ความคิดเห็นที่ 1 ที่บ้านผม ถ้าล้างแอร์แล้วช่างบอกน้ำยาขาดนิดหน่อยผมโอเคนะ  มันต้องมีซึมบ้างล่ะ อย่างที่บอกเหมือนยางรถยนต์ แต่ย้ำว่าแอร์ตัวนั้นต้องใช้งานมากนานพอสมควรนะครับ ของผม ห้าปีขึ้น ถ้าล้างแล้วน้ำยาหายซัก 5-10 ปอนด์ ก็โอเค ทางวิเศษแอร์อธิบายแล้วก็ดีครับ จะได้สบายใจ จากคุณ : AWAGON - [ 17 พ.ค. 51 17:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บริการแบบนี้ ควรจะมีการแยกค่าน้ำยา กับค่าแรง คนละส่วนกัน การเติมน้ำยาโดยวิธีที่ประเทศพัฒนาแล้วทำกัน คือวัด super heat  ดูความชื้นในห้อง ดูอุณหภูมินอกห้อง และก็เช็ค full load amp  ถ้าทำได้ตามนี้แอร์จะมีประสิทธิภาพตาม spec +/- ไม่เกิน 5% เติมน้ำยาโดยดู ปอนด์ แรงดัน กับ full load amp เป็นวิธีไม่ได้มาตรฐาน จากคุณ : Professor - [ 17 พ.ค. 51 18:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 """ในระบบเครื่องอาาศทีมีการใช้ท่อน้ำ เชื่อมระหวาง คอยร้อนกับคอยเย็นโดยใช้ความร้อนหรือการเชือมด้วยแฟ  ซึงหากเชือมไม่ดีพอก็จะทำให้น้ำยาแอร์ซึมหรือรั่วได้""" ท่อน้ำ หรือ ท่อน้ำยาครับ ถ้ารั่วหรือซึมตรงนี้ น่าจะทำให้รั่วหรือซึมจนน้ำยาหมดจากระบบนะครับ ท่อทองแดง ไม่เหมือน ยางรถยนต์ แรงดันซึมออกไม่ได้ ถ้าซึมได้รั่วได้ ก็ต้องรั่วจนหมดเช่นกัน น้ำยารั่วตอนต่อสายยาง ที่เซอร์วิสวาวล์ ยังพอมีส่วนบ้าง แต่ก็ยังนับว่าดี ที่ได้มีการสอบสวนไต่ถามช่าง ไม่ได้โจมตีนะ แต่มีผิดให้เห็นนิดหน่อย ก็เลยต้องแย้ง จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 17 พ.ค. 51 18:14:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ : Professor ครับ ที่ว่า..การเติมน้ำยาโดยวิธีที่ประเทศพัฒนาแล้วทำกัน คือวัด super heat  ดูความชื้นในห้อง ดูอุณหภูมินอกห้อง และก็เช็ค full load amp  ถ้าทำได้ตามนี้แอร์จะมีประสิทธิภาพตาม spec +/- ไม่เกิน 5%และ..เติมน้ำยาโดยดู ปอนด์ แรงดัน กับ full load amp เป็นวิธีไม่ได้มาตรฐาน นั้น ผมสนใจองค์ความรู้ตรงนี้ไม่ทราบว่าต้องศึกษาจากที่ไหน หรือค้นคว้าอย่างไร..แนะนำด้วยครับ จากคุณ : Service Guy - [ 17 พ.ค. 51 21:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 #4 ถ้าสนใจ ต้องมีความรู้พื้นฐาน ของสสารก่อน ระบบแอร์จริงๆ แล้วใช้ความรู้พื้นฐานเกือบหมด ถ้าเข้าใจพื้นฐานของสสารก็เข้าใจง่ายๆ สสารมีอยู่ 4 สถานะ 1.Solid  ของแข็ง 2.Liquid ของเหลว 3.Vapor ไอ 4.Plasma ของเหลวก็แบ่งเป็น  subcooled liquid   saturated liquid ไอก็แบ่งเป็น  saturated vapor   กับ superheat สสารเปลี่ยนสถานโดยความดันและอุณหภูมิ   สองตัวนี้เกี่ยวข้องกันอย่างมาก