ความคิดเห็นที่ 1 เขียนยังไงก็ได้ครับ  ให้ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นที่พอใจ ลองใช้ google หาคำว่า สํญาจะซื้อจะขาย ซิครับ เพียบ ของผมเขียนเองครับ  ให้สบายใจทั้ง 2 ฝ่าย จากคุณ : PATCHAYAS - [ 15 ต.ค. 51 07:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่ครับสัญาจะซื้อจะขาย กฏหมายไม่กำหนดเรื่องแบบเอาไว้ทำอย่างไรก็ได้ครับ จากคุณ : สองเม็ดบาท - [ 15 ต.ค. 51 08:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนตัวผมมองว่า ที่พรบ.กำหนดตัวสัญญาจะซื้อจะขายมาให้นั้น ใช้ในกรณีที่คู่ซื้อไม่มีตัวสัญญาทั้งสองฝ่าย แต่ในส่วนที่โครงการมีแต่เป็นแบบเพิ่มเติมบ้างข้อมาเองหรือตัดบางข้อออกไป หากเรามองว่าจะเสียเปรียบ เราก็ให้เค้าระบุไว้ในสัญญาเพิ่มเติมให้เรา และในส่วนของสัญญามันก็ขึ้นอยู่กับเราว่าเราอ่านแล้วยอมรับมันได้ไหมถ้ารับได้ก็ทำสัญญากัน ถ้ารับไม่ได้ก็ต้องพูดคุยเพิ่มเติม แล้วถ้าคุยไม่รู้เรื่องเราก็ไม่ต้องซื้อ คิดไว้ว่าลูกค้าคือพระเจ้า จากคุณ : tonyhua - [ 15 ต.ค. 51 08:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านหน่อยนะคะ สำคัญมาก ตั้งแต่ 4 กค 51 สัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายห้องชุดกับโครงการโดยตรงต้องทำตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนดใหม่เท่านั้นค่ะ (แต่ถ้าเป็นการซื้อขายกันเองระหว่างเจ้าของห้องชุดที่ไม่เกี่ยวกับโครงการก็ไม่ต้อง) ประกาศกระทรวงมหาดไทยและคำสั่งกระทรวงมหาดไทย จำนวน 7 ฉบับ ด้วยพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาคารชุด(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่มที่ 125 ตอนที่ 44ก ลงวันที่ 6มีนาคม 2551 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2551 โดยมาตรา 6/2 กำหนดให้สัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายห้องชุดระหว่างผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารกับผู้จะซื้อและผู้ซื้อ ต้องทำตามแบบสัญญาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด นอกจากนั้นยังได้เพิ่มเติมบทบัญญัติขึ้นใหม่ในหมวด 6/1 เรื่อง พนักงานเจ้าหน้าที่ กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการปฏิบัติการตามมาตรา 60/1 และมาตรา 60/2 กำหนดว่าในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง และบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด กรมที่ดินจึงขอส่งประกาศกระทรวงมหาดไทยและคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติอาคารชุด(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ดังนี้ 1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดแบบสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายห้องชุด ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 พร้อมด้วยแบบสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด(อ.ช.22) และ สัญญาซื้อขายห้องชุด (อ.ช.23) 2. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 3. คำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 198/2551 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 สำหรับสัญญาซื้อขายห้องชุดตามแบบ อ.ช.23 ให้ใช้สำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมระหว่างผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารกับผู้ซื้อเท่านั้น ส่วนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมระหว่างผู้ขาย(ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการ)และผู้ซื้อ ให้ใช้แบบสัญญาเดิมตามแบบ อ.ช.16 สาระสำคัญประมาณดังต่อไปนี้ค่ะ 1.การควบคุมเรื่องโฆษณา 2.ความรับผิดชอบความเสียหายจากความชำรุบกพร่องของห้องชุด 3.กรณีที่ผู้ซื้อแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือว่าจะขอรับโอนกรรมสิทธิ์ก่อนเวลาที่กำหนด (โครงการต้องก่อสร้างเสร็จตามสัญญา) ผู้ขายจะต้องดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อภายใน 7 วัน และหากผู้ขายไม่สามารถโอนห้องชุดได้ตามที่ระบุในสัญญา ผู้ซื้อมีสิทธิจะบอกเลิกสัญญา และทางผู้ประกอบต้องจ่ายเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย ฯลฯ หรือหากไม่บอกเลิกสัญญา ผู้ประกอบการต้องยินยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันค่ะ 4.