ความคิดเห็นที่ 1 อ้าววว ........  ซื้อไปแล้วอ่ะ ทำไงดี จากคุณ : กระบือหน้าหวาน (MR.Bigsu) - [ 22 ต.ค. 51 14:29:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คิดซะว่าเสียเงินก่อนได้อยู่ก่อนละกัน จากคุณ : แมวจอมซน - [ 22 ต.ค. 51 14:36:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หมายความว่าบ้านที่ผมซื้อไปมันจะถูกลง? เกิดมาจนอายุ30กว่ายังไม่เคยเห็นสักที จากคุณ : KGB - [ 22 ต.ค. 51 14:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บ้านไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือยครับ  เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ดังนั้นเป็นสิ่งจำเป็นครับ จากคุณ : อินจอง - [ 22 ต.ค. 51 14:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สงสัยคนตั้งกระทู้ เป็นนอสตราดามุส รู้อนาคต จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ 22 ต.ค. 51 15:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต้นทุนอาจจะลง แต่ราคาไม่น่าลงม้างงงงงงง (ปลอบใจตัวเอง) จากคุณ : CarbonGirl - [ 22 ต.ค. 51 15:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รู้สึก จขกท. เค้าจะเดือดร้อนกับราคาบ้านในปัจจุบันมากเลยนะ 555 เห็นตั้งกระทู้แบบนี้มาหลายทีแล้วนี่ จากคุณ : ผมจำคุณได้นะ - [ 22 ต.ค. 51 15:23:38 A:124.120.67.32 X: TicketID:106043 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หลายทีละ จขกท ... ถ้าถูกยกให้เป็นนอสตราดรามุสประจำชายคา ... จริงๆ ความคิดของคุณก็มีสิทธิ์ถูก แต่ก็ไม่น่ามั่นใจขนาดนั้น .... ฟังความเห็นคนอื่นบ้าง จากคุณ : เชาว์เชาว์ - [ 22 ต.ค. 51 15:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่อ เศรษฐกิจจะเป็นไงก็ตาม แต่ยังไงผมก็ต้องมีที่ซุกหัวนอนอยู่ดี หรือจะให้ผมไปนอนบ้าน จขกท.ล่ะครับ อิอิอิ จากคุณ : ย่ามฝัน - [ 22 ต.ค. 51 15:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นชื่อก็รู้แล้วว่าจะเขียนอะไรบ้าง..  ถามจขกท.จริงๆเหอะ  เข้ามาไซโคเหรอ..  ผมมีถือไว้หลายที่เหมือนกัน  มีคนซื้อ ..ขายได้กำไรผมก็ขาย  มีคนอยากเช่า ..เช่าได้กำไรผมก็ปล่อยเช่า  ถ้าไม่มีใครสนใจ  เหลือเป็นทรัพย์สินก็เก็บไว้ให้ลูกให้หลาน  ของมันไม่เน่าไม่เสีย..  ที่ดินไม่ได้ผุดออกมาจากกระบอกไม้ไผ่อะนะ... ที่เข้ามาเขียนๆบอกว่าเตือนนั่นเตือนนี่  เตือนเดือนละครั้งก็โอเคนะ  แต่เห็นมาเตือนแทบทุกวัน  ..มันน่าเบื่อน่ะ  เชื่อเถอะ.. ผมว่าคุณไม่ีมีปัญญาจะได้ซื้อแน่ๆ  คิดว่าจะมีสถาบันการเงินในประเทศล้มเหมือนปี40  คงไม่มี..  เมื่อมันไม่มี.. ธุรกิจก็ยังสามารถเดินหน้ากันต่อไป  คงไม่มีโครงการไหนลดราคากันสะบั้นหั่นแหลกขนาดนั้นหรอก  นอกจากพวกที่ยังไม่ได้สร้าง  แล้วก็ดั๊มพ์ราคากันสุดๆ  แต่วางเงินไปแล้ว จะเห็นเสาเข็มหรือไม่  อันนี้ก็ต้องลุ้นกันเอง  ถึงแม้เศรษฐกิจมันจะฝืดเคืองไปซักหน่อย..  แต่คนเราก็ยังต้องหาเงินกันต่อไป  คิดเอาเองเถอะนะ..  