การจะเข้าใจสารทำความเย็น ต้องทำความรู้จักกับน้ำก่อน น้ำเป็นตัวอย่างสารทำความเย็นที่เห็นได้ชัด น้ำเป็นน้ำแข็งที่ 0 องศา  คุณสามารทำให้น้ำแข็งกลายเป็นไอได้  โดยที่น้ำไม่จำเป็นต้องกลายเป็นของเหลวก่อนได้ โดยการลดความดัน น้ำธรรมดา อยู่ในอุณหภูมิห้อง กับความดันบรรยากาศ  เป็น subcool liquid น้ำธรรมดา  ถ้าลดความดัน มันก็เดือดได้  หรือ เพิ่มอุณหภูมิ มันก็เดือดได้ น้ำเดือด  เทียบได้กับสารทำความเย็นเดือดใน evaporator น้ำควบแน่น เทียบได้กับสารทำความเย็นควบแน่นใน condensor เอาเป็นว่าคุณไปหาข้อมูลจาก google ให้เข้าใจ ศัพท์ที่ผมกล่าวไปแล้วก่อนดีกว่า  และถ้าจะให้ดี คุณควรบอกพื้นฐายของคุณมาก่อนว่ารู้เรื่องแค่ไหน จะได้แนะนำถูก http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2007/11/R6034087/R6034087.html http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R6505699/R6505699.html จากคุณ : Professor - [ 17 พ.ค. 51 22:50:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมซื้อและติดตั้ง แอร์ตัวนี้จากทางวิเศษแอร์ อายุการใช้งานประมาณ 1 ปี 4 เดือนครับ เป็นการล้างครั้งแรก จากคุณ : banyoun - [ 17 พ.ค. 51 23:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆ ถ้าอยากเพิ่มคุณภาพแบบสุดๆ และลดการรั่วซึม น่าจะลงทุนขนถัง Nitrogen ไปติดตั้งด้วย เมื่อติดตั้งท่อเสร็จก็อัด Pressure เข้าไปสัก 2.8 MPa ตรวจหารอยรั่วแบบ slow leak ได้สบายๆ... เสร็จแล้วปล่อยออก แล้วค่อย Vaccuum Nitrogen ท่อละไม่กี่บาท... เหอๆ จากคุณ : jOnEz - [ 18 พ.ค. 51 08:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นไปตามที่คาดไว้แต่เริ่มแรก ว่าต้องได้รับคำตอบเช่นนี้ ในความ เป็นจริงหากมีการรั่วตามนั้น ทางบริษัทเองต้องรับผิดชอบ โดยเติม สารทำความเย็นให้ฟรี ไม่คิดเงิน เพราะบริษัทเป็นคนติดตั้งเองหาใช่ ใครอื่น การตรวจวัดระดับแรงดันของสารทำความเย็นต้องกระทำทั้ง ก่อนและหลังล้างเสร็จ จากนั้นนำมาเปรียบเทียบค่าที่วัดได้ จึงจะสรุป ได้ว่าเกิดการรั่วไหลในระบบจริง และการตรวจรั่วต้องกระทำทุกจุด ไล่ ไปตั้งแต่ บริเวณเซอร์วิสวาล์ว ( ที่ผมเคยตั้งข้อสังเกตว่าเล่นมุกง่ายเกิน ไป ) หรือบริเวณแฟลร์นัต ( จุดนี้ต้องรื้อหลายขั้นตอน ) และที่สำคัญ ควรให้ลูกค้าได้เห็นขั้นตอนและวิธีการอย่างละเอียดว่า เป็นจริงตามที่ แจ้ง  ขอทำความกระจ่างอีกนิดนึง ในเรื่องการเติมสารทำความเย็นเข้าไปใน ระบบใช้เกณฑ์ใดเป็นมาตรฐาน 1.