ความคิดเห็นที่ 1 ขอให้กำลังใจครับ ค่าใช้จ่ายสูงจริงๆครับ คุณพ่ออยากอยู่โรงพยาบาลหรือเปล่าครับ ถ้าระยะท้ายจริงๆ บางทีคนป่วยอาจอยากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยมากกว่านะครับ ลองปรึกษาหมอดู อาจมีโปรแกรมรักษาที่บ้าน แม้แต่การให้ยาที่แก้ปวดอย่างแรงบางชนิด วัตถุประสงค์ของการรักษาของมะเร็งระยะท้ายน่าจะเป็นการลดความทรมาน ทำให้เวลาที่เหลือมีความสุขที่สุด จากคุณ : ให้กำลังใจ - [ 9 ต.ค. 50 23:58:00 A:61.7.138.72 X: TicketID:113497 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ เงินทองหาใหม่ได้ เชื่ื่อเถอะ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่แนะนำนิดนึงได้ป่าว ทำไมไม่ส่งตัวคุณพ่อไปโรงเรียนแพทย์อะคะ ค่าใช้จ่ายจะได้ลดลงหน่อย เพราะต้องใช้เวลารักษาในโรงพยาบาลค่อนข้างนาน ที่เอกชนแพงมาก หมอก็มาจากโรงเรียนแพทย์เหมือนกัน เราว่าเอกชนอาจจะเหมาะกับการหาหมอชั่วคราว หรือนอนรักษาตัวไม่นาน แต่ถ้านานๆ ค่าใช้จ่ายยุ่บยั่บไปหมดเลย เราเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้ไม่มีเงินแล้วอยู่ไม่ได้หรอกถ้ารู้จักทำมาหากิน ในความคิดเรา ไม่เคยมีใครจนสำำหรับคนที่ขยันทำมาหากินนะ อาจจะใช้เงินน้อยลงหน่อย ตัดบางอย่างลงไปบ้าง เพื่อทำหน้าที่ลูกที่ดีจนวินาทีสุดท้าย ถ้าคุณซื้อของฟุ่มเฟือยแล้วเงินหมด อันนั้นสมควรโดนว่า แต่ถ้าใช้เงินรักษาพ่อคนเดียว ไม่มีใครว่าหรือดูถูกเราหรอกค่ะ เราทำสิ่งที่ดี ที่ถูกที่ควร ไม่ต้องกลัวค่ะ สู้ สู้นะ เราไม่ได้อยู่ในสถานะการณ์เดียวกับคุณ เราก็พูดได้สิ อาจจะไม่เข้าถึงทั้งหมด แต่เราเป็นกำลังใจให้ค่ะ กำลังใจสำคัญที่สุด ถ้าคุณท้อ คุณจะทำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าคุณสู้ ทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน เราเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นคนป่วยหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่ควบคุมไ่ม่ได้ เราต้องยอมรับและจัดการกับมันให้ดีที่สุดค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 50 00:00:15 จากคุณ : Sara K. - [ 9 ต.ค. 50 23:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอตอบค่ะ ที่ไม่เข้า รพ รัฐเพราะไม่รูจักหมอค่ะ แต่มาที่นี่ รู้จักคุณหมอเพราะมีหมอด้วยกันแนะมาค่ะ ญาติๆ ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เราคุญกันในครอบครัวเฉพาะคุณแม่และพี่น้องท้องเดียวกันเท่านั้น คุณพ่อเราเอง ท่านก็อดทนสู้ตายเลยล่ะค่ะ ไม่กลัวเจ็บเพราะท่านยังไม่อยากตาย คุยกับแพทย์เจ้าของไข้แล้ว ท่านว่ารักษาตามอาการเท่านั้น ยังไม่มีกำหนดกลับบ้าน ถึงแม้กลับบ้านได้ ก็คงต้องวิ่งเข้า รพ อีกแน่เพราะพ่อเราทานไม่ได้ ต้องให้อาหารทางเส้นเลือด และก็ทั้งอจจาระและปัสสาวะออกทางทวารหนัก ตอนนี้ นอนจมกองอึ กองฉี่ตัวเองค่ะ แผลลึกแล้วด้วย เราประเมินดู ถึงพ่อเรากลับมาบ้าน ก็คงต้องใช้ชีวิตลำบากเหมือนกันค่ะ เรากำลังจะสูญเสียพ่อไป ไม่ช้าก็เร็ว เพราะมะเร็งไม่ปราณีครอบครัวเราเลย และเราก็ต้องเตรียมตัวจนด้วย เรา plan กับแม่ว่า ถ้าขายบ้าน ขายรถจนหมดแล้ว คงรักษาต่อได้ก็ไม่เกินครึ่งปีหรอก เราจะไปเช่าทาวน์เฮ้าส์อยู่กัน และไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์นะ เรารู้ว่าแม่เราทำใจลำบากเพราะแม่เรามาจากครอบครัวที่ฐานะร่ำรวยมาก และมาลำบากตอนที่แต่งงานกับพ่อใหม่ๆ และก็กลับรวยขึ้นมา แล้วตอนนี้ กำลังจะต้องมาจนแบบสิ้นเนื้อประดาตัว เราก็สงสารแม่เรา แต่พ่อเราก็ยังอยากรักษาต่อ แม่เราก็ยังอยากให้พ่อเราหาย เราต้องการกำลังใจมากๆค่ะ คิดแล้ว รู้สึกอนาถชีวิตตัวเองจัง ขอระบายนะคะ จากคุณ : จขกท - [ 10 ต.ค. 50 00:18:19 A:172.17.16.221 X:58.181.137.10 TicketID:146156 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอตอบค่ะ ที่ไม่เข้า รพ รัฐเพราะไม่รูจักหมอค่ะ แต่มาที่นี่ รู้จักคุณหมอเพราะมีหมอด้วยกันแนะมาค่ะ ญาติๆ ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เราคุญกันในครอบครัวเฉพาะคุณแม่และพี่น้องท้องเดียวกันเท่านั้น คุณพ่อเราเอง ท่านก็อดทนสู้ตายเลยล่ะค่ะ ไม่กลัวเจ็บเพราะท่านยังไม่อยากตาย คุยกับแพทย์เจ้าของไข้แล้ว ท่านว่ารักษาตามอาการเท่านั้น ยังไม่มีกำหนดกลับบ้าน ถึงแม้กลับบ้านได้ ก็คงต้องวิ่งเข้า รพ อีกแน่เพราะพ่อเราทานไม่ได้ ต้องให้อาหารทางเส้นเลือด และก็ทั้งอจจาระและปัสสาวะออกทางทวารหนัก ตอนนี้ นอนจมกองอึ กองฉี่ตัวเองค่ะ แผลลึกแล้วด้วย เราประเมินดู ถึงพ่อเรากลับมาบ้าน ก็คงต้องใช้ชีวิตลำบากเหมือนกันค่ะ เรากำลังจะสูญเสียพ่อไป ไม่ช้าก็เร็ว เพราะมะเร็งไม่ปราณีครอบครัวเราเลย และเราก็ต้องเตรียมตัวจนด้วย เรา plan กับแม่ว่า ถ้าขายบ้าน ขายรถจนหมดแล้ว คงรักษาต่อได้ก็ไม่เกินครึ่งปีหรอก เราจะไปเช่าทาวน์เฮ้าส์อยู่กัน และไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์นะ เรารู้ว่าแม่เราทำใจลำบากเพราะแม่เรามาจากครอบครัวที่ฐานะร่ำรวยมาก และมาลำบากตอนที่แต่งงานกับพ่อใหม่ๆ และก็กลับรวยขึ้นมา แล้วตอนนี้ กำลังจะต้องมาจนแบบสิ้นเนื้อประดาตัว เราก็สงสารแม่เรา แต่พ่อเราก็ยังอยากรักษาต่อ แม่เราก็ยังอยากให้พ่อเราหาย เราต้องการกำลังใจมากๆค่ะ คิดแล้ว รู้สึกอนาถชีวิตตัวเองจัง ขอระบายนะคะ จากคุณ : จขกท - [ 10 ต.ค. 50 00:22:57 A:172.17.16.221 X:58.181.137.10 TicketID:146156 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอตอบค่ะ ที่ไม่เข้า รพ รัฐเพราะไม่รูจักหมอค่ะ แต่มาที่นี่ รู้จักคุณหมอเพราะมีหมอด้วยกันแนะมาค่ะ ญาติๆ ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เราคุญกันในครอบครัวเฉพาะคุณแม่และพี่น้องท้องเดียวกันเท่านั้น คุณพ่อเราเอง ท่านก็อดทนสู้ตายเลยล่ะค่ะ ไม่กลัวเจ็บเพราะท่านยังไม่อยากตาย คุยกับแพทย์เจ้าของไข้แล้ว ท่านว่ารักษาตามอาการเท่านั้น ยังไม่มีกำหนดกลับบ้าน ถึงแม้กลับบ้านได้ ก็คงต้องวิ่งเข้า รพ อีกแน่เพราะพ่อเราทานไม่ได้ ต้องให้อาหารทางเส้นเลือด และก็ทั้งอจจาระและปัสสาวะออกทางทวารหนัก ตอนนี้ นอนจมกองอึ กองฉี่ตัวเองค่ะ แผลลึกแล้วด้วย เราประเมินดู ถึงพ่อเรากลับมาบ้าน ก็คงต้องใช้ชีวิตลำบากเหมือนกันค่ะ เรากำลังจะสูญเสียพ่อไป ไม่ช้าก็เร็ว เพราะมะเร็งไม่ปราณีครอบครัวเราเลย และเราก็ต้องเตรียมตัวจนด้วย เรา plan กับแม่ว่า ถ้าขายบ้าน ขายรถจนหมดแล้ว คงรักษาต่อได้ก็ไม่เกินครึ่งปีหรอก เราจะไปเช่าทาวน์เฮ้าส์อยู่กัน และไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์นะ เรารู้ว่าแม่เราทำใจลำบากเพราะแม่เรามาจากครอบครัวที่ฐานะร่ำรวยมาก และมาลำบากตอนที่แต่งงานกับพ่อใหม่ๆ และก็กลับรวยขึ้นมา แล้วตอนนี้ กำลังจะต้องมาจนแบบสิ้นเนื้อประดาตัว เราก็สงสารแม่เรา แต่พ่อเราก็ยังอยากรักษาต่อ แม่เราก็ยังอยากให้พ่อเราหาย เราต้องการกำลังใจมากๆค่ะ คิดแล้ว รู้สึกอนาถชีวิตตัวเองจัง ขอระบายนะคะ จากคุณ : จขกท - [ 10 ต.ค. 50 00:24:45 A:172.17.16.221 X:58.181.137.10 TicketID:146156 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ห้ามกู้ห้ามขายบ้านขายรถเด็ดขาดครับ หาเงินรักษาพ่อ ให้ใช้เงินเก็บ และ ทำงานเสริมครับ หากจับถูกที่ถูกทางอาจจะรวยซะด้วยซ้ำไป อย่าเดินเข้าไปหาทางตัน เดินออกไปที่กว้างๆครับ จากคุณ : appendix - [ 10 ต.ค. 50 00:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาให้กำลังใจจขกท อีกคนค่ะ สู้ๆๆนะคะ จากคุณ : :OnNaNoKo: - [ 10 ต.ค. 50 00:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอเป็นกำลังใจให้ครับ คนเราทำดีย่อมได้ดี อัลเลาะห์จะให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำดีครับ จากคุณ : วัสลาม - [ 10 ต.ค. 50 00:30:37 A:58.136.94.167 X: TicketID:103190 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาให้กำลังใจครับ จากคุณ : yam_yim - [ 10 ต.