ไม่เข้ามาตอบแล้วนะ  ถ้าเห็นคนตั้งกระทู้ใช้ชื่อนี้อีกน่ะ เบื่อ... จากคุณ : nai_aoum - [ 22 ต.ค. 51 15:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอ ข้อมูลเชิงวิชาการ หรือ หลักฐานที่พอเชื่อถือได้ครับ ขออนุญาตแลกเปลี่ยนข้อมูลจริง(บางส่วน)เรื่องราคาที่อยู่อาศัยนั้น ปรับตาม Demand Supply ครับ แล้วแต่ทำเล แล้วแต่ Segment อีก ฯลฯ ปีหน้ายังไงผมก็ไม่เชื่อครับราคาที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะ Segment ที่ออฟฟิศผมเป็นเจ้าตลาดอยู่นั้น ยังไงผมไม่กำหนดราคาตามที่เจ้าของกระทู้บอกหรอกครับ ในวิกฤติโอกาสมีเสมอครับ คนตั้งกระทู้ ช่วยใช้วิจารณญาณ มากกว่าความรู้สึกส่วนตัวแบบลอยๆ แสดงตัวเหมือนผู้รู้ จริงๆแล้วดีนะครับ แต่ดูไม่มีข้อมูลอ้างอิงเลย นอกจากดูไม่น่าเชื่อถือแล้ว กลับดูเหมือน มือไม่พายเอาทาราน้ำน่ะครับ จากคุณ : detalism (detalism) - [ 22 ต.ค. 51 16:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เหรอออออออออออออออออออออออ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : GARDNER - [ 22 ต.ค. 51 16:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณที่เข้ามาเตือนเป็นประจำ จากคุณ : falsi - [ 22 ต.ค. 51 16:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แก้หลังจากทราบเจตนารมณ์ของ จขกท แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 51 11:37:39 จากคุณ : falsi - [ 22 ต.ค. 51 16:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 "ต้อง"  เลยหรือค่ะ สั่งใครดีละเนี่ย ... จากคุณ : ลิงละเมอ - [ 22 ต.ค. 51 16:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเห็นบ้านแลนด์แอนด์เฮาส์เขาสร้างเสร็จถึงค่อยขาย ขายทีละซอย ซอยนี้ขายหมด ซอยใหม่สร้างเสร็จพอดี ประมาณนี้อ่ะคับ ผมว่าเขาไม่น่าจะลดนะ  ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีเขาก็คงแค่หยุดสร้าง เขาคงไม่เอามาลดราคาแน่ ๆ จากคุณ : i_am_np - [ 22 ต.ค. 51 16:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมคิดว่าเศรษฐกิจปีหน้าคงจะขลุกขลักเล็กน้อย แต่คงไม่แย่เท่าปี 40 ก่อนที่เราจะตกใจอะไร เราน่าจะใช้ข้อมูลจริงมาดูกัน จากนั้นตัดสินใจกันเองดีกว่ามั๊ย - ปี40 1. ตอนนั้นภาคเอกชนกู้เงินต่างชาติเยอะมากเกินตัว 2. แบงค์เมืองไทยก็ไม่โปร่งใส ปล่อยกู้มั๋วซั่ว 3. เก็งกำไรอสังหาตอนนั้ก็มี เนื่องจากเหตุผล 2 ข้อแรกนั่นแหละ 4. ธนาคารชาติ คงอัตราดอกเบี้ยสูงมาก ต่างชาติก็เฮเอาเงินมาไว้เมืองไทย เงินสะพัด ใช้กันเละเทะ -ปี51 1.ทั้งโลกเพิ่งร่วมมือกันใช้อัตราดอกเบี้ยเดียวกันหมด ไม่ให้เงินไหลมั่ว 2.