ำมันพืชร้อนๆ(ยี่ห้ออะไรไม่ได้แจ้งไว้ สงสัยน้ำมันถั่วเหลืองตราองุ่นมั๊ง เพราะไม่เป็นไข แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช้น้ำมันมะกอกแน่ๆเพราะราคาแพงโคตร) มีต้นงิ้วหนามแหลมๆหลายต้น มีอีกาปากเหล็ก(ซึ่งป่านนี้คงสนิมกินไปแล้ว)คอยบินจิกตูด นอกเรื่องนิดนึง จริงๆปากของอีกาน่าจะเป็นโลหะไทเทเนียมที่NASAใช้ทำกระสวยอวกาศ เพราะมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทานมาก และที่สำคัญ “ไม่เป็นสนิม” อีกาจะได้บินเร็วขึ้นและไม่หนักปาก แต่อย่างว่าแหละ จินตนาการจากภูมิปัญญาคนสมัยก่อนได้ประมาณนั้นก็ถือว่าน่ากลัวสุดๆแล้วล่ะ! ส่วนตัวผมคิดว่ากุศโลบายเรื่องนรก-สวรรค์นี่เจ๋งมากนะ คนคิดนี่ฉลาดมาก ทำให้คนไม่กล้าทำความผิดเพราะกลัวตกนรก ถ้าไม่มีกุศโลบายนี้ สังคมสมัยก่อนคงยุ่งเหยิงน่าดู นับถือๆ - ปราชญ์โลกตะวันตก: ตายแล้วก็จะเป็นดวงวิญญาณออกจากร่างเหมือนๆกันนี่แหละ แต่จะต้องเดินไปในอุโมงค์มืดๆ ยาวๆ เดินไปเรื่อยๆเมื่อยก็ห้ามหยุด เดินไปจนเห็นแสงสว่างสีขาวปลายอุโมงค์ อะไรประมาณเนี้ยะ (ที่เหลือจำไม่ได้แระ เพราะไม่ใช่ฝรั่ง) สรุปได้ว่า ปราชญ์ทั้งฝั่ง ตอ. และ ตต. ต่างก็พยายามคิดและจินตนาการเพื่อที่จะแสวงหาคำตอบ(แถมเพิ่มกุศโลบายเจ๋งๆเข้าไปด้วย) ให้กับคำถามที่สัตว์ขี้สงสัยและขี้กลัวอย่างมนุษย์เราได้สบายใจขึ้นนี่เอง เพราะตราบใดที่เรายังมีคำถามคาใจ เราก็จะรู้สึกอึดอัด หวาดกลัว และไม่happy อย่างกรณีราหูอ้วนดำอมจันทร์ไงครับ คนสมัยนั้นเพิ่งเคยเจอ ก็ถามกัน กลัวกันเข้าไปไม่เป็นอันทำงาน กินไม่ได้นอนก็ไม่หลับ ปราชญ์ในสมัยนั้นก็คงจะเห็นแล้วว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย มืดแป๊บเดียวแล้วก็กลับมาสว่างเต็มดวงเหมือนเดิม เอ้า!ปล่อยไว้บ้านเมืองจะเดือดร้อน สงเคราะห์พวกเค้าหน่อยวะ ว่าแล้วก็ป่าวประกาศว่า “ไม่มีอะไรหรอกพี่น้องทั้งหลาย พระราหูท่านมาอมดวงจันทร์เอาไว้น่ะ แค่หาของดำมาเซ่นไหว้ และจุดปะทัดทำเสียงดัง ซักพักก็จะได้ผล” นับแต่บัดนั้น ตาสียายสาและบุตรก็พากันหาของดำมาเซ่นราหู และจุดปะทัดส่งเสียงดัง เพื่อให้ดวงจันทร์ซึ่งเป็นแหล่งแสงสว่างหนึ่งเดียวในยามราตรีของพวกเค้า กลับมาส่องแสงสุกใสอีกครั้ง..... พอจะเห็นอานุภาพแห่งพลังความเชื่อความศรัทธาของมนุษย์รึยังครับ?!? อีกกรณีที่น่าสนใจครับ คนในสมัยก่อน เวลาสูญเสียญาติสนิทเช่นบุพการี จะเสียใจมากและทำอะไรไม่ถูก เพราะบางทียังไม่ได้ทันบอกความในใจให้ท่านฟัง และยังไม่ทันได้ทดแทนบุญคุณป้อนข้าวป้อนน้ำท่านก็ดันมาด่วนจากไปซะก่อน เกิดเป็นความรู้สึกผิดจนเป็นปมในใจทำให้ซึมเศร้าหดหู่........... “พ่ออยู่หนายย” “แม่เป็นยังไงบ้างงง