ความคิดเห็นที่ 1 อ้อ แล้วต่อท่อให้ระบายลงท่อน้ำทิ้งของบ้านครับ (ถ้าทำบ่อแบบปลอกปูนก็คงไม่ต้องทุบประตูบ้าน) จากคุณ : i-know-little - [ 30 มี.ค. 51 15:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วลูกตระกร้อหรือวัสดุที่จะให้เชื้อจุลินทรีย์เกาะ พร้อมทั้งปั๊มจะมีขาย ทั่วไปไหมครับ จากคุณ : i-know-little - [ 30 มี.ค. 51 16:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 บ่อเก่า ต้องขุดลอก(ซ้าย) บ่อใหม่ ให้น้ำซึม จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 30 มี.ค. 51 17:14:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Septic Tank สำเร็จรูปที่ใช้กันเดี๋ยวนี้ เป็นการรวมเอาบ่อเกรอะ (หรือบ่อกาก ถังด้านซ้ายของ คคห. 3) กับบ่อซึม (ถังด้านขวา) มาไว้เป็นถังเดียวกัน โดยการเพิ่มพื้นที่ผิวให้จุลินทรีย์พวก Anaerobic Bacteria เกาะอยู่บนวัสดุที่มีพื้นที่ผิวมากๆ ซึ่งเรียกว่า Media (ลูกตะกร้อ นั่นแหละครับ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยสลายและลดขนาดของบ่อลง โดยน้ำที่ผ่าน Media ก็จะถูกบำบัดและระบายทิ้งลงไปทางท่อระบายเลย ดังนั้นหากจะดัดแปลงก็เพียงแค่ต่อท่อจากบ่อซึมลงสู่ท่อระบายน้ำ และมี Media ใส่ลงในบ่อซึมเพื่อให้แบคทีเรียย่อยสลายของเสียที่ยังเหลืออยู่ Media หรือลูกตะกร้อ ควรเป็นวัสดุที่มีพื้นที่ผิวเมื่อเทียบกับปริมาตรมากหน่อย และไม่เปื่อยยุ่ยง่าย ต้องสามารถทนต่อกรดได้ เพราะน้ำเสียพวกนี้จะมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ หาง่ายที่สุดก็เศษท่อ PVC ตัดและผ่าครึ่งนั่นแหละครับ ส่วนถัง SAT เป็นการบำบัดน้ำเสียที่ใช้ Aerobic Bacteria ซึ่งต้องใช้ออกซิเจนในการดำรงชีวิตของเขา ข้อดีของระบบแบบใช้อากาศ คือ กลิ่นครับ เพราะก๊าซที่เกิดจะเป็นคาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนใหญ่ ต่างจากแบบไร้อากาศ ซึ่งจะได้ ไฮโดรเจนซัลไฟด์หรือก๊าซไข่เน่า กับมีเธน ซึ่งตัวแรกชื่อมันก็บอกอยู่แล้ว ส่วนข้อเสียของระบบใช้อากาศก็คือปั๊มอากาศที่ต้องเดินเกือบตลอดเวลา เพราะหากไม่มีออกซิเจนเมื่อไหร่ มันก็จะตายครับและก็จะกลายเป็นระบบไร้อากาศไป สำหรับตัวปั๊มนั้นก็เป็นปั๊มลมนี่แหละครับ แต่สิ่งที่จะทำให้ระบบทั้ง 2 แบบมักจะทำงานไม่เต็มที่ ก็คือ ความสะอาดครับ ในระบบอาจมีกลิ่นบ้าง แต่เมื่อเจอผู้หวังดีที่เอายาดับกลิ่นซึ่งผสมน้ำยาฆ่าเชื้อใส่ลงไปในระบบเมื่อไหร่ละก็ เชื้อที่มันกำลังย่อยสลายของเสียก็จะถูกทำลายไป ผลก็คือ ไม่มีแบคทีเรียที่จะย่อยสลาย ถังก็จะเต็มเร็ว แถมมีกลิ่นครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 30 มี.ค. 51 19:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมกลับมึความคิดเห็นว่า คุณเจ้าของกระทู้ไม่ควรที่จะทำบ่อบำบัดน้ำเสียเอง เพราะมันไม่ง่ายสําหรับช่างปูนที่จะวางท่อต่างๆให้อยู่ในระดับที่ต้องการ เเละเทหล่อไม่ดี หนือ ก่ออิฐถือปูนไม่ดีเกิดรั่วขึ้นมาเหม็นระเบิดเทิดเถิงครับ -ควรที่จะทุบรื้อประตู หรือ ช่องหน้าต่างเพื่อเอาถังบําบัดน้ำเสียเข้าไปในส่วนครัวหรือ หลังบ้าน จะดีกว่าครับ -ส่วนบ่อซึมเก่าก็ทําการสูบส้วมเอามูลออกจนหมดเเล้วถมทรายบิดบ่อให้เต็มทั้งบ่อเขรอะ,บ่อซึม -ช่วงระหว่างที่ทําการวางถังบําบัดฯเเละต่อท่อห้องนําเดิมมาบรรจบถังบําบัดน้ำเสียสําเร็จรูป เเนะนําให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนจนกว่าจะเสร็จในส่วนขุดวางติดตั้งถังบําบัดน้ำเสีย+บรรจบท่อห้องน้ำเเละต่อท่อขาออกลงท่อระบายน้ำ เพื่อให้ช่างที่มาทํางานมีความสะดวกมากขึ้นครับ ป.