ความคิดเห็นที่ 1 ผิวหน้ามันขัดผิวเคลือบมาแล้วครับ... ผิวข้างล่าง และขอบสันหินครับ ที่ยังไม่ได้ขัดเคลือบ มันยังมีรูพรุนในเนื้อหิน ซึ่งเรามองด้วยตาไม่เห็น.... ตรงใต้แผ่นหิน และขอบ จึงต้องทารอบครับ...เพื่อป้องกันการซึมของน้ำปูน หรือตลอดไปจนถึงความชื้นที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วไปทำให้มีปฏิกริยาทางเคมีในแผ่นหินได้ จากคุณ : minimalist - [ 15 มิ.ย. 51 17:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อยากเเนะนําว่า คําว่า "  น้ำยากันซึม "  ในความหมายคุณคืออะไร???? ในงานปูหินเเกรตนิต,หินอ่อน สิ่งที่เรากลัวคือความชื้นจากพื้นดินซึมผ่านพื้นคอนกรีต ขึ้นมาที่เเผ่นเเกรนิต,หินอ่อน ( โดยเฉพาะหินอ่อนคุณควรจะต้องทําการบ้านในการปูมากๆครับ ) สิ่งที่เราควรคํานึงเเละระวังคือ การป้องกันความชื้นจากชั้นพื้นดินผ่านพื้นคอนกรีตขึ้นมาครับ ผมทํางานก่อสร้าง ไม่คยเห็นใครเอาน้ำยากันซึมมาที่ผิวข้างล่าง และขอบสันหินครับ????( เพราะไม่รู้จะทาไปทําไม เเละ มีผลเสียต่อการดูดยึดติดของปูนซิเมนต์ที่ปูพื้นเเผ่นเเกรนิต,หินอ่อน มากกว่าด้วยซ้ำไปครับ ) เเผ่นพื้นเเกรนิต,หินอ่อน ตัวขอบเป็นในลักษณะภาษาช่างเรียกว่า เป็นเเบบขอบตัด เวลาต่อชนเราสามารถวางเเผ่นพื้นเเกรนิต จับชนติดกันได้เลยครับ( ไม่ต้องมีเว้น ) เมื่อเราทําการขัดมัน,ขัดเงาพื้นหินเเกรนิต,หินอ่อน รอยต่อระหว่างจะสนิทมากๆครับ ตามที่คุณเห็นในงานพื้นหินอ่อนที่เห็นกันทั่วไปครับ ในงานปูพื้น เเกรนิต,หินอ่อน เราควรทําการบ้านโดยก่อนที่เราจะเทพื้นชั้นล่าง( กรณีบ้านหลังนี้ไม่มีการยกพื้นบ้านชั้นล่างยกสูง )ควรที่จะมีการรองปูพื้นด้วยเเผ่นพสากติกเสียก่อน งบมากหน่อยก็ก็ทําปูระบบแผ่นกันซึมชนิดเป่าไฟ (Membrane)ที่ในชั้นปูนรีน ก่อนที่จะผูกเหล็กเทพื้นชั้นล่าง หรือ พื้นชั้นห้องน้ำ ( ตามสถานที่ อาบอบนวด,งานห้องน้ำตามงานโรงเเรม จะนิยมใช้การกันซึมเเบบนี้ครับเพราะมีการกันซึมที่ดีที่สุดครับ  ) ส่วนหินอ่อน ควรที่จะต้องระวังเป็นพิเศษครับ เพราะชื่อมันก็บอกว่า" หินอ่อน " เร็วๆนี้ผมมีงานอินทีเรียบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งผมได้เตือนทางเจ้าของบ้านเเล้วว่า ห้ามปุพื้นหินอ่อนชิดติดวงกบประตู หากจําเป็นจะวางต่อชนกับพวกงานไม้ ควรที่จะมีตัวรองกั้นบังชั้นหนึ่ง เเต่ทางท่านสถาปนิกยืนยันว่าไม่จําเป็น บ้านสร้างเสร็จเเล้วพอเข้าหน้าฝน ตัวไม้มีความชื้นยางไม้ในตัวซึมผ่านมาออกที่ผิวหินอ่อนสีทอง,สีขาว นําเข้าจาก อิตาลีเป็นสีเเดงเข็มเหมือนเลือดเสีย เต็มตามขอบประตูไปหมด ทุกวันนี้ยังเคลมกันไม่จบเลยครับ ในรูปที่เเนบ เป็นการปูเเผ่ยางกันซึมเเบบ เป่าไฟร้อน ก่อนที่จะปูวัสดุพื้นทับหน้าครับ จากคุณ : pinhead2000 - [ 15 มิ.ย. 51 18:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มันคนละเรื่องเลย นายพินเฮดเอ๊ยยยย... เมมเบรนงานโครงสร้างพื้น...กับการป้องกันความชื้นเข้าสู่เนื้อหินแกรนิตหรือหินอ่อน...ซึ่งร้านหินแกรนิต หินอ่อนที่ไหนเขาก็เคลือบกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละครับ...คุณเฮดครับ.... เว่อซะไปโน่นเลย....555555 จากคุณ : minimalist - [ 15 มิ.