PANTIP.COM : R6269337 ... ซื้อคอนโดพลัส ได้กระดาษเปล่า กับเช็คคืนเงิน ... (ช่วยโหวตด้วยครับ) [ที่พักอาศัย]

ความคิดเห็นที่ 28

ขอขอบคุณทุกๆท่าน ที่ให้ความสนใจ
เข้ามาอ่านกระทู้ หรือ แสดงความคิดเห็น
และสำคัญที่สุด ขอบคุณที่ช่วยโหวตให้กระทู้นี้
(โปรดจิ้มโหวตกระทู้ ก่อนจะอ่านต่อนะครับ)
...

อัพเดทที่นี่ด้วย
http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=48595

...

คุณเซลโทรมา สะดวกคุยมั้ยค้าาาา
บอกว่าได้คุยกับผู้ใหญ่แล้ว ทางผู้ใหญ่ประชุมกันแล้วแจ้งว่า
จะอนุญาตให้ผมคืนห้องพักได้เพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น

ผมอึ้งจนไม่รู้จะพูดยังไงอีก เพราะได้แจ้งความจำนงแล้วว่าต้องการคืนห้องทั้งหมด ไม่ได้ต้องการย้ายสำมะโนครัว มาตั้งรกรากที่นี่แล้ว
หากไม่ได้ซื้อร้านค้าไว้ ยืนยันว่า ผมไม่มาซื้อห้องพักที่นี่เอาไว้แน่ๆ

คุณเซลบอกว่า ทางผู้ใหญ่คุยกันแล้ว สรุปออกมาเป็นแบบนี้
อ้าว!!??!!! สรุปตามความต้องการของผู้ใหญ่....
แล้วก็สรุปว่าไม่ได้เป็นไปตามความต้องการลูกค้าตาดำๆอย่างผมเลยหรือนี่
ผมยืนยันความต้องการเดิมให้ได้
คุณเซลบอกว่าจะโทรกลับมาใหม่

...
เวลานับชั่วโมงผ่านไป
คุณเซลโทรมาอีกครั้ง บอกว่าได้คุยกับพี่ที่เป็นคนจัดทำเอกสารสัญญาแล้ว
แนะนำ ให้ลูกค้าเขียนจดหมายเข้ามา แจ้งความจำนง พร้อมลายเซ็นลูกค้า
นี่คือสิ่งที่ต้องการ จึงจะสามารถดำเนินการต่อได้

ผมถามว่า แล้วผมจะคืนห้องได้ทั้งหมดใช่หรือไม่
(เริ่มมีความหวัง ... เหมือนว่าคุยภาษาไทยกันได้รู้เรื่อง...)

คุณเซลบอก เปล่า...
อ้าว!!??!!! ผมเหวออีกรอบ
คุณเซลบอก แล้วจะส่งเรื่องให้ทางผู้ใหญ่พิจารณา

ผมงง ???
พลัสรับเงินผมไปแล้วทำสัญญาจะซื้อจะขายกับผม
ตอนจะไม่ขายเนี่ย ก็ให้เซลโทรมาคุยปากเปล่า แล้วให้ผมส่งจดหมายเข้าไป
ไม่มีอะไรอ้างอิง มีแต่โทรศัพท์จากเซล

นี่ผมเล่นขายซาละเปาสามลูกยี่สิบ อยู่กับพลัสหรือเนี่ย
นี่คอนโดห้องราคาเป็นล้านๆนะ !!!!

ผมยืนยันว่า ผมต้องได้เอกสารแจ้งจากพลัสอย่างเป็นทางการ
ว่าห้องที่ผมซื้อ พลัสจะเปลี่ยนใจไม่สร้างแน่ๆ
แล้วผมจึงจะสามารถใช้เป็นเอกสารอ้างอิง เพื่อส่งจดหมายไปหาพลัสเพื่อแจ้งความจำนง ขอคืนห้องพักห้องอื่น
ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ผมจะไปแจ้งพลัสเฉยๆ ว่าผมต้องการคืนห้องเอง
ผมก็ผ่อนดาวน์ของผมมาดีๆ ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา

คุณเซลก็รับคำ แล้วบอกว่าจะตามเรื่องเอกสารแจ้งยกเลิกการสร้างห้องร้านค้ามาให้

ผมเครียดจังเลย
นอนไม่หลับมาหลายวัน ตาโหลเป็นหมูแพนด้า แล้วเนี่ย

.....
.....