หิวมั๊ยยย” “ผมคิดถึงพ่อกับแม่คร๊าบบบ ได้ยินมั๊ยยยย” ปราชญ์เจ้าเก่า มาอีกแล้วครับ และเสนอไอเดียว่า “อยากบอกอะไรท่าน ก็จุดธูปบอกไปเล๊ย ท่านรับรู้” ต่อด้วย “กลัวท่านลำบากก็เผากะดาษเงิน กระดาษทองส่งไปให้ท่านสิ” ตามด้วย “กลัวท่านหิวก็หาอาหารที่ท่านชอบมาเซ่นไหว้ท่านสิ ท่านได้กินนะ” ผมว่าได้ผลนะ เพราะอย่างน้อยก็ลดความรู้สึกผิด ทำให้เจ้าตัวสบายใจขึ้น (กุศโลบายอีกแล้วครับท่าน) แต่ เรื่องเผาๆนี่จริงๆแล้วผมไม่เห็นด้วยเลยนะ กระดาษเงินกระดาษทองนี่ตัวดีเลย เผาไปก็มีแต่สารตะกั่วทั้งนั้น พอเถอะครับ เพื่อสิ่งแวดล้อมของพวกเรา นี่เป็นแค่ตย.หนึ่งในร้อยๆพันๆพิธีกรรมความเชื่อที่สืบมาจากสมัยโบราณ ซึ่งล้วนแต่เกิดขึ้นมาจากคำถามในใจที่หาคำตอบไม่ได้ และเมื่อถามเรื่องเดิมๆหลายๆคนเข้า ก็จะมีปราชญ์มาให้ความกระจ่างตามอัตภาพ ตย.อีกซักอัน ธรณีวิปโยค (แผ่นดินไหว) ผู้คนสมัยก่อนพากันแตกตื่นหวาดกลัว ทำอะไรไม่ถูก เกิดโกลาหลไปทั่ว ..... ปราชญ์เพื่อนยากมาอีกแล้วครับท่าน “ไม่มีอะไรหรอกพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ปลาอานนท์พลิกตัวน่ะ มันคงเมื่อย เดี๋ยวก็หลับต่อแล้ว สบายใจเถอะ” คำถามยอดฮิต: 2.ทำไมเราถึงได้ไม่เกิดมาเป็นลูกอภิมหาเศรษฐีอย่างคนนั้นคนนี้น้ออ?? คำตอบจากปราชญ์ในสมัยก่อน : ...ง่วงแระ ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ไว้จะมาพิมพ์ให้อ่านใหม่ จากคุณ : A Beautiful Mind - [ 16 ก.ค. 50 05:22:52 A:58.8.133.12 X: TicketID:147907 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขออนุญาตแยกประเด็นนิดนึงครับผม จากคุณ : A Beautiful Mind - [ 16 ก.ค. 50 05:35:02 A:58.8.133.12 X: TicketID:147907 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พอดีช่างมาติดมุ้งลวดเลยแวะถ่ายรูปที่เกิดเหตุครับ จากคุณ : monli2006 - [ 16 ก.ค. 50 08:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ที่เกิดเหตุ จากคุณ : monli2006 - [ 16 ก.ค. 50 08:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จุดเกิดเหตุ 2 จากคุณ : monli2006 - [ 16 ก.ค. 50 08:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เอาใหม่ จากคุณ : monli2006 - [ 16 ก.ค. 50 08:29:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เพราะล่าสุดคุณพ่อตัดสินใจจะตั้งศาลให้ตายายเอง เนื่องจากทางโครงการบ่ายเบี่ยงที่จะทำ ล่าสุดคุยพ่อไปคุยกับลุงขายก๋วยเตี๋ยวแถวโครงการ ถามหาชื่อของเจ้าของที่เดิม ซึ่งคุณลุงใจดีก็จะโทรมาบอกวันนี้ เพราะลุงแกรู้จักแต่ลูกเจ้าของที่ หลังจากออกจากร้านก๋วยเตี๋ยว คุณพ่อก็พูดขึ้นว่า รู้สึกว่ายายจะชื่อ ฉาย หรือ สาย ส่วนตา ชื่อพุทธ หรือ พัทร ผมถามว่ารู้ได้ไง ท่านตอบว่าอยู่ดีๆก็แว็ปขึ้นมาเอง รอลุ้นตอนบ่ายครับ จากคุณ : monli2006 - [ 16 ก.