ความคิดเห็นที่ 1 ผมใช้บริการของไทยพาณิชย์ ปกติจ่ายต่อเดือน16000 บาท ถ้าต้องการโปะควรโปะในวันที่ถึงกำหนดชำระ คือครั้งแรกจ่ายตามงวดปกติ และจ่ายอีกครั้งเพื่อโปะ ทางแบงค์จะหักเงินต้นให้เต็มตามจำนวนที่โปะครับ จากคุณ : คนมีหนี้เหมือนกัน - [ 15 พ.ย. 50 14:01:41 A:202.133.139.187 X: TicketID:140158 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ธนาคารให้จ่ายเดือนละ 3700  เป็นดอกประมาณ1000  อีก2700เป็นเงินต้น แต่เวลาจ่ายจริง จะจ่าย18000  เป็นดอก 1000   อีก17000 เป้นเงินต้น การจ่ายเงินถ้าคุณจ่ายในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ก็จะไปจ่ายเงินต้นมากขึ้นเท่านั้น สรุปง่ายๆนะคือว่าเงินที่คุณจ่ายทั้งหมดต่อเดือนไม่ว่าเท่าไหร่ก้ตามเค้าจะหักดอกเบี้ยก่อนเลยที่เหลือจึงจะไปจ่ายเงินต้น(คงไม่ งง นะ) จากคุณ : ระเบียงดาว (ระเบียงดาว) - [ 15 พ.ย. 50 14:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ^ งั้นหมายถึงว่า ถ้าสมมติผมจ่ายเดือนละ 15000 เป็นดอกเบี้ยซะ 8000 เงินต้น 7000 แต่ถ้าเกิดเดือนนั้นขอจ่ายสัก 100000 ดอกเบี้ยก็คือ 8000 เงินต้น 92000 ใช่มั้ยครับ จากคุณ : Bug Gerd - [ 15 พ.ย. 50 14:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จ่ายไปเถอะ ดอกก็เหมือนเดิม แต่บางธนาคาร กำหนดเพดานการโป๊ะ ต่อเดือน ถามธนาคารก่อน ไม่งั้นเจอค่าปรับ จากคุณ : dib2000 - [ 15 พ.ย. 50 14:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ใช่ค่ะ แต่ละแบงค์มีตั้งเพดานไว้ ที่แน่ๆ คือ มีระยะเวลาขั้นต่ำด้วย เช่น ไม่ให้ชำระหนี้หมดภายใน 2 ปี เป็นต้น ดังนั้น ควรวางแผนไว้ว่า กะจะให้หมดภายในกี่ปี แล้วคำนวณรายได้ ยอดจ่ายแต่ละเดือน กับระยะเวลาขั้นต่ำของแบงค์ ออกมาเป็น เงินที่จะโปะเพิ่มแต่ละเดือน เท่าที่คุยกรณีเราโปะไปเรื่อยๆ จนครบ 2 ปีแล้ว วันรุ่งขึ้น เราสามารถนำเงินก้อนไปชำระหมดได้เลย ถ้าสามารถนะ....หุ หุ ส่วนเรื่องการโปะ จะให้ดี ต้องไปโปะวันเดียวกับที่แบงค์หักเงินจากบัญชีทุกเดือน มันจะได้ต้นเยอะมาก ดอกก็ลดด้วย (ของเราธ.ดอกบัว) แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 50 15:25:43 จากคุณ : หมวยแอลเอ - [ 15 พ.ย. 50 15:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 วิธีโปะให้คุ้มน่ะทำได้ แต่จะให้ได้เปรียบธนาคารไม่มีทางครับ จากคุณ : GolfGear - [ 15 พ.ย. 50 15:50:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ของผม เขาหักเป็นดอกเบี้ยนับจากวันชำระครั้งสุดท้ายก่อน แล้วที่เหลือจะไปตัดจากเงินกู้/เงินต้นครับ ยกตัวอย่างว่ามีการตัดบัญชีอัตโนมัติทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน ถ้าวันที่ 15 พย 50 ไปจ่ายเงินเพิ่ม (โป๊ะ)  จำนวน 100,000 บาท ก็จะตัดเป็นดอกเบี้ยของช่วงเวลากู้ 10วัน ( 5-15 พย 50) ถ้าอัตราดอกเบี้ย = 3% ,เงินต้นหลังจากหักบัญชีวันที่ 5 พย 50 มียอดคงค้าง 3,000,000 บาท การคิดจะเป็นดังนี้ครับ ดอกเบี้ยจ่าย ณ วันที่ 15 พย 50 = 3,000,000บาท  x 3%x 10วัน/365 วัน = 2,465.75บาท เงินต้นที่โป๊ะจริง ณ วันที่ 15 พย 50 = 100,000 - 2,465.75 =97,534.25 บาท เงินกู้/หนี้คงเหลือ  ณ วันที่ 15 พย 50 =  3,000,000- 97,534.25 = 2,902,465.75บาท พอรอบหน้า 5 ธค 50 , การคิดดอกเบี้ยจะคิดจาก  เงินกู้/หนี้คงเหลือ  ณ วันที่ 15 พย 50 จนถึง 5 ธค 50 (20 วัน) 2,902,465.75บาท  x 3%x 20วัน/365 วัน = ??? เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆครับ จากคุณ : JustInCase - [ 15 พ.