วันต่อมา ผมโทรไปอีก
ผมเครียดมากเลย
ผมจะขอคุยกับเจ้านาย ผู้บริหาร หรือผู้ใหญ่ของบริษัท ที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้
ไม่ใช่คุยปากเปล่าผ่านไปวันๆ แล้วทำอะไรไม่ได้เลย

คุณซลบอกว่าให้ใจเย็นๆ พลัสก็ไม่ได้อยากมีปัญหากับลูกค้าหรอกค่า

คุณเซลบอกว่าต้องทำจดหมายเข้าไป ถึงจะส่งเรื่องขึ้นไปให้ผู้ใหญ่พิจารณาได้
ผมบอกว่า ผมจะทำจดหมายส่งเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของพลัส แล้วผมจะขอคุยกับผู้ใหญ่ด้วย ให้เค้ารับรู้ว่า

ลูกค้าร้อนใจขนาดไหน
ไม่ใช่เรื่องเงียบๆไป ไม่มีใครใส่ใจ ไม่มีคนตามเรื่อง จะอนุมัติหรือไม่ จะได้เมื่อไหร่ไม่รู้
(เฮ้อ ง้อเค้าจังเลย มาเป็นลูกค้าเค้าเนี่ย)
จะขอคุยกับคุณที่มีอำนาจตัดสินใจได้ คุณๆทั้งหลายที่เซ็นชื่อเอาไว้ในสัญญาซื้อขายกับผมเนี่ย
คุณเมธา จันทร์แจ่มจรัส
คุณปิยบุตร เลิศดำริห์การ
คุณกิตติศักดิ์ เตียวฑเศรษฐ
คุณชัยวัฒน์ จักรแต๋

คุณๆทั้งหลายโปรดสนใจผมหน่อยเท้ออออ...

คุณเซลบอกว่า อย่าเลย คุณๆผู้บริหารเหล่านั้น ไม่ได้รับรู้อะไรด้วยหรอกค่า..
ต้องทำเรื่องส่งขึ้นไป แล้วค่อยให้เซ็นอนุมัติ จู่ๆไปขอคุย เค้าไม่รู้เรื่องหรอกค่าาา...
และจะโดนตำหนิได้ว่า ไม่ดูแลเคสลูกค้า จัดการเรื่องให้ลูกค้าไม่จบ
ผมตอบแน่นอน เรื่องไม่ได้จบที่คุณเซลอยู่แล้ว
ผมไม่ได้คาดหวังว่า คุณเซลจะสามารถ มีอำนาจตัดสินใจในการพิจารณาคืนห้องลูกค้าหลายห้อง อนุมัติสั่งจ่ายเงิน และเซ็นเช็คให้ลูกค้าได้ แต่อย่างใด

ผมเพียงต้องการให้ผู้บริหารของบริษัท ได้รับรู้ ว่าลูกค้าเดือดเนื้อร้อนใจเพียงใด
การบริหารเงินล้านสำหรับผม เป็นจำนวนเงินไม่น้อย อาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ต่างกับผู้บริหารพลัสเงินเดือนเป็นแสนๆ

และผมก็เข้าใจดีว่า ไม่ได้เป็นความผิดคุณเซล
(แต่ผู้ใหญ่ที่พิจารณาเรื่องของผม ทำไมเขี้ยวจัง
คุณเป็นใครครับเนี่ย อยากรู้ชื่อ อยากเห็นหน้า แต่ไม่อยากชิมว่า เค็ม กับลูกค้าขนาดไหน)

สรุปคือ
ผมต้องเขียนจดหมายเข้าไปที่พลัส ไม่อย่างนั้นก็จงรอต่อไป รอไปเรื่อยๆ รอไปเรื่อยๆ รอถึงไหนเนี่ย
เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้ววันหนึ่งผมจะได้จดหมายเป็นทางการการยกเลิกสัญญาซื้อขาย (ซึ่งตอนนี้เอกสารยกเลิกดังกล่าวกำลังร่างอยู่)