ย. 51 20:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บอกตามความจริง( ที่คนขายบอกความจริงไม่หมด ) พวกน้ำยาต้านการดูดซึมน้ำและน้ำมัน มันมีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้นครับ( จากประสบการณ์อีกเเล้ว ) ที่ตามร้านร้านหินแกรนิต หินอ่อนที่ไหนเขาก็เคลือบกันก็เเค่ให้ส่งงานผ่านรับเงินเป็นพอครับ เเละไม่ต้องมาเเก้งานในช่วงงานที่รับประกันฯไว้ก็เท่านั้น( โดยเฉพาะหินอ่อน,หินเเกรนิตสีเเดง,สีดํา จากจีน ) มันเป็นการเเก้ปัญหาที่ปลายเหตุนะ ในรูป หากคิดว่าคุณใช้น้ำยาต้านการดูดซึมน้ำ พวกนี้เเล้วจะเเก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเด็ดขาด คงจะเข้าใจผิดนะครับ จากคุณ : pinhead2000 - [ 15 มิ.ย. 51 20:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตามรูปนั่นไม่ใช่ปัญหาจากภายในของตัวหินแกรนิต แต่เป็นคราบแคลเซียม ที่เกิดจากปฏิกิริยาขององค์ประกอบในซิเมนต์ปูนก่อ เมื่อโดนความชื้น หรือน้ำ...ไม่ว่าปูพื้นหรือปูผนัง ถ้าปูเปียก หรือแบบ wet process ก็มีปัญหาแบบนี้ได้ทั้งนั้น... นี่ก็คนละเรื่องอีกเหมือนกัน....กับปัญหาของ จขกท. ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน... แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 20:53:53 จากคุณ : minimalist - [ 15 มิ.ย. 51 20:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่านครับ ดีครับ ถกกันอย่างนี้ได้ความรู้ครับ ที่ผมอ่านจากทั้งสองท่าน ขออนุญาตถามนะครับ 1. ถ้าทาน้ำยากันซึมตามที่ท่าน minimalist กล่าวนั้นไม่ทราบว่า น้ำยาจะมีอายุการใช้งานนานแค่ไหนครับ 2. แล้วถ้า wet process ไม่เหมาะกับการปูหิน แล้วจะใช้วิธีไหนครับ 3. การปูผนังจะใช้วิธีแบบที่ท่าน pinhead2000 ได้อย่างไรครับ หรือว่ามีวิธีอื่นครับ จากคุณ : jobuakwan - [ 15 มิ.ย. 51 23:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดีครับ ผมชอบดูคนกัดกัน ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : sadazaa88 - [ 15 มิ.ย. 51 23:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เทคนิคการปูหินธรรมชาติในเมืองไทยกับเมืองนอก (หัวแดง) ต่างกันมากครับ (ใครล้าหลังกว่ากัน คิดเอาเองนะครับ) ด้านหลังของแผ่นหินต้องทำ waterproof ให้ดีครับ เช่น ตัวอย่างตามคห.pinhead2000 ก็เป็นวิธีหนึ่ง ในเมืองไทยเรื่องการทำ waterproof ไม่ดีครับ ใช้การชุบแผ่นหินทั้งแผ่น ซึ่งไม่ work ครับในการป้องกันปัหาจากความชื้นทางด้านหลังของแผ่นหิน ส่วนด้างข้างและด้านบนที่สัมผัสอากาศ ฝรั่งมีหลักการดังนี้ครับ -ด้านข้างแผ่นหินต้อง preseal พวก stone sealer ก่อนปู หากหินมีความพรุนเพราะจะมีปัญหาขั้นตอนการยาแนวได้( ปัญหาวัสดุยาแนวซึมเข้าเนื้อหิน) -ด้านบนของแผ่นหินเคลือบ stone sealer เพื่อกันคราบสกปรก (stain resistance) และป้องกันปัญหาความชื้นจากด้านบน (ฝน, น้ำถูพื้น) stone sealer คุณภาพดีต้องมีคุณสมบัติความชื้นระเหยออกได้ครับ และถ้ายี่ห้อระบุว่ากันซึมใช้คือซิลิโคน ฝรั่งมันส่ายหัวครับ เพราะถือว่าล้าหลัง แต่เมืองไทยจุดขายต้องบอกว่าเป็นซิลิโคน ทันสมัยหน่อยก็ซิลิโคนนาโน ปล.