ย. 50 15:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เฮ่อ!จะไปนั่งคิดให้ปวดหัวทามมายอ่ะค่ะเมื่อตัดสินใจเป็นหนี้แล้วทุกอย่างก็ต้องยอมจำนนอยู่ดีหนี้ทั้งนั้นดอกทั้งนั้นบานตระทันทามจายดีก่ามั้งค่ะ จากคุณ : พุดเดิ้ลแก่2 - [ 15 พ.ย. 50 16:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรียนถาม คุณความคิดเห็นที่ 7 ถ้าคิดตามสูตรที่บอกมา เฉพาะนั้นถ้าเราจากเงินเพิ่ม(โปะ)  ในวันที่ 5 พย. 50 จำนวน 100000 บาท เราก็ไม่ต้องเสียดอกซิครับ  ใช่หรือเปล่า   ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า จากคุณ : Dengue (Dengue) - [ 15 พ.ย. 50 16:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขออภัยพิมพ์ผิดจากครั้งแรก เรียนถาม คุณความคิดเห็นที่ 7 ถ้าคิดตามสูตรที่บอกมา เฉพาะฉะนั้นถ้าเราจ่ายเงินเพิ่ม(โปะ)  ในวันที่ 5 พย. 50 จำนวน 100000 บาท เราก็ไม่ต้องเสียดอกซิครับ  ใช่หรือเปล่า   ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า จากคุณ : Dengue (Dengue) - [ 15 พ.ย. 50 16:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดอกเบี้ยจ่าย ณ วันที่ 5 พย 50 = 3,000,000บาท  x 3%x 0วัน/365 วัน = 0 บาท เงินต้นที่โป๊ะจริง ณ วันที่ 5 พย 50 = 100,000 - 0 = 100,000 บาท เงินกู้/หนี้คงเหลือ  ณ วันที่ 5 พย 50 =  3,000,000- 100,000 = 2,900,000 บาท จากคุณ : Dengue - [ 15 พ.ย. 50 16:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราเสียดอกเบี้ยทุกวันครับผม เป็นความเข้าใจผิดนะครับว่าไม่เสียดอกเบี้ย เพียงแต่ลักษณะการจ่ายเงินเพิ่มของคุณ บังเอิญไปตรงกับการหักบัญชีอัตโนมัติครับ ซึ่งธนาคารได้ทำการคิดดอกเบี้ยจากเงินคงค้างในวันนั้นไปแล้วครับ ก็เลยดูเหมือนไม่เสียดอกเบี้ย จากคุณ : JustInCase - [ 15 พ.ย. 50 17:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรียนถาม คุณ JustInCase อีกรอบครับ  อย่าเพิ่งรำคาญนะครับ  เพราะผมต้องเอาข้อมูลเหล่านี้ไปถามกับพนักงานสินเชื่อด้วย  ถามต่อน่ะครับ.... 1. ถ้าคุณ JustInCase ตอบเหมือนในความคิดเห็นที่ 12 แล้วถ้าผมไปจ่ายเพิ่มในวันที่ 5 พย. 50 แล้วจะต้องเสียดอกเบี้ยเท่าไร (คิดจากเงินต้นเดิม คือ 3,000,000 บาท) 2. ถ้าจ่ายเพิ่มในวันที่ 6 พย. 50 เขาก็จะคิดดอกแค่ 1 วันใช่ไหมครับ  นั่นก็คือ ดอกเบี้ยจ่าย ณ วันที่ 6 พย 50 = 3,000,000บาท  x 3%x 1วัน/365 วัน = 246.57 บาท เงินต้นที่โป๊ะจริง ณ วันที่ 6 พย 50 = 100,000 - 246.57 = 99,753.43 บาท เงินกู้/หนี้คงเหลือ  ณ วันที่ 6 พย 50 =  3,000,000- 99,753.43 = 2,900,246.57 บาท ส่วนตัวผมแล้วผมคิดว่าธนาคารเขาไม่ให้จ่ายในวันที่ 5 พย. 50 แน่นอนครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าน่ะครับ จากคุณ : Dengue (Dengue) - [ 15 พ.