ค. 50 01:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มีโอกาสขอย้ายโรงพยาบาลไหมคะ เงินทองที่มีจะได้รักษาได้นานหน่อยนะค่ะ แล้วครอบครัวก็จะได้มีเวลาปรับตัว ในการหาเงิน หาทองมาเพิ่ม มารักษากันต่อไป เรื่องเตรียมตัวในการใช้เงินน้อยลง คงต้องเริ่มกันแล้ว แต่สำคัญคือ ต้องเตรียมตัวในการหาเงินมาเพิ่ม ฉะนั้นการหาทางย้ายสถานที่รักษา ก็คือวิธีหนึ่งในการลดค่าใช้จ่ายลงนะคะ ... ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาคุณพ่อคุณนะคะ จากคุณ : บีพี - [ 10 ต.ค. 50 02:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แนะนำให้ย้ายไปโรงพยาบาลของรัฐอย่างโรงพยาบาลจุฬา ศิริราช หรือรามา เพราะมีหมอเก่งๆที่เป็นอาจารย์แพทย์ประจำอยู่ คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าโรงพยาบาลรัฐส่วนใหญ่จะไม่สนใจผู้ป่วยเหมือนโรงพยาบาลเอกชน แต่การให้บริการของโรงพยาบาลรัฐในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว โรงพยาบาลรัฐหลายแห่งพยายามพัฒนาปรับปรุงระบบการให้บริการ หลายแห่งได้รางวัลคุณภาพISO9000แล้วด้วย ราคาก็ถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชนหลายเท่า อย่าท้อนะคะ เอาใจช่วยค่ะ แต่อยากให้ลองติดต่อโรงพยาบาลรัฐดู อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ตั้งสติให้ดี ปรึกษากับคนในครอบครัว มองหาทางเลือกหลายๆทาง จากคุณ : Little Thai flower - [ 10 ต.ค. 50 02:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วทำไมไม่เข้า รพ รัฐหละครับ   รพ รัฐเก่งๆ ดีๆ มีมากมายนะครับ  คงจะลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก จากคุณ : ซอร์บอนน์ - [ 10 ต.ค. 50 02:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นกำลังใจให้ได้อย่างเดียวเลยครับ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 10 ต.ค. 50 03:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 บอกตรงๆ...ไม่อ้อมค้อม...มารักษาแบบชีวิจิต ไปเหอะ...มะเร็งระยะสุดท้าย ยังไงก็ไม่รอด...เสียเงินเสียทองไปแค่ไหน ก็ไม่มีทางแก้ไขได้...คนอยู่ก็จะพลอยลำบากกันไปหมด...นี่พูดแบบตรงๆ.. ถามว่ากลัวจนหรือ งกเงินหรือไม่ ไม่ใช่...เงินมันหาใหม่ได้..แต่จะใช้ไปก็ให้มันมีเหตุผล...ถ้าเหตุผลเพื่อความสบายใจ..ของเราเอง ก็ทำไปเต็มที่..เหมือนเราทำบุญแบบถวายชีวิต..เพื่อพ่อคนเดียว...รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ไม่รอด...เพราะหมออธิบายทุกขั้นตอนของการพัฒนาของโรคตามระยะของมันในขั้นสุดท้าย ว่ามันคืบหน้ายังไง ถ่ายฟิลม์มาก็เห็นการเติบโตของเนื้อร้ายที่กระจายผ่านท่อน้ำเหลือง เส้นเลือด ไปยังสมอง...ซึ่งหมดหวัง...ถามว่าเราจะยังดันทุรังสู้กับมันไปถึงไหน หมายถึงสู้กับมะเร็ง...ไม่มีทางเอาเงินไปชนะมันได้ในความรู้สึกผม...โยนไปเท่าไหร่หายหมด เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ...แต่เนื้อมะเร็งกลับขยายพื้นที่ผลงานของมันผ่านฟิลม์เอ็ซเรย์ครั้งแล้วครั้งเล่า... ผมผ่านประสบการณ์มากับตัวเอง พ่อตาแม่ยาย คนหนึ่งเป็นอยู่ได้ 3 ปีกว่า ทำทุกอย่างตามขั้นตอนของแพทย์ นอนศิริราช...อย่างดี เพราะเพื่อนเป็นอาจารย์หมอ...สุดท้ายก็ไป... ไม่ทันถึงปี แม่ยายก็เป็นต่อ..พบอีกทีก็ระยะสุดท้ายแล้ว..แค่ปีกว่าก็ไปอีก...แต่คราวนี้หมดเยอะเป็นล้านๆ...กับ รพ.เอกชนดังแถวสุขุมวิท...เพราะครั้งแรกไม่เชื่อว่าจะสู้มันไม่ได้...ก็เลยลองทุกวิธี..เริ่มจากผ่าตัด ฉายแสง ไปคีโม..แล้วมาชีวจิต ผสมผสานไปกับวิทยาการของแพทย์ สุดท้ายก็ไม่รอด...หมดไป 5 ล้าน ก็เอาชนะมันไม่ได้... คุณก็คิดเอาเองแล้วกันครับว่า จะพูดกับครอบครัว จะอธิบายคนรอบข้างยังไง...พ่อคุณอาจจะไม่ต้องการให้คุณทำอย่างนี้ก็ได้... จากคุณ : minimalist - [ 10 ต.ค. 50 03:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ย่าเราเป็นมะเร็งที่ปอดเสียไปแล้วหลายปี ตอนตรวจเจอ หมอบอกอยู่ได้ 3 เดือน  เอาเข้าจริงอยู่ได้ 5 ปี  อยู่ที่กำลังใจคนไข้และคนรอบข้าง   มะเร็งระยะสุดท้าย บอกตรงๆว่าเปอร์เซ็นต์การหายเป็นศูนย์ แต่เราจะทำอย่างไรให้คนไข้และคนในครอบครัวทำใจรับได้ ย่าเราฉายคีโมตลอด แต่ก็ทานยาสมุนไพรและชีวจิต ( มีแอบกินคากิมั่งเพราะเขาชอบ ) ลูกๆหลานๆไปหาตลอด แทบไม่มีเวลาว่างเลยซักวัน ท่านก็มีกำลังใจนะ  แต่ก็บอกว่า ถ้าท่านจะไปก็ให้ไป อย่ายื้อเขาไว้ เราอยากให้ครอบครัวคุณทำใจดีกว่า  เอาใจช่วยต่อสู้อุปสรรคนะคะ รู้ว่ายาก แต่คุณจำเป็นต้องทำ ยิ่งถ้าคุณเป็นหลักในครอบครัว จากคุณ : babysang - [ 10 ต.ค. 50 04:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ย้ายโรงพยาบาลเถอะครับ คนไข้จะหายหรือไม่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะรู้จักหมอรึเปล่า โรคมะเร็งไม่เคยเลือกหมออยู่แล้ว วิธีเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมรับความจนของผมไม่มีครับ เพราะเมื่อตอนที่แม่ผมเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้ายนั้นผมจนอยู่แล้ว ไม่มีทรัพย์สินอะไรที่จะขายเอาเงินมารักษาได้เลย นอกจากทีวีกับตู้เย็นเก่าๆ ผมเจอวิกฤตการเงินปี40ต้องขายบ้านที่กำลังผ่อนทิ้ง ต่อจากนั้นไม่ถึงปีก็ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก แม่ผมเป็นคนเลือกเองว่าจะไม่ขอรักษาในโรงพยาบาล ขอไปรักษากับยาหม้อ แม่ผมบอกว่าเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันหลายคนแล้วที่รักษาโดยการฉายแสงหรือคีโมก็ไม่หาย มีแต่ทรมาน แต่ในใจลึกๆแล้วผมคิดว่าแม่ผมคงไม่อยากให้ผมต้องเดือดร้อนหรือลำบากใจเรื่องเงินค่ารักษามากกว่าเหตุผลอื่นๆ ถึงตัดสินใจเลือกเองแบบนี้ แล้วลูกอย่างผมในตอนนั้นจะไปหาเงินจากที่ไหนได้นอกจากปล้นธนาคาร บ้านที่อยู่ในตอนนั้นก็เป็นแค่บ้านผนังสังกะสี ท่ดินไม่ถึงห้าสิบตารางวา โฉนดก็ไม่มีเพราะเป็นที่จับจองตั้งแต่สมัยแม่เป็นสาว ยาหม้อจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของแม่ แล้วแม่ก็อยู่กับผมได้อีกเพียงแค่หนึ่งปี ผมยังจำภาพวันที่แม่ผมมีลมหายใจอยู่วันสุดท้ายได้ดี ชีวิตนี้มันคงไม่มีอะไรที่จะสูญเสียได้หนักกว่านี้อีกแล้วล่ะครับ ถ้าจะต้องเช่าบ้านเค๊าอยู่แต่มีแม่อยู่ด้วยผมก็ยอม ทุกวันนี้บ้านหลังนั้นผมไม่เคยได้กลับไปเกือบสิบปีแล้วตั้งแต่แม่เสีย มันอดคิดถึงไม่ได้ว่าแม่เราเคยนอนตรงนั้น เคยนั่งกินข้าวกับเราตรงนี้ เวลาได้ยินเพลงของพี่เสกโลโซทีไรอยากจะร้องไห้ทุกที "คิดถึงแม่ขึ้นมาน้ำตามันจะไหล อยากกลับไปซบลงที่ตรงตักแม่ ในอ้อมกอดรักจริงที่เที่ยงแท้ คืออกแม่สุขเกินใคร" สำหรับคุณถ้าเสียบ้านไปแล้วไม่สามารถแลกกับชีวิตพ่อของคุณได้ก็ไม่อยากให้ขายบ้าน เพราะมันเหมือนการเอาเงินซื้อเวลาแค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง เพียงแค่คุณดูแลคุณพ่อคุณให้ดีที่สุดตอนที่เค๊ายังอยู่กับเรานี่ก็ถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูอย่างที่สุดแล้วล่ะ ขอเอาใจช่วยให้คุณพ้นวิกฤตครั้งนี้โดยเร็วนะครับ จากคุณ : ปุลากง (ปุลากง) - [ 10 ต.ค. 50 04:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยอย่างแรงกับคห.ที่ 11 ค่ะ สมัยนี้รพ.รัฐกับเอกชนแตกต่างกันแค่ตรงสถานที่หรือเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เรื่องการรักษาก็ไม่แพ้กันหรอกค่ะ จากคุณ : รักเด็กข้างบ้าน - [ 10 ต.ค. 50 04:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พ่อของพี่ก็ป่วยเป็นมะเร็ง..เข้าเลิศสิน...อยู่นาน..เป็นปี.. ต้องใกล้หมอค่ะ.....เพราะ..ต้องได้รับการดูแล.. เช่นฉีดยาแก้ปวด...แรกๆก็ให้แบบเม็ด..ต่อมาต้องฉีด... ต้องดูแล..ด้านอื่นๆ..เช่นขับถ่ายไม่ได้..ให้อาหารทางท่อ.. เข้าใจคุณค่ะ..เห็นใจด้วย...ลองเลือก..รพ.  ใกล้บ้านดีไหม.. เป็น รพ.  ของรัฐ   เพราะถ้าอาการ..ในขั้นสุดท้ายแล้ว.. การรักษาใดๆ  ก็ไม่มีประโยชน์....รออย่างเดียว... กับบำบัดอาการปวด........... ถ้า..แค่...นี้..รพ.  รัฐ..ก็ทำได้...ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่ากันเยอะเลย.......... เป็นกำลังใจให้นะคะ...... จากคุณ : ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง - [ 10 ต.