แล้วผมต้องเขียนจดหมายเข้าไป
ไม่มีใครรู้ว่า คำขอของผม คุณผู้บริหารผู้หญ่ายยยยย จะกรุณาอนุมัติหรือไม่
ไม่มีใครรู้ว่าต้องรอเมื่อไหร่ จะได้เช็คคืนเงิน (เป็นแสนๆ)
(ให้สวดมนต์ ภาวนา ไปเรื่อยๆ อนาคตฉันจะเป็นยังไงเนี่ย)

ได้เป็นลูกค้าพลัสเนี่ย
ภูมิใจอย่างนี้!! นี่เอง!!!!!
คุณๆอยากมาเป็นลูกค้าพลัสเหมือนผมมั้ยครับ

มีอัพเดท จะมาเล่าต่อ ...

(โปรดช่วยโหวตกระทู้ที่พันทิปให้ด้วย
ตอนนี้กระทู้ติดโหวตแล้ว อยู่ข้างๆ แบนเนอร์โฆษณาสีเหลืองแดงของพลัส
วันหลัง พลัสจะได้ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อพื้นที่โฆษณา หรือเสียตังค์ค่าสื่ออีก
ผมช่วยโปรโมตให้ ดีมั้ยคร๊าบ จ้าวววนายยยยยย)

จากคุณ : ไอติมชาเขียว (ไอติมชาเขียวถั่วแดงเย็น) - [ 28 ม.ค. 51 12:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 45

อืม..เรากลับมองว่า Plus เค้าต้องทำตามกฏหมายใหม่ต่างหากนะคะ
ใครจะอยากเปลี่ยนแปลงงานที่ตัวเองเคยวางแผนไว้ แล้วทำให้คนอื่นไม่พอใจ
นี่ตอบในฐานะที่เราก็เป็นลูกค้า my condo เหมือน ๆ กัน

กฏหมายใหม่ เพิ่งออกมา ปรับปรุงเรื่องสิ่งแวดล้อม
100คอนโดทั่วปท.เดี้ยงติด EIA
http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=T0122912&issue=2291
ข่าวจาก นสพ. ฐานเศรษฐกิจ สดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ

ากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2291 27 ม.ค. - 30 ม.ค. 2551

100คอนโดทั่วปท.เดี้ยงติดEIA
สผ.ตื่นโลกร้อน ส่งผล100 คอนโดกว่า2หมื่นหน่วยทั่วประเทศ! ถูกตีกลับแก้ไขใหม่ระนาว บีบให้กันพื้นที่ปลูกต้นไม้ยืนต้นตามเกณฑ์EIAใหม่ " 1ต้น ต่อแอร์ 2 ตัน" เอกชนโวย ฉุดราคาบ้านพุ่ง 5-10 % ด้านสมาคมอาคารชุด /บ้านจัดสรร/สถาปนิก /ภูมิสถาปัตย์ /หอการค้า ผนึกกำลังต้าน ขอผ่อนปรนให้ใช้กับโครงการใหม่ "บิ๊กศุภลัย-แอลพีเอ็น"รับติดร่างแห ด้านสผ.เสียงแข็ง ต้องคุมเข้ม ตามมติครม. "ขิงแก่"

ตามที่สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้ออกหลักเกณฑ์ใหม่เพิ่มเติม เกี่ยวกับ การเว้นที่ว่างเพื่อปลูกไม้พุ่มยืนต้น ในสัดส่วน 1 ต้นต่อ แอร์ 2ตัน หรือ 20,000 บีทียู เพื่อประกอบการยื่นขออนุญาตจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA สำหรับที่อยู่อาศัย ในรายที่เป็นคอนโดมิเนียมมีจำนวนยูนิตตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป บ้านจัดสรร ตั้งแต่ 200 หน่วยขึ้นไป และมีผลบังคับใช้ทันทีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา หลังจากได้ออกเกณฑ์เพิ่มพื้นที่สีเขียว 1ตารางเมตร /ต้นไม้1ต้น และเกณฑ์กันพื้นที่ว่างบริเวณพื้นดิน 50 % เพื่อปลูกต้นไม้50 % ของพื้นที่ว่าง ไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้นั้น