ย. 50 19:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ธนาคารคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันครับ ถ้ามีก็จ่ายเลยดีกว่าครับ จ่ายวันไหนก็ได้ครับ ไม่มีข้อห้ามเอาไว้ จากคุณ : kittipo - [ 15 พ.ย. 50 21:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาเสริมตัวอย่างของคุณ JustInCase ถ้าวันที่ 5 ต.ค. มียอดนี้คงเหลือ 3,017,550 บาท ผ่อนงวดละ 25,000 บาท พอถึง 5 พ.ย. คิดเป็น 31 วัน จ่ายตามปกติ 25,000 บาท ดอกเบี้ย = 7,450 บาท (ขอใช้ตัวเลขคร่าวๆ นะ) เมื่อหักดอกเบี้ยแล้วจะเหลือไปหักเงินต้น 17,550 บาท จากนั้นก็ตาม คห. #7 และถ้าในวันที่ 5 พ.ย. อยากจ่ายเพิ่มอีก 1 แสน หรือจะโปะอีกเท่าไรก็ตาม เพราะวันนั้นจ่ายดอกเบี้ยไปแล้ว 7,450 บาท จึงเอาไปหักเงินต้นได้เลยตาม คห. # 11 (หรือ คห.#3) สรุปก็คือ สรุปตาม คห. # 2 ปล. ไม่มีธนาคารที่ห้ามไม่ให้จ่ายหนี้ อยากจ่ายหนี้ก็จ่ายไป แต่จะโดนปรับเนื่องจากผิดสัญญากู้ ก็เป็นอีกเรื่อง จากคุณ : 1234 - [ 15 พ.ย. 50 22:01:12 A:58.8.14.247 X: TicketID:085947 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าส่วนที่โปะชำระวันเดียวกันกับที่ชำระค่างวดปรกติก็ตัดต้นเต็ม ๆ เลยครับ ถ้าจ่ายทีหลังวันที่ชำระค่างวดปรกติกี่วันก็จะเป็นดอกเท่านั้นวันที่เหลือตัดต้นครับ จากคุณ : kiatte - [ 16 พ.ย. 50 01:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอขอบพระคุณทุกความคิดเห็นมากครับ  ผมเข้าใจแล้วครับ   จากเจ้าของกระทู้...ผู้กำลังจะเป็นหนี้ จากคุณ : Dengue (Dengue) - [ 16 พ.ย. 50 09:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 'หนี้แห่งความสุขครับ' อย่ากังวลมาก จากคุณ : หัวอกเดียวกัน (JustInCase) - [ 16 พ.ย. 50 10:12:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ของ ธอส. ไม่ได้เป็นแบบข้างบนครับ ถ้าหักบัญชีวันที่ 25 แล้วไปโปะเพิ่มวันที่ 26-31 จะเป็นการตัดต้นเต็มๆ แต่ถ้าไปจ่ายวันที่ 1-24 จะหักดอกเบี้ย และวันที่หักบัญชีจะไม่มีดอกเบี้ยครับ จากคุณ : INK-JET - [ 16 พ.ย. 50 13:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 งั้นถ้าเป็นไปตามความคิดเห็นที่ 19 แล้วแต่ละธนาคารก็ใช้หลักการคิดดอกเบี้ยของเงินโปะไม่เหมือนกันซะครับ จากคุณ : Dengue (Dengue) - [ 16 พ.ย. 50 14:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมลองไปดูที่เวปของ ธอส. วิธีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ ข้อ 1.3 ถึง 1.5 http://www.ghb.co.th/th/handbook/Cust/index.html อ่านแล้วก็เข้าใจต่างจาก คห.# 19 ที่คุณ INK-JET ท้วงมา คือ ไม่มีวันไหนไม่คิดดอกเบี้ย ธอส.จะแสดงดอกเบี้ยทุกสิ้นเดือน ตรงนี้ต่างจากที่อื่น ที่แสดงดอกเบี้ยในวันที่จ่ายหนี้คืน แม้จะบอกว่าโปะวันที่ 26-31 หักต้นเต็มๆ สุดท้ายถึงวันสิ้นเดือนก็แสดงดอกเบี้ยของวันที่ 26-31 อยู่ดี ในนั้นมีที่ผิดแน่ๆ คือวันที่ 30 ม.ค. ที่ถูกต้องเป็น 31 ม.ค. แต่ที่ยังไม่แน่ใจ คือไม่คิดดอกเบี้ยทบต้น (ถ้าไม่ครบปีมั้ง) และ บรรทัดสุดท้าย 15 มี.ค. เงินต้นเหลือ 495,342.47 ได้อย่างไร ขอปูเสื่อรอความเห็นท่านอื่นด้วยคน จากคุณ : 1234 - [ 16 พ.ย. 50 16:48:50 A:58.8.11.181 X: TicketID:085947 ]

ความคิดเห็นที่ 22 (ไม่ได้อ่าน คห.ต้นๆ ละเอียดนะคะ พอดีไม่เก่งคำนวณ ) ของเรากรุงไทยไปจ่ายวันไหนก็ได้ หลังจากตัดบัญชี แต่ต้องแจ้ง จนท. ที่เคาน์เตอร์ ว่า ตัดต้นเพิ่ม ซึ่งจะเป็นต้นอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าไม่บอกจะเหมือนจ่ายทั้งต้นทั้งดอกล่วงหน้า (จนท.แบงค์บอกมา) จากคุณ : xMonkey - [ 16 พ.ย. 50 19:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถึงคุณความคิดเห็นที่ 21 ถ้าคิดตาม เว็บไซต์ ที่ คุณ คห.21 บอกมา ผมดูแล้วเขาก็คิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ตามข้อ 1.3 ครับ   แต่ประเด็นที่ คุณ คห.19 บอกมาหมายถึงดอกเบี้ยของเงินจ่ายเพิ่ม(โปะ) ซึ่งไม่ใช่ดอกเบี้ยงวดประจำที่ต้องจ่าย ผมว่าคุณน่าจะหลงประเด็นหรือเปล่าครับ จากคุณ : Dengue (Dengue) - [ 16 พ.ย. 50 21:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คห 22 แบงค์กรุงไทยเอาเปรียบมาก จากคุณ : chesdprn - [ 16 พ.ย. 50 22:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 A ma ขอออกความเห็นหน่อย  ส่วนมากแบงค์ ไม่มีเสียเปรียบมีแต่ได้เปรียบ ธนาคารส่วนใหญ่ ห้ามจ่ายหนี้เร็วกว่ากำหนด เช่น อย่างน้อย  3 ปี 5 ปี ถ้าจ่ายเร็วหมดเร็ว ก็โดนปรับ ระบบการจ่ายเงินกู้จะเป็นลดต้นลดดอก คือเงินงวด จะไปหักจ่ายดอกเบี้ยก่อน หลังจากนั้นไปหักเงินต้น ที่บางคนบอกว่าหักปั้ม ไม่มีดอกเบี้ย ก็เพราะ ดอกเบี้ยมันยังไม่วิ่ง เนื่องจากจ่ายวันนี้ ไป cover ทั้งต้นทั้งดอก เพราะฉะนั้นถ้าจ่ายอีก ก็จะไปตัดเงินต้นล้วนๆ ส่วนที่ คห.19 จะเป็นดอกเบี้ยที่แฝงไว้ ไว้คิดรวมกับที่มีการจ่ายงวดต่อไป ส่วนมากลูกหนี้ไม่มีได้เปรียบ สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ส่งใช้ให้เร็วที่สุด ถ้ามีเงินจะจ่าย ธนาคารก็จะได้ดอกเบี้ยจากเราไปน้อยที่สุด แต่อย่าลืมธนาคารก็จะมีข้อกำหนดว่า ห้ามจ่ายหนี้เร็วกว่ากำหนด เช่น อย่างน้อย  3 ปี 5 ปี เอาเป็นว่า 3 ปี 5 ปี ธนาคารได้เงินจากลูกหนี้ไปน้อยที่สุด การเป็นหนี้ธนาคาร 7 ปี ดูจะไม่เป็นภาระเรื่องดอกเบี้ยมาก ดูเงินต้น 10 ปี กับ 15 ปี ต่างกัน ไม่กี่ร้อย เป็นความคิดเห็นขอรุ่น a ma ผิดถูกไม่ว่ากันน๊ะ จากคุณ : suzy (sutu) - [ 17 พ.ย. 50 09:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มายืนยันตาม คคห. ที่ 21 ค่ะ น่าจะมาจัดกลุ่มลูกหนี้เงินกู้ของธนาคารต่างๆ วิสัชชนาเรื่องการคิดดอกเบี้ยของธนาคาร แล้วจะงงงวยว่า วิธีคิดดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารคิดไม่เหมือนกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 50 10:54:24 จากคุณ : ชีจิ๋ว - [ 17 พ.ย. 50 10:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กรุงไทย ใช้ ระบบโปรแกรมของ Silver Lake เวลาไปจ่ายที่เคาเตอร์ ต้องบอกว่ามาตัดต้นค่ะ แต่ถ้าตัดบัญชีอัตโนมัติจะตัดทั้งต้นและดอกปกติรายเดือน ในส่วนที่เป็น Direct debit เท่านั้น ถ้าไปจ่ายเคาเตอร์เนื่องจากตัดบัญชีปกติไม่ได้ ก็ต้องบอกเขาว่ามาจ่ายค่างวดค่ะ หรือจะโปะก็บอกให้เขาทราบเขาจะตัดต้นอย่างเดียว จากคุณ : มารุโกะจัง (กองกำลัง12วานร) - [ 18 พ.ย. 50 11:11:25 ]