ค. 50 06:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าอาศัยการแพทย์สมัยใหม่ไม่หาย ทำไมไม่ลองยาหม้อ หรือสมุนไพรบางครับ น้าผมเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองไปให้คีโมแล้วรู้สึกแย่มากๆ ดูแล้วจะตายเร็วกว่าเดิมเสียอีก เลยอาศัยยาสมุนไพรช่วย ตอนนี้ไม่ไปให้คีโมแล้ว ต้องรอดูครับว่าจะหายมัย มีคนเป็นเหมือนกันและรักษามาแล้ว ผมขอเอาบทความเกี่ยวกับมะเร็งมาให้อ่านครับ ขอให้สู้ๆนะครับเป็นกำลังใจให้ > 1. ทุกคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลล์จำพวกนี้จะไม่สามารถตรวจหาพบโดยเครื่อง > มืออทางการแพทย์ > จนกว่าจะมีปริมาณเซลล์เป็น 2-3 ร้อยล้านเซลล์ > > หากไปพบหมอ แล้วหมอบอกว่าคุณไม่มีเซลล์มะเร็งในร่างกายหลังจากการตรวจ > นั่นแค่หมายความว่า เครื่องมือทางการพทย์ไม่สามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งได้ > เนื่องจากขนาดของเซลล์มะเร็งยังไม่มากพอ หรือขาดยังไม่ให­่พอให้เครื่องมือตรวจเจอ > > 2. เซลล์มะเร็ง เกิดขึ้นมาก ถึง 6 -10 ครั้ง ใน 1 ช่วงชิวิตของมนุษย์ > > 3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง เซลล์มะเร็งก็จะถูกทำลาย > เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งขยายตัว และสร้างก้อนเนื้อร้าย > > 4. เมื่อคนไข้ ถูกบ่งชี้ว่าเป็นมะเร็ง แสดงให้เห็นว่ามีการขาดสารอาหารบางชนิด หรือ โภชนาการไม่ดี > ซึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม อาหาร หรือปัจจัยอื่นในการดำรงชีวิต > > 5. การเอาชนะเซลล์มะเร็ง สามาถทำได้โดยการสร้างความแข็งแกร่งให้เซลล์เม็ดเลือดขาว หรือ > ระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย > > 6. การให้คีโม หรือสารเคมีบางชนิด เป็นทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน > ก็ทำลายเซลล์ที่ดีของร่างกายไปด้วยอย่างรวดเร็ว > ซึ่งเป็นอาจทำลายระบบของอวัยวะสำคั­ไปด้วย เช่น ตับ ไต หัวใจ หรือปอด > > 7.การฉายรังสี ก็จะทำลายเซลล์มะเร็ง และทำให้เนื่อบางส่วนไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลล์ > เนื่อเยื่อที่ดีไปด้วยเช่นกัน > > 8.โดยทั่วไปแล้ว การให้คีโม หรือการฉายรังสี อาจจะทำให้ขนาดของก้อนเซลล์มะเร็ง ลดลง แต่อย่าง > ไรก็ตามก็ไม่ได้มีผลทำลายก้อนเนื่อไปมากกว่านั้น > > 9. เมื่อร่างกายต้องรับสารพิษจำนวนมาก จากการให้คีโมหรือการฉายแสง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ > จะถูกทำลายไปด้วย > ดังนั้นร่างกาวยก็ง่ายต่อการติดเชื้อ หรือพ่ายแพ้เซลล์มะเร็ง > > 10.การให้คีโม หรือการฉายแสง อาจเป็สาเหตุให้เซลล์มะเร็ง มีการกลายพันธุ์ หรือดื้อยา > ทำให้ยากแก่การทำลาย การผ่าตัด ก็อาจสามารถทำให้ เซลล์มะเร็งกระจายไปยังส่วนอื่น > > 11.วิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง คือ หยุดการเจริ­เติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยการหยุด > ให้อาหารที่เซลล์มะเร็งจำเป็นต้องนำไปใช้ > > > สารอาหารที่เซลล์มะเร็งต้องการ > > 1. น้ำตาล เช่น น้ำตาลทรายขาว equal > โดยใช้น้ำตาลจากธรรมชาติแทน เช่น น้ำผึ้ง แต่ต้องใช้ในปริมาณที่น้อยมากมาก > เกลือ มีสารจำเป็นที่เซลล์มะเร็งนำไปใช้ ควรงด หรือในปริมาณน้อย > > 2. นม ควรดื่ม นำนมถั่วเหลืองทดแทน > > 3.เซลล์มะเร็ง เจริ­เติบโตในสภาพที่เป็นกรด การบริโภคเนื้อสัตว์ทำให้เกิดสภาพเป็นกรด > ควรรับประทานอาหารประเภทปลา ดีกว่าหมู เนื้อ และเนื้อสัตว์ มีแบคทีเรีย ใช้โฮโมนในการเจริ­เติบ > โตปนเปื้อน ที่เป็นอันตรายต่อคนไข้ที่เป็นมะเร็ง > > 4. 80 % ของผักและนำผลไม้สด ถั่งเมล็ดแห้ง ธั­­าพืช จะช่วยให้ร่างกายมีสภาพเป็นด่าง 20% จาก > อาหารที่ปรุงแล้ว > น้ำผักและนำผลไม้สด จะให้เอนไซม์ที่ ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อไปเสริมสร้างความแข็งแรง > ให้เซลล์ที่ดี > ดังนั้นควรดื่มน้ำผักสด และกินผักดิบ 2 -3 ครั้งต่อวัน เพราะเอนไซม์จะถูกทำลายที่ 40 c > > 5. หลีกเลี่ยงชา กาแฟ ชอกโกแลต ที่มีคาเฟอีนที่สูง เป็นดื่มชาเขียวที่มี สารต้านมะเร็ง > ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำกรองดีที่สุด หลีกเลี่ยงน้ำประปา และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่มีสภาพเป็นกรด > > 6. เนื้อสัตว์ ย่อยยาก และต้องการเอนไซม์ในการย่อยเป็นจำนวนมาก > และเนื้อที่ย่อยไม่หมด จะคงตกค้างอยู่ในลำไส้ อันนำไปสู่สารพิษตกค้าง > > 7. เซลล์มะเร็ง มีโปรตีนที่ยากแก่การทำลายเป็นเกราะป้องกัน > การบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น > > 8. อาหารเสริมบางอย่างช่วยเสริมสร้งความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อไปทำลายเซลล์มะเร็ง > เช่น วิตามินอี วิตามินซี > > 9. เซลล์มะเร็ง เป็นเชื้อโรคของจิตใจ ร่างกาย และจิตวิ­­าน > การควบคุมอารมณ์ และมองโลกในแง่ดีจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น > อารมณ์โกรธ ขมขื่น หรือความเครียดจะสร้างสภาพความเป็นกรดให้ร่างกาย > ควรเรียนรู้ที่จะรัก และให้อภัย พักผ่อนและสนุกกับการใช้ชีวิต > > 10. เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจิ­เติบโตในที่มีออกซิเจนได้ > การออกกำลังกายทุกวัน และหายใจเข้าลึกลึก จะช่วยเพิ่มระดับ ออกซิเจนในเซลล์ > การบำบัดด้วยออกซิเจนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำลายเซลล์มะเร็ง จากคุณ : Boay - [ 10 ต.ค. 50 07:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นกำลังใจให้ค่ะ ความเห็นเหมือนกับคนด้านบนๆ คืออยากให้ย้ายไป รพ.ของรัฐ จากคุณ : member no.805 - [ 10 ต.ค. 50 07:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เราก้อเคยเจอสภาพเดียวกับจขกท....... พี่น้อง3คนดิ้นรนกันสุดชีวิตที่อยากให้พ่ออยู่ด้วยกับเรานานๆ.... เงินเก็บก้อไม่ค่อยจะมี.... ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักมากๆเพื่อเงินที่จะเอามารักษาพ่อ.... ไม่มีใครบ่นว่าเหนื่อย.... จนลมหายใจสุดท้ายของท่าน.... อย่างน้อยเราก้อทำกันเต็มที่แล้ว..... อยากบอกจขกท.ว่าอย่าท้อนะครับ.... เงินทองมันหาใหม่ได้.... อย่างน้อยเก็บบ้านเอาไว้.... ทำให้ดีที่สุดนะครับ..... จากคุณ : ฉันทั้งน้านนนน.... - [ 10 ต.ค. 50 07:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขออวยพรและเป็นกำลังใจให้พบทางออกที่ดีครับ จากคุณ : ฉันนี่แหละคือฉัน - [ 10 ต.ค. 50 07:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มาให้กำลังใจครับ แต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ควรทำใจยอมรับความจริงครับ จากคุณ : งามหน้า - [ 10 ต.ค. 50 07:57:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แนะนำให้เปลี่ยนโรงพยาบาลครับ  ลองไปหาคุณหมอที่สถาบันมะเร็งดูครับ  น่าจะเซฟค่าใช้จ่ายได้มากกว่า เรื่องขายบ้านขายรถ ไม่แนะนำเลยครับ  เป็นการเอาน้ำพริกละลายแม่น้ำ  จะเป็นการบ่อนทำลายสุขภาพจิตของคุณ ,ครอบครัว และคุณพ่อเองด้วย เป็นกำลังใจให้ครับ... จากคุณ : close2heaven - [ 10 ต.ค. 50 08:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาให้กำลังใจค่ะ  ทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้  และอย่าให้ลำบากตัวเองถึงขนาดหมดเนื้อหมดตัว  แล้วก็ช่วยชีวิตคุณพ่อไม่ได้   ถ้าเป็นเรา  เราจะย้ายคุณพ่อไปอยู่โรงพยาบาลของรัฐ  เพื่อ save ค่าใช้จ่าย โรงพยาบาลของรัฐไม่ด้อยไปกว่าเอกชนเลยในเรื่องการรักษาพยาบาล ญาติเราเข้า ๆ ออก ๆ อยู่เป็นประจำ  นี่ก็เพิ่งผ่าตัดออกมา  ไม่เสียตังค์เลยสักบาท จากคุณ : ฟ้าใสวันใหม่ - [ 10 ต.ค. 50 08:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นะนะมาย้ายโรงพยาบาลเถอะค่ะ  โรงพยาบาลของรัฐเครื่องไม้เครื่องมือเยอะ  เราคิดว่าดีกว่าเอกชนอีกนะ มาเป็นกำลังใจให้เหมือนเพื่อน ๆ ค่ะ จากคุณ : biebie999 - [ 10 ต.ค. 50 08:15:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาเป็นกำลังใจให้ครับ... จากคุณ : ChaMppiness - [ 10 ต.ค. 50 08:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ...ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ  ชีวิตก็ยังมีความหวังคะ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ อย่างมีสตินะคะ ....จะคอยเป็นกำลังใจคะ จากคุณ : หมูยิ้มแป้น - [ 10 ต.ค. 50 08:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ประสบการณ์จริง ตอนแม่เข้ารพ.เอกชนเพื่อผ่าตัดเปลี่ยนสะโพก 3วันหมดไป3แสน แม่อายุ85 และมีทุกโรคที่คนสูงอายุจะมีได้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะต้องอยู่รพ.อีกนานเท่าไหร่และต้องจ่ายอีกเท่าไหร่ ก็พูดกับอจ.หมอเจ้าของไข้ ปรึกษาท่านตรงๆเรื่องการเงิน รู้มั้ยท่านโทรหาเพื่อนท่านที่รพ.รัฐและโอนย้ายให้เลยในวันรุ่งขึ้น หมดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายไปเลย น่าเสียดายก็เพียงแค่ว่าแม่แก่และอ่อนแอเกินกว่าจะทนไหว ไม่นานท่านก็จากไป ประเด็นอยู่ที่ว่า 1. คุณปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เพื่อขอความช่วยเหลือแล้วหรือยัง ส่วนใหญ่หมอใหญ่ๆตามรพ.จะรู้จักกัน ท่านจะช่วยreferให้ได้ 2. คุณเตรียมตัวที่จะสะดวกสะบายน้อยลงถ้าต้องย้ายไปอยู่รพ.รัฐได้ไหม บางทีเราก็เสียดายการเอาอกเอาใจจากรพ.เอกชนอยู่ลึกๆในใจจนไม่คิดจะพยายามอย่างจริงจัง 3. คุณต้องมีเพื่อนหรือคนรู้จักซักคนแหละน่าที่จะช่วยติดต่อขอห้องที่รพ.รัฐให้ได้ ทุกคนรู้ดีว่าการหาห้องที่รพ.รัฐเป็นเรื่องยากมากกกกก แต่ยามยากเช่นนี้ไม่ต้องเกรงใจใคร บอกกล่าวออกไป เพื่อนฝูงใกล้ชิดที่รู้จักจะช่วยเต็มที่ถ้าทำได้ ตอนนี้นึกออกแค่นี้ ขอให้คุณโชคดี การรักและกตัญญูต่อบัพพการีเป็นสิ่งประเสริฐ แต่ต้องอย่าลืมว่าอีกหลายชีวิตในครอบครัวยังต้องอยู่ต่อไป ขอให้มีสติและจัดการให้ถูกต้องค่ะ ขอให้โชคดีจริงๆ Been there. Done that จากคุณ : แฟนใหม่ - [ 10 ต.ค. 50 08:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุยกับหมอเจ้าของไข้  บอกตรงๆไปเลย ว่าเงินไม่พอ  หมอส่วนใหญ่จะมีเพื่อนหรือคนรู้จักในโรงพยาบาลของรัฐ   อ้อนวอนหมอให้ช่วยแนะนำให้ด้วยว่าจะย้ายไปที่ไหนดี  จะสะดวกกว่าติดต่อไปเอง ไม่รู้จักใคร   โรงพยาบาลเอกชน  ถ้าค่าใช้จ่ายมากๆ ขนาดนี้ เขาจะเคลียร์บิลทุกวัน  ไม่จ่ายซักสองวัน เขาก็เชิญให้ออกแล้วละครับ  อย่าทู่ซี้ไปโดยเปล่าประโยชน์ ผมเจอมาแล้ว  โชคดี ได้คุณหมอเจ้าของไข้ แนะนำให้ย้ายโรงพยาบาล คนไข้อยู่ต่ออีกสามเดือน  คำนวนแล้วถ้าอยู่ต่อที่โรงพยาบาลเอกชน คงต้องใช้เงินประมาณ 3-4 ล้านบาท  แต่ของรัฐผมจ่ายไปทั้งหมด 7 หมื่นบาท  โดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกว่าได้รับการบริการ หรือการรักษาที่แย่กว่า โรงพยาบาลเอกชนแต่อย่างใด........ ขอให้พบทางออกที่ เหมาะสมนะครับ จากคุณ : asawavet - [ 10 ต.ค. 50 08:54:00 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ให้กำลังใจด้วยคนนะค่ะ สู้ !!!สู้ !!! จากคุณ : Joan_Tseng - [ 10 ต.ค. 50 09:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นกำลังใจให้ค่ะ มีพ่อที่เสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งเหมือนกัน แต่รักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยขอนแก่น คุณหมอดูแลดีมากค่ะ ค่ารักษาก็ไม่แพง พ่ออยู่ได้เกือบ 2 ปี แต่ตอนพ่อจะไปจากเรา พ่อขอกลับบ้านค่ะ คุณหมอก็ให้ยามอร์ฟีนเพื่อระงับอาการปวด และอธิบายทุกอย่างที่เราจะต้องพบ และต้องดูแลพ่อ โดยเฉพาะต้องทำใจเพราะก่อนที่พ่อจะไป ท่านจะทรมาณมาก และเราก็จะทรมาณจิตใจเช่นเดียวกัน แต่เรา แม่ และน้องๆ ต้องใจแข็ง เพราะเรารักษาพ่อ รู้อยู่ตลอดเวลาว่ามันทรมาณมากแค่ไหน พ่อก็ไม่อยากจากไป แต่วาระสุดท้ายมาถึง พ่อทำใจได้ ก่อนไป พ่อมองดูเราทุกคนและจากไปอย่างสงบ ขอให้คุณเข้มแข็ง ทุกเรื่องจะผ่านไปด้วยดี จากคุณ : น้องพริก (น้องพริก) - [ 10 ต.ค. 50 09:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โรงพยาบาลของรัฐเครื่องไม้เครื่องมือเยอะ  เราคิดว่าดีกว่าเอกชนอีกนะ มายืนยันค่ะ เราเคยผ่าตัดสมอง เป็นเส้นเลือดโป่งพองจวนแตก ไปรพ.เอกชนหลายแห่ง แต่ เขาไม่รับผ่าตัดให้ เพราะความเสี่ยงสูงมาก แล้วก็มีเพื่อนแนะนำให้ไป รพ.จุฬาฯ ไปพบหมอศัลยกรรมประสาท ท่านก็จัดการให้ ผ่าตัด ได้รับการผ่าตัด การดูแลรักษาเป็นอย่างดี 2 ปีกว่าแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย ตอนนี้เราทำงานเป็นปกติไม่มีปัญหาอะไรเลย ย้ายรพ.เถอะค่ะ เราไม่ได้บอกว่าจะหาย หรืออะไร แต่อย่างน้อยๆคุณกับครอบครัวไม่ต้องเป็นทุกข์มากมายเหมือนในขณะนี้ ทำดีๆกับคุณพ่อ เป็นการสร้างกำลังใจที่ดียิ่งให้กับท่านได้ค่ะ จากคุณ : hayashimali - [ 10 ต.ค. 50 09:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สนับสนุนให้ปรึกษาหมอเรื่องการเงินคะ ที่บ้านก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันคะ อากงเป็นมะเร็งปอด เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : akikosang - [ 10 ต.ค. 50 09:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เป็นกำลังใจให้ครับ คุณแม่ของเพื่อนบ้านผมเข้าก็เป็นอยู่ระยะสุดท้ายเหมือนกัน จะเอาวิธีของ คว. 19 ไปอ่านให้ข้างบ้านฟังบ้างดีกว่า เพราะแม่เข้าอ่านหนังสือไม่ออก จากคุณ : The Way 2 L W - [ 10 ต.ค. 50 09:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ย้ายคุณพ่อไปรักษาที่ร.พ. รัฐบาลไม่ได้เหรอครับ จากคุณ : เชยแหลก (เชยแหลก) - [ 10 ต.ค. 50 10:06:45 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ค่ะ และขอแนะนำให้ย้ายโรงพยาบาลด้วยเช่นกันค่ะ จากคุณ : Tiny Mate - [ 10 ต.ค. 50 10:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พึงพิจารณาคำพูดหมอสิครับ """หมอรักษาตามอาการ""" เพราะฉะนั้น ให้หมอที่รพ.ไหนรักษา ก็เหมือนกัน เรื่องจะอยู่อีกนานหรือไม่ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่คุณพ่อมีอยู่แล้วล่ะครับ และอย่าลืมว่า คุณยังมีแม่อยู่อีกคนนึงนะ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 10 ต.ค. 50 10:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นกำลังใจให้เหมือนกันค่ะ แนะนำว่าลองไปสถาบันมะเร็งดีกว่า ค่ารักษาถูกกว่ามากนะ และที่สำคัญทุกคนต้องเข้มแข็ง เพื่อทำให้คุณพ่อสบายใจ ทำดีได้ดี เราเชื่อนะ จากคุณ : pook_in - [ 10 ต.ค. 50 10:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แนะนำให้ย้ายมารามาฯดีกว่าค่ะ ทันสมัยมาก อาเราก็ฉายแสงที่นี่ ขอเป็นกำลังใจให้คุณและครอบครัวนะคะ สู้ๆนะคะ จากคุณ : ศนิ xxx - [ 10 ต.ค. 50 10:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอเป็นกำลังใจให้ สู้ต่อไปนะครับ อย่างที่คุณต้นโพธิ์พูดไว้นะครับ อย่าลืมคุณยังมีคุณแม่อยู่อีกคน ยังไงก็ต้องดูแลคุณแม่คุณด้วยอย่าให้ท่านต้องลำบากมาก เดี่ยวจะเจ็บป่วยไปอีกคนหนึ่ง ตอนนั้นจะยุ่งกันไปอีก เกิด แก่ เจ็บ ตาย หนีกันไม่พ้นหรอกครับ จากคุณ : อนิจจัง (เมเจอร์ทอม) - [ 10 ต.ค. 50 10:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 50 รักพ่อ คำนี้ ตีราคาได้ไหม จากคุณ : samartman8@yahoo.com - [ 10 ต.ค. 50 10:52:27 A:203.113.50.140 X: TicketID:156808 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สนับสนุนย้ายโรงพยาบาลอีกเสียงและตาม คห.19 เลยครับ เพราะไม่ว่าฉายแสงหรือคีโม มันก็เหมือนโยนระเบิดเข้าไปยังกลุ่มคน ระเบิดมันไม่รู้หรอกว่าคนดีหรือเป็นผู้ร้าย มันทำลายทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีทั้งหมดครับ อาศัยธรรมชาติบำบัดยังมีความหวังมากกว่าครับ ที่สำคัญกำลังใจต้องมาก่อนนะครับ ยิ่งถ้าคุณเป็นเสาหลักหล่ะก็ยิ่งต้องเข้มแข็งสุดๆ ไม่อย่างนั้นจะสลดหดหู่กันไปทั้งหมดครับ สู้ สู้ ครับ จากคุณ : Roadster - [ 10 ต.ค. 50 10:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ย้ายไป รพ.รัฐ เถอะ  มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก  เครื่องมือ ความชำนาญของแพทย์เขาเก่งกว่ากันเยอะ เพราะมีประสบการณ์ผ่านเคสมาเยอะกว่า ความแตกต่างระหว่าง รพ.รัฐ กับ รพ.