ความคิดเห็นที่ 1 อืมม จริงๆมันมีระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้นำไม้สักที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรือ เคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้และพ้นจากสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี   เคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัด  พ.ศ.2515 ลง  22  พ.ย. 2515 แต่ดิฉันว่าในกรณีเฟอร์นิเจอร์ที่ยังคงสภาพเป็นเครื่องใช้อยู่ มิได้พ้นจากสภาพ หรือมีสภาพเป็นไม้แปรรูป ไม้แผ่น น่าจะอยู่นอกเหนือระเบียบนี้ และก็แน่ใจว่าดิฉันเคยเห็นข้อกำหนดระเบียบปฏิบัติในการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ไม้สักอยู่เหมือนกัน ซึ่งระบุว่า กรณีการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ไม้สักนั้น ถ้าได้ประกอบจัดทำเป็นเฟอร์นิเจอร์เรียบร้อย มีการทำสีแล้ว กฎหมายอนุญาตให้สามารถขนย้ายได้ทั่วประเทศ โดยมิต้องขออนุญาต แต่มีข้อความระบุไว้ว่า... 1. การขนย้ายนั้น ได้ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์จำนวน 1 ชุด ไม่เกิน 8 ชิ้น 2. ถ้าเป็นการขนย้ายเตียงไม้นั้น ถ้ามีการขนย้ายโดยรื้อเตียงออกก่อน เพื่อเหตุผลในความสะดวกในการขนส่ง แต่เมื่อประกอบกันแล้วต้องเป็นเตียงได้ 1 หลัง สามารถขนย้ายได้ทั่วประเทศ ในกรณีของคุณเจ้าของกระทู้ เป็นการขนย้ายไม้สักในลักษณะใกล้เคียงกับที่ระบุไว้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ แต่เพื่อความไม่ประมาท และเผื่อไว้เป็นความรู้รกสมองเล่นๆ ดิฉันจะให้ลองพิจารณาดูสาระสำคัญของการควบคุมโดยออกใบอนุญาตการขนย้ายไม้เรือนเก่านะคะ ไม้เรือนเก่า หมายถึง ไม้ที่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ และพ้นจากสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ มาแล้วกว่า 5 ปีสำหรับไม้สัก และ 2 ปี สำหรับไม้อื่นที่มิใช่ไม้สัก โดยมิให้ถือว่าเป็นไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 4(4) แก้ไขโดยประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 พ.ศ. 2515 ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484  มาตรา 39  ตรี พ.ศ. 2515   ซึ่งอธิบดีกรมป่าไม้ได้กำหนดระเบียบไว้ตามระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้นำไม้สักที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ และพ้นสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาแล้วกว่า 5  ปี เคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัด  มีดังนี้ 1. ผู้ใดประสงค์จะนำไม้สักเรือนเก่าเคลื่อนย้ายออกนอกเขตจังหวัดท้องที่ ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ 1.1.สำหรับท้องที่กรุงเทพมหานคร ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ 1.2.สำหรับท้องที่จังหวัดอื่น ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แห่งอำเภอท้องที่ 2.หลักฐานที่ใช้ยื่นประกอบคำขอ สำเนาทะเบียนบ้านที่ขอรื้อถอน หลักฐานการแจ้งย้าย หลักฐานการได้มาของไม้นั้น หนังสือรับรองของกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่ 3.พนักงานเจ้าหน้าที่เสนอคำขอต่ออธิบดีกรมป่าไม้ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วแต่กรณี เพื่อสั่งให้คณะกรรมการตรวจสอบและพิจารณา 4.คณะกรรมการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ แล้วส่งคำขอพร้อมเรื่องราวผลการตรวจสอบและความเห็นให้อธิบดีกรมป่าไม้ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสั่งการ แล้วคณะกรรมการจะทำการตรวจสอบไม้และประทับตราประจำตัวแสดงการตรวจสอบไว้ที่ไม้ พร้อมจัดทำบัญชีรายการไม้แสดง ชนิด จำนวน ขนาด และปริมาตร ไว้เป็นหลักฐาน และเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดหรืออธิบดีกรมป่าไม้แล้วแต่กรณี ออกใบอนุญาตให้ขนย้ายต่อไป 5.เมื่อผู้รับอนุญาตนำไม้ถึงสถานที่และท้องที่กำหนดในใบอนุญาตแล้ว ต้องไปแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อำเภอ สำหรับกรุงเทพมหานคร ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่กรมป่าไม้ .. ซึ่งกรณีของคุณเจ้าของกระทู้ไม่น่าจะอยู่ในข่ายการเคลื่อนย้ายไม้เรือนเก่าค่ะ ..