เรื่องภาษีเงินได้ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าอากรแสตมป์ในการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด มีการกำหนดอย่างชัดเจนให้ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในห้องชุด ผู้ซื้อและผู้ขายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายคนละครึ่งหนึ่ง *** ในส่วนประเด็นที่ผู้ซื้อต้องระวังให้มากก็คือ ในกรณีที่ผู้ซื้อผิดนัดการชำระเงินตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา ผู้ซื้อต้องยินยอมให้ผู้ขายเรียกดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละไม่เกิน 15 ต่อปีของจำนวนเงินที่ค้างชำระ แต่รวมกันต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของราคาของห้องชุดที่ได้ทำสัญญาไว้ และหากผิดนัดชำระติดต่อกัน 3 งวดก็มีสิทธิถูกผู้ประกอบการบอกเลิกสัญญาได้ด้วยเช่นกันค่ะ จากคุณ : ถึกสมร ขจรอึด - [ 15 ต.ค. 51 08:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พรบ.ใหม่ ออกมาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้นครับ จากคุณ : Speedfilter - [ 15 ต.ค. 51 09:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ ถึกสมร ขจรอึด  ครับเฉพาะ สัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายห้องชุด เท่านั้นใช่ไหมครับ   แสดงว่าบ้านมือ 2 อย่างผม ก็ไม่โดนเงื่อนไขนี้ ถูกต้องไหมครับ จากคุณ : PATCHAYAS - [ 15 ต.ค. 51 09:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบคคห.ที่ 6 ถูกต้องค่ะ จากคุณ : ถึกสมร ขจรอึด - [ 15 ต.ค. 51 22:43:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รบกวน ขอถามเพิ่มเติมนิดนึงนะครับ ถ้าเป็นไปตามที่ว่าใน พรบ แสดงว่า เราต้องใช้ตามที่ระบุไว้ใน http://www.dol.go.th/lo/sst/mt05173tv17301.pdf หรือว่า มันมีไว้เทียบเคียงเท่านั้นเหรอครับ เท่าที่อ่านๆดู มันมีหลายประเด็นที่ทางเจ้าของโครงการไม่(พยายาม)ระบุไว้ชัดเจน หรือไม่ก้อแจ้งชัดเจนว่าจะมีค่าใช้จ่าย เช่น ถ้าตาม พรบ มีข้อนึงระบุว่า "ในระหว่างที่สัญญานี้มีผลใช้บังคับ ผู้จะซื้อมีสิทธิโอนสิทธิตามสัญญานี้ให้บุคคลอื่น โดยบอกกล่าวเป็นหนังสือแก่ผู้จะขาย โดยผู้จะขายตกลงจะไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผู้จะขายต้อง จัดให้ผู้รับโอนได้รับโอนไปซึ่งสิทธิและหน้าที่" แต่ของผมนี่ เค้าแจ้งไว้เลยว่า ต้องเสีย 1 แสนบาท ตอนนี้เริ่มสับสนว่า พรบ ที่ออกมา มีผลบังคับใช้อย่างไรกันแน่น่ะครับ จากคุณ : Intensive - [ 16 ต.ค. 51 01:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กฎหมายกำหนดให้ต้องใช้แบบสัญญาตามแบบอช.23 แบบเป๊ะๆ ทุกข้อค่ะ (ในกรณีที่การทำนิติกรรมสัญญาที่เกี่ยวข้องกับอาคารชุดที่กระทำนับตั้งแต่วันที่4กค.2551เป็นต้นไป) หากสัญญาระหว่างโครงการกับคุณIntensive ทำขึ้นภายหลังวันที่ 4 ให้คุณทำการแจ้งด้วยวาจาหรือหนังสือแย้งข้อสัญญา ส่งให้กับทางโครงการเรื่องข้อกำหนดดังกล่าว ว่าในสัญญาที่กระทำขึ้นนั้นไม่ถูกต้องตามสัญญาแบบอช23 ที่กำหนดไว้ในประการใดบ้างให้จี้ทีละข้อเลยค่ะ หากแจ้งแล้วยังไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามที่แจ้ง นัยว่าดื้อประมาณนั้น ก็จะเจอโทษปรับไม่เกิน 100000บาท และพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเพิกถอนสัญญาพร้อม ทั้งบังคับใช้สัญญาตามที่กฎหมายระบุไว้ค่ะ อ้อ หากมีข้อปัญหาที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพรบ.นี้ โทรไปสอบถามที่ สำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 026223480 จะมีเจ้าหน้าที่ตอบข้อซักถามอย่างละเอียดค่ะ *** ประมาณนี้นะคะ ขออภัยที่ตอบละเอียดไม่ได้มาก เพราะต้องรีบเข้าประชุมค่ะ จากคุณ : ถึกสมร ขจรอึด - [ 16 ต.ค. 51 16:40:28 ]