เอกชน จริงๆ อยู่ที่ คนเฝ้าไข้รู้สึกว่าห้องไม่สวยไม่อยากนอนเฝ้า ที่จอดรถดูไม่ดี  ที่พูดนี่เพราะเคยต้องให้ลูกคลอดก่อนกำหนดอยู่ ICU รพ.ศิริราช 40 วัน ลองคิดดูว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ถ้าไปอยู่ รพ.เอกชน  แถมคุณรู้มั๊ยว่าเพื่อนผมที่เป็นหมอแต่ไม่ได้อยู่ศิริราช ยังบอกเลยว่าอุปกรณ์ที่ใช้รักษาลูกผม นี่เจ๋งที่สุดแล้วนะในประเทศไทย โชคดีของลูกผม เค้าหายเป็นปกติอย่างปาฏิหารย์ ที่สำคัญตอนผมเข้าไปศิริราชครั้งแรกผมไม่รู้จักใครเลย!!!  ผมเข้าใจดีว่าคุณอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่พ่อ การเปลี่ยน รพ. ไม่ได้แปลว่าคุณทำดีน้อยลง  แต่คุณกำลังหาโอกาสที่อาจดีกว่าให้คุณพ่อ  ผมไม่ได้การันตีว่าจะหาย  แต่การันตีได้ว่าคุณจะไม่ล้มละลายไปก่อนระหว่างรักษาคุณพ่อ  ซึ่งเชื่อเถอะถ้าพ่อคุณรู้ว่าลูกๆกำลังเดือดร้อน จิตใจท่านจะดีขึ้นเหรอ แล้วจิตใจมันมีผลต่อเนื่องกับสุขภาพด้วยนะ จากคุณ : ปันคุน (ปันคุน) - [ 10 ต.ค. 50 11:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คำแนะนำของผมอาจจะทำให้หลายคนไม่พอใจ ต้องถามก่อนว่าคุณพ่ออยู่ขั้นสุดท้ายแล้วคุณหมอบอกหรือเปล่าว่าจะอยู่ได้นานอีกสักเท่าไร สมมติว่าอีก 6 เดือนด้วยการรักษาแบบเต็มที่ ใช้เงินใช้ทองทั้งหมดที่ครอบครัวคุณมีแต่ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด ผลสุดท้ายพ่อตายแบบไม่ค่อยมีความสุขเพราะต้องให้อาหารทางเส้นเลือดหรือจมอยู่กองอึตลอดแบบที่คุณบอก คุณและครอบครัวต้องทำงานและได้อยู่กับท่านที่ รพ วันละไม่กี่ชั่วโมงและต้องตั้งต้นชีวิตกันใหม่แบบลำบาก กับพาพ่อกลับบ้านอยู่กันแบบเต็มครอบครัวลาพักร้อนมาอยู่ด้วยกันหมดสัก 1 เดือน เพื่อความสุขครั้งสุดท้ายของชีวิต หรือลองรักษาแบบชีวจิตแบบที่เพื่อน ๆ แนะนำก็ได้ แต่ผมว่าขั้นสุดท้ายแล้วคงต้องทำใจมากกว่า จากคุณ : kiatte - [ 10 ต.ค. 50 11:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆๆ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาคุณพ่อคุณด้วยนะครับ จากคุณ : รากราคะ - [ 10 ต.ค. 50 11:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 55 โทรศัพท์ไปปรึกษา วัดสังฆทาน นนทบุรีดูครับ มียา หายไปก็เยอะแล้ว แนะนำธรรมชาติบำบัดเหมือนกันครับ คู่กับสมาธิวิปัสสนา ธรรมะชนะมะเร็ง http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=all4u&month=13-04-2007&group=1&gblog=33 จากคุณ : ต่อตระกูล - [ 10 ต.ค. 50 11:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 56 บอกคุณหมอขอให้ท่านช่วยเรื่องย้าย รพ. โดยด่วนค่ะ เชื่อเถอะโรคร้าย ๆ และอาการหนัก ๆ  รพ. รัฐ ดัง ๆ มีหมอเก่งและเครื่องมือดีกว่า รพ.เอกชน การรักษาที่ดีไม่ไช่เรื่องสถานที่สำหรับคนป่วย สถานที่หรูไม่หรูคนไข้ก็นอนเตียงเหมือนกัน อยู่ที่คนรอบข้างมากกว่าว่าจะยอมรับความไม่สะดวกสบายได้หรือไม่ สำหรับคนไข้แล้วการดูแลรักษาเป็นมาตรฐานค่ะ จากคุณ : tugsinat - [ 10 ต.ค. 50 11:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เออ ตอนที่คุณแม่เสียจากมะเร็งก็อยู่ รพ.รัฐ ห้องไอซียู ประมาณเดือนกว่า จ่ายไป 3 แสน นี่ถ้าเป็น รพ.เอกชน คงหลายล้าน จากคุณ : tugsinat - [ 10 ต.ค. 50 11:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เห็นใจครับ.... แต่บอกหมอเจ้าของไข้ไปเถอะครับ ว่าช่วยทำเรื่องย้ายไปยังโรงเรียนแพทย์(จุฬา/รามาฯ/ศิริราช/ฯลฯ) หมอเองคงไม่ใจร้ายใจดำ หาผลประโยชน์ใส่ตัว บนความทุกข์ของคนอื่นแน่ครับ...... เค้าอาจคิดว่าเรามีตังค์ก็ได้ จากคุณ : Jette - [ 10 ต.ค. 50 11:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ ผมขอแนะนำเหมือนคนอื่นนะครับ ย้ายไป รพ.รัฐ จะดีกว่า ค่ายาบางตัวแตกต่างกันเยอะมาก และให้ผู้ป่วยทานอาหารชีวจิตควบคู่ไปด้วย (ลองหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับมะเร็งกับอาหารชีวจิตดู) ถ้า จขกท มีพี่น้องเป็นพนักงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ให้ลองเช็คสวัสดิการดูว่าสามารถใช้ได้หรือเปล่า พอดีแม่ผมก็มีปัญหากระดูกหัก ใช้สวัสดิการเบิกจ่ายตรงกับ รพ.รัฐ ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินเลยช่วงหลัง เพราะตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามีสวัสดิการนี้ จากคุณ : see sea sky (see sea sky) - [ 10 ต.ค. 50 11:53:59 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ย้ายไปโรงพยบาลรัฐเถอะครับ พ่อคุณก็คงไม่ต้องหารให้คุณกับแม่ลำบากหรอกครับ วิธีรักษามีหลายวิธี บางวิธีต้องเสี่ยง คุณคิดว่ารับได้หรือไม่ พวกยาสมุนไฟรน่ะอาจจะช่วยได้แต่มีความเสี่ยง พ่อคุณพร้อมจะเสี่ยง หรือป่าว ผมมีญาติเป้นหมอและพยาบาล ครอบครัวนี้เป้นหมอและพยาบาล แต่เค้าก็จากไปเพราะมะเร็ง.... ขณะรี้คนในครอบครัวอีกคนก็พบเชื้อมะเร็ง แต่โชคดีที่เจอทันเวลา นี่ขนาดครอบครัวนี้เป็นทั้งหอและพยาบาลยังไม่รอดจากมะเร็ง ที่กล่าวมาทั้งหมดอยากให้ คุณทำใจให้สบาย ทำเต็มที่เท่าที่ทำได้ การก่อหนี้ไม่ช่วยอะไร พ่อคุณเองก็คงไม่เห้นด้วย ลองเปิดใจย้ายโรงพยาบาลเพื่อลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้เค้าอยุ่ได้นขึ้นแบบมีความสุขดีกว่าครับ เป้นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : iZARD - [ 10 ต.ค. 50 11:56:53 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อย่าเอาเวลาไปทำงานหาเงิน มาจ่ายค่าโรงพยาบาลเอกชนเลยครับ เอาเวลามาอยู่กับท่านให้มาก ๆ ดีกว่า ย้ายโรงพยาบาลเหมาะสมที่สุด   ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าการกตัญญูกับพ่อแม่ แม้จะทำให้เรายากลำบากในวันนี้ ยังไงก็ต้องได้ดีในเร็วก็ช้า  ผมเคยหมดตัว หมดเงินเก็บกับการช่วยเหลือแม่ แต่คุณเชื่อไหมว่า ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโชคดีตลอดเวลา มีงาน มีดวงเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่เคยทำให้รู้สึกลำบาก ผมเชื่อเรื่องนี้จริง ๆ สักวันคุณจะมีความสุขครับ จากคุณ : Papalove (Papalove) - [ 10 ต.ค. 50 12:04:09 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อยากติดต่อ จขกท.ค่ะ มีอีเมลล์มั๊ยคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : kangjungku - [ 10 ต.ค. 50 12:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ย้ายโรงพยาบาลด่วน!! จากคุณ : JADE&GUY - [ 10 ต.ค. 50 12:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นใจเจ้าของกระทู้ค่ะ เพราะตัวเองก็คล้าย ๆ กันกับเจ้าของกระทู้ เลยเข้าใจสภาวะดีค่ะ เราหมดเงินเก็บไปกับการรักษาญาติผู้ใหญ่ที่มีบุญคุณกับเรามากไปเยอะพอ ๆ กับจขกท (แต่ไม่ได้จ่ายงวดเดียวทีเดียวแบบจขกท) แต่สำหรับเราน่ะ ไม่ต้องเตรียมใจรับความจนน่ะค่ะ เพราะจนอยู่แล้วค่ะ คือ หมายถึงว่าพออยู่ไปเดือน ๆ เงินเดือนใช้ให้ชนเดือน มีหนี้ก็พอจ่ายหนี้ได้ มีข้าวกิน มีบ้าน มีรถ ที่พอขับได้ ก็พอแล้วค่ะ ความร่ำรวย ไม่ได้อยู่ที่เงินในบัญชี บ้านหลังใหญ่ รถคันหรู เราว่า อยู่ที่จิตใจเรามากกว่า เราอยู่ตึกแถว (เช่าอีกตังหาก) เงินในบัญชีมีไม่ถึงห้าหมื่น ขับรถวีออส (รุ่นก่อนเปลี่ยนโฉม) เราก็ว่ามีความสุขดี มีที่อยู่ที่กิน มีงานก็พอแล้วค่ะ เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : เงือกน้อยกลอยใจ - [ 10 ต.ค. 50 12:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อ่านแล้วเศร้าใจแทน........... เดี๋ยวมันจะเข้าภาษิทที่ว่า   คนตายจะขายคนเป็นนะสิครับ   ถ้าหากเป็นเรา.....เราจะบอกให้ลูกๆเก็บเงินเอาใว้ ไงโลกนี้ก็รักษาไม่หายแถม...  ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า..... ทุกคนไงก็ต้องตาย ... ทำใจครับ จากคุณ : nong (NongSc16) - [ 10 ต.ค. 50 13:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เข้าใจ จขกท ครับ ไม่ว่าฝ่ายไหนเข้า รพ. พ่อ หรือลูก ฝ่ายที่อยู่ก็ต้องการยื้อให้นานที่สุดอยู่แล้วครับ ฉะนั้นไม่แปลก ที่ จขกท จะต้องยอมให้คุณพ่อได้รับการรักษาที่ดี แม้จะหมดเงินแค่ไหน 'ชีวิต' นะครับจะให้ทิ้ง ไม่สนใจคงไม่ได้ จุดนี้ขอชมความกตัญญูของ จขกท มากๆ ขอให้ความดีส่งผลให้คุณพ่อ หายไวๆ นะครับ ที่เหลือก็เห็นด้วยว่า รีบหาทางส่งตัวเข้า รพ. รัฐก็ดีครับ ขอพระคุ้มครอง จขกท และ ครอบครัว ^_^ จากคุณ : kong - [ 10 ต.