ความคิดเห็นที่ 1 ทดลองต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือ นิดหน่อย เอา thermocouple จุ่มทดสอบซักหน่อยว่าน้ำเดือดที่ 100 หรือเปล่า ได้ 99 องศา  ก็ถือว่า ok ระดับหนึ่ง แสดงว่าเครื่องวัดเราแม่นยำใช้ได้ จากคุณ : Professor - [ 25 มิ.ย. 51 23:47:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตรวจเช็ค thermocouple แล้วก็ลองเอาไปวัดหน้าแอร์ ได้ อุณหภูมิ 15 องศา   ซึ่งน่าเย็นสบายเลย แต่ความจริงหาได้เย็นไม่  เพราะมันเย็นเฉพาะหน้าแอร์ ห้องไม่เย็น อย่างน้อยการวัดอุณหภูมิทำให้เรารู้ว่า อุณหภูมิลมออกเย็นเกินไป ก็ไม่ได้หมายความว่าห้องจะเย็นด้วย เพราะว่าลมผ่านน้อย ลมออกจากคอยล์เย็นจึงมีอุณหภูมิต่ำ จากคุณ : Professor - [ 25 มิ.ย. 51 23:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สภาพแอร์ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ ตามสภาพห้อง workshop ของช่าง(มันเถอะ ?) professor:  เด็กๆ ดูแลแอร์หน่อยสิ ไส้แตกอย่างนี้ดูไม่สวยเลย เด็กๆ: ไม่ว่างพี่ จ้างช่างแอร์มาทำละกัน professor:  ....... (รอเอ็งว่างก่อน เอ็งได้ทำแน่) จนบัดนี้ เด็กๆ ก็ยังไม่ว่าง............. จากคุณ : Professor - [ 25 มิ.ย. 51 23:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 วัดกระแสดูซักหน่อย ก่อนล้าง  และหลังล้าง กระแสควรเป็นเท่าไหร่ ให้เดากันก่อนว่า กระแสก่อนล้างและหลังล้าง ควรเพิ่มหรือลดลง เดี๋ยวมีเฉลย ก่อนล้าง  3.94 Amp แกว่งขึ้นๆ ลง แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 51 00:02:01 จากคุณ : Professor - [ 26 มิ.ย. 51 00:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ได้เวลาชำแหละแอร์ แล้ว โป้งๆๆ  เป้งๆๆๆ Censor....... Censor....... อ๊าก.....  โดนครีบอลูมิเนียมบาดมือ ได้แผลเลือดออก 4 รอย ต้องวิ่งไปทายาก่อน ไม่คาดคิดว่ามันจะคมขนาดนี้ งานที่แลกมาด้วยเลือดย่อมสำเร็จ ได้หัวใจของแอร์มา 1 หลอด สกปรกเกินคาดเหมือนกัน พัดลมกรงกระรอกมีฝุ่นจับหนามาก ทำให้ลมออกน้อย จากคุณ : Professor - [ 26 มิ.ย. 51 00:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ซูมเบลอ นิดๆ จากคุณ : Professor - [ 26 มิ.ย. 51 00:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถอดหัวใจออกมา ก็ไส้แตกแบบนี้แหล่ะ จากคุณ : Professor - [ 26 มิ.ย. 51 00:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ล้างเสร็จก็ประกอบเข้าที่ พบเหตุผลการประหลาด น็อตไม่พอ  หายไป 1 ตัว  ซวยแล้ว  (ขนาดระวังสุดๆ) แต่ช่างมันเถอะ ล้างคราวหน้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขันน็อต 555 สรุปความเสียหาย 1. น็อตหาย 1 ตัว  (LG ลืมใส่น็อตมา ?) 