ความคิดเห็นที่ 1 ปลวกนั้นแบ่งเป็น 3 วรรณะ คือ ปลวกงาน ตัวอ่อนนิ่ม ไม่มีปีก หัวกลมๆหน่อยสีขาวเทาๆ ไอ้พวกนี้แหละที่เป็นฝ่ายเสบียง และฝ่ายกัดกินบ้าน (สรุปอย่างนี้ไปเลย เพราะมันกินเซลลูโลสที่มีอยู่ในวัสดุหลายประเภท)   ปลวกทหาร ไม่มีปีก ที่จะขนาดยาวและใหญ่กว่า หัวสีเหลืองอมน้ำตาล ปลวกแพร่พันธุ์ (ขออภัยถ้าศัพท์แสงเพี้ยนไปบ้าง) กลุ่มนี้มีปีก ทั้งเพศผู้ และเมีย คือ แมงเม่า อาหารของปลวก คือ เซลลูโลส ที่เป็นคาร์โบไฮเดรทชนิดหนึ่ง มีในไม้ เศษใบไม้ใบหญ้า กระดาษ ฯลฯ และปลวกชอบที่ชื้นแฉะ แต่ไม่ชอบที่ที่มีแดดส่องถึง แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 51 13:26:39 จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 12:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปลวกจะอยู่กันเป็นชุมชนขนาดใหญ่ เรียกว่าเป็นอาณานิคมที่อยู่ใต้ดิน ลึกมากจนถึงมากๆ เป็นอุโมงค์ใต้ดิน ถ้าแถวละแวกบ้านมีจอมปลวก หรือเวลาเย็นๆมีแมงเม่ามาบินเล่นไฟ ก็ให้สันนิษฐานได้เลยว่า ว่า งานเข้า ได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าอยู่ดีๆมีแมงเม่ามาบินเล่นไฟ ในบ้าน ละก็ แสดงว่า งานเข้า แล้วครับ ไปจำเขามา เขาบอก การป้องกันความเสี่ยงจากปลวกนั้น คือ หลีกเลี่ยงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูด และเป็นแหล่งอาหารของปลวก ทำได้หลายวิธี พอสรุปได้ คือ อย่าก่อสร้างวัสดุจำพวกไม้ หรือวัสดุอื่นๆ เช่น วงกบหน้าต่าง ประตู ลานไม้ ฯลฯ ที่มีเซลลูโลสติดดิน หรืออยู่ในระยะที่คลานหรือไต่ได้ (ประมาณ 6 นิ้ว) กรณีที่ปูลานไม้ ให้พื้นล่างสูงจากระดับพื้นดินอย่างน้อย 6 นิ้ว เช่นกัน (ไม่ทราบว่าใช้เกณฑ์อะไรนะครับ เขาไม่ได้บอก) นี่อาจจะหมายถึงว่าตงควรจะวางอยู่บนคานซีเมนต์ หรือตงเป็นไม้เทียม (มีคนใช้ครับ) เป็นต้น ทางระบายน้ำ หรือน้ำจากหลังคา ท่อแอร์ หรือแหล่งน้ำใดๆทั้งสิ้น ต้องมีการระบายและลาดเทให้ไหลออกจากตัวบ้าน หรือเหือดแห้งได้โดยสะดวก หรือแดดส่องถึงคือ พูดง่ายๆให้เป็นเขตปลอดความชื้นแฉะถาวร การมีแหล่งน้ำติดชิดกับตัวบ้าน (เช่น บ่อ หรืออ่าง) ซึ่งเป็นแหล่งที่ก่อเกิดความชื้นแฉะก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี เขาว่างั้นนะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 51 13:29:16 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 51 12:50:28 จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 12:29:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การป้องกันปลวกเริ่มตั้งแต่ตอนสร้างบ้าน อย่างที่เรารู้ คือ เจาะวางท่อกันปลวกอย่างทั่วถึง และควรใช้ผู้ให้บริการที่มีประกันเพราะการรับมือกับปลวก เป็นงานยาวครับ ถ้าเริ่มในขั้นตอนนี้ก็ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ขอบอกได้เลยว่าไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบนะครับ การระแวดระวัง สังเกตทางเดินของปลวก (อุโมงค์ที่สร้างจากดิน) ตามกำแพง หรือฝ้า และรอยแตก แยกต่างๆ รวมทั้ง การเคาะตามไม้ บัว ก็อาจช่วยป้องกันไม้ให้บานปลายได้ ไม้แบบ เศษไม้ หรือวัสดุต่างๆที่เป็นแหล่งอาหารของปลวกก็ต้องขนย้ายออกไป รวมทั้งตอไม้ กิ่งไม้ ใบหญ้าที่สามารถกักเก็บความชื้นแฉะได้ จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 12:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สัญญานที่ชัดเจนว่าบ้านของคุณมีสิทธิ์โดนเวรคืนด้วยปลวก คือ ฝูงแมงเม่า คือ ปลวกแพร่พันธุ์ทั้งผู้ และเมียที่ออกมาจู๋จี๋ด้วยการบินป้อกันครับ น่ารัก โรแมนติคมากครับ ในวันและเวลาที่อุณหภูมิเป็นใจ เช่น วันที่อากาศอุ่น หลังฝนตก (ฤดูนี้ของบ้านเราเลยครับ โฮ่ๆ) การเห็นฝูงแมงเม่า เป็นสัญญานแสดงว่าพวกมันจะเริ่มตั้งอาณานิคมใหม่ เพื่อรองรับลูกหลาน ทางเดินของปลวก ปกติจะมุดไปตามรอยแยก หรือในบริเวณที่ลับตา และปลวกจะสร้างอุโมงค์ดิน เห็นเป็นพอกดินยาวเฟื้อย เมื่อต้องออกมาเดินเหินในที่โล่ง เพื่อไปยังแหล่งอาหาร ถ้าเราไปขูดเขี่ยทิ้ง แล้วทางเดินกลับมาอีกในเวลาไม่นานก็แสดงว่า งานเข้าแล้วครับ ฮ่วย จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 12:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บางคนถามว่าการกัดกินเนื้อไม้แบบไหน คือ ผลงานของปลวก ถ้าเราเคาะไม้แล้วเห็นเป็นโพรงลักษณะคล้ายภายในรังผึ้ง เพราะมันจะกินบางส่วนของไม้เท่านั้น เรียกว่ามีรสนิยมพอสมควร และมีเศษดินปะปน กรณีที่เห็นเป็นกองผงสีเหลืองอ่อนๆนั้น ไม่ใช่ปลวกครับ เป็นผลงานของมอด หรือตระกูลนั้นละครับ ผมเขียนวกไปวนมาหน่อยนะครับ เอาว่ารู้เรื่องเป็นพอ จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 13:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้มาพูดเรื่อง การป้องกันปลวก ที่รู้จักและใช้กันทั่วไป คือ การอัด ฉีดพ่นสารเคมี ทั้งที่ฐานราก และรอบๆบ้าน เพื่อเป็นแนวกั้นการรุกรานของปลวก เพราะปลวกมันจะเลี่ยงดินที่มีสารเคมีฉีดพ่น การใช้สารเคมีก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ แต่การที่มาฉีดกันปลวกเมื่อบ้านเสร็จ จะโดนรอบ หรือเจาะรูนั้น ประสิทธิภาพก็จะลดลงไประดับนึง เพราะการใช้สารเคมีจะไม่ครอลคุลม และทั่วถึงเท่า รอยแตก รอยแยกที่ตัวบ้าน ใต้คาน หรือฐานราก ล้วนแต่เป็นช่องทางที่ปลวกเข้าสู่บ้านได้ เพราะเป็นบริเวณที่ปลอดจากน้ำยา หรือสารเคมี จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 13:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับคนที่ชอบการตายแบบช้าๆ แบบทรมาณ นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่ไม่ใช่การไล่ปลวกไปในทันที แต่เป็นการฉีดพ่น