ค. 50 13:38:11 A:58.8.180.195 X: TicketID:149728 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ลองไปคุยกับคุณหมอ ดูครับ คุณหมอน่าจะเเนะนำ ร.พ. ที่ถูกกว่านี้เเล้วก็มีเครื่องมือ พร้อมคุณหมอที่เหมาะได้ครับ วงการหมอด้วยกันน่าจะจักกันเยอะครับ  เอาใจช่วยครับ จากคุณ : peterx (thepeterx) - [ 10 ต.ค. 50 13:42:58 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ให้กำลังใจ จขกท และสนับสนุนอีกหนึ่งเสียงว่าย้านไป รพ.รัฐเถอะค่ะ การดูแลรักษาไม่ได้แย่อย่างที่หลายคนคิด ที่ดีมากๆ ก็มี บ้านเราฐานะปานกลางมากๆๆๆ ไม่เคยเข้า รพ.เอกชนเลย เมื่อสี่ปีที่แล้วเราต้องผ่าตัดก็เข้ารพ.วชิระ น้าเราเข้าศิริราช คนรอบข้างเราเช่นเพื่อนร่วมงานก็เข้าจุฬา รามา พระมงกุฎ ทุกคนก็ได้รับการดูแลที่ดี มีครั้งหนึ่งอาจารย์ของเราปวดท้องมากลางดึก ต้องเข้าฉุกเฉินที่เอกชนใกล้บ้าน ปกติท่านหาหมอที่จุฬา ผลคือผ่าตัดนิ่วในถุงนำดี นอนรพ. 1 อาทิตย์เต็มๆ เสียไปหนึ่งแสนถ้วน แพงมาก แต่ตอนนั้นไม่มีทางเลือก การรักษามะเร็งที่ใช้เวลานาน (ตอนนี้ป้าเราก็เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย) ต้องคิดถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย ชื่นชมจขกทและครอบครัวที่อยากให้คุณพ่อได้รับการดูแลที่ดีที่สุด แต่มีทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่เอกชนสถานเดียวนะคะ ถ้าอย่างไรลองสอบถามข้อมูลที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เขาจะให้ข้อมูลคุณหมอที่เก่งๆ ของรพ.ต่างๆ มาก แล้วลองพิจารณานะคะ ที่สำคัญความกตัญญูกตเวทีของคณจะช่วยคุณในท้ายที่สุด แต่ต้องไม่ลืมคุณแม่ด้วยนะคะ จากคุณ : เอาใจช่วยค่ะ (shili) - [ 10 ต.ค. 50 13:44:27 A:218.212.224.166 X:218.186.9.4 TicketID:157305 ]

ความคิดเห็นที่ 69 พ่อผมก็ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแสดงอาการที่ตาและสมองระยะที่สองครับ บังเอิญตอนนั้นพอมีเงินสดเก็บอยู่บ้าง ประมาณ 15ล้านบาท และมีญาติอยู่ที่ USA เขาก็แนะนำไปรักษาที่นั้น ที่สถาบัน Norris USC หมอเก่งมากครับ หมดบอกว่าโอกาสอยู่เกิน 3 ปีมี 50% ตอนนั้นมีเท่าไหร่ก็ทุ่มสุดตัวเพราะพ่อเป็นคนหาเงิน และแกลำบากมามากอยากให้แกมีโอกาสใช้เงินที่แกหามา ผมหมดไปวันละแสนโดยประมาณ มากบ้างน้อยบ้าง อยู่ที่นั้น6เดือน ผมต้องออกจากงานพาแกไปรักษา พอครบสามปีท่านก็จากไปครับ เป็นสามปีที่ทรมานมากสำหรับผม เข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เงินทั้งหมดหมดไปในการรักษา เฉพาะที่US ก็ 10ล้าน 6เดือน อีก 2ปีครึ่งอีก 5 ล้าน ถ้าผมเป็นมะเร็งเองจะบอกคนใกล้ชิดอย่ารักษาผมเลยขอให้ผมไปอย่าสงบเถอะ ตลอดสามปีที่ผ่านมา มันทรมานทั้งคนไข้และคนใกล้ชิด   ให้แนะนำคือไปหาหมอ ธานินทร์ ที่โรงพยาบาล เซ็นหลุย ก่อนและพูดกับแกตรงๆให้แกฝากเข้าจุฬา ประหยัดกว่าเยอะครับ เอาเงินที่ควรเสีบไปจ่ายค่ายาดีกว่า แค่ยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวหลังจากทำคีโม ก็คงพอทราบว่าเข็มหนึ่งแพงขนาดไหน ให้กำลังใจท่าน พยายามอยู่กับท่าน และให้ท่านอย่าใด้เจ็บปวดกับการที่เป็นมะเร็งหรือให้น้อยที่สุด ให้ท่านจากไปอย่างสงบดีที่สุด จากคุณ : khunden - [ 10 ต.ค. 50 13:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เป็นกำลังให้นะคะ เพราะตอนนี้คุณพ่อก็ผ่าตัดอยู่ที่เชียงใหม่เช่นกัน อยู่มาก็เกือบสองเดือนแล้ว แต่ดีที่เป็นโรงพยาบาลรัฐ และพ่อก็เบิกได้ เลยไม่มีปัญหาเหมือนเจ้าของกระทู้ แนะนำเพิ่มค่ะ พอดีให้ที่คุณพ่ออยู่ เป็น รพ. ที่อยู่กับ มช. จะมีหมออินเทิร์นมาดูและตลอดเป็นอย่างดีค่ะ รายละเอียดหลังการผ่าตัดทำได้ดีมากเลยค่ะ อาจจะต่างจาก รพ.เอกชน ตรงอาคารสถานที่ แต่การรักษาดีมากนะคะ ลองติดต่อหาดูตามที่เพื่อนๆ บอกนะคะ เอาใจช่วยให้เจ้าของกระทู้เข้มแข็ง เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณพ่อต่อไปค่ะ จากคุณ : บัวน้อยในอ่างดิน - [ 10 ต.ค. 50 13:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : lassy - [ 10 ต.ค. 50 14:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ย้ายไป รพ.รัฐ แล้วลองติดต่อแผนกสังคมสงเคราะห์ของ รพ. เพื่อขอความช่วยเหลือ เข้มแข็ง และสู้อย่างมีสตินะคะ เป็นกำลังใจค่ะ จากคุณ : แมวไร้เงา - [ 10 ต.ค. 50 14:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ คุณพ่อ และทุกคนในครอบครัว ขอให้มีสติผ่านความเลวร้ายครั้งนี้ไปให้ได้ เห็นใจมากๆเลย สนับสนุนอีกแรง ย้ายไปรพ.รัฐเถอะค่ะ บอกหมอที่เอกชนไปเลย ว่าเราไม่มีเงินแล้วถ้ายังรักษาอยู่อีก ขอให้เข้มแข็ง โชคดีค่ะ จากคุณ : ธารน้ำทิพย์ - [ 10 ต.ค. 50 15:22:28 ]

ความคิดเห็นที่ 75 กำลังใจสำคัญที่สุดครับ จากคุณ : เคย (homeman) - [ 10 ต.ค. 50 15:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เรียนท่านเจ้าของกระทู้ กระผมขอแนะนำเป็นข้อๆให้ท่านพิจารณาครับ 1.) ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณหมอฟัง พร้อมทั้งบอกคุณหมอถึงกำลังต่างๆที่มีอยู่ โดยให้คุณหมอช่วยติดต่อให้คุณพ่อได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ตามกำลังความสามารถอย่างสูงสุดที่ตนมี แม้จะต้องขายบ้าน ขายรถ แต่วันหน้ายังหาใหม่ได้ ของนอกกายครับ ยังไงเราก็ไม่สามารถทดแทนบุญคุณท่านได้มากเท่าไรนัก แม้จะต้องสูญเสียของนอกกายเหล่านี้ ก็ยังไม่พอจะทดแทนบุญคุณท่าได้แต่อย่างใด แต่ขอให้ท่านระลึกถึงวันที่ท่านไม่สามารถช่วยตัวเองได้ในวัยเด็ก คุณพ่อคุณแม่ ปฏิบัติต่อท่านอย่างไร แล้วท่านก็จะคิดได้เองว่าท่านควรปฏิบัติต่อท่านอย่างไร 2.) ให้กำลังใจคุณพ่อ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากทำอะไรให้ท่านต้องรีบทำตั้งแต่วันนี้ครับ เช่นมีลูกชายคนใดของท่าน บวชให้ท่านบางแล้วหรือยัง มีอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงทำให้ท่านได้บ้างต้องรีบทำครับ 3.) ผู้ดูแลผู้ป่วยต้องไม่คิดถึงแต่ความทุกข์ ความโศรกเศร้าเป็นหลัก แต่ให้คิดว่าจะปฏิบัติต่อท่านอย่างไรให้ท่านมีความสุขมากที่สุด ให้ท่านมีความสงบไม่ไปกวนใจท่าน อย่าทะเลาะแตกแยกกัน 4.) ร่วมมือร่วมใจกันในหมู่เครือญาติให้ทุกอย่างราบรื่น ลงตัว และง่ายขึ้น 5.) ประพฤติ ปฏิบัติ ธรรม ถือศีล นังสมาธิ และแผ่เมตตาให้ท่านมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอให้กำลังใจทุกท่านที่ประสบปัญหา และขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดไป จากคุณ : ITG (ITG) - [ 10 ต.ค. 50 16:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คห 76 สุดยอดครับ....             เป็นอีกหนึ่งกำลังใจนะครับ อีกอย่าง เวลาอยู่กับคุณพ่ออย่าเครียดนะครับ ยิ้มเข้าไว้ครับ จากคุณ : ariyapae - [ 10 ต.ค. 50 16:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 78 โอย ฟังแล้วเศร้าจังเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ ตั้งสติดีๆ..... แล้วค่อยๆหาทางแก้ไข ทุกปัญหามีทางออกนะคะ จากคุณ : mingkwan - [ 10 ต.ค. 50 17:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 79 มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^ จากคุณ : ~ Rain Or Shine ~ - [ 10 ต.ค. 50 17:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 80 + ขอให้คุณพ่อหายไวๆ  นะคะ จากคุณ : Mai_ZaZa_ZuZu - [ 10 ต.ค. 50 18:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอแนะนำนะว่าให้ย้ายไปรักษาที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ พอดีแม่ป่วยเหมือนกัน  รักษาอยู่รพ.