ความคิดเห็นที่ 1 คลิ๊กอ่านกระทู้ในนี้ โดยละเอียด  ตามลำดับ ถกกันยาวพอสมควร แต่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้ ได้ประโยชน์มากๆ แล้วพึงพิจารณาด้วยตัวคุณเอง http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2007/08/R5751623/R5751623.html http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2007/09/R5776177/R5776177.html http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2007/10/R5884729/R5884729.html แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 51 07:52:40 จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 3 เม.ย. 51 07:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เข้าไปอ่านซะอิ่มเลย ขอบคุณคุณต้นโพธิ์ต้นไทรครับ (อ้อ ขอบคุณเรื่องเมล็ดต้นแก้วด้วยได้รับนานแล้วแต่ไม่ได้เข้ามานานเลยไม่ได้ตอบครับ ^^) จากคุณ : tooktoy - [ 3 เม.ย. 51 10:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 น้ำยาตัวนี้จะช่วยประหยัดไฟไปอีก 10-20% แล้วแต่แอร์   แอร์เก่าจะประหยัดเยอะ 20-30% ก็มี แอร์ใหม่ๆมันกินไฟน้อยอยู่แล้ว เลยไม่ลดเยอะ คงลดแค่ 13-15% เพิ่งติดแอร์ใหม่  ใช้น้ำยาที่มากับเครื่องนั่นแหละ  ใช้สัก 2-3 เดือนก่ิอน ถ้าค่าไฟมันแพงจริงๆแล้วค่อยคิดเปลี่ยนน้ำยา   ถ้าค่าไฟไม่แพงก็อย่าไปเปลี่ยน จากคุณ : คนปากช่อง (super yellow bird) - [ 3 เม.ย. 51 10:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในโรงงานเขาใช้ propane เป็นตัวทำความเย็นได้ - 30 c จากนั้นใช้ nitrogen ทำความเย็นต่อได้ -160 c ถ้าใช้ในบ้าน รถ อันตรายเพราะว่ามันติดไฟได้ง่าย จากคุณ : ควนโส - [ 3 เม.ย. 51 18:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มีหลักทางวิชาการอีกแยะให้วิเคราะห์ ผมเองเคยประสพพบเหตุ กับสารทำความเย็นในลักษณะดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ประมาณ 10 กว่า ปี ไม่อยากจะให้ขบคิดอะไรที่หนักหัวมาก ที่อยากให้คิดคำนึงคือ ที่ทำๆไป บริษัทผู้ผลิตเค้ารับประกันสินค้าตัวนั้นให้หรือไม่ กรณีใช้ งานผิดประเภท จากคุณ : ดาราเดช - [ 3 เม.ย. 51 23:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มันประหยัดได้จริง ๆ ครับ แต่ติดไฟง่ายคนจึงไม่ค่อยนิยม จากคุณ : Tomato_Rezz - [ 4 เม.ย. 51 21:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แอร์ใหม่ประกันจากบริษัทขาดนะครับ Name Plate ระบบชัดเจน R-22 ยกเว้นแอร์เก่าครับ พิจารณาเองครับ จากคุณ : Tar911 - [ 5 เม.ย. 51 10:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คณะกรรมการวิชาการสาขาเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เตือนวิศวกร ระวังสารทำความเย็นชนิดติดไฟได้ง่าย ในระยะที่ผ่านมา มีเหตุระเบิดของเครื่องปรับอากาศขณะทำการซ่อมบำรุง เนื่องจากเครื่องปรับอากาศได้ถูกเปลี่ยนสารทำความเย็นไปจากที่ผู้ผลิตกำหนด และเป็นสารทำความเย็นที่ติดไฟได้ง่าย โดยที่วิศวกรหรือช่างซ่อมบำรุงไม่ทราบ จึงขอเตือนวิศวกร และช่างทุกท่าน ก่อนเข้าซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศใดก็ตาม ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีการเปลี่ยนสารทำความเย็นไปจากสารมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนดให้ใช้หรือไม่ หากมีการเปลี่ยนไปใช้สารชนิดอื่นและไม่มีข้อมูลว่าเป็นสารที่ติดไฟได้ง่ายหรือไม่ ไม่ควรเข้าซ่อมบำรุงเครื่องนั้นอย่างเด็ดขาดเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการระเบิดทั้งต่อตนเองและผู้อื่น   ในปัจจุบัน มีการนำสารทำความเย็นชนิดที่ไม่ใช่มาตรฐานของผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศมาเปลี่ยนใช้เพื่อการประหยัดพลังงาน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าสารทำความเย็นที่นำมาเปลี่ยนนี้ เป็นสารติดไฟได้ง่าย (Flammable) โดยยังไม่แน่ชัดว่าเป็นสารเคมีชนิดใดแน่ หากเป็นสารทำความเย็นชนิดโพรเพน (Propane) หรือ บิวเทน (Butane) จะเป็นสารที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม A3 ตามมาตรฐาน ASHRAE Standard 15 (Safety Standard for Refrigeration Systems) ซึ่งเป็นสารที่มีการติดไฟในระดับสูงสุด อ่านข้อความเต็มได้จากลิงค์ http://www.eit.or.th/portal/index.php?option=com_content&task=view&id=261&Itemid=64 จากคุณ : powerlady - [ 16 เม.ย. 51 21:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ท่านสามารถติดต่อหน่วยงานดังต่อไปนี้ 1. คณะกรรมการวิชาการสาขาเครื่องกล วสท. www.eit.or.th 2. สมาคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย www.acat.or.th 3. ASHRAE Thailand Chapter www.ashraethailand.org คณะกรรมการวิชาการสาขาเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โทรศัพท์ 0-2319-2410 14 มีนาคม พ.ศ. 2551 จากคุณ : powerlady - [ 16 เม.ย. 51 21:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ควรใช้ครับ ที่อเมริกากับแคนนาดา ห้ามใช้ตามบ้านเรือนอาคาร ให้ใช้ในโรงงานได้เท่านั้น ทางยุโรปมีใช้กันบ้างแต่น้อยมากครับ หาอ่านรายงานการใช้ Cold 22 ของต่างประเทศได้ที่ http://www.arti-21cr.org/research/completed/exec-summaries/50025-es.pdf เป็นไฟล์ PDF น่ะครับ จากคุณ : April Slowly - [ 29 เม.ย. 51 02:22:01 ]