เพื่อบ่มเพาะสภาวะความเป็นพิษของพื้นดินที่ปลวกอยู่อาศัย เพราะปลวกจะไม่รู้สึกถึงภัย และยังเพ่นพ่านอยู่ใน พื้นที่สังหาร เมื่อสัมผัสกับพื้นดินที่ปนเปื้อน อัตราการตายของปลวกมันจะเพิ่มขึ้น ทั้งโดยการสัมผัส หรือการที่มันอ่อนแอและตายจากเชื้อโรค พิษนี่ยังสามารถส่งต่อโดยการผสมพันธุ์ และการแบ่งปันอาหาร เรียกว่า ตายชัวร์ เบ็ดเสร็จน่าจะฆ่ายกอาณานิคมภายใน 3 เดือน ทั้งสองกรณีนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญของบริษัทกำจัดปลวก และใช้ปริมาณสารเคมีจำนวนมาก (น่ากลัวนะ) ในค.ห. 6 นี่ ถ้าเป็นการฉีดเฉพาะจุด ก็ไม่น่าจะแก้ปัญหาๆได้ เพราะปลวกงานนี่ถึงจะตาบอด แต่ไม่โง่ ตรงไหนฉีดพ่นมันก็เลี่ยงซะ ไปหาทางใหม่แทน จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 13:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การใช้เหยื่อในการกำจัดปลวกก็เริ่มแพร่หลายขึ้น เวลาจะใช้บริการก็เลือก และพิจารณาเอาครับ วิธีแรก คือ ใช้ไม้ หรือเซลลูโลสที่เป็นอาหารโปรดปรานของปลวก เป็นเหยื่อล่อ ทีแรกก็ขุดหลุมใส่เศษไม้ธรรมดานี่ลงไปก่อน เป็นการลองของว่ามีปลวกในบริเวณ หรือจุดต้องสงสัยหรือเปล่า ถ้ามีก็เอาเศษไม้ผสมสารเคมีที่ออกฤทธิ์ช้าเข้าไปในเนื้อในของเหยื่อล่อใส่ลงไปแทน  เมื่อปลวกกินเข้าไป สารพิษก็จะแพร่โดยการผสมพันธุ์ และโดยการสัมผัสในหมู่ปลวก อาจจะมีการวางไม้ที่เป็นเหยื่อล่อไว้ตามพื้นดิน หรือในบ้าน ด้วยก็ได้ แล้วแต่กรณี ปลวกนี้มันจะไม่เป็นสัตว์ที่อยู่เป็นที่เป็นทาง แต่จะเพ่นพ่านไปทั่วในหลายๆอาณานิคม ตามแหล่งอาหารที่หาได้ การกระจายของสารพิษก็จะเป็นไปอย่างช้าๆ เพราะปลวกมันเยอะ แต่ว่าจะตายขนานใหญ่ แบบฆ่ายกรัง (โหด) อีกสาเหตุที่ทำให้การฆ่ายกรังต้องใช้เวลานาน คือ ปลวกมันจะหลีกเลี่ยงรังย่อยที่มีการเจ็บตายเพิ่มขึ้น ในลักษณะของการจำกัดเขต วิธี้สามารถใช้ได้กรณีบ้านสร้างเสร็จแล้ว หรือบ้านอยู่มานาน หรือคุณไม่ชอบวิธีการฉีดพ่นสารเคมีจำนวนมาในบ้านของคุณ เพราะใช้เหยื่อจะใช้สารเคมีจำนวนน้อยเท่าที่จำเป็น แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 51 14:15:04 จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 14:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 วีธีการกำจัดปลวกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือ ศัตรูทางธรรมชาติ ผมเข้าใจบ้านเราเรียกว่า ไส้เดือนแดง หรืออะไรเนี่ย อันนี้ไม่รู้จริงๆ แต่ประสิทธิภาพนี่ก็ยังถกเถียงกันอยู่ เพราะเมื่อนำไปใช้จริงเนี่ย สภาพแวดล้อมในธรรมชาติจะเอาแน่ไม่ได้ ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น หรือชนิดของดินในแต่ละเขต แต่ละภูมิภาค อย่างที่บอกว่า ปลวกนั้นมันฉลาด เมื่อมันวินิจฉัยว่า เพื่อนเราโดนเข้าแล้ว มันก็จะสร้างกำแพงขัง