เรื่องกันซึม ถ้าใครสนใจจริง ๆ เขียนตำราได้เป็นเล่มครับ เพราะต้องรื้อตั้งแต่ความเข้าใจว่า "กันซึม" คืออะไร ตามที่คุณpinhead2000 ระบุข้างบน ส่วนเรื่องภาพที่เป็นตย.ต้องเข้าใจเรื่อง -คุณสมบัติของของหินธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องความพรุน (porosity) -waterproof, water repellent -efflorescence (ศึกษาเรื่องการเกิด, membrane ต่าง ๆ ที่ใช้ป้องกัน) -stone sealer(น้ำยากันซึมหิน) ที่ดีต้องเป็นยังไง (รู้เรื่องโพลีเมอร์) ส่วนคห.6 สินค้าบางยี่ห้อในเมืองนอก หากทำวิธีที่ถูกต้อง, เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เค้าระบุ, ดูแลรักษาตามเงื่อนไข เค้ารับประกันเป็น 10 ปีขึ้นครับ :( จากคุณ : Y-I-D - [ 15 มิ.ย. 51 23:52:44 A:125.25.39.169 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เขียนผิดไม่ชัดเจน .งับ ด้านหลังของแผ่นหินต้องทำ waterproof ให้ดีครับ"""' แก้ไขเป็น... พื้นผิว(พื้นหรือผนัง)ที่จะติดตั้งหินธรรมชาติ ต้องทำกันซึมชนิดกันน้ำ 100% (waterproof) ปล.คห.8 เขียนไม่ละเอียดหลายจุด แต่ไม่แก้ไข เพราะต้องเขียนเยอะมาก..เหนื่อย (เหมือน ๆ นิยายเรื่องยาว..) แต่ถ้าได้ตังค์ก็อาจเปลี่ยนใจได้ อิ อิ :) จากคุณ : Y-I-D - [ 16 มิ.ย. 51 00:34:45 A:125.25.39.169 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สรุปอย่างนี้ได้ไหม - พื้นผิวงานต้องกันซึม 100 % จากความชื้นที่จะผ่านขึ้นมา - แผ่นหินกันซึมหน้าหิน และขอบข้างหิน หลังหินไม่ต้อง เพื่อการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้น - การปู ใช้กาวซีเมนต์คุณภาพสูง สำหรับหินหรือกระเบื้องที่ดูดซึมน้ำต่ำ ปล. ไม่มีประสบการณ์ตรง แต่อนุมานจากงานกระเบื้องและคุณสมบัติของวัสดุ จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก - [ 16 มิ.ย. 51 01:31:19 A:203.107.203.28 X: TicketID:175673 ]

ความคิดเห็นที่ 11 - แผ่นหินกันซึมหน้าหิน และขอบข้างหิน หลังหินไม่ต้อง เพื่อการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้น..ข้อนีเ้ข้าใจผิดครับ การใช้น้ำยากันซึมหินแบบที่เคยใช้กันมานั้น (ซิลิโคนใสชนิดเคลือบบนผิว) ทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ แผ่นหินธรรมชาติยึดเกาะไม่ดีกับพื้นผิว (เลยต้องใช้น้ำยาประสานปูนเข้ามาช่วย) ซิลิโคนใสข้างต้น อายุการใช้งานต่ำครับ หากการทำ waterproof พื้นผิวไม่ดี พวกความชื้นจากพื้นดิน, ความชื้นจากน้ำโดยเฉพาะหินธรรมชาตที่นิยมทำกำแพงน้ำตก น้ำยากันซึมดังกล่าวมันเอาไม่อยู่ครับ เมืื่อความชื้นเริ่มทะลักเข้าสู่แผ่นหินได้ มันก็จะพยายามหาทางออก (การระเหย) แต่ดันไปเจอการเคลือบน้ำยาดังกล่าวซึ่งไม่ยอมให้ความชื้นระเหยออก มันก็เริ่มสะสมในเนื้อหิน มากขึ้น นานเข้า ก็เกิดอาการ (ช้ำน้ำ) ให้เราเห็น ปัญหาข้างบน ก็เลยมีคนตั้งข้อสังเกตุว่า อย่าเคลือบอะไรเลยดีกว่า เพราะเคลือบแล้วก็เกิดปัญหา (ตรงนี้ถูกต้องเลยครับ ก็ตัวน้ำยาที่เคลือบเป็นตัวสร้างปัญหาเสียเอง) การปล่อยหินแบบเปลือย ๆ ดีกว่าไปเคลือบ ก็เพราะความชื้นมันระเหยออกได้ไงครับ การเคลือบน้ำยากันซึมหินธรรมชาติ (stone sealer) หัวใจหลักคือ การเคลือบกันคราบสกปรก (stain resistance) ต่างหาก และเป็นการเคลือบแบบลงเนื้อหิน (impregnator seale) ทำให้ไม่มีผลข้างเคียงกับการเกาะยึด (เพราะมีขั้นตอนการเช็ดน้ำยาส่วนเกินบนผิวออก..