ความคิดเห็นที่ 1 รูปไม่ขึ้นขอลองใหม่ครับ จากคุณ : tee+ - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 12:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่พอไปถึงท่อเมนต์ที่จะขึ้นชั้น 2-3 มันเพิ่มขนาดเป็น 11/2" อย่างนี้ไม่ทำให้แรงน้ำลดลงเหรอครับ ตอบ.....ไม่ มันควรจะค่อยๆ ลดไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ตอบ .... ไม่ ที่เขาทำมาถูกต้องแล้ว เหตุผล คือ ท่อขนาดเล็กจะมีแรงต้านในเส้นท่อมากขึ้น เมื่อมีความยาวเพิ่มขึ้น เขาจึงเปลี่ยนเป็นขนาดให้โตขึ้น ซึ่งจะช่วยให้แรงต้านในเส้นท่อลดลง การไหลของน้ำในเส้นท่อ นั้น ถ้าอยู่ในระดับเดียวกัน ท่อที่โตกว่าน้ำจะไหลได้ดีกว่า ทีนี้ต้องมาทำความเข้าใจของคำว่า "น้ำไหลแรง"  กันก่อน เพื่อความเข้าใจให้ตรงกัน บางท่านบอกว่า ต้องท่อเล็กซิน้ำจึงไหลแรง ส่วนผมบอกว่า ต้องท่อใหญ่ซิน้ำจึงไหลแรง ดังนั้น ขอนิยามคำว่าน้ำไหลแรงเสียก่อน ว่า 1. น้ำมีความเร็วในการไหลขณะออกจากปลายท่อ ไม่น้อยกว่า 20 เมตร/วินาที 2. น้ำมีปริมาณการไหล ไม่น้อยกว่า 20 ลิตร ต่อนาที หรือประมาณ 330 cc ต่อวินาที สองอย่างนี้รวมกัน หมายถึงน้ำไหลแรง จะเห็นว่า มันมีปริมาณอยู่สองมิติคือ ปริมาณด้าน ความเร็วของการไหลขณะออกจากท่อ กับปริมาณ ความจุหรือจำนวนลิตร ต่อการไหลในหนึ่งหน่วยเวลา จากคุณ : น้าพร - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดูรปเบื้องต้น ต้องแก้เรื่อง Y-strainer ก่อนครับ  ติดผิด น่าจะมีลูกศรชี้ติดอยู่ที่ตัวกรองอยู่นะครับ ถ้าติดแนวตั้ง  น้ำจะต้องวิ่งลงครับ แต่ในรูปน้ำวิ่งขึ้น จากคุณ : Professor - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 วิธีแก้ ทำได้โดยติดปั้มอีกตัวหนึ่งขนาด 400 watt ขึ้นไป ท่อส่งไม่น้อยกว่า 1 นิ้ว ดูดน้ำจากถังเก็บด้านล่าง แล้ว feed ขึ้นไปด้านบน ให้ feed ขึ้นไปยังห้องน้ำบนสุด ชั้น สาม และชั้นสี่เท่านั้น ส่วนชั้นหนึ่ง  ชั้นสอง  นั้นให้ใช้ปั้มตัวเดิม อย่างไรก็ตาม ปั้มตัวเดิม จะยังไม่แรงสะใจ คงช่วยอะไรได้ไม่มาก ยกเว้นติดปั้มอีกตัว ให้จ่ายเฉพาะชั้นสอง แล้วปั้มตัวเดิม จ่ายเฉพาะชั้นหนึ่ง เท่านั้น อย่างนี้น่าจะแก้ได้ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่โรงแรมใหญ่ๆ เขาใช้กัน คือเขาจะมีท่อเมนใหญ่ 4 "  มาที่ห้องทุกห้อง แล้วจะแยกเป็นท่อ 1" จ่ายเข้าห้องน้ำในแต่ละห้อง จุดที่จ่ายน้ำเข้าห้องนั้น เขาจะมีปั้มแรงดันจ่ายน้ำเข้าไป หนึ่งห้อง ต่อหนึ่งปั้ม  โดยตลอด  น้ำจึงจะแรงโดยเสมอกัน สมกับเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง  5 ดาว ครับ ส่วนบ้านของ จขกท จะเป็น สี่ชั้น ปั้ม 3 ตัวครับ จากคุณ : น้าพร - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถามคนขาย rain shower ว่า spec เป็นอย่างไร ต้องมีกราฟ  flow  กับ  head loss ให้ ยกตัวอย่าง  grohe   27 174 จากคุณ : Professor - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จะมี spec ให้ จากกราฟจะเห็นว่า มันต้องการแรงดันน้ำ สูงถึง 5 bar หรือ  head  50 เมตร  อัตราการไหล  21 ลิตรต่อนาที จากคุณ : Professor - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ก่อนอื่นเลย ให้ถอดล้างทำความสะอาด ที่ปลายก๊อกที่ชั้น ๓ ก่อน ปลายก๊อกอาจจะตันจากเศษเลื่อยของการตัดท่อ pvc