ค. 50 08:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณพ่อคุณมีสัมผัสพิเศษแฮะ เราว่าเป็นเรื่องดีนะคะ ดีกว่าเจ้าที่ที่เราไม่รุ้ว่าเป้นยังไง เราทำอะไรไม่ถูกใจแล้วก่อให้เกิดปัญหาโดยไม่รู้ตัว เช่น บ้านอยู่แล้วโชคไม่ดี  มีอุปสรรค หรือสร้างไม่เสร็จสักทีโดยไม่รุ้สาเหต ถ้าอยู่แล้วช่วยดูแลรักษาบ้าน ทำมาค้าขึ้น ช่วยคุ้มครองเราก๊ดีอ่ะ ยิ่งรู้ว่าเจ้าที่อยู่ตรงไหน ชื่ออะไร มาหามาบอกเราว่าดีนะตรงที่ทำให้รู้ว่าควรตั้งศาลจุดไหน  ไม่ต้องพึ่งพาพวกทรงเจ้าเข้าผีที่เราเห็นบางเจ้าหลอกเอาเงินเป็นหมื่นๆ ก็มี  ค่ามาดู ค่าตั้งศาล จากคุณ : Jikkoi - [ 16 ก.ค. 50 09:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จะตั้งศาลที่เดิม หรือตั้งในบ้านคุณเองครับ ไปตั้งที่เดิมน่าจะมีปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน จากคุณ : KittySP - [ 16 ก.ค. 50 09:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าทำแล้วสบายใจ ไม่มีใครเดือดร้อน ก็ทำไปเถอะครับ จากคุณ : Oh-deh - [ 16 ก.ค. 50 10:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทำเป็นศาลตายายก็พอนะครับ อย่าทำเป็นศาลพระภูมิ จากคุณ : ซักวันจะคิดออก - [ 16 ก.ค. 50 12:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมคงตั้งศาลตายายเท่านั้น ตั้งในบ้านผมเอง เพราะดูแล้วตากับยายคงมาดี แล้วท่านคงเห็นว่าคุณพ่อมีน้ำใจ ท่านเลยมาให้เห็น ตั้งใจจะตั้งศาลให้ท่านแล้ว ก็อยากให้ดีๆ และเข้ากับบ้านด้วย เมื่อวันอาทิตย์แวะไปดูมาแล้ว เป็นสินค้า OTOP 5 ดาว ไม้สักทั้งหลัง สวยมากๆ กว่าจะได้เป็นเดือน ตอนนี้สงสารตากับยายครับ เพราะพ่อบอกว่าตอนนี้ท่านอาศัยอยู่ใต้กอไผ่ สรุปชื่อ ยายฉาย กับ ตาพุด ขนลุกเลยครับ ชาวบ้านฮือฮาใหญ่เลย สงสัยคุณพ่อต้องเปลี่ยนอาชีพเป็นร่างทรงซะแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อนะ แต่ก็ไม่อยากคิดว่าพ่อตัวเองมีอะไรผิดปรกติ อย่างที่คุณ A Beautiful Mind บอก คนเรามีอะไรที่ซับซ้อนมาก ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอก จากคุณ : monli2006 - [ 16 ก.ค. 50 14:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขนลุกคะ จากคุณ : เบรานิ่ง - [ 16 ก.ค. 50 14:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องพวกนี้ เป็นสิ่งลี้ลับ ยากที่จะพิสูจ สร้างศาลให้ ตา ยาย มาอยู่น่ะดีแล้วครับ ท่านจะได้ ช่วยปกป้องภัยต่างๆให้ จากคุณ : s_thongdee - [ 16 ก.