อ่านวิธีใช้ดูพวกนี้จะระบุไว้ชัดเจน) วัสดุประสานที่ใช้ พวกที่เค้าทำมาเฉพาะ ซึ่งนอกจากมีคุณสมบัติยึดเกาะที่ดีแล้ว เค้าพยายามไม่ให้มีความชื้นมากในขั้นตอนการติดตั้ง เพราะ หินธรรมชาติ ไม่ถูกกับความชื้น ความชื้น ควาชื้น การลดความชื้นสะสมในแผ่นหิน ก็ทำให้ตะไคร่น้ำไม่เกิดไงครับ คราบเกลือ (efflorescent) ก็ไม่เกิด ราก็ไม่เกิด เพราะปัญหาพวกนี้การเกิดขึ้นได้จะต้องอาศัยความชื้นที่มีปริมาณมากพอ.... :) จากคุณ : Y-I-D - [ 16 มิ.ย. 51 02:29:37 A:125.25.39.169 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลองดูน้ำยากันซึมหินตัวนี้ครับ...ตามร้านโฮม ๆ หรือร้านบุญฯ http://www.cleanstore.co.uk/products/Product.asp?ID=2718 -ความชื้นระเหยออกได้ -เป็นชนิดเคลือบลงเนื้อหิน (...impregnator) -ไม่มีซิลิโคนเป็นส่วนผสม (no silicone content) ที่ต้องระบุอย่างนี้เพราะพูดถึงซิลิโคน ฝรั่งมันส่ายหน้าแล้วครับ :) จากคุณ : Y-I-D - [ 16 มิ.ย. 51 02:45:23 A:125.25.39.169 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอขอบพระคุณ ที่คุณ Y-I-D - ได้ให้ความรู้ถึงการป้องกัน เเละ ต้นเหตุของปัญหาในหินเเกรนิต เเละ หินอ่อน ที่เเท้จริงตรงตามความเข้าใจเดียวกับของผมที่ได้มาจากประสบการณ์หน้างานครับ ปัญหาเรื่อง การเเก้ไขปัญหาความชื้นสะสมในพื้นเเกรนิต ในช่วงปีสองปีนี้รุนเเรงมากๆ เพราะเหล่าบรรดาตึกต่างๆในยุคปี พ.ศ. 253X-254X  เริ่มมีปัญหาชํารุดร่อนหลุดเเยกตัวเองออกมารุนเเรงมากๆครับ อย่างที่เเบงค์กรุงเทพตามสาขาต่างๆ ตอนนี้ริ่มทะยอยรื้อเอาเเผ่นเเกรนิตที่กรุเป็นผนังตึกอาคารออกทั้งหมดทั่วประเทศครับ อย่างที่สาขา หัวลําโพง,สะพานเหลือง ก็กําลังทยอยทําการรื้อออกทั้งหมดครับ ในรูปเป็นภาพอาการ ช้ำน้ำ เเละ คราบน้ำยาที่เคลือบถูกดันออกมาอยู่ตามขอบเเผ่นครับ แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 02:56:46 จากคุณ : pinhead2000 - [ 16 มิ.ย. 51 02:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สงสัยคุณpinhead2000 นั่งดูบอลเหมือนผมเลย :) หินช้ำน้ำ (ตามรูปบน) นึกแล้วทำให้ผมช้ำใจไม่น้อย ก็เพราะโบราณสถานต่าง ๆ บ้านเรา (พวกวัดวาทั้งหลาย) ที่มีหินธรรมชาติ ส่วนใหญล้วนแต่ชอกช้ำจากความชื้นกันทั้งนั้น เพราะความเข้าใจผิด ๆ เลยต้องชอกช้ำ(น้ำ) กันเต็มบ้านเต็มเมือง :( จากคุณ : Y-I-D - [ 16 มิ.ย. 51 03:10:08 A:125.25.39.169 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมมีอาชีพเป็นนายช่างใหญ่ ผมยึดหลักว่า งานหน้าที่ผมคือต้องหาสาเหตุของปัญหาเเละเเนะนําวิธีการเเก้ไขปัญหานั้นเเก่เจ้าของงานนั้น   การเเสดงความคิดเห็นผมส่วนใหญ่จึงมาจากประสบการณ์ในการทํางาน( อีกแล้ว)  เเละ ข้อมูลทางเทคนิค  สิ่งไหนที่ไม่รู้ผมก็จะไม่มามั่วตอบ,ไม่ด่วนสรุป ทั้งที่ตัวเองมีความรู้เเค่ผิวเผิน,ไม่มีคาดเดาเด็ดขาด ไม่รู้ก็ไม่ตอบครับ เเละ ไม่เคยหมิ่นคนอื่นด้วยครับ จากคุณ : pinhead2000 - [ 16 มิ.ย. 51 03:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อความซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 04:23:03 จากคุณ : pinhead2000 - [ 16 มิ.