หรือกั้นพวกดวงซวยนี้ไว้ก่อนเลย แล้วก็เดินเหิรไปตามอุโมงค์ได้ตามปกติ ดังนั้น การแพร่กระจายก็จะไม่ค่อยได้ผลนัก หรือใช้เวลานานมาก เป็นเดือนๆทีเดียว จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 14:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พิจารณากันเอาเองครับ ทั้งความเหมาะสมของบ้าน เพิ่งสร้าง หรือเสร็จแล้ว ปริมาณสารเคมี การตกค้าง ประสิทธิภาพ หรือระยะเวลาการออกฤทธิ์ อย่าลืมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวคุณเอง และครอบครัว เรื่อง การปล่อยให้มีเศษไม้ ตอไม้ ไม้เก่า หรือกองหนังสือพิมพ์มาล่อตา (ล่อไม่ได้ มันบอด) ล่อใจปลวก  การจัดสวน หรือสนามหญ้าที่มีความชื้นสะสมใกล้ หรือชิดตัวบ้าน แต่อย่าที่มีคนเตือนว่า ปลวกมันบินได้ เหนือฟ้ายังมีฟ้าครับ ขอจบแบบไม่มีเบอร์โทรศัพท์แนะนำบริษัทกำจัดปลวก เพราะไม่ใช่คนฆ่าปลวกครับ เขียนมาถึงตรงนี้ เริ่มสงสารปลวกขึ้นมาครับ จะทำยังไงให้ลดความเสี่ยง และใช้สารเคมีน้อย และไม่ทำบาปด้วยครับ อุทาหรณ์ว่าปลวกร้ายแรง เพราะมันทำลายร้าง terminate คือ บ้านญาติเพิ่งพบว่าปลวกขึ้นทั้งบิลด์อิน และฝ้า งานเข้ามาเป็นเดือนแล้วครับ เพิ่งรู้ ผิดถูก ตกหล่น อย่างไร เพื่อนๆช่วยแก้ไขด้วยนะครับ ถอดความมานะครับ จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 14:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 1. ปลวกชอบดินที่ชื้นแต่ไม่ใช่ดินเปียก ถ้าดินเปียกแต่หมดหน้าฝนมันก็จะชื้น 2. ลำตัวของปลวกงานจะนิ่ม และกันน้ำระเหยออกจากลำตัวได้ไม่ดี เวลามันเดินทางหาอาหารมันเลยต้องสร้างท่อดิน ภายในท่อจะมีความชื้นที่เหมาะกับปลวก เวลามันกินอาหารก็จะนำอาหารกลับไปเลี้ยงปลวกนางพญากับปลวกทหารภายในรังใต้ดิน 3. ทรายเม็ดใหญ่ก็ช่วยป้องกันปลวกได้ เพราะมันมีคมบาดลำตัวปลวก บางที่จะปูทรายใต้พื้นบ้าน แต่เวลาผ่านไป ทรายจะถูกผสมกับดินจนไม่เหลือความเป็นทราย สุดท้ายปลวกก็ผ่านได้ ถ้ามั่นใจว่าจะรักษาทรายให้สะอาดตลอดไปได้ก็ปูทรายกันปลวกอีกชั้นหนึ่ง 4. ดินที่เป็นกรดหรือราดด้วยกรดก็ป้องกันปลวกได้ บางบริษัทในต่างประเทศก็กำจัดปลวกโดยการราดสารเคมีที่เป็นกรดลงในดินเพราะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ 5. ปลวกนางพญาก็คือแมลงเม่าตัวเมีย ตอนที่มันบินออกจากรังและจับคู่กับตัวผู้ใหม่ๆ มันจะสลัดปีกแล้วมุดหาที่หลบใต้ดิน ตอนแรกจะวางไข่แค่ 5-6 ใบ หลังจากนั้นรังไข่ของแมลงเม่าตัวเมียก็จะค่อยๆขยายใหญ่ จนทำให้แมลงเม่าตัวเมียมีลักษณะคล้ายๆหนอนอ้วนสีขาวๆเหลืองๆขนาดยาวเกือบ 10 ซม. เรียกว่าปลวกนางพญา 6. ในโลกมีปลวกอยู่หลายพันชนิด ในเมืองไทยก็มีเกือบ 1000 ชนิด 7. ปลวกนางพญาของปลวกบางชนิดมีอายุถึง 50 ปี ใน 1 รังมีปลวกนางพญา 1 ตัว ตัวที่ใหญ่หน่อยผลิตไข่ได้นับหมื่นใบต่อวัน 8. ปลวกงาน ปลวกทหาร