รวมถึงที่ฝักบัวด้วย ทั้งนี้ เพื่อจะได้รู้แรงดันน้ำที่ปลายก๊อกที่ชั้น ๓ ที่แท้จริงก่อน และที่ตัว stainner ที่คุณโปรบอกมา ให้ถอดไส้ภายในออกไปเลยก็ได้ เพราะต่อผิดแน่นอน แต่จะถอดและใส่ใหม่เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ถูกต้อง จะยากมาก เพราะเป็นช่วงสั้นมาก พอถอดไส้ออก stainner ตัวนี้ ก็จะมีค่าเพียงท่อธรรมดาๆเท่านั้น ทั้งนี้ หากบ้านคุณใช้น้ำประปา ก็ไม่มีเศษสิ่งสกปรกที่เป็นอันตรายกับปั๊มให้ต้องกรองแต่อย่างใด หากจะติดเรน ทางที่ดีที่สุดก็คือ ติดปั๊มอีกตัว ขนาด ๔๐๐ว. เดินท่อต่อตรงไปยังเรนที่ชั้น๓ เลย หรือหากจะติดเรนหลายห้อง ก็ใช้ปั๊มกรุนฟอสขนาด ๑ แรงม้าไปเลย ตอนช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมชั่น ได้ข่าวว่ากำลังมีราคาพิเศษน่าสนใจมากๆ ต่อตรงไปยังเรนโดยเฉพาะทุกห้องน้ำเลย การเดินท่อใหม่ ก็ไม่น่าเกลียดสำหรับทฮ. คือควรเดินท่อเกาะผนังด้านหลังขึ้นบนเลย ด้วยท่อขนาด ๑นิ้ว จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 15:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาดู ปั๊ม hitachi ที่มีขายทั่วไปดู รุ่นดีสุด ขนาด 400 Watt ยังไม่สามารถจ่ายน้ำให้กับ rain shower ที่เราเลือกได้  ถึงจะเอามาใช้ได้ ก็ยังได้นำไม่แรงสุดตาม spec ของ rain shower ดังนั้นต้องดูปั๊มตัวอื่น ที่ได้ตาม spec ถึงจะได้น้ำแรงสะใจ http://www.ppwater.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=33 จากคุณ : Professor - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 15:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การ feed น้ำโดยปั้มขนาดเล็กแบบนี้ ควร feed จากชั้นสี่ แล้วจึงลงมาชั้นสาม เพื่อให้ชั้นสี่แรงดีสม่ำเสมอ ส่วนชั้น สองกะสามนั้น ต้องใช้อีกเครื่องหนึ่งครับ (เสียเงินอีกแล้ว) เพื่อให้น้ำแรงและมากพอตามต้องการ ส่วนใหญ่ คนขายบอกว่าเครื่องเดียวพอ พอกะผีอะไร ไม่พอครับ ตัวเลขมันฟ้องอยู่ ปริมาณการไหล และแรงดัน ไม่พอตาม spec  แน่นอน ผมเคยเจอคนขายหลายราย  ไม่รู้เรื่อง ปริมาณอะไรเลย เอาแต่ โบชัวร์ มาให้ดูบอกว่า พอครับ พอแน่นอน ซึ่งเป็นคำพูดของคนไม่รู้จริง คือมันอาจพอถ้าเปิดก๊อกเดียว แต่ถ้าเปิดสองก๊อก จะไม่พอครับ ต้องคิดถึง loss ในเส้นท่อด้วย ความเห็นผมมีมากไว้ก่อน จึงจะดี  ไม่งั้นติดไป เสียใจภายหลังครับ นี่กำลังก่อสร้างบ้านให้ญาติของผมท่านหนึ่งอยู่ เอาไว้จะถ่ายรูปมาให้ดู ว่าระบบปั้มที่ผม ติดนั้นเป็นอย่างไร ข้อควรระวังของการใช้น้ำที่มีแรงดัน 5 bar นั้น ท่อต้องทนแรงดันได้มาก การต่อเชื่อมอุปกรณ์ ต่างๆ  ต้องใช้มืออาชีพ และใช้กาวอย่างดีเท่านั้น ต่อแล้ว ต้องทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หรือตามคู่มือของกาวกระป๋องนั้นๆ ต้องทำตามคู่มืออย่างเคร่งครัด ไม่งั้นรอยต่อท่อจะแตกเสียหายได้ง่าย ค่าต่างๆ คุณ porfessor เอามาแสดงให้ดูแล้ว ส่วน Y strainer นั้นผมดูก้อเห็นว่ามันแปลกๆ  ลองดูอีกทีว่า ลูกศรมันชี้ไปทางไหน  ตามรูปที่ถ่ายมานี้ มันจะต้องชี้ขึ้น เพราะท่อที่ต่อไว้นั้นเป็นท่อเข้าเครื่อง  ลูกศรต้องชี้ขึ้น จะถอดเอาตัวกรองข้างในออกซะก้อไม่เสียหลาย ถ้าน้ำที่เข้ามาสะอาดพอ ถ้าเป็นผม ผมจะใช้ตัวใหญ่กว่านี้ 3 เท่า แล้วจะต้องเปิดดูทุกๆ เดือนว่ามีอะไรมาขัดหรือปล่าว ถ้ามีวัสดุมาขัด