2. ฟินยุบไปนิดหนึ่ง ขนาดว่าระวังแล้วนะเนี่ย ไม่รู้ยุบไปตอนไหน 3. ได้เลือด ลองเอาวัดกระแส  ได้ 4 Amp กว่าๆ  ตามคาด   กระแสไฟฟ้าหลังล้างควรมากขึ้น แอร์ LG ขนาด 9,000 btu  ขนาดห้อง  4x10 คอมเพรสเซอร์ ไม่เคยตัด และก็ไม่ได้หวังว่ามันจะตัด ใช้ที่พ่นสี + ปั๊มลม ล้าง คาดว่าล้าง ครีบได้สะอาด 80% ล้างใบพัด สะอาด 90% คอยร้อนไม่ได้ล้างเพราะ มันต้องเล่นกายกรรม และจากการตรวจสภาพครั้งก่อน ไม่ค่อยมีฝุ่นจับ ถ้าใช้น้ำแรงดันสูง น่าจะล้างได้สะอาดเกิน 90% สารทำความสะอาดฟิน เป็นน้ำยาล้างคอมพิวเตอร์ ไม่กัดกร่อนโลหะ ละลายไขมันได้ดี พร้อมจับกับน้ำได้ดี สารทำความสะอาดใบพัดลม ใช้เป็ด เนื่องจากใบพัดเป็นพลาสติก ไม่ต้องกลัวกรด ตอนล้างๆ ไปโทรไปหาช่างแอร์ เรื่องงานพอดี คุยธุระเสร็จก็ถามเรื่องล้างแอร์ professor:  พี่ล้างแอร์คิดเท่าไหร่ครับ ช่างแอร์:  300 บาทครับ professor:  ........ ( ตรูน่าจะให้มันมาล้างให้แต่แรกจะได้ไม่ต้องเสียเลือด) professor:  งั้นพี่มาล้างให้ผมเลยเย็นนี้นะครับ (ขี้เกียจขึ้นมาดื้อๆ ) ช่างแอร์: ไม่ว่างครับคงต้องมะรืนนี้ professor:  งั้นจะโทรไปนัดอีกทีนะครับ (ซวยแล้ว แอร์ต้องใช้ ไม่งั้นโดนด่าแน่) ในที่สุดก็ต้องล้างแอร์เองต่อไป เลิกกลางคันไม่ได้ เพราะว่าเดี๋ยวไม่มีแอร์ใช้ ก็สรุปง่ายๆ  ล้างแอร์ ไม่ยากเกินไป ถ้าเครื่องมือพร้อม  และได้ดูวีดีโอการล้างแอร์แล้ว   มัน concept เหมือนกันเด๊ะๆ ก็คือ ถอดน็อตให้หมด  ถอดถาดรองน้ำ  ถอดพัดลมออกมาให้ได้ LG ทำแอร์ได้ ok ถอดล้างไม่ยากเกินไป อันนี้จัดว่าเป็นล้างใหญ่  เพราะปกติล้างโดยใช้น้ำฉีด ก็น่าจะเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องถอดพัดลมออก แต่ที่คิดว่าต้องถอดก็คือ มันไม่ได้ล้างใหญ่มาจะสองปีแล้ว และแอร์ ก็ไม่เย็นแบบโคม่า และก็เป็นตามคาด คือ ใบพัดลม สกปรกโคตร ถ้าใครมีเครื่องฉีดน้ำล้างรถอยู่แล้ว ล้างแอร์เอง ก็เป็นวิธีไม่เลวทีเดียว ประหยัดได้ 300 บาท  ระวังหน่อยคงไม่ต้องเสียเลือด กับเสียน็อตเหมือนผม (ตอนทำระวังเรื่องเน็อตมากๆ  คิดว่า LG ใส่น็อตไม่ครบแน่ ) จากคุณ : Professor - [ 26 มิ.ย. 51 00:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ว๊า ไม่เห็นเลือดอ่ะ หิวๆๆๆๆๆ จากคุณ : คนผ่านมา - [ 26 มิ.ย. 51 00:39:01 A:217.164.108.84 X:195.229.236.217 TicketID:179957 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นับถือค่ะ..นับถือในความพยายามดี อยากทำบ้างแต่คงไม่สามารถ......ชัวร์ ที่บ้านนอกจากไม่เย็นแล้วยังหยดแม๋ะอีกด้วย ตามช่างจนเซ็งแล้วค่ะ...เลยต้องทำจาย จากคุณ : กระป๋องแป้งฝุ่น (กระป๋องแป้งฝุ่น) - [ 26 มิ.ย. 51 01:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ด้านหลังคอย์ลเย็นมันสกปรกอยู่   ต้องถอดมาล้างใหญ่   ทั้งชุด พัดลมกระรอก ต้องใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง จากคุณ : njtd - [ 26 มิ.ย. 51 01:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ล้างหนแรกและหนสุดท้าย   ช่วยกันปล้ำอยู่2คนกะพี่    ปรับหัวฉีดน้ำแรงไปหน่อย    ฉีดทีเดียวกระฉูดเลอะเทอะข้างฝาไป2แถบ   พี่ตกใจทำถาดรองหกเละเลอะนองไปทั่วห้อง   ซึมพรม  ย้อยลงฝ้าชั้นล่าง     ไหลผ่านพัดลมเพดาน   มาแหมะๆๆหยดใส่เปียโนอีก  สรุปงานนี้ประหยัดค่าแอร์400บาทแต่ซื้อสีทาข้างฝาใหม่2แกลลอน700บาท,ล้าง-ซัก-ตากพรมเสียเวลาไป4วัน,พัดลมเพดานไหม้1ตัว780บาท,ซ่อม-อบไม้เปียโนและตั้งสายใหม่อีก5000บาท     เป๊กกี้เศร้าเลย.... จากคุณ : ยิบยอง - [ 26 มิ.ย. 51 03:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ว่าเช้านี้กำลังจะทำอยู่เชียว ต้องเตรียมข้าวเหนียวไว้แล้ว ไว้กินลาบเลือด ตื่นมาจะดูบอลซะหน่อย สัญญาณภาพดันล่มตลอดซะอีก เฮ้อ เยอรมันชนะ ๓ - ๒ ตุรกีสู้จริงๆ นำก่อนด้วย จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 26 มิ.ย. 51 03:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาดูเลือดครับ จากคุณ : GolfNotGod - [ 26 มิ.ย. 51 08:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้าว   ไหงตรงข้ามกับป๋มคับ ของป๋ม ฝาหรั่งมันทำเกินคับ  น็อตเหลือ 1 ตัว  เหอ  เหอ จากคุณ : อินทกริต - [ 26 มิ.ย. 51 08:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ด้านหลังมันจะมี ครีบอยู่ชุดหนึ่ง ล้างยาก ที่จริงต้องรื้อออกมาล้างข้างนอกเลย แต่คิดว่าไม่คุ้มกับเวลา ตัวฉีดน้ำความดันสูง ดันไม่อยู่ จะใช้ก็ต้องไปเอาไกล ค่าน้ำมันไม่คุ้มอีก  ก็ใช้เป็ดฉีดใส่พัดลม ทิ้งไว้ เอาน้ำฉีดธรรมดาก็ออก สะอาดได้ 90% ตรวจสอบสภาพ บุช (ลูกปืน) ของพัดลม พบว่าสึกไปพอสมควร แต่ไม่ใช่ห้องนอน ไม่ต้องคำนึงถึงความดังของเสียง รูปเลือด ไม่ได้ถ่ายครับ  วุ่นๆ อยู่ ทำคนเดียวเกือบหมด มีแต่รูปแผล นับดีๆ ได้  6 รอย จากคุณ : Professor - [ 26 มิ.ย. 51 08:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จากคุณ : i_nam - [ 26 มิ.ย. 51 10:09:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ว๊า ... ไม่เห็นเลือด อ่ะ เสียดาย ว่าแต่ แอลจี ใส่น๊อตมาไม่ครบเหรอเนี่ย อืมมๆๆๆ จากคุณ : ก้นกบ - [ 26 มิ.ย. 51 10:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ลองหา เครื่องฉีดไอน้ำ มาใช้ซิครับ ข้อดี คือ มีแรงดันพอควร  แต่ไอน้ำมันไม่กระเด็น  95% มันระเหยไปในอากาศ พอพ่นๆ  ล้างๆ  ไม่กระเด็นเลอะกำแพง  แต่ก็สะอาด 70% ใช้ง่ายดี  ไว้มีเวลาค่อยรื้อล้างใหม่ แต่หลังจากนั้น  ขี้ฝุ่นทำให้ท่อน้ำไหลทิ้งตัน  แสดงว่าล้างออกมาพอควร ไหลไปที่ถาดน้ำทิ้ง อย่าลืมดูดท่อน้ำทิ้ง ทะลวงท่อด้วยนะ จากคุณ : NiceBenz - [ 26 มิ.