ย. 51 03:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หน้าตาคุณpinhead2000 เหมือนชื่อเลยครับ ตอนนอนคงจั๊กกะจี๊น่าดู :) จากคุณ : Y-I-D - [ 16 มิ.ย. 51 03:30:11 A:125.25.39.169 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เเล้วสรุปจะต้องทำวิธีไหนดีล่ะครับ จากคุณ : หมูไร้คอก - [ 16 มิ.ย. 51 09:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ต่อ.. # 11 จาก #10 ..แผ่นหินกันซึมหน้าหิน และขอบข้างหิน หลังหินไม่ต้อง เพื่อการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้น..ข้อนีเ้ข้าใจผิดครับ ............................................................................................................................. ที่ผมสรุปใน 10 คือการลำดับที่ทำได้สมบูรณ์ คือ 1 - พื้นผิวงานต้องกันซึม 100 % จากความชื้นที่จะผ่านขึ้นมา 2 - แผ่นหินกันซึมหน้าหิน และขอบข้างหิน หลังหินไม่ต้อง เพื่อการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้น 3 - การปู ใช้กาวซีเมนต์คุณภาพสูง สำหรับหินหรือกระเบื้องที่ดูดซึมน้ำต่ำ ถ้า ทำ 1 แล้วทำ 2 จึงไม่น่าจะเป็นการเข้าใจผิด เพราะเมื่อไม่มีอะไรจะซึมผ่านขึ้นมา ความเสียหายก็ไม่เกิด เทียบเคียงกับกระเบื้อง Glazed Porcelain สุดหรู ปูด้วยปูนกาวชั้นยอด โดยมือปูระดับเทพ บนพื้นที่ทำกันซึม 99.99% ... - ไม่มีอะไรซึมขึ้นมา ไม่มีอะไรซึมลงไป ..แล้วจะมีอะไรดีกว่านี้ไหมล่ะ... 555 จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก - [ 16 มิ.ย. 51 09:54:04 A:203.107.202.173 X: TicketID:175673 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาเก็บความรู้ โชคดี ไม่มีตังค์ ปูหินธรรมชาติประเภทนี้ ไม่งั้นเจอปัญหาแบบนี้เข้าไปคงช้ำใจน่าดู...อุๆๆ เดี๋ยวกด เข้าคลังด้วย จากคุณ : ก้นกบ - [ 16 มิ.ย. 51 09:56:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กรณี จขกท ถามเฉพาะในเรื่องการทากันซึมแผ่นหิน คำตอบจึงได้กว้างขวาง เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับขั้นตอนอื่นๆด้วย ถ้าตามปกติทั่วไป ที่ช่างทำกันเป็นส่วนมากในเวลานี้ คือปูด้วยปูนทราย บนพื้นที่ไม่แน่ใจเรื่องการกันซึม(คนละงานกัน) - การทากันซึมทั้งแผ่น จะช่วยยืดเวลาการใช้งานให้นานขึ้น กรณีนี้ดีกว่าทาหน้าหินอย่างเดียวแน่นอน แลกกับการยึดเกาะที่จะด้อยลงไป - ถ้าเป็นกรณีกลางๆ คือพื้นได้ทำกันซึมระดับหนึ่งแล้ว ปูด้วยปูนกาวเฉพาะงาน ไม่ต้องทากันซึมใดๆทั้งสิ้น ก็น่าจะพอ ได้ผลดีกว่ากรณีแรก จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก - [ 16 มิ.ย. 51 10:35:55 A:203.107.202.173 X: TicketID:175673 ]