ก็จัดแจงถอดออกมาเอาแปรงสีฟันเก่า มาขัดให้เอี่ยม จะช่วยป้องกันปั้มได้ ลำดับหนึ่ง จากคุณ : น้าพร - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 17:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 บอกก่อนนะครับว่า อันนี้เป็น วิธีติดตั้งเดินท่อประปาภายในบ้าน,อาคารที่สูง 3 ชั้น ที่ไม่มีชั้นดาดฟ้าบนอาคาร เป็นทีนิยมใช้กันเเละใช้งานได้ดี พวกช่างประปาทึ่ห้างร้านที่ทําธรุกิจเรื่องปั้มน้ำในเวิ้งฯนครเกษม นิยมใช้กันมากว่า50-60 ปี  ซึ่งเคล็ดลับการติดตั้งระบบประปาเเรงดันในบ้านมีหลายรูปแบบอยู่ที่งบเเละความต้องการของเจ้าของบ้านครับ............ซึ่งจะเล่าให้ฟังภายหลัง เป็นประสบการณ์ของช่างที่ทําอาชีพ งานประปาอาคาร จริงๆ การเดินระบบท่อเเรงดันภายในบ้านที่ดี ควรที่จะเดินตามเเบบในรูปครับ มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ข้อที่เด่นๆคือ 1. ไม่มีปัญหาการใช้น้ำในชั้น 3 เพราะเป็นจุดเเรกที่จ่ายมาจากปั้มน้ำออโตเมติก จึงไม่มีการเเย่งน้ำจากชั้นล่างทําให้น้ำไหลอ่อน ซี่งเป็นปัญหาน่าเบื่อที่มักเจอประจําๆ 2. ถึงจะมีการใช้น้ำในจุดชั้น 3 อยู่เเต่การใช่น้ำในชั้น 2เเละชั้นล่าง ก็ไม่มีปัญหากลับมีเเรงดันน้ำมากกว่าเดิมเสียอีกครับ ( ปริมาณน้ำในเส้นท่อน้อยลง เเรงดันน้ำยิ่งผลักดันน้ำลงมาเร็วเเละเเรงยิ่งขั้นครับ ) 3. การที่ช่างประปาเดิม เดินท่อใหญ่ถึงขนาด 11/2 นิ้ว ผมกลับมองว่า ช่างประปาที่นี้มืออาชีพมากกว่าครับ ท่อประปาใหญ่ค่าความฝืดในเส้นท่อยิ่งน้อยเเละขนาดท่อที่ใหญ่ รองรับการใช้น้ำในจุดต่างๆได้สบายๆ  ในวงการช่างจีนประปา ในสมัยก่อนมีการเเบ่งขนาดกับจุดก็อกหยาบๆดังนี้ครับ 1. ขนาด 1/2 นิ้ว หรือ 4 หุน รองรับก๊อกน้ำเเค่ 1 จุด 2. ขนาด 3/4 นิ้ว หรือ 6 หุน รองรับก๊อกน้ำเเค่ 2-3 จุด 3. ขนาด  1 นิ้ว รองรับก๊อกน้ำเเค่ 6 จุด 4. ขนาด  11/2 นิ้ว รองรับก๊อกน้ำเเค่ 8-12 จุด 5. ขนาด  2 นิ้ว รองรับก๊อกน้ำเเค่ 16 จุด ซึ่งการเเยกจุดท่อประปาเเต่ละชั้น ระบบประปาที่บ้านคุณเจ้าของกระทู้ก็สมเหตุผลดีครับ ( เเต่ถ้าเป็นผมเดินระบบ อาจจะเดินเป็น 1 นิ้วมากกว่าเเต่ก็อยู่ที่จํานวนจุดก็อกน้ำว่าห่างกันมากเเค่ไหน ) 4. ในเเต่ละชั้นก่อนที่จะจ่ายควรมีการติดตั้ง เกตวาลว์ปิด-เปิดน้ำ ไว้ด้วยเพื่อสะดวกในการตรวจเช็คเเละซ่อมบํารุง จากคุณ : pinhead2000 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 21:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนตัว  Y strainer  ช่วยกรุณานําไปติดตั้งหลังมิเตอร์ประปา( เเต่ตัว Y strainer ควรอยู่ภายในบ้านเรา ) ดูจะเหมาะสมกว่ามาติดตั้งที่ปั้มน้ำอย่างนั้นครับ กรณีคุณมีการใช้ถังเก็บน้ำสํารองก่อนที่จะใช้ปั้มน้ำ ก็ควรถอดทิ้งไปครับเพราะไม่มีความจําเป็นเเล้วครับ จากคุณ : pinhead2000 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 21:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ในความคิดเห็นที่ 10 การเดินท่อเเบบนี้ มักจะโดนพวกวิศวกรเกี่ยวกับงานระบบท่อ กลัวในเรื่องโหลดมอเตอร์ปั้มเเละเรื่อง เเรงดันน้ำในเส้นท่อที่อาจทําให้ปั้มเเละท่อเสียหาย อันนี้ผมว่ามันอยู่ที่ฝีมือช่างประปาที่ติดตั้งว่า มืออาชีพ หรือ มือสมัครเล่น หรือ ฝีมือชุ่ยมากกว่าครับ ส่วนปั้มน้ำ ที่ใช้งานบอกตามตรง ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเเบบไหนเหมาะสมที่สุด เพราะสภาพหน้างานเเต่ละที่ไม่เหมือนกันครับ เเละ สภาพพื้นที่ให้ติดตั้งปั้มเเละงานระบบมันมีข้อจํากัดมากๆ เพราะปัญหาการใช้ปั้มน้ำใหญ่ก็มีปัญหาตามมาเหมือนกัน ในกรณีคุณมีอุปกรณ์ที่ใช้น้ำน้อยๆ ช้าๆเช่น ชักโครก ปั้มที่ใหญ่เกินไปก็จะทํางานหยุดๆดับๆน่าเบื่อครับ ( วิธีเเก้ก็มีคือพยายามใช้ถังเเรงดันที่มีขนาดใหญ่ก็จบครับ )  ที่ผมมักไม่ค่อยเเนะนําตัวปั้มน้ำออโตเมติกเเบบทั่วไป  เพราะรุ่นที่ผมเเนะนํามันไม่เหมือนคนอื่นใช้ๆกัน พอเเนะนําไปก็มักเหมือนผมต้องรับบทเหมือนเป็นเซลล์ยี่ห้อนี้กลายๆไปเลยครับ และ กลายเป็นการประกันคุณภาพมาอยุ่ที่ผมเเทนที่จะเป้นเรื่องของบริษัทเจ้าของสินค้าไปซะมากกว่าครับ จึงมักจะเเนะนําเฉพาะคนที่รู้จักสนิทจริงๆเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 09:32:09 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 08:51:36 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 51 22:19:40 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 51 21:27:37 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 51 21:26:12 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 21:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อย่างตอนนี้ผมมักเเนะนําปั้ม CALPEDA รุ่นใหม่เเก่คนที่รู้จักๆให้ใช้เเทนปั้มออโตเมติกตามบ้าน  เพราะตัวปั้ม CALPEDA เป็นปั้มน้ำที่นิยมใช้กันมากในประเทศไทยครับ เรื่องอะไหล่ไม่น่ามีปัญหาครับ เเละ ปั้มยี่ห้อนี้คุณภาพก็ดีครับในวงการปั้มน้ำบ้านเรายอมรับคุณภาพครับ เเบบว่า มันมีข้อดีข้อเด่นหลายจุด เเละตอนนี้เป้นที่นิยมใช้กันทั่วไปที่ยุโรปเเละออสเตรเลีย ( ปั้มออโตเเบบถังไดอะเเฟรม ตกยุคเเล้วครับ ) ส่วนรายละเอียดไปดูที่ http://www.ppwater.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=13 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 08:54:15 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 51 23:39:16 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 21:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้ปั้มออโตเมติก  davey pump ยี่ห้อยอดฮิตยี่ห้อนึงใน ออสเตรเลีย (เคยผ่าเเล้วรวมๆออกแบบดีครับ ) แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 51 22:00:46 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 21:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หัวใจคือตัว Water Pump Controller เเบบ อีเลคโทรนิคส์ มี โฟลสวิทช์ควบคุมปั้มน้ำในตัวครับ จากคุณ : pinhead2000 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 22:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นตัว  Water Pump Controller ที่ถุกใช้ในปั้มหลายยี่ห้อครับ อบ่างในรูป ไปใส่ในปั้มของ davey pump รุ่นนึง จากคุณ : pinhead2000 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 22:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตัว Water Pump Controller เเบบ อีเลคโทรนิคส์ มีเเยกขาย( ทุกยี่ห้อที่เคยเจอตอนนี้ทําใน จีน หมดเเล้วครับ )  ราคาที่ขายประมาณ พันกลางๆครับ เอามาเเปลงใส่ปั้มน้ำขนาดไม่เกิน 1.5 เเรงม้าได้ครับ( ทนกระเเส Max. Current:10A , Max. Power:1.1KW  ) แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 51 22:45:41 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 22:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมใช้ แบบที่คุณ pinhead บอกมาครับ ซื้อมา 3 เครื่องร่วมสองปีแล้ว ยังใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหา ที่สำคัญ ตัวเครื่อง ไม่ใหญ่โต เพราะไม่มีหม้อลมครับ เครื่องสีเหลืองใน # 14 นั้น เห็นหลายครั้งแล้ว อยากได้อยู่ แต่ดูราคาแล้ว  ต้องเก็บเงินอีกหลายเดือน ที่ซื้อมาใช้เป็นของ italy ยี่ห้ออะไรจำไม่ได้แล้ว ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร B ครับ ใช้ดีมาก นี่จะต้องซื้อมาใช้อีก 3 ตัว กำลังเล็งอยู่ว่าจะซื้อแบบไหนดี ส่วนแบบที่มีถังนั้น คงไม่ซื้อแล้ว เพราะมันเทอะทะ อีกอย่างหนึ่ง ใช้นานไปถังมันผุ หาอะหลั่ยยาก ส่วนที่เป็น Electronic นั้น โอกาสเสียมีแน่นอนครับ ถ้าเสียไป ก็ซื้ออะหลั่ยมาเปลี่ยน เป็นยี่ห้ออะไรก็ได้ พอซื้อมา ก็ปรับแรงดันตามต้องการ แล้วขันเข้าไปแทนอันเก่าครับ ไม่ยาก จากคุณ : น้าพร - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 23:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ค่าย Grundfos ก็มีปั้มน้ำระบบนี้เหมือนกันครับ ( เเต่ราคามันเเพงครับ ) จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเนา (14) 10:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณสำหรับทุกความรู้มากครับ เดี๋ยวผมจะไปนั่งศึกษาพิมพ์เขียวต่อดูว่าจะปรับท่อได้ยังไงบ้าง ก่อนเปลี่ยนและติดปั๊มเพิ่ม จากคุณ : tee+ - [ วันเนา (14) 10:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อันนี้เป็น ชุดบูชเตอร์ปั้ม ที่ผมเสนอลูกค้าที่จะใช้กับอาคารบ้านพัก 2 ชั้นที่มีห้องน้ำค่อนข้างเยอะ เเละใช้ปริมาณน้ำค่อนข้างมาก( มีอ่างสปาขนาดใหญ่ 2 ชุด ) เเละ เจ้าของเน้นในเรื่องความเงียบ เเละ ไฮเทคประเภทเน้นดีที่สุด ผมเลยเซ็ทชุดนีให้เจ้าของบ้านสะใจไปเลยครับ( มันเป้นชุดปั้มฯระดับ เทพ + งานประกอบชุดปั้มที่โคดๆสวยลงตัวมากๆครับ ) ชุดปั้มนี้เป็นของ เยอรมัน รวมๆคุณภาพดีกว่าเจ้า กรุ๊ปฟอส เสียอีก เเต่ราคาคุณเตรียมยาดม,ยาหอม เวลาฟังราคาชุดปั้มฯครับ ( มีตัวเเทนฯในไทย เพียงเเต่บริษัทเเกมักเน้นขายปั้มอุตสาหกรรมเเละปั้มให้เเก่การประปาภูมิภาค เเละ การประปานครหลวง มากกว่าครับ เเต่ก็ลูกๆหลานเถ้าเเก่ในเวิ้งฯนครเกษม ทั้งนั้น) อัตราการสูบสูงสุดประมาณ    14    ลบม./ชั่วโมง,แรงดันสูงสุดประมาณ         106    เมตร ข้อเด่นของมัน คือ ความเงียบครับ มันทํางานเงียบมากๆชุดคอลโทรลเเรงดันน้ำ ไฮเทคมากๆครับ มีเซฟตี้ครบทุกจุด( มีโอเวอร์-อันเดอร์ โวลท์เตจด้วยนะ เเละมีเช็ควาลว์อย่างดีในตัว )ตัวมอเตอรืเป็นเเบบ ปรับรอบได้เเท้ๆ จริงๆ ระบบปั้มน้ำเเรงดันภายในบ้าน มันมีการพัฒนาไปเยอะครับเเต่บ้านเรายังวนเวียนเเต่ระบบเก่าๆ ที่มีข้อด้อยเยอะเเต่มีข้อดีอย่างเดียวคือ ถูก,หาซื้อง่าย เเละ ช่างพื้นๆทั่วๆไปสามารถคิดตั้งได้   บางครั้งผมละค่อนข้างหงุดหงิด กับมีการเเนะนําปั้มฯเเบบ ง่ายๆเกินไปเพราะมันมีโหลดการใช้เเต่ละบ้านไม่เหมือนกัน+การเดินท่อที่ไม่ถูกวิธีเท่าที่ควรนัก เเละอย่างการที่ห้องนี้มักเเนะนําการใช้ถ้งเก็บน้ำบนดิน