ย. 51 11:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แบบนี้ผมก็เคยลองทำเอง แต่ไม่ถึงขนาดถอดพัดลมครับ ถอดหน้ากาก อย่างเดียว แล้วเอา แปรงสีฟันเก่า ๆ แปรงฝุ่นออกครับ แต่รางน้ำทิ้งนี่อย่างเนอะ เลย ก็ เห็นผล เพราะลมออกเยอะ น้ำทิ้งไหลออกสะดวก เดี๋ยวนี้ผมก็ทำเองกับ มิตซู ตัวเก่า แต่ไม่กล้ากับ daikin inverter คงต้องดูช่างเค้าลา้งใหญ่สักที ครูพักลักจำเอา ไม่น่ายากครับ แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 51 15:39:54 จากคุณ : Noo_Lek@TheKop - [ 26 มิ.ย. 51 15:38:55 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สงสัยว่าทำไมล้างสะอาดแล้วกินไฟมากขึ้นครับ น่าจะกินไฟน้อยลง ประหยัดขึ้นมากว่านี่นา ส่วนน็อตที่หายไป เดี๋ยวรอผมล้างก่อน คาดว่าคงเหลือ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 26 มิ.ย. 51 15:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 15   อ้าว   ไหงตรงข้ามกับป๋มคับ ของป๋ม ฝาหรั่งมันทำเกินคับ  น็อตเหลือ 1 ตัว  เหอ  เหอ จากคุณ : อินทกริต   - [ 26 มิ.ย. 51 08:26:31 ] งั๊นให้คุณ จขกท. มาเอาจาก คห. ที่ 15 ละกันนะคะ ครบพอดีเลย จากคุณ : คุณนู๋เรย์ - [ 26 มิ.ย. 51 15:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทะลวง ท่อระบายน้ำทิ้ง ด้วย  กรด HCL   สลายคราบ ตะไคร่ เอาท่อลมตู้ปลา ยัด ต่อกับเข็มฉีดยา ฉีดอัดกรด HCL ทะลวงไปเรื่อยๆ จากคุณ : njtd - [ 26 มิ.ย. 51 16:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 24 #21  คุณจั๊กกะจี๋ คอมเพรสเซอร์เป็นเครื่องย้ายมวลของสารทำความเย็นครับ ยิ่งมวลสารทำความเย็นวิ่งผ่านคอมเพรสเซอร์ได้ดี มันก็จะกินกระแสมากขึ้นเท่านั้น เราล้างให้สะอาดลมวิ่งผ่านได้ดี   ทำให้แผง evap มีอุณหภูมิสูงขึ้น  สารทำความเย็นก็จะวิ่งไปคอมเพรสเซอร์ได้ดีขึ้น คอมเพรสเซอร์ ก็จะทำงานมากขึ้น ก็ง่ายๆ ครับ  กระแสเพิ่มขึ้น  แต่ประสิทธิภาพทำความเย็นเพิ่มขึ้นมากกว่า ก็ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้  เพราะแอร์จะตัดเร็วขึ้น แต่แอร์ผม under size  โคตร  คอมเพรสเซอร์ไม่มีวันตัด ยกเว้นช่วงดึกๆ กระแสลดลง อาจจะเกิดขึ้นได้กับการล้างแผงคอยล์ร้อนครับ ในกรณีผม ไม่ได้ล้างแผงคอยล์ร้อน  จะมีแต่อาการกระแสเพิ่มมากขึ้น จะไม่มีอาการ กระแสหลังล้างลดลง ตอนนี้หาน็อต เจอแล้ว  วางไว้อีกถาดหนึ่ง โชคดีไป จากคุณ : Professor - [ 26 มิ.