เรื่องจริงที่อเมริกาเจ๊ง ลามไปยุโรป แต่ไทยของเรามีเงินไปเกี่ยวข้อง น้อยมาก เพราะไม่ได้มีเงินล้นประเทศจนต้องไปลงทุนข้างนอก (แล้วเจ๊ง) 3. ภาคเอกชนยังเข็ดอยู่เรื่องเงินนอก เลยไมกู้เค้ามาอีกแล้ว แต่เรื่องที่น่ากังวลก็คือ 1. เราต้องพึ่งพาการส่งออก แต่ตอนนี้คนซื้อกระเป๋าแฟบไปมาก ก็แย่ล่ะสิ  โรงงานไม่รู้จะขายใคร เงินหายาก กำลังซื้อก็เลยลดลง เกิดผลกระทบลูกโซ่ไปทั้งประเทศ 2. การเมืองภายในเราวุ่นวายเกินกว่า จะมาใส่ใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจชาติ จากแค่เป็นหวัด มันก็เลยอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ และเลวร้ายกว่าที่จะเป็น ผมคิดว่า ราคาอสังหาอาจสะดุดลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะคอนโด เพราะที่ผ่านมาวงการคอนโด ปั่นราคาไปมาก จากการเก็งกำไรขายใบจอง ผสมกับกฎหมายบ้านเรา ให้ต่างชาติซื้อคอนโดได้ แต่ซื้อที่ดินบ้านเดี่ยวไม่ได้ เค้าเลยซื้อกันได้ทุกราคา ไม่ว่าจะตั้งราคาแพงขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าเป็นบ้านเดี่ยว ผมว่าพวกเราอย่าคิดมากเลย ดูเงินในกระเป๋าในตัวเองดีกว่าว่ามีความสามารถผ่อนไหวมั๊ย สรุปก็คือ จากคุณ : ปันคุน (ปันคุน) - [ 22 ต.ค. 51 17:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ปี 40 ตลาดหุ้นมันสองร้อยกว่าจุดใช่เปล่า ตอนนี้ SET ดำดิ่งที่ที่ 46X จุด ลงอีกแค่ 200 จุดเองวินาศสันตะโร ทุกวันนี้ตลาดหุ้นก็จะเจ๊งอยู่แล้ว ระดม ทุนไม่ได้ แบงก์ปล่อยกู้ยาก เศรษฐกิจก็ทรุดได้ ใครคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ผมว่ามีสิทธิ์ครับ ตัวใครตัวมันดีกว่า มีคนเตือน ก็ยังดีกว่าไม่มีครับ หาทางรอดกันเอาเองนะ - -' จากคุณ : JoeRazz - [ 22 ต.ค. 51 18:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เจ้าของกระทู้ ไม่ทราบมีบ้านอยู่หรือยังครับ ??? จากคุณ : oym (payon) - [ 22 ต.ค. 51 19:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยกะ #17 จากคุณ : ~@แมงม่วนแมน@~ - [ 22 ต.ค. 51 19:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ก็แค่เตือนไว้ ด้วยความเป็นห่วง และหวังดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องว่ากลับมาแบบนั้นด้วย ถ้าไม่ห่วง และหวังดี คงไม่เตือนแล้วเตือนอีกหรอก เงินของคุณ คุณจะจ่ายมากเกินลิมิต ปล่อยให้เจ้าของโครงการ พนักงานขายฟันกำไรมหาศาล มันก็ไม่เกี่ยวกับเงินในกระเป๋าเราอยู่ดี แล้วทำไมต้องเข้ามาบอกว่าให้คุณๆ เก็บเงินไว้ ก็เพราะอยากให้คุณได้ซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่สมเหตุสมผลแค่นั้นเอง ส่วนตัวเรา มีคนถามว่ามีที่อยู่ยัง ตอบเลยว่ามีแล้ว สุดท้ายด้วยความจริงใจ เรามันก็แค่ทนไม่ได้ที่เห็น คนเอาเปรียบคนอื่นมากไป ก็เท่านั้น จากคุณ : icutou - [ 22 ต.ค. 51 19:51:49 A:58.8.211.29 X: TicketID:155858 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าหากว่าคุณ icutou หวังดี และต้องการให้ข้อมูลจริง ก็น่าจะมีข้อมูลอื่น ๆ ที่สนับสนุนด้วยอ่ะค่ะ ไม่ใช่แค่มาบอกว่าบ้านแพงเกินลิมิต มันต้องลดราคาแน่นอน อันนี้เหมือนพูดจากมุมมองและความเชื่อของตัวเอง น่าจะมีบอกซักหน่อยค่ะว่า ความคิดนี้เอามาจากที่ไหน มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือสนับสนุนหรือไม่  อะไรทำนองนี้อ่ะ เหมือนอย่างสตอรมเซอร์จ ที่หลาย ๆ คนก็สงสัยว่ามันจริงหรือไม่จริง น้ำจะท่วมหรือไม่ท่วม