ล. ถังบําบัดน้ำเสียเเบบ รวมไม่ต้องเติมอากาศ ที่ซื้อใช้ขอเเนะนําให้ใช้เป็นยี่ห้อ AQUA หรือ P.P. เท่านั้น เพราะหลังๆมักลดต้นทุนเเละคุณภาพลงมาเยอะ เเละทั้ง2 ยี่ห้อนี้เป็นสินค้าที่ใช้อ้างอิง ในระบบสุขาภิบาล ในเเบบฯที่กําหนดใช้กันในปันจุบันครับ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 51 20:47:22 จากคุณ : pinhead2000 - [ 30 มี.ค. 51 20:30:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แบบที่คิดอยู่ตรงกับท่าน คห 3 เลยครับ แต่จะมีท่อจากบ่อซึมต่อไปที่ท่อระบายน้ำของบ้าน ซึ่งหลักการก็เหมือนถังสำเร็จรูปน่ะครับ จากคุณ : i-know-little - [ 30 มี.ค. 51 22:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องที่ท่าน คห 5 เกรงว่าจะรั่วซึมนั้น ผมยังเห็นว่าในเมื่อดินบริเวณนั้นอิ่มตัวไปด้วยน้ำแล้ว (ซึ่งก็เป็นเหตุให้ปัจจุบันน้ำไม่สามารถซึมออกจากบ่อได้) ก็ไม่น่าจะมีข้อแตกต่างหรือน่าจะทำให้เหม็นมากเนื่องจากในบ่อซึมเรามีการบำบัดแล้ว ผมต้องขอออกตัวว่าจริงๆไม่มีความรู้ลึกซึ้งกับระบบเลย อยากขอความรู้เพิ่มเติมอีกครับ จากคุณ : i-know-little - [ 30 มี.ค. 51 22:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ผมยังกลัวเหมือนกันเรื่องฝีมือช่าง การต่อท่อจากบ่อเกรอะไปบ่อซึม และบ่อซึมไปท่อระบายน้ำครับ จากคุณ : i-know-little - [ 30 มี.ค. 51 22:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การต่อท่อจากบ่อเกรอะควรต่อตามท่อสีฟ้าตามรูปใน คคห. 3 ครับ เพราะว่าน้ำเสียบางส่วนมีสารแขวนลอยที่เบากว่าน้ำ หรือเป็นพวกไขมัน ซึ่งหากให้ส่วนนี้หลุดไปบ่อซึมก็จะทำให้บ่อซึมเต็มเร็ว เนื่องจากในช่วงแรกที่อัตราการซึมดี ระดับน้ำในบ่อซึมจะต่ำไขมันก็จะไปซีลรูพรุนที่อยู่รอยบ่อทำให้ดินมีอัตราการซึมน้อยลง สำหรับการต่อท่อนั้นระหว่างบ่อเกรอะกับบ่อซึมมักจะใช้ท่อเดิม แต่ท่อระบายจากบ่อซึมเพื่อลงรางระบายต้องอยู่ต่ำกว่าปลายท่อ เพื่อไม่ให้ท่อระหว่างบ่อเกรอะกับบ่อซึมจมน้ำ แต่ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นการมาปรับปรุงทีหลัง ท้องรางระบายน้ำมักสูงกว่า ซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้มาก ช่างมักง่ายจึงใช้การเจาะบ่อเกรอะแล้ววางท่อออกมาเลย ผลก็คือ มันมีเนื้อออกมาด้วยสิครับ โดยเฉพาะในกรุงเทพมักจะทำกันแบบนี้ น้ำที่ออกมาจึงยังไม่ค่อยได้บำบัดเท่าไหร่ก็ลงคลองแล้ว น้ำจึงเน่าเสียง่ายครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 31 มี.ค. 51 00:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับ เอ บ่อแบบนี้ไม่จำเป็นต้องลงเข็มเหมือนกับถัง sat ใช่หรือไม่ครับ ถ้าไม่มีการทรุดก็ไม่ต้องติดข้ออ่อนไม่ทราบผมเข้าใจถูกหรือปล่าว จากคุณ : i-know-little - [ 31 มี.ค. 51 19:45:20 ]