เพราะความกลัวในถังเก็บน้ำใต้ดินกันเกินไป( หากคุณใช้ถังเก็บน้ำที่ได้คุณภาพมาตราฐาน+การขุดฝังติดตั้งถังเก้บน้ำได้ถูกวิธี มันมีข้อดีกว่าเยอะครับ+เราได้พื้นที่ด้านบนนําไปใช้งานอย่างอื่นได้ครับ ) แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 22:24:58 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 11:29:51 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 11:29:03 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 11:19:32 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 11:18:54 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 11:13:42 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเนา (14) 11:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ pinhead2000 ปั๊มในความเห็นที่ 21 ตัวละเท่าไหร่เหรอครับจะไปหาข้อมูลได้ที่ไหน [ผมเตรียมยาดม ยาหอม ไว้แล้วครับ : )] อ่อขออีกข้อครับ หลังจากดูพิมพ์เขียวอีกรอบแล้วรู้สึกไม่อยากเดินท่อใหม่เลยครับ ในกรณีนี้ผมจะเปลี่ยนไปใช้ปั๊มแรงๆ สักตัวจะพอไหวไหมครับ โดยที่บ้านถึงจะมีห้องน้ำ 4 ห้องแต่มีคนอยู่แค่ 2 คนครับ โอกาสใช้น้ำพร้อมๆ กันหลายจุดคงแทบไม่มี ตอนนี้ที่ชั้น 3 ดูน้ำไม่ค่อยแรงผมเข้าใจว่าเนื่องจากปั๊มที่ทางโครงการให้มาค่อนข้างแรงน้อยเกินไป (250W) เมื่อส่งมาถึงชั้น 3 โดยต้องผ่านชั้น 1-2 มาก่อนแรงเลยตกไปมาก ถ้าได้แนะนำรุ่นไหนดีสักกี่วัตต์ครับ เน้นความแรงของน้ำในการอาบแบบ Rain Shower ครับ งบประมาณไม่เกิน 20000 กำลังดี (เพราะต้องเก็บตังค์ไว้ซื้อของเข้าบ้านอีกหลายอย่าง) จากคุณ : tee+ - [ วันเนา (14) 11:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ยาดมคงไม่พอ ต้องใช้เครื่องชอร์ตหัวใจ 145,000 บาท จากคุณ : Professor - [ วันเนา (14) 16:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อืมมมม ถ้าราคานี้ผมยอมเดินท่อเพิ่มดีกว่าครับ : ) แล้วมีรุ่นอื่นแนะนำอีกไหมครับ Grundfos ตัวเดียวพอหรือเปล่า? มองไว้รุ่น CH4-50 หรือ 60PT พอไหมครับ บนเงื่อนไขที่ว่าเอาไปแทนตัวเดิม + บ้านผมคงไม่เปิดน้ำพร้อมกันหลายจุด (จะพยายามหลีกเลี่ยงการเพิ่มปั๊มเฉพาะชั้น 3 ถ้าไม่จำเป็น) จากคุณ : tee+ - [ วันเนา (14) 16:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ติดต่อที่นี้ครับ http://www.uhm.co.th/product/sub_category_product.php?categoryId=25032007_200234_983&id_=14072007_230231_135&productId=18072007_135058_845 ราคาลดเเล้วก่อนVAT 7 % ประมาณจ่ายเงินไป 10 หมื่นมีทอนเป็นเเค่หลักร้อยครับ( จริงๆค่าเดินท่อทั้งระบบฯในบ้านราคาก็ใกล้เคียงกันครับ เพราะใช้ท่อเหล็กเคลือบพีวีซี ของ มัตสุชิตะ พานาไลน์นิ่ง เกือบทั้งหมดเพราะที่เหลือก็เป็นท่อ สเเตนเลส เเละ ท่อทองเเดงหุ้มฉนวนความร้อน )เเบบเดินท่อประปา เเบบนี้ทีเดียวจบไปเลยไม่น้อยกว่า 30-40 ปีครับ แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 18:31:43 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 51 17:58:52 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเนา (14) 17:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ท่อเหล็กเคลือบพีวีซี ของ มัตสุชิตะ พานาไลน์นิ่ง มีทั้งเเบบเดินท่อในบ้าน เเละ เดินฝังท่อใต้ดิน( ท่อภายนอกเคลือบพีวีซี )  เเน่นอนคุณภาพดีกว่าท่อ HDPE เเละ PVC ครับ จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเนา (14) 18:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เจ้าของกระทู้คงต้อง หา spec ของ rain shower มาก่อนว่าใช้น้ำขนาดไหน ไม่งั้นก็ทำไรไม่ได้ ตอนนี้ลองเปิดน้ำที่ชั้นบนดูว่า อัตราไหลเท่าไหร่  แล้วมาดูกราฟของปั๊มตัวเดิม ก็จะทราบ head loss เอามาคำนวณปั๊มตัวใหม่ได้ จากคุณ : Professor - [ วันเนา (14) 19:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แล้วเราจะทราบอัตราการไหลออกมาเป็นตัวเลขได้ยังไงครับ ที่ผมเข้าใจคือต้องหาไรมารองน้ำแล้วจับเวลาเอาหรือเปล่าครับ? แล้วเอาไปวัดปริมาตรอีกที? จากคุณ : tee+ - [ วันเนา (14) 22:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 29 การต่อระบบท่อแบบใน คคห. 10 นั้น อาจเหมาะสำหรับระบบสูบน้ำที่ไม่มี Air Charger รวมถึงระบบสูบที่มีถังน้ำสำรอง ซึ่งตามความเข้าใจของผู้ที่ไม่ทราบด้าน Hydraulic ก็อาจจะคิดว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดี ปัญหาที่จะเกิดกับปั๊มที่มี Air Charger ก็คือ เมื่อ Air charger เริ่มป้อนอากาศให้ระบบเพื่อชดเชยกับที่ละลายไปกับน้ำมากเกินไป อากาศส่วนหนึ่งก็จะหลุดรอดจากถังอัดเข้าไปตามเส้นท่อ และลอยขึ้นสู่ที่สูง หรือในกรณีที่สูบน้ำจากเส้นท่อโดยตรงเมื่อมีน้ำในท่อน้อยซึ่งบางครั้งอาจมีอากาศปนอยู่ อากาศก็จะลอยขึ้นเช่นเดียวกัน เมื่ออากาศลอยขึ้นสู่จุดสูงสุดของช่วงท่อก็จะทำให้หน้าตัดการไหลลดลง ทำให้ความต้านทานการไหลหรือ Headloss มากขึ้น เพราะแม้ดูภายนอกท่อจะมีขนาดใหญ่แต่ภายในจะมีอากาศบรรจุอยู่ซึ่งอาจมากกว่าครึ่งท่อในกรณีที่ใช้แรงดันสูง ซึ่งทำให้ปั๊มต้องใช้พลังงานในการดันน้ำมากกว่าที่ออกแบบไว้ ดังนั้นในระบบนี้ต้องออกแบบเครื่องสูบให้ใหญ่กว่าที่ต้องการจริงมากพอสมควร และเปลืองท่อขาขึ้นโดยใช่เหตุ แต่ส่วนใหญ่ก็ทราบกันแล้วว่าท่อใหญ่จะให้ Headloss น้อยกว่าท่อเล็ก ดังนั้นหากต้องการแรงดันที่ชั้นบนสุดเท่าไหร่รวมถึงปริมาณ ก็ตั้งให้จุดนี้เป็นหลัก จากนั้นแรงดันและปริมาณสำหรับชั้นอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะแรงดันชั้นบนสุดก็คือแรงดันที่ปั๊มต้องจ่ายให้ได้ ปริมาณก็คือปริมาณการใช้น้ำรวมทั้งหมด ส่วนการลดแรงดันในชั้นล่างๆ นั้น หากง่ายเข้าว่าก็ใช้ Regulating Valve หรือวาล์วปรับแรงดันซึ่งอาจมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งอาจดัดแปลงโดยการใช้ Gate Valve โดยวาล์วตัวนี้จะต้องถูกหรี่ไว้เพื่อให้เกิด Headloss ตามที่ต้องการ แต่ควรจะมี Control Valve สำหรับปิดเปิดน้ำในแต่ละชั้น ส่วนวาล์วหรี่ หลังจากปรับแล้วก็ควรป้องกันไม่ให้ใครมาหมุนเล่นโดยไม่จำเป็น ซึ่งในกรณีนี้ก็จะสามารถเดินท่อ Main จากตัวปั๊มผ่านชั้นล่างข้นชั้นบน โดยไม่ต้องเดินท่อขึ้นชั้นบนก่อนจ่ายลงล่าง และสามารถออกแบบปั๊มโดยไม่จำเป็นต้องเผื่ออัตราสูบ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ วันเถลิงศก (15) 04:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 บางรุ่น,บางยี่ห้อ จะมีข้องอชี้ลง หรือ ตัวเรือนเป็นทองเหลือง( ส่วนตัวผมยังนิยมโลหะมากกว่าพสากติกครับ ) จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเถลิงศก (15) 09:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เเบบ ตัวเรือนโลหะทําด้วยทองเหลือง ขนาด 6 หุน ,1 นิ้ว แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 51 10:07:40 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเถลิงศก (15) 09:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เเบบ เหล็กหล่อเเบบนี้เป็นเเบบที่ผมนิยมกับงานปั้มน้ำขนาดใหญ่ๆเเละงานระบบท่อเกิน 4 ชั้นขึ้นไปครับ จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเถลิงศก (15) 10:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อย่างในรูป งานติดตั้งท่อดับเพลิง ชั้นบนสุดเเละที่จุดจ่ายท่อดับเพลิงก็จะมีการติดตั้ง AIR VALVE ไว้ด้วยครับ( ลูกศรสีเเดง เเละ จําเป็นมาก ) จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเถลิงศก (15) 10:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จริงๆ AIR VALVE พวกคุณเเละผม เคยเห็นกันทั้งนั้นเพียงเเต่พวกคุณไม่รู้ว่า มันคืออะไรเท่านั้น โดยเฉพาะบริเวณที่ยกสูงเช่น ที่สะพานต่างๆจะเห็นบ่อยๆครับ ในรูปที่เเนบ เป็นเเบบ DOUBLE AIR VALVE เป็นชนิดเหล็กหล่อ จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเถลิงศก (15) 10:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เเต่ระยะหลังๆ ท่อประปาเมนของ กปน.ผมมักจะเห็น AIR VALVE เป็นเเบบรูปทรงกระบอกแบบนี้ครับ ที่เห็นบ้านเราจะเป็นเเบบ ชุบสังกะสี hot dip ซะส่วนใหญ่ครับ เป็นอุปกรณ์อย่างนึงที่ผมอยากจะรื้อดูการทํางานภายในของมันครับ แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 51 10:33:37 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันเถลิงศก (15) 10:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 #28 เข้าใจถูกแล้วครับ เอาถังตวงแล้วจับเวลา จะได้ flow   เอาไปเทียบตาราง ก็จะรู้ว่า  total head เท่าไหร่ วัดความสูงของก๊อกน้ำที่เปิดเทียบกับปั๊ม แล้วก็จะรู้ head loss กับ  head ความสูง จากคุณ : Professor - [ วันเถลิงศก (15) 19:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Head ความสูง วัดจากความสูงของก๊อกน้ำที่เปิดเทียบกับปั๊มได้โดยตรงเลยเหรอครับ? เพราะในความรู้สึกของผมเวลาน้ำส่งมา สมมุติว่าความสูงสัก 9 เมตรสำหรับตึก 3 ชั้น แต่กว่าจะส่งมาถึงต้องผ่านท่อเลี้ยวคดมายาวกว่านั้นมาก ฉะนั้นผมเคยเข้าใจว่าต้องวัดจากความยาวของท่อกว่าจะมีถึงจุดที่เปิดน้ำจริงๆ ซะอีก จากคุณ : tee+ - [ 16 เม.ย. 51 18:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สูง 9 เมตร  คือ  head เนื่องจากความสูง มันจะมี head อีกแบบคือ head เนื่องจากความเสียดทานในท่อ ซึ่งก็คือ ท่อเลี้ยวไปมาในบ้านนั่นแหล่ะ ดังนั้นถ้าคุณอยากรู้ว่า head รวม  (head ความสูง + head ความเสียดทาน) เป็นเท่าไหร่ ก็ทำตามวิธีผมบอกได้เลย ไปเปิดก๊อกที่ชั้น 3 แล้วตวงน้ำว่าได้กี่ลิตร ต่อนาที ได้ flow แล้วก็เอาไปเปิดตารางใน #8 จะได้ total head ออกมา สามารถเอามาวิเคราะห์ได้ว่าควรจะเปลี่ยนปั๊ม หรือทำอย่างอื่นดี การวัดความยาวก็ใช้ได้ครับ แต่คุณต้องนับข้อต่อ วาล์วต่างๆ เข้าไปด้วยยุ่งยาก วัด flow เอานี่แหล่ะดีละ  (ในกรณีที่ปั๊มเดิม มี chart  head กับ flow) จากคุณ : Professor - [ 16 เม.ย. 51 22:17:47 ]