ไฮโซ 2 ปี  คือเค้า จะเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆ  รักษาแบบไม่มีทางหาย  1 อาทิตย์ จะต้องไป รพ. พฤหัส  อาทิตย์  ไปอย่างนี้ตลอด 2 ปี รักษาหมดทั้งแผนปัจจุบัน และโบราณ  ใครแนะนำอะไร ถ้าสมเหตุสมผล  ไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็จะทำ  แต่ถ้าไร้ สาระก็ไม่ทำ   ที่ย้ายรพ. ไม่ใช้เงินหมด แต่คิดดูแล้วว่า ที่ผ่านมามีอะไรคืบหน้าไปบ้าง  อาการมีแต่แย่ลง  ดูการ รักษาคือ นัดดูอาการ ให้ยา  ไม่ได้รักษาอะไรจริงจังเลย ค่ารักษาแพงมาก  คีโมร์เข็มละเป็นหมื่น  เอ็กซ์เรย์ก็ต้อง คอมพิวเตอร์  คุณหมอดูแลดีมาก (นัดให้มาหาทุกอาทิตย์) แต่ไม่คิดรักษาให้หาย  ก็เลยย้ายไปสถาบันมะเร็ง  ไม่มี ใครรู้จัก  ไปติดต่อเองเลย  คุณควรลองดู  อย่ายึดติดกับ รพ.เอกชน  โรงพยาบาลรัฐ เค้ารักษาคนให้หาย ไม่เลี้ยง ไข้ เพราะเค้าไม่ได้มุ่งเน้นกำไรสูงสุดเหมือน รพ.เอกชน คุณควรเข้า รพ.เอกชน ถ้าคุณ เป็นโรคง่ายๆเช่นหวัด คือไม่ต้องรักษาต่อเนื่อง  เพราะถ้าไม่เช่นนั้นคุณก็จะเจอ นัดไปเลยๆไม่จบไม่สิ้น  แต่ต้องไม่ลืมว่ามะเร็งมันไม่รอ เราหรอกนะ จากคุณ : เลน่า - [ 10 ต.ค. 50 18:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ผมขอเป็นกำลังใจให้ด้วยครับ ค่อยๆคิดแบบมีสตินะครับ ยังไงก็อย่าให้คนที่อยู่ข้างหลังเดือดร้อน เพราะเอาเงินทองที่มีทั้งหมดเอาไปถมกับโรคมะเร็งไม่มีวันชนะมันหรอกครับไอ้โรคนี้ ต่อให้มีเงินล้นฟ้าก็ใช้เงินรักษาโรคนี้ให้มันหายไม่ได้หรอกครับ มีแต่ยื้อเวลาเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องยอมรับกับความจริงถ้าเป็นผมย้ายไปรักษาโรงพยาบาลรัฐที่มีค่าใช่จ่ายที่น้อยดีกว่าครับ และรักษาท่านไปจนวาระสุดท้าย ถือว่าเราได้ตอบแทนท่านอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกครับ ถ้าท่านรู้ว่าเราต้องขายสมบัติจนไม่เหลือ เพื่อมารักษาท่าน แล้วท่านจะสบายใจที่เราทำอย่างนี้ คุณยังมีคุณแม่ที่จะต้องดูแลอีกคนนะครับ คนที่ตายไปแล้วไม่รู้สึกหรอกครับว่า รวย จน เป็นอย่างไร แต่คนที่อยู่ต้องใช้ชีวิตในโลกใบนี้อีกนานนะครับ สมบัติถึงไม่ตายก็หาใหม่ได้ไม่เถียงครับ แต่มันก็ไม่ควรเสียกับโรคแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่หายมีแต่ยื้อเวลาเท่านั้น เสียเงินทองจนหมดตั้วเพื่อยื้อเวลาผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะครับ นึกถึงคนที่อยู่แยะๆครับ เสียใจอย่างมากก็ไม่เกิน 1เดือนก็ดีขึ้นแล้ว เชื่อเถอะครับอย่าถึงกับให้มันหมดตัวเลย ชีวิตครอบครัวคุณต้องเดินต่อไปอย่าท้อแท้ครับ ขอเอาใจช่วยครับ จากคุณ : กระบี่เฒ่า (กระบี่เฒ่า) - [ 10 ต.ค. 50 19:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 83 มีเงินมาก แสดงถึง สถานะคนรวย มีเงินน้อยมาก แสดงถึง สถานะคนจน แค่นี้เองหรอ จากคุณ : T_Mania - [ 10 ต.ค. 50 19:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 84 -- ขอส่งกำลังใจให้ผ่านพ้นเหตุการณ์ไปได้ด้วยดี -- เข้มแข็ง มากๆ นะคะ จากคุณ : xMonkey - [ 10 ต.ค. 50 19:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แอบเป็นกำลังใจให้นะครับ....... จากคุณ : รัชกรวีร์ - [ 10 ต.ค. 50 20:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ความดีจะชนะทุกสิ่งทุกอย่าง เราให้คำแนะนำอะไรคงไม่ได้ แต่เราขอให้กำลังใจนะค่ะ สู้ๆๆๆๆต่อไป - ขอให้คนดีๆอย่างคุณจงผ่านพ้นสิ่งนี้ไปได้ค่ะ - จากคุณ : เอ๋ย (ying_yingkha) - [ 10 ต.ค. 50 20:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สู้ๆค่ะ จากคุณ : lhinggoimon - [ 10 ต.ค. 50 20:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ไม่ได้แช่งนะครับ ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมแจ้งลบได้เลย ผมได้มาจากเวปแห่งหนึ่ง และได้ยินมาจากหลายคนว่าตอนใกล้จะไปนี่สำคัญ ถ้าจิตใจดี สงบก้อจะไปดี ถ้าใจทุกข์หรือยังยึดติดก้อจะไปไม่ดี   เห็นด้วยกับหลาย คห.ว่าควรหาทางย้ายไป รพ.รัฐ หรือรักษาที่บ้านครับ มะเร็งระยะสุดท้ายคงหายยาก คนใกล้จะตาย ควรแนะนำอย่างไร ตอบ ถ้าป่วยใหม่ๆ มีคำแนะนำดังนี้ ๑. ให้นำพระพุทธรูป หน้าตักกว้างไม่ต่ำกว่า ๕ นิ้ว ผ้าไตรจีวร พร้อมอาหารของใช้ที่จำเป็น นำไปให้ผู้ป่วยเห็นและให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ของทั้งหมดขอถวายเป็นสังฆทาน แก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวร ของผู้ป่วย ได้โมทนาและอโหสิกรรมให้ผู้ป่วยด้วย” แล้วญาติก็นำของทั้งหมด ไปถวายพระเป็นสังฆทาน จิตใจของผู้ป่วยจะได้สบาย เพราะได้เห็นพระพุทธรูปและได้ทำบุญ ๒. ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ควรนำเงินจะมากหรือน้อย ตามแต่ศรัทธา ให้ผู้ป่วยถือเงินไว้ และตั้งจิตอธิษฐานว่า “เงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม” ๓. ในระหว่างที่นอนป่วยอยู่ ควรนำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ให้ผู้ป่วยได้มองเห็น อย่าไปตั้งไว้ในที่ผู้ป่วยเห็นไม่ถนัด ผู้ป่วยลืมตามาเมื่อใดก็จะเห็นพระทันที (อย่าตั้งอยู่ในแนวทิศปลายเท้าของผู้ป่วย ) จิตของผู้ป่วยจะได้จับอยู่ที่พระ ใจจะสบายช่วยให้คลายจากทุกขเวทนาได้บ้าง และถ้าตายเมื่อใดก็จะไม่ลงนรก ๔. ถ้าป่วยมาก มีทุกขเวทนามาก ควรแนะนำสั้นๆ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าหรือเรื่องกุศลอย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า อย่าไปแนะนำยาวๆจะเกิดอาการกลุ้มใจ ๕. ถ้าต้องการให้ผู้ป่วยตายแล้วไปนิพพาน ให้นึกภาวนาว่า “นิพพานัง สุขัง” ถ้าคิดว่าป้องกันไม่ให้ลงนรก ก็ให้ภาวนาว่า “พุทโธ” ให้บอกสั้นๆอย่ายาว ๖. ถ้าผู้ป่วยภาวนาไม่ไหว ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ให้นึกถึงพระไว้ หรือจะนึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ อย่าไปแนะนำยาวๆ เพราะเวลานั้นมีทุกขเวทนามาก จะทำให้กลุ้ม ดีไม่ดีจิตใจเขาดีอยู่แล้ว ถ้าแนะนำไม่ดี พูดมากไปเขาจะกลุ้ม จะทำให้ลงนรกไป ให้ดูตาคนป่วย ถ้าตาลอยๆ ตาปรือๆ อย่าไปพูดมาก ฉะนั้นการแนะนำคนป่วยก่อนตาย จึงต้องระมัดระวัง ดูกาละ เทศะ ให้ดี ความหวังดีอาจจะกลับกลายเป็นผลร้ายแก่ผู้ป่วยได้ จากคุณ : junjun - [ 10 ต.ค. 50 21:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อย่าท้อ  เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ   เพื่อนของเราคนหนึ่งปวดท้องอย่างหนัก   ตอนเช้าพอทุเลาก็นั่งแท็กซึ่เป็นโรงพยาบาลจุฬา  คุณหมอตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก  เพื่อนก็รักษาที่นั่น  จนตอนนี้หายดีแล้ว กลับมาทำงานoffice ได้ปรกติ  ค่ารักษาไม่แพงด้วย ...เราอยากแนะนำให้เป็นโรงพยาบาลของรัฐ พี่ของเราก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย  คึโมไม่ได้ใช้เพราะเป็นหนักแล้ว ร่างกายรับไม่ได้  รักษาโรงพยาบาลเอกชน นอนอยู่โรงพยาบาลประมาณ 4 เดือน หมดไปประมาณ 1 ล้านบาท  3 เดือนสุดท้ายเราเฝ้าไข้พี่เราเอง ไม่จ้างพยาบาลพิเศษ  ดูแลเองดีที่สุด จากคุณ : ต้นไม้และทะเล (ต้นไม้และทะเล) - [ 10 ต.ค. 50 21:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ลองติดต่อ ขอย้ายไปอยู่ของรัฐน่าจะถูกกว่านะคะ ขอส่งกำลังใจนะคะ   ความจน เป็นเรื่องปกติคับป๋ม   ขออย่าจนน้ำใจก็พอนะ นั่นแหละ  บอกคุณพ่อ ทำใจสบายๆ   หุหุหุ  พ่อเราก็ไปสวรรค์ด้วยโรคนี้เหมือนกัน อย่าคิดมาก  อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด   ระยะ สุดท้าย เราว่านะ ถ้าจำเป็นก็พาคุณพ่อกลับบ้าน มานอนรักษาตัวทีบ้านดีกว่า   ไปรับยาจากโรงพยาบาลมาทาน เพราะแค่ช่วยให้คุณพ่อหายเจ็บเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้หาย สุดท้าย อย่าคิดมากเลยค่ะ  ความจนไม่ได้น่ากลัวหรอก เพียงแต่เราต้องปรับตัวให้ได้แค่นั้น ปรับได้แล้วทุกอย่างก็ปกติ จากคุณ : รวมการเฉพาะกิจ - [ 10 ต.ค. 50 21:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ............มาให้กำลังใจจขกทและครอบครัวนะ จากคุณ : หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ - [ 10 ต.ค. 50 22:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 92 มาเป็นกำลังใจเจ้าของกระทู้นะค่ะ ขอให้คุณพ่อหายเร็วๆๆนะค่ะ สู้ๆๆนะค่ะ !! จากคุณ : หนูจำมัย - [ 10 ต.ค. 50 22:52:15 ]