ความคิดเห็นที่ 22 -ถ้าบริเวณภายนอกอาคาร เจอฝนครับ -ถ้าภายในอาคารน้ำจากการใช้งาน (เช่นการถูพื้น, การใช้ห้องน้ำ) แหล่งความชื้นตามข้างบน หากเราไม่เคลือบอะไรเลย ก็จะซึมลงเนื้อหิน (รวดเร็วแค่ใหน ขึ้นอยู่กับความพรุนของหินแต่ละชนิด, คุณภาพตามแหล่งกำเนิ) ซึมแล้วไปใหน หากไม่มาก การระเหยความชื้นได้ดีแค่ใหน ขึ้นอยู่กับสิ่งแวคล้อมที่อยู่ในบริเวณนั้น เช่น แดดจัด ๆ ในหน้าร้อน ฝนตกนาน ๆ ที ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะระบายความชื้นได้ทัน แต่หน้าฝน ความชื้นสัมพัทธมาก หินก็แห้งช้า โดยเฉพาะในห้องน้ำ หลังอาบน้ำใหม่ความชื้นสัมพัทธของห้องขึ้นไปประมาณ 80% (ผมชอบวัดดูบ่อย ๆ บริเวณภายนอกก็วัด เพราะมันต้องลงแรงอะไร วางตัววัดไว้แค่เดินดูก็รู้แล้ว) น้ำยากันซึมช่วยตรงนี้ แทนที่น้ำจะทะลักเข้าไปเต็มที่ เพราะไม่มีอะไรขวางตรงผิวด้านบนที่สัมผัสอากาศ มันจะลดปริมาณน้ำไม่เข้าไปในเนื้อหินจนสร้างปัญหาตามมา หลักการคือ ลดความชื้นจากแหล่งภายนอก ระเหยความชื้นภายในหิน ให้สมดุล ไม่เกิดการสะสมมาก จนสร้างปัญหา คล้ายกับผิวหนังของคนเรา เหงื่อผุดออกมาได้ แต่เวลาอยู่ในน้ำผิวหนังยังจำกัดไม่ให้น้ำทะลักเข้าสู่ร่างกายคนเรา พวก stone sealer เค้าจึงไม่ใช้กับหินที่แช่น้ำอยู่ตลอดเวลาไงครับ เพราะมันไม่ใช่ waterproof stone sealer ช่วยเรื่องช่วยให้ทำความสะอาดง่ายด้วย เพราะมันขวางไม่คราบฝังแน่น ซึ่งของดีก็ต้านทานได้นาน แต่ก็มีระเวลาหนึ่งที่ไม่อาจหน่วงไว้ได้ หากทิ้งไว้นานเกินไป เวลาดูตามงานโชว์ เค้าโชว์แบบทิ้งไว้ไม่นาน ซึ่งเราดูแค่ตรงนั้นไม่ได้ ต้องเสียเงินซื้อมาลองเองจะดีที่สุด :) จากคุณ : Y-I-D - [ 16 มิ.ย. 51 10:59:22 A:125.25.19.175 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องนี้ คนขายหินไม่ใช่ไม่รู้เลยนะครับ แต่ถึงรู้ก็แนะนำลำบาก เพราะ -ช่างเคยชินกับการชุบน้ำยาทั้งแผ่น แล้วผึ่งให้แห้ง -ราคาต่อหน่วยสูงขึ้น แข่งขันลำบาก ทั้งจากสเปคที่กำหนดและคู่แข่งคนอื่นเค้าก็ทำวิธีแบบนั้น เรื่องอะไรไปอธิบายยืดยาว ผมเองยังขี้เกียจตอบเลย :) อีกเรื่องเช็คราคาครับ เพิ่มขึ้นไม่กี่บาทเอง น้ำมันยังราคากระฉูด ช่างปูหินยังเหมางานราคาเดิมอีก ทำได้ไง อยากรู้จัง จากคุณ : Y-I-D - [ 16 มิ.ย. 51 11:24:06 A:125.25.19.175 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในความเป็นจริง มันต้องไล่เหตุและผล... การป้องกันโครงสร้างพื้นคอนกรีตที่อยู่ภายใต้แรงดันน้ำใต้ดินสูง ก็จะทำเมมเบรนซึ่งมีหลายชนิดทั้งแบบแผ่น แบบทา...แล้วแต่แรงดันน้ำใต้ดินเป็นบวกหรือลบ..ที่กระทำต่อโครงสร้าง เป็นการรักษาคุณภาพของพื้นโครงสร้างไม่ให้ถูกกระทบด้วยความชื้น..หรือแรงดันน้ำใต้ดิน..ผลพลอยได้ก็ส่งผลดีต่องานอื่นๆที่อยู่เหนือพื้นไปด้วย...แต่มันไม่ใช่เหตุผลว่า ถ้าปูแกรนิตแล้วต้องทำเมเมเบรน... หินแกรนิต และหินอ่อน มันมีข้อเสียตามอายุแหล่งผลิต ตามแร่ธาตุที่มันเป็นองค์ประกอบในหิน...ซึ่งยังมีการทำปฏิกริยาทางเคมีได้ เช่น พวกเหล็ก ก็จะเป็นสนิมเหลืองในแผ่นหิน.ฯลฯ หรือบางแหล่งผลิตอายุน้อย คุณสมบัติการดูดซึมน้ำก็ยังมีอยู่..บางแหล่งก็อัตราการดูดซึมต่ำ หรือไม่มีเลยหากอายุของหินมันมากๆ พวกนี้เมื่อขุดขึ้นมา นำมาใช้เขาก็ต้องเคลือบที่แผ่นหินโดยรอบ เพื่อลดปฎิกริยาในตัวแร่ องค์ประกอบต่างของหินไม่ให้ยังดำเนินต่อไป... หน้าหิน ไม่เคลือบมันจะเอาความงามมาจากไหน...อันนี้ต้องดูความเป็นจริงของการใช้งาน..เซลส์ของบุญถาวรก็พูดไปเรื่อย...