การเติมสารทำความเย็นแบบ subcool และ superheat แม้จะเป็นวิธี ที่บรรดานักวิชาการต่างๆ พยายามแสดงให้เห็นว่าเที่ยงตรงที่สุด แต่ใน ทางปฏิบัติหน้างานจริง ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะเราต้องหาความสามารถ ของระบบ ให้ได้ ก่อนจะนำค่าทั้งหมดไปพล็อตในตารางชนิดของ สารทำความเย็นนั้นๆ ที่สำคัญเราต้องวัดอุณหภูมิสารทำความเย็นใน หลายๆ จุด  อย่ามักง่าย เอาเทอร์โมมิเตอร์ไปวัดอุณหภูมิพื้นผิวท่อ เหมือนอย่างบทความของบรรดานักวิชาการหลายๆคน เพราะค่ามันจะ ไม่เที่ยงตรง ต้องเอาเเพรสเชอร์ทรานส์ดิวเซอร์วัดในแต่ละตำแหน่ง จากนั้น ใช้อุปกรณ์ดาต้าล็อคเกอร์เป็นตัวเก็บข้อมูลในแต่ละช่วงของ การทำงาน ( ผมไม่อยากลงลึกในรายละเอียด เพราะต้องอ้างอิงศัพท์ วิชาการอีกยืดยาว เอาแบบเข้าใจง่ายๆ ว่ามันยุ่งยาก หากว่างๆจะนำไป โพสที่ห้องหว้ากอ เพราะผมเองก็เคยวัดมาก่อน วิธีนี้จึงเหมาะกับห้องทดสอบมากกว่า และเมื่อได้ค่าที่ถูกต้องแม่นยำ ก็จะนำมาใช้อ้างอิง ในการเติมสารทำความเย็นหัวข้อถัดไป ) 2.การเติมแบบชั่งน้ำหนัก 3.การเติมแบบใช้วิธีดูจากแรงดันทางด้านต่ำ และกระแสของ คอมเพรสเซอร์ประกอบ  อีกเรื่องวิธีในหัวข้อที่ 1 ไม่ว่าจะประเทศพัฒนาแล้วหรือยังไม่พัฒนา หรือจะดาวอังคาร ก็ยังไม่สะดวกสำหรับการกระทำในวิธีดังกล่าว แม้ใน ปัจจุบันจะมีเครื่องมือที่ใช้วัดค่าแต่ละค่า จากนั้นเครื่องจะคำนวณให้ เสร็จสรรพว่า เป็นเท่าไหร่ ก็ไม่ค่อยมีใครนิยมใช้กันแพร่หลายนัก แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 51 13:19:00 จากคุณ : ดาราเดช - [ 18 พ.ค. 51 12:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณดาราเดช 1. บทความนักวิชาการที่คุณกล่าวถึงว่าเอาเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิผิวท่อ  ขอให้ช่วยอ้างอิงด้วย   เพราะการวัดแต่ละแบบมันมีความแม่นยำไม่เท่ากัน มีเทคนิกหลายๆ อย่างที่ทำให้การวัดอุณหภมิผิวใกล้เคียงกับอุณหภูมิในท่อ คุณอย่ามามั่วว่ามันไม่แม่นยำ ไปทั้งหมด นักวิชาการดีๆ จะเสียกำลังใจเปล่าๆ คุณว่ามันไม่เที่ยงตรง นี่คือผิดพลาดไปกี่องศาครับ ? แล้วตอนที่คุณทดลองวัดคุณใช้หัววัดอุณหภูมิแบบไหน เจาะท่อวัดข้างในเลยรึเปล่าครับ ถ้าแบบนั้นมันก็เหมาะกับงานห้องทดสอบมากกว่า สำหรับระบบแอร์ที่เป็น unknown system  การชาร์จน้ำยาแบบนี้ ผมว่าไม่ได้ยากเกินไปเท่าไหร่เลย  มี pressure gage กับ Thermocouple ซักชุดที่มีความแม่นยำ กับอุปกรณ์อีกเล็กน้อย ก็จะทำให้การดูค่า subcool กับ superheat มีความแม่นยำพอสมควร  น่าจะได้ถึงระดับ +/- 1 องศา อีกทั้ง subcool กับ super heat ช่วยวิเคราะห์ความบอกพร่องของอุปกรณ์ในระบบได้ด้วย รู้ subcool รู้ super heat ยังไม่พอที่จะชาร์จน้ำยาได้แม่นยำ ต้องรู้อีกหลายๆ อย่างคือ  ความชื้นในห้อง อุณหภูมิในนอกห้อง 2. การเติมแบบชั่งน้ำหนัก  อันนี้น่าจะแม่นที่สุด เพราะผู้ผลิตทดสอบมาแล้ว แต่ มีผู้ผลิตกี่เจ้าที่บอกน้ำหนักสารทำความเย็นติดมากับเครื่อง ถึงแม้จะเติมน้ำยาทำความเย็นตามกำหนด แต่ไม่ได้ความเย็นตาม spec ก็ต้องมาดู subcool กับ superheat อีกทีว่า มีปัญหาอะไร 3. การเติมแบบดูแรงดันทางต่ำ กับกระแสคอมเพรสเซอร์ อันนี้มีความผิดพลาดสูงแน่ๆ    เพราะว่าคุณเติมน้ำยาตอนอากาศร้อน  กับอากาศเย็น คอมเพรสเซอร์ กินไฟฟ้าไม่เท่ากัน     ตอนอากาศชื้น กับอากาศแห้ง  ความดันทางต่ำก็ไม่เท่ากันอีก ซึ่งถ้าเติมเพื่อให้แอร์เย็น  ผมว่าเป็นวิธีที่ ok   แต่การจะเติมให้ได้ประสิทธิภาพดีเป็นไปได้ยาก แอร์ประสิทธิภาพเปลี่ยนแปลงไป 10%  คนเราสังเกตุไม่ออกหรอก ต้องใช้เครื่องวัด สำหรับวิธีที่คุณว่าบนดาวอังคารไม่สะดวกจะใช้วิธีการวัดแบบนี้ ผมไม่เห็นด้วย อย่าลืมว่า เราส่งยานไปดาวอังคารด้วยเครื่องมือวัด และกระบวนการวัดที่แม่นยำ สมัยก่อนเครื่องมือวัดเราห่วยกว่านี้  มนุษย์ยังส่งคนไปดวงจันทร์ได้ เพราะเรารู้ขีดความสามารถเครื่องมือวัด และมีวิธีการที่จะจัดการกับขีดจำกัดของเครื่องมือวัดนั้นๆ สำหรับระบบแอร์บ้าน ก็คงไม่ค่อยนิยมใช้ตามคุณว่า เพราะว่า ชาวบ้าน ไม่รู้หรอกว่าแอร์ของตัวเอง ไม่ได้ประสิทธิภาพตาม spec ขอให้แอร์เย็นเป็นใช้ได้ ค่าไฟไม่แพงเกินไป ถ้ามีช่างที่เติมน้ำยาแบบ 3 แบบที่คุณว่ามา คุณจะเลือกช่างคนไหน ? จากคุณ : Professor - [ 18 พ.ค. 51 14:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลองย้อนกลับไปอ่านข้อความของผมในกระทู้ใหม่ อีกครั้งแล้วจะเข้าใจ โดยเฉพาะตรงหัวข้อวิธีการทดสอบ  เพราะเรากำลังพูดกันถึงหน้างานจริงสำหรับเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก หากการตั้งข้อสังเกตของผมไปพาดพิง ใครก็ขออภัย( ก็มันจริงนี่หนา)     ในห้องนี้ การตอบเป็นไปในลักษณะช่วยเหลือ จุนเจือ ผมไม่อยากมานั่ง ทะเลาะ อวดภูมิปัญญา ที่สำคัญการตอบกระทู้ของผม ตรงไปตรงมา ทั้งนี้เป็นผลมาจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ จึงนำ มาบอกต่อ หลายๆท่านที่คลุกคลีในห้องชายคาจะทราบดี จากคุณ : ดาราเดช - [ 18 พ.ค. 51 17:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมถามข้อมูล คุณก็ตอบไม่ตรงประเด็น   ตอบมาตรงๆ ก็ไม่น่าจะ้ยากเย็นอะไรเลย ถามจริงๆ คุณรู้หรือเปล่าว่า ทำไมการวัดอุณหภูมิที่ผิวท่อถึงไม่แม่นยำ ? ถ้าคุณรู้ว่าทำไม คุณก็จะรู้ว่า ถ้าจะทำให้มันแม่นยำอยู่ในระดับที่ต้องการ จะต้องทำอย่างไร คนอ้างว่า สัมผัสทฤษฎีหรือปฏิบัติ มา  ผมไ่ม่เคยเชื่อ จนกว่าคนนั้นจะอธิบายเหตุผลที่น่าฟัง และถ้าจะให้เชื่อมากขึ้น ต้องแสดงวิธีการคำนวณ ผล พร้อมเหตุผลได้ด้วย การกล่าวอ้างอะไรควรอ้างอิงถึงที่มาด้วย ไม่ใช่กล่าวอ้างลอยๆ หน้างานจริงๆ ทดลองวัด super heat หรือ subcool ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เสียเวลาเพิ่มไม่กี่นาที เอาข้อมูลมาให้ดู แอร์  24,000 btu ของแคเรียร์ ก็อ้างอิงการชาร์จน้ำยาแบบ superheat ผมไม่รู้ว่า แอร์ 2 ตัน นี่มันขนาดเล็กหรือเปล่า จากคุณ : Professor - [ 18 พ.ค. 51 18:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับวิเศษแอร์แล้วเชียว  เพราะตอนนี้เจอช่างล้างแอร์ที่ดีแล้ว   มาเจอกระทู้นี้เข้า  ก็เลย searh หาอ่านกระทู้เดิมของคุณ banyoun  จนเจอกระทู้ที่ R6596927  ก็ไปอ่านดูแล้วด้วยความที่ยังเจ็บใจไม่หาย เพราะเคยใช้บริการล้างแอร์ของวิเศษแอร์เหมือนกัน  ประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว   เราก็ไม่มีความรู้เรื่องแอร์เลย  ช่างมันมากันสองคน จำได้ดีคนหนึ่งมีรอยเย็บเป็นแผลยาวที่แขน   มันล้างแอร์ตัวในเสร็จ  มันก็บอกเสร็จแล้ว  เราก็ถามว่า  แล้วตัวนอกไม่ล้างหรือ  อีกคนมันก็บอกล้างแล้ว  เราก็งงว่ามันล้างตอนไหนวะ  ซึ่งก้เถียงไม่ได้  เพราะต้องคอยเฝ้าดูไอ้คนที่กำลังถอดล้างแอร์ตัวในที่ในห้องนอนอยู่  ไม่ไว้ใจมันเหมือนกัน   พอมันบอกล้างเสร็จแล้ว  มันก็ออกมาเช็คน้ำยาแอร์  แล้วก้ให้เราดูพร้อมบอกว่า  น้ำยาแอร์น้อยเกินไป  ต้องเติมอีก 20 ปอนด์  แล้วมันก้เอาถังมาเติมน้ำยา  เสียบอยู่ครุ่เดียวเอียงถังไปมาไม่ถึง 5 นาที ก็บอกเสร็จแล้ว  ก้สงสัยอยู่เหมือนกัน  ทำไมมันไวจังวะ แต่ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องแอร์เลย  เพราะเพิ่งติดครั้งแรกมาได้ประมาณ ปีกว่าๆ พอหมดประกันกับร้านที่ติดตั้ง ก้เลย search หาร้านแอร์ที่น่าจะเชื่อถือได้ทาง internet และลองเรียกช่างจากร้านวิเศษแอร์ดู    เลยได้แต่เก็บความสงสัยไว้แล้วจ่ายตังไปตามที่มันเรียก  ค่าล้าง 400 น้ำยา 700          หลังจากโดนฟันไปแล้ว  ที่นี้ก็เลยเริ่มใช้ปากให้เป็นประโยชน์  เริ่มสอบถามเพือนฝูงเพื่อหาช่างแอร์ที่ดี จนตอนนี้ก้ไปได้ช่างแอร์ที่ทำงานอยู่หน่วยงาน่ของรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้รับจ้างล้างแอร์  เพราะต้องทำงานประจำ  แต่ก็มาช่วยล้างให้ช่วงวันหยุด  ครั้งแรกที่มา ก็ ok เลย  ถอดล้างตัวนอกตัวใน แบบถอดหมดเอาออกมาล้างเลย เพราะเขาบอกว่า มันสกปรกมาก (ก็จะไม่สกปรกได้อย่างไร เพราะเราเว้นไปปีกว่าไม่ได้ล้างเลย)  เราก็กลัวเหมือนกันว่าเขาจะประกอบเข้าไปได้หรือป่าวหว่า  พอล้างเสร็จทดลองเปิด  