ต้องได้รับฮอร์โมนและสารเคมีต่างๆจากปลวกนางพญาอย่างต่อเนื่อง ถ้ารังปลวกนั้นขาดปลวกนางพญา ปลวกจะค่อยๆอ่อนแอ และตายในที่สุด 9. สารเคมีที่ฆ่าปลวกตายยกรังต้องไม่มีคุณสมบัติที่ปลวกรู้สึกได้ เพราะถ้าสารนั้นปนเปื้อนปลวกแล้วปลวกพากลับรัง ปลวกทหารจะกำจัดปลวกที่มีสารปนเปื้อนแล้วคาบออกจากรัง หรือไม่ก็ฝังปลวกตัวนั้นในรัง 10. สารเคมีที่ฆ่าปลวกได้ดีต้องใช้ในปริมาณน้อย เพราะถ้ามากไปจะทำให้สมาชิกในรังแสดงปฏิกิริยาต่อต้านและทำลายปลวกตัวนั้นทันที 11. นอกจากนางพญาแล้ว ปลวกวรรณะอื่นๆก็ผลิตไข่ได้ แต่ผลิตได้น้อย 12. เมื่อมีศัตรูมาคุกคาม เช่นมีมดบุกเข้ารัง หรือจำนวนประชากรภายในรังลดลง ปลวกงานที่มีสัดส่วนมากที่สุดในรัง สามารถแปลงร่างเป็นปลวกทหารหรือปลวกสืบพันธุ์ตามข้อ 10 โดยอาศัยฮอร์โมนที่ป้อนให้โดยปลวกทหาร 13. แมลงเม่าเป็นปลวกที่มีปีกและอาศัยในจอมปลวกเช่นเดียวกับปลวกราชา ปลวกนางพญา ปลวกทหารและปลวกงาน แต่ปลวกทหารจะบังคับให้แมลงเม่าอยู่ในโพรงเฉพาะ ไม่ให้ออกมาเดินเพ่นพล่านภายในรัง เพราะแมลงเม่าเป็นปลวกวรรณะสืบพันธุ์ ถ้าออกมาเดินเล่นในรังจะให้ฮอร์โมนแก่ปลวกวรรณะอื่น จนสมาชิกของปลวกเกิดความสับสน พูดง่ายๆคือ สมาชิกในรังทุกตัวต้องได้รับสารเคมีจากปลวกนางพญาเพียงตัวเดียวเท่านั้น 14. วันที่อากาศชื้นหรือฝนแรกๆของฤดู แมลงเม่าจะบินออกจากรังปลวกโดยใช้ช่องทางเฉพาะ (ห้ามบินเข้าไปส่วนอื่นของรัง) ตัวผู้กับตัวเมียก็จะจับคู่กัน ผสมพันธุ์กัน แล้วมุดลงดินเพื่อสร้างรังใหม่ อาณาจักรใหม่ของตัวเอง 15. แมลงเม่า 99.999999...เปอร์เซ็นต์จะตาย มีเพียงแค่ส่วนน้อยนิดที่จะสร้างรังใหม่ได้ 16. ในระยะ 2-3 ปีแรก แต่ละรังจะมีวสมาชิกน้อยมาก การขึ้นมาทำลายบ้านเรือนก็ไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 5 ปีขึ้นไปจึงจะมีสมาชิกพอที่จะทำลายบ้านเรือนได้ ปลวกมีเรื่องราวให้เล่าเยอะมากครับ วันนี้เอาแค่นี้เพื่อเสริมกับคุณ Double07 จากคุณ : MirrorLake - [ 23 ก.ค. 51 14:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เจอมนุษย์ปลวกเข้าแล้ว อิ อิ เรายังไม่รู้เรื่องปลวกอีกเยอะครับ ผมมีคำถามข้อนึง ว่า ถิ่นที่มคนอาศัยอยู่มานานแล้ว กับบ้านจัดสรรที่บุกเบิกใหม่ เช่น ถมนา หรือบ่อลปานี่ มีความเสี่ยงเรื่องปลวกให้เคียงกันไหมครับ จากคุณ : Double07 - [ 23 ก.ค. 51 14:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 รอโพสต์ต่อ อยู่ตั้งนาน หวังว่าคงจะไม่ขัดกระทู้นะ มีประโยชน์มากครับ ส่วนตัว เพิ่งเจอตัวเป็นๆ เมื่อช่วงฝนตก สองสามวันที่ผ่านมา สงสัยน้ำจะท่วมรัง เห็นเดินเล่นในสวนเป็นทางเลย (น่าจะเป็นปลวกสวน ไม่ใช่ปลวกบ้าน เห็นตัวดำๆ แต่ก็นั่นหล่ะ ยากำจัดปลวก ไม่ช่วยอะไรเลย ในเมื่อปลวกสวนยังออกมาอาบแดดได้ แล้วปลวกบ้านทำไมจะอยู่ไม่ได้) ส่วนตัวแล้ว นอกจากฉีดกำจัดปลวก