ก็เหมือนการเคลือบไม้ด้วยยูเรเทน ก็เพราะเราต้องการปกป้องผิวให้เงางาม ทนทาน มันก็ต้องทำ ไม่ทำมันก็ใช้งานไม่สมบูรณ์ ปัญหาช้ำน้ำในตัวหิน กรณีงานภายใน  ในพื้นมักเกิดที่ผิวบนมากกว่า เกิดจากการดูแลผิดวิธี เช่น การล้างพื้นแบบเอาน้ำราดลงไป ก็เปิดปัญหาแบบนี้ แต่ความชื้นจากใต้ดินไม่มีวันที่จะทำให้เกิดแบบนี้ได้...หรือในผนังภายนอก ก็เกิดจากฝนตกซึมเข้าขอบแผ่นหินที่ไม่การเคลือบหน้าพับลงไปตามสันขอบ หรือการยาแนวรอยต่อแผ่นอย่างถูกวิธี และการปูผนังแกรนิตภ-ยนอก หากใช้ระบบ dry process ซึ่งใช้ตะขอสแตนเลส ยึดเหนี่ยวหลังแผ่นหินหรือขอบแผ่นหิน แล้วจะมีการใช้กาวอีพ็อคซี่อุดรอยบากแผ่นหิน ร่องระหว่างการปูผนังก็จะมีร่องเล็กน้อย แล้วใช้ยาแนวพิเศษสีเดียวกับแผ่นหินอุดลงไป....ก็จะลดปัญหาพวกนี้ เพราะหลังแผ่นหินไม่มีการอุ้มน้ำเนื่องจากปูนทรายหลังแผ่นหิน... นอกจากนี้ การปกป้องหลังแผ่นหินทำได้ไม่ดีในการติดตั้ง เพราะหินมันจะลอยเหนือผนัง 3-5 ซม. ที่ขอบบนสุดของผนังที่บุหิน จึงต้องมีการเก็บขอบด้วย flashing หรือวัสดุอื่นๆตามแต่รายละเอียดของการนำไปใช้... เพื่อมิให้น้ำเข้าไปหลังแผ่นหินได้... การกันซึมที่แผ่นหิน มันต้องทำก่อนปู....ที่ร้านจะทำมารอบหนึ่งแล้ว...เมื่อมาถึงหน้างาน ช่างก็จะตัดแต่ง หรือมีการลากหิน ยกเข้า ยกวาง ก่อนที่จะปูจริง เกิดการกระแทกตามขอบแผ่นหิน การขีดข่วนก็ทำให้ชั้นปกป้องผิวเสียหาย เมื่อช่างจะปูจริงๆ เตรียมแผ่นจะปูเข้าที่เรียบร้อยจริงๆ จึงเอาแผ่นที่เตรียมไว้ ทำการลงน้ำยาซ้ำอีกครั้งซึ่งมันเป็นชนิดซึมเข้าเนื้อหินแกรนิต แล้วปูลงไป.... การปูจึงต้องกำชับช่างในการยกติดตั้ง.....แล้วก็เชื่อมั่นได้เลยว่า ความชื้นระดับธรรมดาไม่ส่งผลต่อหินแกรนิต หินอ่อน เพราะหินอัตราการดูดซึมต่ำมากๆ แม้จะอายุน้อย เหมือนที่เราเห็นใช้กันตามห้องน้ำบ้านทั่วไป  ยกเว้น น้ำขังนาน ทำให้มันซึมเข้าตมขอบขังในชั้นผิวเคลือบหน้าหิน หรือน้ำจากการปูหินในระบบเปียก ที่อาจจะไปส่งผลให้เกิดปฏิกริยาเคมีในตัวหิน... เขาจึงต้องป้องกันด้วยเหตุนี้...ไม่ได้ปกป้องให้มันเป็นอมตะไปตลอดว่า ต้องกี่ปี....แค่จุดประสงค์ป้องกันในขณะติดตั้งเท่านั้น....ไม่ให้เกิดความเสียหาย หลังจากนั้น หากดูแล เช็ดถูแบบถูกวิธี ก็ไม่ได้เกิดปัญหาอะไร.... ไม่งั้นห้องน้ำโรงแรม เคาน์เตอร์ครัว คงเป็นจ้ำๆ ไปฉิกหายหมดแล้วเพ่...... หรือปูห้องน้ำ ปูเคาน์เตอร์อ่างต้องลงเมมเบรนด้วยมั๊ย.....555555 บ้าได้ถ้วย ขี่ช้างจับตั๊กแตน....สำนวนไทยต้องยกให้เลย...กับช่างพวกนี้... แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 11:45:27 จากคุณ : minimalist - [ 16 มิ.ย. 51 11:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ยาวจัง พริ้นท์ไปแนดีกส่า ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : MB - [ 16 มิ.ย. 51 12:02:10 A:58.136.119.20 X: TicketID:078556 ]