ก็โล่งใจทำงานปกติ  และรู้สึกจะเย็นเร็วกว่าเก่าด้วย    ซึ่งตอนล้างเสร็จก็ลองถามเรื่องน้ำยาแอร์  เขาก็ไปตรวจให้  ซึ่งเราก็ไม่ได้พูดอะไร  เพราะอยากจะดูว่า  เขาจะฟันเราหรือป่าว   พอเขาเสียบเครื่องวัดเสร็จ เราก็ถามว่า  มันต้องเติมหรือป่าว  เขาก็บอกว่า  ต้องรอให้เครืองแอร์ทำงานและน้ำยาแอร์มันเดินสักครู่ก่อน  แล้วก็ให้ดูว่า ตอนเสียบเข้าไป  น้ำยาแอร์มีอยู่ไม่ถึง 50 ปอนด์  แล้วมันก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 70 กว่าปอนด์  เขาก็บอกว่า  ยังไม่ต้องเติมหรอก  ซึ่งพฤติกรรมต่างกับช่างของวิเศษแอร์มาก    ตอนนี้ก็เลยใช้บริการประจำกับช่างคนนี้  และก็ยังแนะนำให้เพื่อนๆ ใช้บริการกับคนนี้ด้วย ซึ่งก็ได้รับคำชมมาเช่นกัน         สำหรับวิเศษแอร์ก็คงจะอยู่ในความทรงจำ ที่พร้อมจะมาย้ำเตือนคนอื่นๆ  ให้ระมัดระวัง  แต่ถ้าใครอยากมีประสบการณ์ของการโดนฟัน  ก็ลองเรียกใช้บริการดูก้แล้วกัน จากคุณ : ajaj - [ 18 พ.ค. 51 23:38:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ร้าน วิ ... นี่ผมก็โดนฟันค่าแอร์ 2 ตัวแพงกว่าร้านอื่นรวมกันเกือบ หมื่นบาท แถมล้างใหญ่ 2 ครั้ง แจ้งให้มาล้างใหญ่ ช่างที่มา มาล้างเล็ก (ล้างแต่ตะแกรงกันฝุ่น บอกไม่ต้องล้างข้างใน เพราะมันไม่สกปรก) เสร็จแล้วคิดเป็นล้างใหญ่เฉยเลย โวยไปหลายรอบไม่เห็นสนใจ ตอนนี้เข็ดแล้วกับร้านนี้ ไม่น่าจะอยู่มาได้ตั้ง 16  ปี .... จากคุณ : Yongy (Yongy) - [ วันวิสาขบูชา 23:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 การโดนฟันเรื่องน้ำยาแอร์ขาดคงไม่ใช่เฉพาะร้านที่ว่ามาหรอก ของผมเคยโดนเหมือนกันเป็นร้านที่อยู่ในทำเลใกล้บ้าน ผมว่ามุกนี้ช่างที่มาล้างแอร์ใช้กันแทบทุกคน จากคุณ : alien1200 - [ 20 พ.ค. 51 14:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การโดนฟันเรื่องน้ำยาแอร์ขาดคงไม่ใช่เฉพาะร้านที่ว่ามาหรอก ของผมเคยโดนเหมือนกันเป็นร้านที่อยู่ในทำเลใกล้บ้าน ผมว่ามุกนี้ช่างที่มาล้างแอร์ใช้กันแทบทุกคน จากคุณ : alien1200  - [ 20 พ.ค. 51 14:40:12 ] เกือบโดนแล้วครับ สด ๆ ร้อน ๆ หลานสาวเรียกช่างมาล้างแอร์ ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที เสร็จ ราคา 400 บาท แล้วแจ้งว่า มีน้ำยาขาดอยู่ 30 ปอนด์ จะเติมไปเลยหรือเปล่า หลานสาวก็โทร. มาถามว่าจะให้เขาเติมหรือไม่ ผมก็ตอบหลานสาวไปว่า ถ้าแอร์ยังเย็นอยู่เหมือนปกติ ก็ไม่ต้องเติม สรุปแล้วตือไม่ต้องเติม รอดตัวไปอีกครั้งหนึ่ง ก็เลยต้องยืมคำพูด คุณ alien1200 "ผมว่ามุกนี้ช่างที่มาล้างแอร์ใช้กันแทบทุกคน" จากคุณ : pearth - [ 25 พ.ค. 51 11:55:51 ]