ในท่อร้อยสายใต้ดิน เป็นประจำแล้ว การควบคุมปลวกที่ดีที่สุด มันเริ่มจากการออกแบบบ้านเลย ยังไง ปลวกก็ต้องกินน้ำ ต้องมีทางลงดิน ปลวกจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีความชื้น(น้ำ) น้อยครั้งที่จะเห็นปลวก แต่ไม่มีทางลงดิน (แต่ก็มีนะ บ้านเพื่อนโดน กินปาเก้ ชั้นสาม) หลายกระทู้ เรื่อง ปลวก พูดถึงแต่การกำจัด แต่ไม่เคยพูดถึงการป้องกันกันเลย ส่วนตัว เท่าที่เคยมีปัญหากับปลวก ที่บ้านเก่า มันเล่นกินฝ้าหมดไปเป็นแถบๆ เพราะ ปลวกมีทางเดินขึ้นมาบนผ้า ใช้ ทางด่วน ท่อร้อยสายไฟ กับ ช่องชาร์พ (ท่อน้ำทิ้งจากห้องน้ำชั้นสอง) แถมไม่จ่ายค่าทางด่วนอีกต่างหาก พอปิดช่องชาร์พ ด้วยปูน กับ เช็คท่อร้อยสายไฟต่างๆ อุดปูน(ก่อนอุด กรอกยาผงรอไว้เลย) หลังจากนั้น ไม่ได้ราดยาปลวกมาสี่ปีแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีปลวกบุกบ้าน ทั้งที่ในสนามหญ้า ก็มีร่องรอยของปลวกอยู่ แบบว่า แบ่งๆกันอยู่  (แต่อย่ามายุ่งกะตรู) ทางแก้ที่ดีที่สุด คือ ตัดทางเดิน ลงดินของปลวก เท่าที่นึกได้ ก็จะมี 1. ท่อร้อยสายไฟ อุดให้ดี เพราะถ้าท่อเกิดแตกใต้ดินขึ้นมา ก็อ่ะนะ เดินไปได้ ถึง หลังคาบ้าน 2. ช่องระบายน้ำทิ้ง จากชั้นสอง ร้อย ละ เกือบร้อย ผู้รับเหมา ไม่ได้ปิดด้วยปูน ช่องนี้ หล่ะ ตัวแสบ เพราะ เราจะไม่เห็นร่องรอย ของปลวก จนกว่า มันจะกินหมดบ้าน 3.  รอยแตกรอยร้าวตามขอบเสา ระวังกันให้ดี เพราะ บางที มันมีโพรงด้านใน เรามักจะมองไม่เห็น โดยเฉพาะ เวลาก่อกำแพง เอาให้เนี๊ยบ 4. ทำระบบฉีดน้ำยารอไว้ได้เลย เพราะ มีแน่ๆ ปลวกเนี่ย ถ้าบ้านเราไม่ได้ใช้ยา มันก็จะอพยบมาจากบ้านอื่นที่ฉีดยาปลวก เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ลงยา ก็อาจจะได้เจอกันในวันหน้าอยู่ดี 5. พวก build in  หรือ ชุดห้องครัว ให้ช่างเค้าเจาะ รูเล็กๆ พอดีกับท่อหัวฉีดของกระป๋องสเปรย์ เอาไว้แหย่หัวฉีด ฉีดยาฆ่าแมลง นอกจากปลวก แล้วยังได้ แมลงสาบ กะ จิ้งจกเป็นของแถม เท่าที่นึกได้ อ่ะนะ ก็มีอยู่แค่นี้ ส่วนการกำจัด เห็นบ้านเพื่อนโดนปลวกถล่ม หันไปใช้แบบเหยื่อล่อ (ที่กำลังฮิต แต่แพง) เห็นว่า ได้ผลดี แถมสะใจอีกต่างหาก หลอกให้มันตายใจ ให้อาหารหวาน แต่ว่า ตายยกรัง ส่วนตัวเอง คงใช้ระบบเดิมๆ คือ ฉีดน้ำยาลงดิน และ ราดเอาตามพื้น ไปสักระยะ แล้วคอยดูตัวปลวกว่ามีบ้างหรือเปล่า เพราะ บ้านใหม่ ไม่รู้จะหาทางป้องกันปลวกได้อย่างไง เหมือนกัน เพราะ ท่อร้อยสาย กับช่องชาร์พมีเยอะมาก คงต้องกำจัดด้วยวิธีเดิมๆไปก่อน คงจะเลี้ยงเอาไว้เหมือนบ้านเก่าไม่ได้ จากคุณ : กบ (kabokaboh) - [ 23 ก.ค. 51 14:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สั่ง Agenda 25 EC ไว้แล้ว เด่วเสาร์ อาทิตย์นี้เจอกันนะ พี่ปลวก จากคุณ : กบ (kabokaboh) - [ 23 ก.