ค. 50 15:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ... สิ่งที่ผมกลัว ที่ สุด  คือ  เพื่อนบ้านแย่ ๆ  ... ... เรื่องสิ่งลี้ลับ ผม เคารพ  แต่ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ ครับ .... จากคุณ : ซีมาสเตอร์ - [ 16 ก.ค. 50 16:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยกับคุณ A Beautiful Mind นะครับ   แต่บางครั้ง มันก็อดรู้สึกไม่แน่ใจไม่ได้จริง ๆ ว่าตกลงบางอย่างที่เกิดขึ้น ที่เราเห็น เรารับรู้ เราสัมผัสนั้น  มันคืออะไรกันแน่ และอธิบายได้ด้วยปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์จริง ๆ เหรอ จากคุณ : Minimally Chic - [ 17 ก.ค. 50 08:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 a beaituful mind มีเหตุผล เห็นด้วย จากคุณ : remy&chanel - [ 19 ก.ค. 50 13:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คืออ่านหนังสือพระมาค่ะ ท่านว่า ตายายเป็น ภูมิเทวดา (รึป่าวคะ) ท่านจะมีวิมานที่สูงกว่าพื้นดิน สวยมากเป็นแก้วผสมทอง สว่างสดใส สดใส สวยกว่าที่เราสร้างให้ท่านมากมายนัก ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ ทำไมไม่ตรงกันคะ จากคุณ : ysawarat - [ 19 ก.ค. 50 17:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คัดลอกมาจาก http://www.praruttanatri.com/v1/special/books/practice_mano/mano_sec5.htm เข้าไปอ่านได้ค่ะ ขออนุโมทนาสาธุด้วย ครู : “ขอพระองค์ได้โปรดสงเคราะห์แสดงอทิสสมานกายของข้าพระพุทธเจ้าสมัยเป็นภูมิเทวดาสัก ๑ ชาติ พร้อมด้วยที่อยู่ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า ใครรู้สึกแล้วว่าเราเกิดเป็นเทวดาผู้หญิงหรือผู้ชาย ?” ศิษย์ : “เทวดาผู้ชาย” ศิษย์ : “เทวดาผู้หญิง” ครู : “มีวิมานไหมคะ ?” ศิษย์ : “มีค่ะ” ครู : “วิมานอยู่ตรงไหน ?” ศิษย์ : “วิมานลอยอยู่เหนือพื้นดินเล็กน้อย” ครู : “เทวดาชั้นจาตุมหาราชมีหน้าที่รักษาเขตตามบ้านตามวัด ตามวัง ตามป่า ตามเขา หรือสถานที่ราชการ กราบทูลถามองค์สมเด็จพระจอมไตรว่าสมัยนั้นเรารักษาเขตไหน ?” ศิษย์ : “ตามบ้านบ้าง ตามวัดบ้าง ตามวังบ้าง ตามป่า ตามเขาบ้าง” ครู : “สมัยที่เราเป็นภูมิเทวดามีคนมากราบไหว้ขอให้ช่วยคุ้มครองรักษาบ้างไหม ?” ศิษย์ : “มีมากค่ะ” ครู : “บางคนยอมรับนับถือในความดีสมัยเราเป็นภูมิเทวดาถึงกับสร้างศาลพระภูมิถวาย พอจะมีบ้างไหม ?” ศิษย์ : “มีค่ะ” ครู : “สร้างเป็นไม้หรือตึก ?” ศิษย์ : “สร้างเป็นไม้เสาเดียวบ้าง สร้างเป็นตึกบ้าง” ครู : “เคยมีคนเอาของมาถวายบ้างไหม ?” ศิษย์ : “มีดอกไม้ธูปเทียน ไข่ต้ม ไก่ต้ม ผลไม้บ้าง” ครู : “แล้วเราสมัยเป็นภูมิเทวดา เรากินของที่เขาถวายหรือเปล่า” ศิษย์ : “เปล่า ไม่ได้กิน แต่มาโมทนาในความดีของเขา” ครู : “และภูมิเทวดาย้ายที่อยู่จากวิมาน มาอยู่ในศาลพระภูมิหรือเปล่า ?” ศิษย์ : “ไม่ได้ย้าย วิมานใหญ่โต และสวยงามกว่ามาก” ครู : “เป็นอันว่าสมัยเราเป็นภูมิเทวดา ก็เคยมีเคยสร้างศาลพระภูมิถวายให้เรา แต่เราไม่ได้เข้าไปอยู่ สมัยนั้นภูมิเทวดาสามารถสงเคราะห์ช่วยเหลือบุคคลในเขตที่เราดูแลอยู่ให้ได้รับความสุขหรือเปล่า ?” ศิษย์ : “สามารถช่วยเหลือได้” ครู : “เทวดาท่านสามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้ ถ้าไม่เกินกฎของกรรม จำไว้ให้ดีนะ ประเดี๋ยวขอแล้วไม่สำเร็จจะต่อว่าทำไมเทวดาท่านไม่ช่วย ถ้าไม่เกินกฎของกรรมท่านพร้อมที่จะช่วยอยู่แล้ว ในเมื่อมนุษย์ขณะนี้สอน และพูดกันมากว่าเทวดาไม่มี ศาลพระภูมิตั้งไม่มีผล บัดนี้เราได้มาพิสูจน์แล้วว่าเทวดามีจริง การยอมรับนับถือเทวดาท่านก็สามารถช่วยเราได้ วันนี้ขอให้ทุกท่านขอบารมีพระพุทธเจ้า หลวงพ่อ ท่านแม่ ขอรับสัมผัสบ้านของเราแต่ละคนในเมืองมนุษย์ในชาติปัจจุบัน ว่ามีภูมิเทวดารักษาเขตไหมคะ ?” จากคุณ : ysawarat - [ 19 ก.ค. 50 17:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ที่บ้านก็มีศาลตายายเหมือนกันค่ะ กลับไปก็ไปไหว้ท่านทุกที ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ ที่คุณ beautiful mind ว่ามานั้นมีประโยชน์มากสำหรับช่วยให้คนไม่หลงงมงาย หรือพึ่งพิธีกรรมจนเกินไป แต่พอบอกว่า ตายแล้วจบ อ่านแล้วสะดุด เพราะไม่มีใครเคยตาย จะจบหรือไม่จบไม่มีใครรู้จริงทั้งนั้น พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนพวกเราหมดทุกอย่างในจักรวาล แต่ท่านสอนว่าให้รู้เฉพาะใบไม้ในกำมือเท่านั้น ถ้าจำไม่ผิด ใบไม้ทั้งป่า เรียนรู้ทั้งชีวิตก็ไม่มีวันจบ สมัยเด็กๆ เราก็สงสัยว่าถ้าตายแล้วไปไหน มองขึ้นไปบนฟ้าจะไปอยู่ที่ดาวดวงไหน พระเจ้าอยู่ที่ไหน สุดขอบของจักรวาลเป็นอะไร ไม่มีใครตอบได้ แต่ถ้าบอกว่าตายแล้วจบนี่ ถือเป็นการล้มล้างความเชื่อเรื่องกรรมเลยนะ คนเราก่อนตายถ้ามีโอกาสได้กำหนดจิตกับตายแบบไม่รู้ตัวจะไม่ต่างกันเลยหรือ จิตที่อยู่คู่กับร่างกายคนตลอดขั่วอายุขัยเมื่อตายไปมันจะวูบดับเหมือนไฟฟ้าดับเลยหรือ ใครรู้ช่วยตอบที แต่คิดว่าคงไม่มีใครตอบได้นอกจากเคยตายมาแล้ว แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 50 23:50:20 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Tiwanon48 - [ 20 ก.ค. 50 23:47:34 ]