แต่เค้าก็มีข้อมูลสนับสนุนทฤษฎีของเค้า จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงก็อีกเรื่องนึง โอเคป่ะคะ ปล. เราก็เพิ่งจะซื้อบ้านไปนะ มันจะขึ้นจะลงก็ช่างมันเหอะ เพราะเราซื้อเวลา ซื้อโครงการที่เราชอบ หากเรารอมันลดราคา (ซึ่งไม่รู้ว่าจะลดหรือไม่ลด) ก็ไม่ได้ซื้อแล้วเพราะตอนนี้โครงการที่เราซื้อเต็มหมดแล้วค่ะ ถ้าหากว่าบ้านจะลดราคา ก็ถือว่าทั้งหมู่บ้านเดียวกับเรานั่นซื้อแพงกันหมดแหละ ไม่เป็นไร ไม่ได้โดนคนเดียว จากคุณ : แบ๊น แบน - [ 22 ต.ค. 51 21:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แวะเข้ามาอ่าน ครับ จากคุณ : วุฒิกะหน่อย - [ 22 ต.ค. 51 21:26:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ก็รอให้ลงมาหลายปี ไม่ยอมลงซักที่ ไหงพอซื้อแล้ว จขกท บอกจะลงล่ะคะ คงไม่แล้วมั้งคะ ปลอบใจตัวเองเหมือนกัน จากคุณ : ต้าถุง - [ 22 ต.ค. 51 21:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เชื่อ แล้วได้อะไร..........? ไม่เชื่อ แล้วได้อะไร..........? จากคุณ : blue label - [ 22 ต.ค. 51 21:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ต๋ง..หม่ง..เมี๋ยวว...ขื่อ... จากคุณ : Zean-เต่า - [ วันปิยมหาราช 00:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อาร์ตตัวแม่ จากคุณ : bawon - [ วันปิยมหาราช 02:18:36 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ลดราคามาสิ จะซื้อตุน กลัวมันจะไม่ลดนะสิ แจ่ถ้ามันไม่ลด ก้อช่างมัน เพราะผมเพิ่งซื้อไปเอง อิ อิ ปล กะทู้เผาตัวเองของคนตั้ง จากคุณ : WWF 3.16 - [ วันปิยมหาราช 04:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คิดเหมือนกันว่าปีหน้า ช่วงครึ่งปีหลังไป ราคาอสังหาฯ จะต่ำลง เนื่องจากตลาดของผู้ซื้อจะหดตัวลง   เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่จริงปีหน้า   ตลาดทุนตอนนี้ก็มีความผันผวนมาก นักลงทุนส่วนมากชลอการลงทุนเพื่อดูทิศทางของตลาด  อุตสาหกรรมเกษตรเริ่มได้รับผลกระทบ ขนาดผลผลิตส่วนนึงขอเราได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม แต่ราคาที่ออกมาก็ยังคงตกต่ำ   เศรษฐกิจมีวงจรวงรอบของมัน ยังไงมันก็ส่งผลกระทบกันทั่วถึง ตลาดอสังหาฯกลุ่มบนคงไม่มีปัญหามาก เพราะคนรวยในบ้านเรายังมีอีกมาก   เพียงแต่จะซื้อหรือไม่ซื้อเท่านั้น แต่กลุ่มรวยไม่มากและกลุ่มรองลงมา หากธุรกิจได้รับผลกระทบอาจจะปล่อยของที่ถือไว้ออกมา เพื่อนำเงินไปเพิ่มสภาพคล่องของตน ยังไม่รวมกลุ่มที่ผ่อนดาวน์และรอแบงค์อนุมัติ การพิจารณาของธนาคารคงเข้มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง ผู้ที่กู้ไม่ผ่านก็จำเป็นต้องปล่อยของออก ทำให้ปริมาณที่อยู่อาศัยที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการที่ลดลง (จริงความต้องการไม่ลดหรอกครับแต่ไม่มีปัญญาซื้อเท่านั้น) แต่อสังหาฯที่อยู่ในทำเลดีๆ คงไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากเพราะยังเป็นที่ต้องการ   และมีนักเก็งกำไรบางส่วนที่ถอนเงินจากตลาดทุนที่ผันผวน