++สผ. ตีกลับ100คอนโดฯเพิ่มที่เขียว

แหล่งข่าวระดับสูงจาก สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ได้ปฎิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มีพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนสิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลรณรงค์ให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนช่วยลดภาวะโลกร้อน ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ที่ผ่านมา การกันพื้นที่ว่างด้วยกฎกระทรวงผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ตลอดจน ผังเมืองรวมจังหวัดทั่วประเทศ และการเว้นระยะถอนร่น พื้นเว้นที่ว่าง ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มักไม่ได้ผลที่จะให้เอกชนเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชุมชนแต่กลับนำไปดัดแปลงเป็นลานจอดรถ ทางเดินเท้า ที่ พักผ่อน ที่สันทนาการ ร้านค้าตลาดนัดให้เช่า สระว่ายน้ำ เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ทางออกที่ดีที่สุด จึงได้ กำหนดเป็นเกณฑ์ที่จะขออนุญาตEIA และให้มีผลบังคับใช้ทันทีในเดือนพฤศจิกายน 2550 ส่งผลให้ต้องทยอยตีกลับไปแก้ไขใหม่ ซึ่งประเมินว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมไม่ต่ำกว่า 100 รายทั้งในกทม.และต่างจังหวัดเนื่องจากในแบบแปลนแผนผังก่อสร้าง ไม่ได้ระบุ การปลูกต้นไม้ยืนต้นทรงพุ่ม ตามเกณฑ์ที่กำหนด ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร สูง 5 เมตร อย่างไรก็ดีหลายรายก็แก้ไขปรับปรุงและยื่นกลับเข้ามาใหม่แล้ว

ต่อข้อถามที่ว่า เอกชน ขอผ่อนผันจะทำได้หรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า คงไม่ได้เพราะเป็นมติครม. ส่วนเงื่อนระยะเวลาที่ยืดออกไปจะได้ หรือไม่นั้นต้องหารือกันอีกครั้ง

"ผลการศึกษาออกมาว่าคอนโดมิเนียม ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เพราะใช้แอร์ที่เพิ่มความร้อน มากกว่าบ้านจัดสรร เพราะพื้นที่มีจำกัด " แหล่งข่าวกล่าวย้ำ

++เอกชนจวกยับทำต้นทุนพุ่ง 5-10 %

ขณะที่นายจรัญ เกสร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินีโปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิสจำกัด กล่าวถึงหลักเกณฑ์ใหม่ได้ มีผลบังคับใช้ทันทีเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการจะใช้ดุลยพินิจพิจารณาแต่ละโครงการเป็นรายๆไป ว่าโครงการใดจะผ่านไม่ผ่าน

โดยเน้นให้มีพื้นที่สีเขียว ส่วนรายใดไม่ได้กันพื้นที่สีเขียวไว้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ก็จะ ถูกตีกลับ เพื่อนำกลับไปแก้ไขใหม่ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีจำนวน 100 กว่าโครงการทั่วประเทศ เฉลี่ยโครงการละ 200 หน่วย ได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะผู้ประกอบการยังต้องแบกภาระต้นทุนดอกเบี้ย ค่าที่ดินและค่าก่อสร้าง แต่กลับไม่สามารถพัฒนาโครงการได้ตามแผนที่วางไว้

ที่สำคัญ หลายโครงการไม่สามารถจัดหาที่ดินเพิ่มเพื่อปลูกไม้ยืนต้นได้ตามต้องการ เนื่องจากพื้นที่จำกัดโดยเฉพาะทำเลใจกลางเมือง ซึ่งที่ดินราคาแพง ขณะที่รูปแบบอาคาร ขนาด ห้องที่จะขาย สถาปนิกได้ออกแบบไว้แล้ว และผู้บริโภคก็ซื้อไปแล้วบางส่วน อย่างไรก็ดีหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จำเป็นต้องรื้อแบบใหม่ ซึ่งจะกระทบตามมาเป็นลูกโซ่ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม และบ้านจัดสรรที่มีทำเลอยู่ชานเมือง ยังพอแก้ไขได้ เพราะยังมีที่ว่างอยู่ ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าว จะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่า 5-10 % และ ผู้ที่รับกรรมก็คือ ผู้บริโภคที่ซื้อบ้านซื้อคอนโด เนื่องจากผู้ประกอบการต่างผลักภาระให้อยู่แล้ว