ความคิดเห็นที่ 26 -หน้าหิน ไม่เคลือบมันจะเอาความงามมาจากไหน......... แหะ ๆ ถ้าเข้าใจผิดเรื่องนี้ ผมว่าเรื่องจะยาวมากครับ ลองศึกษาเพิ่มเรื่องการผลิตแผ่นหินจากโรงงานนะครับ -ปัญหาช้ำน้ำในตัวหิน กรณีงานภายใน ในพื้นมักเกิดที่ผิวบนมากกว่า เกิดจากการดูแลผิดวิธี เช่น การล้างพื้นแบบเอาน้ำราดลงไป ก็เปิดปัญหาแบบนี้ แต่ความชื้นจากใต้ดินไม่มีวันที่จะทำให้เกิดแบบนี้ได้...... ลองศึกษากรณีต่าง ๆ ทั่วโลกดูนะครับ ซึ่งส่วนใหญ่การช้ำน้ำเกิดจากปัญหาความชื้นเข้ามาทางด้านหลังแผ่นหินครับ หาบทความวิชาการอ่านดูครับ ถ้าจำไม่ผิดกว่า 90% (ฝรั่งหัวแดงว่าไว้ครับ) เนื่องจากทำ warerproof ไม่ดี -ไม่งั้นห้องน้ำโรงแรม เคาน์เตอร์ครัว คงเป็นจ้ำๆ ไปฉิกหายหมดแล้วเพ่...... หรือปูห้องน้ำ ปูเคาน์เตอร์อ่างต้องลงเมมเบรนด้วยมั๊ย.....555555 เค้าใช้พวก water liquid membrane ครับ ลองเดินบุญถาวรบ่อย ๆอ่ะ เดี๋ยวคงมีคนนำก็มีขายแน่ ๆ :) ความรู้มักจะเกิดจากความเห็นที่แตกต่าง รักษามารยาทแบบไทย ๆ ไว้ก็ดีนะครับ ผมจะได้ขยันพิมพ์ต่อ ประเด็นอื่น เชิญท่านอื่นด้วยครับ จากคุณ : Y-I-D - [ 16 มิ.ย. 51 13:31:30 A:125.25.19.175 X: TicketID:012937 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ป่วยการที่จะพูดกับคนที่อวดรู้ ( รู้เเต่ทฎษฎี,เเละ จากเอกสารประกอบ เเล้วมาทําตัวเป็นคอมเมนเตเตอร์ ประเภท คุณนะหยุดไปเลย,คุณนะเวอร์ 555 ,เชื่อผม ผมนะเก่งกว่าคุณเยอะ พวกนี้ถ้าอยู่หน้างานก่อสร้างก็คงโดนโฟร์เเมน เอาไม้หน้าสามไล่ตีให้ออกจากไซท์งานไปซะ ซึ่งผมก็เคยไล่ตีวิศวกรคอลซัลท์มาเเล้ว พวกปากเปราะเเต่อวดรู้เนี่ย ) ถ้ารู้จริง,เก่งจริง ใครๆก็ยอมรับครับเเต่ประเภท พวกชอบอวดรู้ พูดเอาดีใส่ตัวรู้เเค่ 3 ส่วนเเต่อวดรู้มากไป 10 ส่วน ......เศร้าครับ กับคนเหล่านี้ตอบเลี่ยงออกไปข้างๆคูๆ การให้เหตุผลอธิบายก็ไม่มี คนอวดรู้พวกนี้เก่งมากๆครับ เก่งในเรื่องสร้างภาพครับ การทําวัสดุกันซึมที่ห้องน้ำเเละส่วนครัวตามโรงเเรมมีนะครับ มันอยู่ที่ทางสถาปนิกเเละวิศวกรงานสุขาภาลจะกําหนเสเปคสูงเเค่ไหน อย่างที่บอกในส่วนตามอาคารสถานอาบอบนวด เช่นในเครือเดวิสกรุ๊ป ส่วนอ่างน้ำส่วนเปียกทั้งหมดมีการปูยางกันซึมเเบบเป่าไฟครับ หรือ งานห้องน้ำตามโรงเเรมเพนซินูล่า ที่คลองสาน ระดับ 5 ดาว หรือ ในส่วนครัวฝรั่งก็มีการการปูยางกันซึมเเบบเป่าไฟครับทั้งหมดครับ   ถามว่าทําไมวิศวกร หรือ สถาปนิกต้องลงทุนการปูยางกันซึมเเบบเป่าไฟ เพราะเจอประสบการณ์ลูกค้าใช้น้ำอย่างผิดวิธี เช่นตามโรงเเรมลูกค้าเปิดน้ำเต็มอ่างเเล้วถึงลงไปเเช่??? หรือ เปิดฝักบัวทิ้งไว้เป็นชั่วโมงๆ เเละ การระบายอากาศไล่ความชื้นภายในห้องน้ำที่ไม่ค่ยดีเพราะอยู่ภายในอาคารปิด มากกว่าครับ   หากมีการเสียหายเกิดขึ้นมาจากการรั่วซึมมีผลเสียหายค่อเจ้าของอาคาร เเละ การเซอร์วิสระบบฯครับ ยิ่งเป็นงานปูพื้น-ผนังเเกรนิตในชั้นล่างที่ที่ติดกับพื้นดินเนี่ย ยิ่งค้องทําการบ้านเรื่องกันซึมให้มากๆครับ( เคยเจอมั้ยเวลาฝนตกหลายๆวัน ถ้าคุณทําระบบกันซึมไม่ดีความชื้นใต้ดินจะดันเอาคราบน้ำดําๆที่เหม็นออกมาตามขอบเเผ่นเเกรนิตเต็มไปหมด ( จริงๆระบบกันซึมก่อนทีจะปูเเผ่นเเกรนิคพวกนี้เป็นมาตราฐานที่ต่างประเทศนะครับ ไม่ได้เวอร์,ไม่ได้บ้าได้ถ้วย ขี่ช้างจับตั๊กแตน เลยครับ ) แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 16:39:24 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 16:32:44 จากคุณ : pinhead2000 - [ 16 มิ.ย. 51 14:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่อยากได้เเละ หินอ่งหินอ่อน.. -_-" จากคุณ : กลับชาติมาเกิด - [ 16 มิ.ย. 51 21:20:58 ]