หรือให้ผลตอบแทนต่ำ เอาเงินบางส่วนออกมาเก็บของในตลาดนี้ อย่างไรเสียตลาดอสังหาฯคงหนีไม่พ้นผลกระทบจากคลื่นลูกนี้ แต่จะมากจะน้อยต้องรอดูกันอีกที มีความสุขมากๆและใช้ชีวิตอย่างพอเพียงครับ จากคุณ : (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ) (KOKISME) - [ วันปิยมหาราช 09:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เว่อได้อีก จากคุณ : HayaKUza - [ วันปิยมหาราช 09:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยครับว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะแย่ลงและน่าจะแย่ที่สุดประมาณกลางปี แม้ว่าวิกฤตนี้จะเกิดที่ US ก็ตามยังไงเราก็ได้รับผลกระทบแน่นอน (ยังโชคดีดีที่อาจจะไม่ใช่โดยตรง) โดยเฉพาะความมั่นใจของผู้บริโภค ทีนี้กลับมามองเรื่องอสังหา ปัจจัยบวกที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า 1) อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง 2) ราคาวัสดุก่อสร้างที่ถูกลง (ราคาน้ำมันทรงตัว 60-70 $/B) 3) รัฐอาจต่ออายุเรื่อง ค่าโอน 0.01% 4) Mega project มีความชัดเจนมากขึ้น ปัจจัยลบที่น่าจะเกิดขึ้นในปีหน้าคงจะพอทราบกันอยู่แล้ว เช่น การเมือง เศรษฐกิจUS การเข้มงวดของสถาบันการเงิน เป็นต้น ถ้าจะประเมินราคาบ้าน ให้มองตัวคูณเป็นเจ้าของโครงการ ส่วนตัวผมมองว่าตลาดอสังหายังเดินต่อไปได้ อาจตกลงนิดหน่อย แต่ต้องมีการทำการตลาดมากขึ้น ราคาบ้านใหม่ในทำเลที่ไม่ดีหรือบ้านที่มีราคาสูง เป็นไปได้ว่าจะมีการลดราคาลง เพราะขายยาก และเงินจม ราคาบ้านใหม่ระดับกลางและล่าง พิจารณาจากปัจจัยบวก น่าจะไม่ปรับราคาลงแต่จะทำ Promotion ต่างๆ ที่มีมูลค่ามากขึ้นแทน segment นี้ขายได้อยู่แล้วในไทยขณะนี้ ตลาดบ้านที่ us กับ ไทยคนละตลาดกัน ปัญหาคนละแบบ นำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ราคาบ้านมือสองลงแน่นอน คอนโด no comment จากคุณ : OilPK - [ วันปิยมหาราช 10:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 บอกเหตผลอย่างคุณ KOKISME และคุณ OilPK ก็พอฟังได้ว่ามันน่าจะลง      นิดหน่อย เจ้าของกระทู้ล่ะ  บอกเหตุผลได้มากกว่านี้มั้ย ..... จากคุณ : จอบบ้อน - [ วันปิยมหาราช 14:28:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนตัว เรื่องราคาบ้านไม่เชื่อครับ ... ถ้าเรือ่งสินค้าฟุ่มเฟือย อาจใช่ แต่สำหรับราคาบ้าน ไม่มีวันลงแน่นอนครับ มีแต่ทรง และ ก็ขึ้น เพราะทุกวัน นี้ ราคา วัสดุ ก่อสร้าง แพงมาก ๆ รวมถึงค่าแรง ค่าดอกเบี้ย ที่โครงการไป กู้มาทำโครงการ ค่าที่ดิน(ประเมิน) ที่มีแต่เพิ่มครับ ผมเอาหัวเป็นประกัน ว่าไม่มีทางถูก แน่นอน นอกจาก เป็นโครงการที่ร้าง และ ขายไม่ออกโดน ขายทอดตลาด นั่นแหละ ที่เจ้าหนี้ จะยอมขายขาดทุน หรือ เสมอตัวเพื่อปลดหนี้ตัวเอง จากคุณ : ดีเจ. - [ วันปิยมหาราช 20:13:24 A:124.121.46.248 X: TicketID:191116 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นด้วยกะ #17 วิเคราะห์ตรงจริง จากคุณ : Invisibling - [ วันปิยมหาราช 21:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พวกคอนโดมิเนี่ยมที่อาจจะล้นตลาด ที่อาจจะราคาตกลงได้บ้าง แต่เป็นบางทำเล ตอนนี้เท่าที่เห็น อสังหาริมทรัพย์เมืองไทยยังเคลื่อนไหวดีอยู่ ไม่เหมือนปี 40 ที่เป็นการ Over Supply สังเกตจากโครงการที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ โปรเจคเล็กๆ หรือขนาดกลางๆ หมู่บ้านจัดสรรเฟสใหม่ๆ ประมาณ 20-30 ไร่ ไม่เกิน 150 ยูนิต ยังเกิดอยู่ตลอดภายในปีนี้ แต่ว่าจะมีทุกเดือนหรือ เดือนละหลายโครงการ อันนี้ไม่ทราบ แต่ก็มีกระจายทั้งปี เพราะมีพันธมิตรหลายคนที่เป็นที่ปรึกษาอยู่ เขาก็อาจจะรับงานแบ่งๆ กันไป แล้วเราก็ไม่ทราบตรงส่วนนั้น เสาร์อาทิตย์ก็ยังไปรับงานอยู่ ไม่ใช่แต่วันธรรมดา ทั้งที่เป็น B to C(Business to Customer) และ B to B(Business to Business) แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 51 23:50:57 จากคุณ : อนิลฑิตาแห่งอำมฤตาลัย (เด็กเกาะสมุย) - [ วันปิยมหาราช 21:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คิดว่าบ้านราคาสูง กลุ่มลูกค้ามีตังค์ เช่น ลดาวัลย์ พฤกษ์ภิรมย์ ระดับ 30-40 ล้านอัพยังเดินได้อยู่ คนรวยมีตังค์ ยังมีเยอะ ถ้าทำเลดี ซื้อตอนนี้เหมาะสุด เพราะปัจจัยการก่อสร้างไม่แพงเว่อร์ ได้ของดีทำเลดี ค่าตกแต่งเหมาะสม แล้วเค้าจะไม่ซื้อ ไม่ทำได้อย่างไร ??? แต่บ้านระดับกลาง B- ถึง ล่าง คงชลอตัว เพราะคนระดับนี้ จะกังวลเรื่องรายได้ ความมั่นคงด้านการเงิน การงาน การขายคงลดลง เพราะพิษเศรษฐกิจ โอกาสติด NPL มีเยอะ คอนโด ตอนนี้ใกล้จุดอิ่ม กลุ่มเก็งกำไร คงต้องปล่อยในราคาน่าสนใจมากกว่าเพราะแบกภาระไม่ไหว แถมกลัวเรื่องความมั่นคงด้านการเงินด้วย จะปล่อยเช่าก็กลัวไม่คุ้ม เรียกราคาไม่ค่อยได้ดี คอนโด ระดับแพง ทำเล ยังโอเคอยู่นะ แต่ระดับกลางถึงล่าง ก็อย่างที่บอกข้างต้น การซื้อคอนโด ถ้าไม่อยู ไม่ปล่อยเช่า เจอค่าส่วนกลางตลอด เป็นภาระ จริง ๆ ตัวอย่าง อิฉันซื้อ นันทวัน รามคำแหง ต้นปี 9.3 ล้าน เนื้อที่ใช้สอย 250 ตรม สองวันก่อนเห็นคัทเอาท์ นันทวัน อ่อนนุช (ใกล้เทขยะนั่นแหละ) เริ่มต้นที่ 13 ล้าน คุณคิดดูสิ แค่ 6 เดือน มูลค่าบ้านอิฉันมีส่วนต่าง 4 ล้านแล้ว นี้ไม่คิดเรื่องทำเลที่ดีกว่า นะ คุณยังคิดว่า บ้านมันยังจะถูกไหม ถ้าเจ้าของโครงการไม่ลดราคานะ ยกเว้น NPL เท่านั่นแหละ จากคุณ : 555 - [ วันปิยมหาราช 22:59:18 A:202.133.176.52 X: TicketID:144472 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เห็น คห. 23  ต้กกะใจ นึกว่าวุฒิกะเคทแห่ง BP -------------- ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่ถ้ามันมากไป และไม่มีข้อมูลประกอบที่น่าเชื่อถือ มันทำให้คนอื่นเค้ารำคาญและเบื่อคะ จากคุณ : giguru - [ 24 ต.