++อ้างคนซื้อบ้านผวา!จี้ผ่อนรายเก่า

นายจรัญกล่าวต่อว่ามาตรการดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะผู้บริโภคต่างวิตกกังวลและสอบถามมายังบริษัทกันมาก โดยเฉพาะโครงการของ LPN ที่ขายพื้นที่ไปแล้วแต่ หลายรายกังวลว่าจะได้ห้องชุดที่ซื้อ หรือ จองไว้หรือได้ตามแบบหรือขนาดที่ต้องการหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ได้ชี้แจงกับผู้ซื้อไปแล้ว ว่าบริษัทมีทางออกและไม่กระทบต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน

"เร็วๆนี้ จะหารือร่วมกับ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมสถาปนิก สมาคม ภูมิสถาปัตย์ และ คณาจารย์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพื้นที่สีเขียวดังกล่าว เพื่อหาทางออก และ ได้เสนอต่อสผ. ให้ผ่อนปรนกรณีโครงการที่อยู่ระหว่างยื่นขอEIA ไปก่อนหน้าที่เกณฑ์ใหม่จะบังคับใช้ให้ ถือว่าไม่ต้องปฎิบัติตาม"

อย่างไรก็ดีมองว่าผลการพิจารณาข้อเสนอของภาคเอกชน ทางสผ.น่าจะยอมผ่อนผันให้เพราะกระทบกับคนซื้อบ้านโดยตรง สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมของLPN ยอมรับว่า ติดEIA 1-2 โครงการ เพราะเรื่องพื้นที่สีเขียว ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้กำลังหาทางแก้ไขอยู่

++"ศุภาลัย" ลดพื้นที่จอดรถปลูกป่า

เช่นเดียวกับนายอธิป พีชานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเอกชนได้ปฎิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการเว้นที่ว่างและปลูกไม้ยืนต้นมาตลอด และเห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว อย่างไรก็ดี ควรมีเงื่อนเวลาแจ้งล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 90 วันว่าจะออกระเบียบใหม่ และ กำหนดวันที่ประกาศใช้ให้ชัดเจน ไม่ใช่ อยู่ดีๆประกาศใช้ขึ้นมาโดยที่เอกชนไม่ทราบและ พัฒนาหรือ ขายพื้นที่ไปแล้ว ซึ่งเมื่อถูกตีกลับแก้ไขใหม่ยอมรับว่าเสียเวลาทั้ง ต้นทุนดอกเบี้ย และ ความน่าเชื่อถือของโครงการ ซึ่งบริษัทยอมรับว่า ติดEIA ในกรณีนี้ 2 โครงการ และ ต้องปรับแบบใหม่

ส่วนแนวทางแก้ปัญหา บริษัทจะไม่ลดขนาดพื้นที่ขาย หรือ ขนาดห้องลง แต่ จะ ใช้วิธี ลดขนาดพื้นที่จอดรถยนต์ลง เพื่อนำมาปลูกต้นไม่ นอกจากนี้ จะพิจารณาลดพื้นที่ว่างที่เป็นคอนกรีตทั้งหมด รวมถึงการนำระยะถอยร่นรอบอาคาร และระหว่างอาคาร ไปใช้เพื่อปลูกสวนป่าในโครงการ อีกทั้ง ริมเขตทางของถนนในโครงการทั้งหมด ซึ่งวิธีนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะ บริษัทมักสร้างอาคารไม่เต็มพื้นที่ รวมถึงที่จอดรถเกินมาตราฐานกฎหมายควบคุมอาคารที่กำหนดให้สร้าง 120ตารางเมตร/1คัน

อย่างไรก็ดีปลายเดือนนี้ สมาคมอาคารชุดไทยและ หอการค้าจะประชุมกันเพื่อหาทางออก และผ่อนปรนหลักเกณฑ์ดังกล่าว ให้ปฏิบัติเฉพาะรายใหม่ ที่ยังไม่ดำเนินการส่วน รายที่เตรียมยื่นขอหรือ อยู่ระหว่างยื่นขอEIA ให้ ใช้ เกณฑ์เดิม

จากคุณ : เซเรน่า แวน เดอร์ วูดเซ็น - [ 29 ม.ค. 51 16:58:53 ]