ย. 51 19:23:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถึงคุณนู๋เรย์ หลังจากเก็บไว้ 6 เดือน น็อตตัวนั้นก็หาที่ใส่ได้แย้วคับ งวดหลังๆมาจ้างช่างมาล้างแอร์ดีกั่ว นัดล่วงหน้า 2 อาทิตย์  สบายกว่ากันเยอะ ทางใครก็ทางมันหนะคับ จากคุณ : อินทกริต - [ 26 มิ.ย. 51 19:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นี่ ตา Professor "คอมเพรสเซอร์เป็นเครื่องย้ายมวลของสารทำความเย็นครับ" มานย้ายมวลได้อย่างไงคับ  มะเข้าใจ  ลองอธิบายให้หน่อยดิ ต้องมีปรับมุมอะซิมุทของคอมเพรสเซอร์ให้ได้องศากับมวลของสารทำความเย็นหรือปล่าววว ชวนออกทะเลแล้วนะ   จากคุณ : อินทกริต - [ 26 มิ.ย. 51 19:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หุหุ ล้างแอร์ผมล้างเดือนละครั้งแต่ถอดพัดลมไม่เป็นใช้แปรงล้างหัวจุกนมถูทีละครับโคตรเมื่อยเลยครับ คอล์ยร้อนก็ใช้น้ำหยดขี้ตะไคร่บานเลยต้องล้างทุกเดือนมีวิธีแก้ไขหรือมีวิธีถอดพัดลมแอร์บอกบ้างไหมครับ จากคุณ : kkwta - [ 26 มิ.ย. 51 20:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จ้างเขาล้าง แล้วคอยดูว่าล้างอย่างไร ถ้าล้างถูกวิธีแล้วจ่ายแค่ 500 บาท ดีกว่าไหมครับ? จากคุณ : Service Guy - [ 26 มิ.ย. 51 22:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #26 คุณอินทกริต คอมเพรสเซอร์ มันย้ายสารทำความเย็นจาก Evap ไปที่ Condensor ไงครับ ถ้าเราย้ายมวลของสารได้  เราก็เอามาทำความเย็นได้ ยิ่งมันย้ายได้ง่าย ประสิทธิภาพก็ยิ่งดี #27 คุณ kkwta ต้องถอด สายไฟ และน็อตออกให้หมด  ตรงกรงกระรอก จะมีน็อตอยู่ ต้องขันไขควงเข้าไปในกรงกระรอก ถึงจะถอดได้  แล้วก็ง้าง คอยล์เย็นออกมา ถึงจะดึงกรงกระรอก ออกมาได้ ที่จริงใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างสดเลยก็น่าจะได้ ไม่ต้องถอด ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ #28 คุณ Service Guy  เครื่องมือล้างผมมีหมดแล้ว  วิธีการล้างที่ถูกต้องก็ศึกษาจากวีดีโอสาธิตแล้ว  ผมว่าช่างล้างไม่ได้ดีกว่านี้อีกแล้ว ถ้าซวยเจอช่างเถอะน่าแล้วจะยุ่ง  ที่จะดีกว่าก็คงความเร็วในการล้าง อีกอย่างได้ทำเอง ก็เอา know how ของเครื่องมาประยุกต์ใช้กับงานของผมได้ด้วย  ล้างชั่วโมงกว่า ประหยัดเงินได้ 500 บาท จากคุณ : Professor - [ 27 มิ.ย. 51 00:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณท่านศาสตราจารย์ # 24 ครับ ล้างแอร์ได้แล้ว วันหลังชวนไปล้างตู้เย็นดีกว่า อิอิ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 27 มิ.ย. 51 01:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 มิ.ย. 51 13:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โอววว ... คุณเป็นแรงบันดาลใจของผม ชื่นชมในความพากเพียรครับ จากคุณ : pixa - [ 27 มิ.ย. 51 17:31:46 ]