ค. 51 12:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 38 “ราคาวัสดุก่อสร้าง” ต้นทุนสำคัญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงมาก ส่งผลให้ราคาวัสดุเกือบทุกชนิดพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะราคาเหล็ก จนทำให้ผู้ประกอบการและผู้รับเหมาต่างประสบกับปัญหาต้นทุนสูงกว่าราคาขาย แม้ว่าในปัจจุบันราคาน้ำมันปรับตัวลดลงไปมาก แต่ราคาวัสดุก็ไม่ได้ปรับลดลงแต่อย่างใด             นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ราคาวัสดุปรับลดลงตามแต่อย่างใด เพียงแต่ลดความกดดันในเรื่องราคาว่าจะไม่ปรับขึ้นในช่วงนี้ ส่วนราคาเหล็กแม้ว่าจะปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับไม่เกิน 20 บาท/กก. จากต้นปี 30-40 บาท/กก. แต่เมื่อบริษัทผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่ของโลกอย่า อาร์เซเลอร์ มิททอล จากประเทศอินเดียได้ประกาศปรับลดกำลังการผลิตลง ทำให้ผู้ผลิตรายอื่นๆปรับลดการผลิตตามไปด้วย ทำให้เชื่อว่าราคาเหล็กจะไม่ลดลงตามราคาน้ำมัน ส่วนราคาปูนซีเมนต์ นั้นราคาทรงตัวไม่ปรับลดลงอยู่แล้วเนื่องจากกำลังการผลิตส่วนเกินจะส่งออก ทั้งหมด             ก่อหน้านี้นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันปรับลดราคาลง นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดอสังหาฯ ตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า เพราะเมื่อราคาน้ำมันลด ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าขนส่งก็ลดลงตาม นอกจากนี้การที่ผู้ประกอบการไม่ขยายการลงทุนมากทำให้งานก่อสร้างในตลาดมี น้อยลง ปัญหาการขาดแคลนวัสดุก็จะลดลงตามไปด้วย แต่เมื่องานน้อยลงผู้รับเหมาก็จะแย่งงานกันมากขึ้น แม้ว่าจะมีโครงการเมกะโปรเจคต์แต่ยังไม่ได้เกินขึ้นในช่วง 6 เดือนนี้อย่างแน่นอน             อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาน้ำมันและวัสดุก่อสร้างลดลง แรงงานไม่ขาด ความกดดันในเรื่องของต้นทุนก่อสร้างมีน้อยลงจะทำให้ค่าก่อสร้างไม่ปรับขึ้น ราคา และหากตลาดมีการแข่งขันสูงจะทำให้ผู้ประกอบการจะต้องลงราคาขายบ้านเพื่อดึง กำลังซื้อ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น เพราะเพิ่งเริ่มมีกิจกรรมที่เบาบางลงประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา             ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะราคาวัสดุที่มีแนวโน้มปรับตัวลงถือเป็นข่าวดีสำหรับธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะราคาเหล็กที่ปรับลดลงมาจากต้นปีวิ่งไปที่ระดับ 30 บาท/กิโลกรัม ปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับ 18-19 บาท/กก. และคาดว่าจะทรงตัวอย่างนี้ไปอีก 1 ปี เพราะความต้องการในตลาดโลกมีไม่มาก             นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ลดลงมายังทำให้ค่าถมดินปรับลดลงมาด้วย รวมไปถึงราคาอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้าน เช่น ท่อปะปา สายไฟ อย่างไรก็ตามราคาวัสดุตัวอื่น เช่น ปูน และวัสดุอื่นๆ ยังไม่ปรับลดลง แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ขึ้นราคา             อย่างไรก็ตาม ราคาเหล็กรวมถึงวัสดุก่อสร้างที่ปรับลดลง ทำให้ให้ผู้ประกอบการหลายใจคล่องมากขึ้น