ค. 51 14:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 บ้านผมก็ใช้บริการบริษัทกำจัดปลวก เท่าที่ได้ความรู้มาว่า ปลวกนี้รักสงบครับ แอบขึ้น แอบกิน ผมเลยนึกเอาเองว่า ถ้าทำบ้านให้อึกทึกหน่อย ปลวกคงจะไม่อยากยุ่ง ผมทำยังไงรู้ไหม - เวลาเดินขึ้นบันได ก็เดินดังๆหน่อย - พยายามเคาะกำแพงบ่อยๆให้เกิดการสะเทือน - ว่างๆก็เคาะฝ้าเพดาน - ห้องไหนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานก็เข้าไปเดินๆ เคาะบ้าง ปรากฎว่า ปลวกมันแอบไปเจาะกล่องกระดาษ ในห้องเก็บของครับ ยกกล่องมาดูเห็นประมาณ ร้อยกว่าตัว เหนื่อยใจจริงๆ ตอนนี้ก็กำลังศึกษาข้อมูลเหมือนกันครับ - เท่าที่รู้ว่าปลวกกับมด ไม่ถูกกัน แต่ยาฆ่าปลวก มักจะฆ่ามดไปด้วยนะซิ กำลังนึกอยู่ว่า เลี้ยงมดให้เยอะ มันจะได้ฆ่าปลวกให้หมด กลุ้มเหมือนกันครับ จากคุณ : jobuakwan - [ 23 ก.ค. 51 15:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ จากคุณ Double07 + คุณ MirrorLake  + คุณกบ ครับ บ้านผมเคยเจอปลวกบุกห้องเก็บของ หนังสือหนังหาที่เก็บไว้พรุนไปหลายกล่อง ตอนหลังก็เลยเลี้ยงปลวกไว้นอกบ้านเสียเลย ปล่อยให้เขาอยู่นอกบ้าน เพราะนอกบ้านมีเศษไม้เยอะ ไม่ไปราดยา ไม่ไปรบกวนเขา ตั้งแต่นั้นก็ยังไม่เคยมีบุกเข้าบ้านมาอีกเลย ต้นไม้หลายต้นที่ปลูกไว้ โดนปลวกกินไปเสียครึ่งต้น แต่ก็ทนทายาด ไม่ยักตาย ยังผลิดอกออกใบเจริญเติบโตได้ มีบ้านญาติอยู่คนหนึ่ง โดนปลวกถล่ม จ้างบริษัทกำจัดก็แล้วไปได้สักพักกลับมาอีก สุดท้ายต้องหันไปพึ่งไสยศาสตร์ครับ แปลกดีเหมือนกัน พ่อหมอเขาจะทำพิธีอะไรไม่รู้คล้ายว่าจะเชิญให้ปลวกไปอยู่นอกบ้าน เอาไม้หลักไปปักไว้นอกบ้าน แล้วให้เจ้าของบ้านจุดธูปไหว้ เหมือนไว้เจ้าที่ ตั้งแต่นั้นปลวกก็ไม่เข้าบ้านอีกเลย แปลกดีเหมือนกันครับ จากคุณ : ลุงแว่น - [ 23 ก.ค. 51 15:48:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไ้ด้ความรู้ดีจัง ขอบคุณทุกท่านค่ะ จากคุณ : งุงิเงาะแงะ(คุณแม่) (งุงิเงาะแงะ) - [ 23 ก.ค. 51 17:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านละเอียดทุกบรรทัดเลย ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่นำความรู้มาแบ่งปันกัน ตอนนี้กำลังปวดหัวกับปลวกที่ขึ้นต้นปาล์มอยู่ ปาล์มอายุ 16 ปี สวยเสียด้วย เพิ่งตัดไป 3 ต้นด้วยความเสียดายเพราะไปติดสายไฟ เรียกบริษัท กำจัดปลวกมา ก็ปวดหัวกับค่าบริการ เธอพูดเป็นฉากๆ พร้อมสรุปว่า หมื่นหกพี่ ฉีดทั้งบ้าน สัญญา 1 ปี แถมพ่นน้ำยาต้นปาล์มให้ เพิ่งจ่ายค่าฉีดไปที่บ้านแม่ หมื่นเก้า สัญญา 1 ปี เหนื่อยมั่กๆ จากคุณ : ไอ้แล่ด - [ 23 ก.ค. 51 18:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากเลยครับ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 23 ก.