แต่เอาให้แน่ลองโทรไปที่กรมป่าไม้ดูก่อนนะคะว่ากรณีของคุณนั้น ต้องดำเนินการขออนุญาตประการใดหรือไม่ แต่ก็ไม่รู้สินะคะ เวลาดิฉันเห็นคนอื่นเค้าขนย้ายเฟอร์ไม้สักจากกรุงเทพไปที่ต่างจังหวัด เค้ามักจะเลือกใช้วิธีที่ง่ายกว่านี้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าค่ะ ฮี่ๆๆๆๆ จากคุณ : ถึกสมร ขจรอึด - [ 10 ต.ค. 51 04:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เคยส่งชุดเก้าอี้สนามไม้สักมาจากเชียงใหม่มา กท. ไม่มีปัญหาค่ะ ใช้บริการ บ.นิ่มซีเส็งฯ ทาง บ.ให้ห่อหุ้มให้เรียบร้อย ค่าขนส่งไม่ถึงพันค่ะ จากคุณ : rtapoo - [ 10 ต.ค. 51 09:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณครับ แต่ผมไม่มีหลักฐานการได้มาเลยครับ เพราะว่ามันเป็นของคุณพ่อ ซื้อไว้10กว่าปีเเล้ว T^T แต่ว่า คำว่า เลือกใช้วิธีที่ง่ายกว่านี้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ของคุณ ถึกสมร ขจรอึด เนี่ย ช่วยเเนะนำบ้างสิครับ แหะๆ จากคุณ : bassraider - [ 10 ต.ค. 51 13:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บางครั้งการบังคับใช้กฎหมายโดยหลักนิติธรรมกับช่องทางในการเรียกรับประโยชน์มันก็มีเพียงเส้นบางๆ คั่นเท่านั้นเองค่ะ ยิ่งถ้าประชาชนไม่ทราบความชัดเจนของข้อกำหนดยื่งเป็นเสมือนการเปิดทางให้เกิดการฉ้อฉลได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่ดิฉันเอาพรบ.มาลงให้อ่านก็เพื่อประโยชน์ในการศึกษาข้อมูลไว้โต้แย้งกับเจ้าพนักงานที่เรียกตรวจตามเส้นทางค่ะ ว่ามันไม่ได้อยู่ในข่ายความรับผิดของเรา ในกรณีที่โดนเรียกตรวจระหว่างการเคลื่อนย้าย โดยปกติเจ้าพนักงานที่มีอำนาจ จะพิจารณาจากสภาพความเก่าใหม่ของสิ่งของนั้นๆ ถ้าท่านที่ตรวจไม่มีติดใจอะไรก็ไม่มีปัญหา ยิ่งเป็นการขนขาขึ้นก็น่าจะคุยกันรู้เรื่องค่ะ (ไม่ใช่ขาล่องลงกทม.ที่มักจะขลุกขลักตรงช่วงด่านสลกบาตร ยิ่งเป็นพวกเฟอร์ใหม่ๆอาจต้องคุยกันหลายยก) .. (คงไม่มีใครจะมาเก็บหลักฐานการซื้อขายไว้เป็นสิบๆปี ) มีอะไรเราก็พูดจากันด้วยเหตุผลไป คนไทยด้วยกัน ท่านเจ้าหน้าที่คงไม่ใจดำหรอกค่ะ วิธีที่ง่ายกว่าที่ดิฉันกล่าวถึง เหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจเรื่องมาก วุ่นวาย เสียเวลา ดิฉันว่าคุณก็น่าจะทราบ เพราะเป็นวิธีที่แพร่หลายม้ากกก มากค่ะ ..  2 ปีที่แล้ว ดิฉันเคยขนเฟอร์ไม้สักขึ้นไปเหนือ เป็นคันรถสิบล้อ ก็ไม่มีใครเรียกตรวจสอบนะคะ มีแต่เรียกตรวจตามด่านทางหลวงเพื่อหาเรื่องปรับในคดีพรบ.จราจรซะมากกว่า   พอเจ้าหน้าที่เค้าเห็นของที่บรรทุกมา ส่วนใหญ่จะถามแต่เรื่องราคาที่ซื้อ ซื้อมาจากไหน บลาๆๆๆ ดังนั้นเวลาขนย้ายก็พยายามอย่าให้ลักษณะการขนบรรทุกผิดไปจากพรบ.จราจร ก็จะทำให้การเดินทางราบรื่นขึ้น ข้อปฏิบัติในการบรรทุก 1.ความกว้างสิ่งของที่บรรทุก ต้องไม่เกินส่วนกว้างของตัวรถ 2.ความยาวสิ่งของที่บรรทุก ต้อง 2.1 ด้านหน้ายื่นไม่เกินหน้าหม้อรถ 2.2 ด้านหลังยื่นพ้นตัวรถไม่เกิน 2.50 เมตร และต้องปฏิบัติตามข้อบังคับกรณีที่บรรทุกของยื่นฯ ด้านล่าง 3.ความสูง สิ่งของที่บรรทุก กรณีรถบรรทุกให้บรรทุกสูงจากพื้นทางได้ไม่เกิน 3.00 เมตร แต่ถ้ารถมีความกว้างของรถเกินกว่า 2.30 เมตร ให้บรรทุกสูงจากพื้นทางได้ไม่เกิน 3.80 เมตร 4.ต้องจัดให้มีสิ่งป้องกันคน สัตว์ หรือสิ่งของที่บรรทุกตกหล่น รั่วไหลส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิวไปจากรถ อันอาจก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อน รำคาญ ทำให้สกปรกเสื่อมเสียสุขภาพอนามัย หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนหรือทรัพย์สิน และกรณีที่บรรทุกของยื่นเกินกว่าความยาวของตัวรถผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติดังนี้ค่ะ 1.ในเวลากลางวันติดธงแดงเรืองแสงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 45 เซนติเมตร 2.ในเวลากลางคืน หรือในเวลาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะ 150 เมตร ต้องติดไฟสัญญาณสีแดงที่มองเห็นได้ชัดเจนในระยะ 150 เมตร ประมาณนี้ค่ะ จากคุณ : ถึกสมร ขจรอึด - [ 10 ต.ค. 51 13:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณอีกครั้งครับ ผมเข้าใจเเล้ว และคิดว่าจะใช้วิธีง่ายๆแพร่หลายที่เขาใช้กันทั่วไปดีกว่า *--* จากคุณ : bassraider - [ 10 ต.ค. 51 15:56:34 ]