ความคิดเห็นที่ 93 โหวตกระทู้ให้ครับจะได้เห็นกันเยอะๆ เป็นกำลังใจให้ครับ คำแนะนำข้างบนๆมีประโยชน์ทั้งนั้น จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 10 ต.ค. 50 23:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 94 สู้ๆค่ะ จากคุณ : shrimp_ja - [ 11 ต.ค. 50 00:08:37 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อันนี้อาจไม่เกี่ยวกัน ผมกับภรรยาตกลงกันไว้แล้ว ว่าถ้าเธอกับฉันใครเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา มีแต่ทุกข์ทรมาน ไม่ต้องใช้เงินมายื้อชีวิตของอีกฝ่าย แค่รักษาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ทุกข์ทรมานน้อยที่สุดในระยะที่ยังอยู่ และจากไปอย่างสงบ มันทำให้หมดห่วงหมดกังวล ว่าสิ่งที่เราเพียรพยายามสร้างมาตลอดชีวิต เพื่อคนที่เรารัก ยังคงอยู่ ไม่ได้พังทลายไปกับสังขารของเราด้วย จากคุณ : s7014249 - [ 11 ต.ค. 50 08:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คนดี คนกตัญญู เราเชื่อว่าตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ให้กำลังใจ จขกท.สู้ๆ นะคะ เงินทองของนอกกาย ถ้าเรายังมีแรงกาย แรงใจ เราสามารถหามันได้(ถึงแม้บางครั้งจะหายากหน่อย) คิดเสียว่าเงินหมดไป ค่อยหาใหม่ได้ แต่พ่อแม่เรา เราไม่มีทางหาอะไรมาทดแทนท่านได้เลย จากคุณ : รักทีหลัง ตังค์มาก่อน - [ 11 ต.ค. 50 09:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ยังยิ้มได้ไหมครับ ยิ้มสู้นะ จากคุณ : ตรงไปตรงมา (pjaNNy69) - [ 11 ต.ค. 50 10:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 98 มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วก็สนับสนุนความเห็นด้านบนเรื่องโรงพยาบาลรัฐด้วยค่ะ จากคุณ : mix up - [ 11 ต.ค. 50 12:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ให้กำลังใจค่ะ  คำแนะนำข้างบนดีมีประโยชน์มากเลย  คุณ จขกท อย่าท้อนะคะ จากคุณ : HappyHippo - [ 11 ต.ค. 50 12:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เป็นกำลังใจให้จขกท.ค่ะ เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนสมาชิกหลายๆคน อย่าให้ถึงกับต้องหมดเนื้อหมดตัวเลย ในเมื่อเรายังมีทางเลือกอื่นอีก ตัวแล่ดเอง ถ้าเกิดมีอันจะต้องล้มหมอนนอนเสื่อก็ขออยู่รพ.รัฐค่ะ รพ.เอกชนที่เคยเจอๆมา มันหมดศรัทธาจริงๆ ล่าสุด ลูกชายดัดฟัน(แค่ฟันหน้าห่าง 2 ซี่) คุณหมอตีราคาไว้ ระยะเวลา 24 เดือน 8 หมื่นกว่าบาท แต่ขอประทานโทษ ผ่านไปแล้ว 18 เดือน หมดเงินไปแล้ว แสนกว่าบาท(รวมบิลทั้งหมด)  ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ค่ะ ขอให้จขกท.สู้และเป็นกำลังใจแก่คุณพ่อต่อไป จากคุณ : ไอ้แล่ด - [ 11 ต.ค. 50 13:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอเป็นกำลังใจให้ครับ สู้ต่อไปนะครับ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง จากคุณ : heang - [ 11 ต.ค. 50 13:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ต่อไปค่ะ ย้ายคุณพ่อไปรพ.แพทย์ ดีกว่าค่ะ และลองเช็ครายละเอียดบัตร 30 บาทซิค๊ะ ทำบัตร 30 บาทให้คุณพ่อรึยังค๊ะ ลองหารายละเอียดตาม link ข้างล่างดูค่ะ http://www.moph.go.th/hotline.php?intContentType=21&page=Last%20page&current=1 หรือโทร. หากท่านมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคสามารถติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ ได้ที่หมายเลข (02) 590-1669 , (02) 590-2386 , (02) 951-0364 และ (02) 951-0282 สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โทร. 1669 ฟรี จากคุณ : ตะเกียงน้อย (ตะเกียงน้อย) - [ 11 ต.ค. 50 14:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ย้ายโรงพยาบาลดีที่สุดค่ะ แทนที่คุณจะมาวิ่งเรื่องหาเงินมาให้รพ.เอกชน สู้คุณมาวิ่งเรื่องย้ายไป โรงพยาบาลรัฐ น่าจะดีกว่านะคะ คุณแม่นักร้องชื่อดังท่านหนึ่ง เป็นมะเร็งรักษารพ.เอกชน หมดไป 10 ล้าน ยังไม่รอดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นย้ายออกมาดีกว่าค่ะ วิ่งเรื่องย้ายให้ขาพลิกเลย แล้วแจ้งความคืบหน้าด้วยนะคะ เผื่อจะได้ช่วยๆกัน เป็นกำลังใจให้ สู้ๆนะ จากคุณ : ไร่ปลายตะวัน - [ 11 ต.ค. 50 15:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอเป็นกำลังใจให้จขกท.ครับ ยิ้มสู้นะครับ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 11 ต.ค. 50 22:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ย้ายรพ.ดีที่สุดค่ะ เพราะตอนคุณพ่อดิฉันป่วยก็ หมดเงินไปหลายล้าน เพราะเอกชนนี้แหละ และท่านก็คงไม่โดนตัดขา ถ้านอนรพ. ของรํฐ แต่ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว เราก็ได้แต่ภูมิใจว่าได้ทำให้พ่อเราจนถึงที่สุด ช่วงก่อนที่ท่านจะเสียก็ให้ท่านนอนรพ.ของรัฐนี้แหละค่ะ รักษาดีกว่าเอกชนทั่วไปอีกเพราะมีแต่อาจารย์หมอทั้งนั้น เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : ก๊องโต้กะอองรี - [ 11 ต.ค. 50 23:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เข้ามาให้กำลังใจอีกครั้งค่ะ พอดีอยากเล่าให้ฟังว่าหลายสิบปีมาแล้วคุณตาของดิฉันป่วยเป็นโรคมะเร็งจากการสูบบุหรี่ ท่านมีฐานะดีเพราะเคยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่สองเมื่อนานมาแล้ว แล้วเอาเงินไปลงทุนทำกิจการจนฐานะเข้าขั้นเศรษฐี แต่เมื่อเป็นมะเร็งคุณยายและลูกๆ คือ ลุงป้าน้าแม่ดิฉันก็รักษากันทุกวิธีทางทั้งแผนปัจจุบัน แผนโบราณ ยาที่ไหนใครว่าดีหามาให้หมด คุณตาก็อยู่ได้ต่อมาอีกสองสามปี แต่คงทรมานเพราะมะเร็งมันลาม และต้องเจาะท่อที่คอด้วย ผลสุดท้ายท่านก็เสีย ก่อนเสียก็สั่งเสียคุณยายให้ขายบ้านช่อง กิจการ(ซึ่งเหลือน้อยแล้วเพราะขายไปหมดเอาเงินมารักษา) แล้วให้คุณยายพาลูกๆ กลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ซึ่งมีญาติพี่น้องอยู่เยอะ ตอนนั้นแม่ของดิฉันกำลังเรียนมัธยม เมื่อเงินหมดคุณยายต้องทำอาหารขาย แม่ดิฉันต้องเปลี่ยนไปเรียนสายอาชีพเพื่อจะได้จบเร็วๆ มาทำงาน ลุงคนโตก็ต้องออกมาช่วยทำงานหาเงิน เพราะยังมีน้องๆ (คือป้า ลุง แม่และน้าๆ ดิฉัน) ที่ต้องเรียนหนังสือ แม่บอกว่าจากชีวิตคุณหนูก็ต้องมาช่วยกันทำมาหากิน บ้านช่องก็ต้องเริ่มหาใหม่ ทุกวันนี้ชีวิตสบายขึ้น คุณยาย ลุงๆ ก็เสียไปแล้ว ป้าก็กำลังเป็นมะเร็งอีกคน แต่ก็ยังสู้ค่ะ เจ้าของกระทู้ก็ต้องสู้นะคะ แล้วก็คิดหาทางที่ดีที่สุดหรือเหมาะสมที่สุด ดิฉันก็ยังบอกเหมือนเดิมว่า เอกชนไม่ได้ดีไปกว่า รพ.รัฐนะคะ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่จขกท ค่ะ เอาใจช่วยเหมือนเดิม จากคุณ : shili - [ 12 ต.ค. 50 02:05:44 A:218.212.224.9 X:218.186.9.2 TicketID:157305 ]

ความคิดเห็นที่ 107 มาให้กำลังใจค่ะ จากคุณ : pk_chicken - [ 13 ต.ค. 50 11:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เข้มแข็งต่อไปนะครับ จากคุณ : TABO9 - [ 14 ต.ค. 50 16:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 111 แพทย์พาณิชย์ ๆๆๆๆ เห็นแล้วยิ่งหมั่นไส้พวกเพื่อนหมอของเดี๊ยนที่อวดกันอยู่ได้ว่าเดือนนึงฟันกันคนละ 2-3 แสน รับรองมันโขกหมดตัวแน่ค่ะงานนี้ เก็บมาทั้งชีวิต ให้แพทย์พาณิชย์หมดภายในพริบตา ปล.หมอดี ๆ ก็มีนะคะ ดิฉันไม่ได้เหมาโหล จากคุณ : ไฉไล - [ 6 พ.ย. 50 20:43:07 A:202.142.199.114 X: TicketID:137537 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เป็นกำลังใจให้ครับ และอยากแนะนำทุกคนให้ดูแลสุขภาพตัวเอง และคนรอบข้างให้ดี บางสื่งบางอย่างถ้าเรารอบคอบ และเรียนรู้กับมันบางทีมันอาจจะยังไม่สายเกินไป อย่าให้สุดท้ายแล้วต้องเอาเงินที่อุตสาห์เก็ยมาทั้งชีวิตมาหมดไปเพียงเพราะเราไม่รู้จักดูแลตัวเอง เข้าใจคนเป็นลูกทุกคน ไม่ว่าจะหมดตัวก็ต้องยอม จากคุณ : AM:PM - [ 12 ธ.ค. 50 23:28:33 A:unknown X:203.146.116.101 TicketID:143880 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ขอให้กำลังใจเจ้าของกระทู้นะครับ คนดี ไม่ตกยาก ผมเชื่อนะครับ ขอให้คุณพระคุ้มครอง จากคุณ : woyaw - [ 13 ธ.ค. 50 22:03:22 ]