ค. 51 19:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ดูรูปปลวกนางพญาครับ ดูว่ารังไข่ใหญ่แค่ไหนหลังจากเปลี่ยนรูปร่างจากแมลงเม่าตัวเมียจนกลายเป็นนางพญา ตัวสีขาวคือปลวกงาน ทำหน้าที่เร่ร่อนกัดกินเซลลูโลสแล้วนำกลับมาเลี้ยงนางพญาและสมาชิกในรัง สีเข้ม กรามใหญ่คือปลวกทหาร สีเข้มแต่ตัวใหญ่อยู่ติดนางพญาคือแมลงเม่าตัวผู้ ที่อยู่ในรังทำหน้าที่เป็น "ราชา" ที่จะอยู่เคียงคู่และผสมพันธุ์กับนางพญา จากคุณ : MirrorLake - [ 24 ก.ค. 51 10:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รูปครับ จากคุณ : MirrorLake - [ 24 ก.ค. 51 10:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ได้ความรู้เยอะเลย อ่านแล้วสนุกดีครับ....แต่ถ้ามาแวะเยี่ยมบ้านเรานี่...คงไม่สนุก ..เห็นรูปแล้วน่ากลัวจัง แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 51 10:40:44 จากคุณ : witttt - [ 24 ก.ค. 51 10:37:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แก้ไขครับ ปลวกงานที่อ่อนกว่าปลวกทหาร หัวสีอ่อน ไม่มีส่วนที่ใช้เป็นอาวุธแหลมๆที่หัว จากคุณ : MirrorLake - [ 24 ก.ค. 51 11:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไข่ปลวกมีอายุเท่าไหร่ถึงจะฟักตัวคะ เคยมีปลวกบุกตู้หนังสือที่บ้าน ฉีกยาไว้ตายไปรอบแล้ว แต่เหมือนยังมีตัวอ่อนโผล่ขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ ต้องนานขนาดไหนถึงจะแน่ใจว่าไม่มีไข่ปลวกที่สามารถฟักได้อีกคะ จากคุณ : bluesinit (bluesin) - [ 24 ก.ค. 51 17:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ แล้วแต่ชนิดของปลวกครับ แต่ส่วนใหญ่ก็ราวๆ 30 กว่าวัน จากคุณ : MirrorLake - [ 25 ก.ค. 51 10:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ลองศึกษาดูระบบกำจัดปลวกแบบ เซนตริคอน ซิครับ เป็นการกำจัดปลวกแบบล่มสลายทั้งรัง ระบบนี้เป็นระบบแรกที่ทำแบบวางเหยื่อครับ ส่วนรายอื่นๆก็ลอกๆกันมา ยิ่งของไทยๆพวกสมุนไพร ก็ระวังโดนหรอกกันด้วยนะครับ ถ้าจะดีผมว่าเซนตริคอนดีสุดแล้ว แต่ ราคาสูงมาก ใครที่บ้านราคาหลายล้าน น่าจะคุ้มอยู่นะครับ เพราะว่าเสียค่าบริการ3-4หมื่น แต่ไม่ต้องมาเสียเงินนั่งซ่อมแซม เป็นแสน บริษัทที่ซื้อระบบนี้มาบริการในประเทศไทยก็มีหลายเจ้าครับ แต่ละที่ก็ดูน่าเชื่อถือมากครับ(เสียค่าซื้อไลน มาทำ 20กว่าล้าน) ฉะนั้นก็ไม่ต้องกลัวว่า จะชิ่งหนีเหมือนบริษัทฉีดพ่น(ทำแล้วมันไม่หาย ก็หนีลูกค้าครับ) ลองดูครับ แนะนำให้บริษัทนึงครับ 029548605-8 เจ้านี้ทำเซนตริคอน อย่างเดียวเลย เจ้าอื่นทำฉีดพ่นควบกันไป น่าจะเชี่ยวชาญสุดแล้วครับในเรื่องระบบเซนตริคอน ลองดูครับ จากคุณ : msys - [ 25 ก.ค. 51 17:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ได้ความรู้และข้อคิดจากหลายท่านที่มาร่วมแจม ขอบคุณด้วยครับ เห็นรูปปลวกแล้ว บรรยายไม่ถูกครับ ^ ^ จากคุณ : Double07 - [ 27 ก.ค. 51 21:38:17 ]