เพราะไม่ต้องตั้งงบประมาณเพื่อสั่งซื้อวัสดุล่วงหน้า เพื่อตรึงราคา แต่ในรายที่ได้สั่งซื้อล่วงหน้าไปแล้วยังใช้ไปได้ไม่เท่าไหร่ ราคากลับลดลงถูกกว่าช่วงที่สั่งซื้อล่วงหน้า ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการรายนั้นไม่ได้ปรับลดลงแต่อย่างใด นับเป็นปัญหาปวดหัวของผู้บริหารหากราคาสินค้าไม่นิ่ง และสถานการณ์ทั้งภายในภายนอกประเทศไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้เลย ดังนั้นการบริหารงานนอกจากจะอาศัยความเชียวชาญแล้วยังต้องอาศัยโชคช่วยอีก ด้วย http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000126175 จากคุณ : NPM - [ 24 ต.ค. 51 14:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คงจะเป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า พวก Plasma หรือ LCD ละมั้ง ลงแน่นอน จากคุณ : kapolo_club - [ 28 ต.ค. 51 10:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ทุกสิ่งเกิดจากเหตุและปัจจัย แต่ละตลาดไม่เหมือนกัน บ้านเราจะลงเหมือนอเมริกาหรือ ทำไมถึงต้องลง ถามว่าบ้านล้นตลาดไหม ความต้องการบ้านลดลง หรือหดตัวไหม อาจจะชะงัก เพราะผู้ซื้อที่เริ่มมึนๆรอดูสถานการณ์ราคา แต่ถ้าแน่ใจว่าราคาไม่ลง ก็จะหาซื้อบ้านกันอีก ถ้าความต้องการลด ผู้ประกอบการจะปรับตัวโดยการลดการเปิดโครงการ ลดขนาด ชะลอ หรือหันไปทำโครงการอสังหาฯที่มีสภาพคล่องดีกว่า เพื่อให้ต้นทุนทางการเงินต่ำ แต่ผลตอบแทนสูงที่สุด  ดังนั้น ทางเลือกมันมีครับ หรือแม้แต่หาแหล่งเงินทุนที่ต่ำลง (ยากนะครับ ปีหน้าเป็นต้นไปเนี่ย) คอนโดราคากลางๆต่ำจะซวยไหม คงหาคำตอบไม่ยาก แต่อาจต้องดูรายโครงการ คอนโดทำเลดีๆ คนซื้อเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ราคาต่อตารางเมตรสูงถึงกว่าสองแสนบาท (มีไม่กี่แห่ง) นี่ก็เกิดจากปัจจัยเช่นกัน บ้านเก่า ต้นทุนเก่า ส่วนลดย่อมมี บ้านใหม่ ต้นทุนใหม่ ราคาเดิมๆ เพื่อลดความเสี่ยงและให้ราคาลงมาเจอกับกำลังซื้อ เหมือนตลาดบ้านที่อังกฤษ กับอเมริกา คนอังกฤษจะไม่ค่อยปล่อยให้บ้านหลุด แต่จะพยายามกัดฟัน ผ่อนน้อย แต่นาน ไอ้กัน ถ้าฝืดมาก็จะปล่อยหลุด เป็นต้น นี่พิจารณาจากภสพแวดล้อมและปัญหาที่คล้ายคลึงกัน (ยุโรปกับอเมริกามีรากฐานของวิกฤติการเงินไม่เหมือนกันนะครับ) ราคาจะไปทางไหนก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยครับ สำทับด้วย การวิเคราะห์อย่างไม่มีอคติ นี่เขียนมานี่ อยากให้ราคาลงครับ เพราะจะไปหาเงินมาซื้อเก็บครับ ความโลภและความอยาก นั้นอยากให้ลงๆ แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นราคาขาลงครับ อย่างที่เคยตอบในกระทู้อื่นว่า น่าจะมองจากตัวเราว่า ในสภาวะตลาดแบบนี้ สถาบันการเงินเขา เลือก ผู้กู้ (ท่านที่รวยก็แล้วไป) อัตราการปฏิเสธเงินกู้ตอนนี้ เขาว่าถึงร้อยละ 30 ตรงนี้สิครับ เหตุและปัจจัย ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงตกงาน เงินจมในหุ้น หรือทองคำ ราคาบ้านลง ไม่ลง ไม่มีผลทั้งสิ้นครับ จากคุณ : Double07 - [ 30 ต.ค. 51 15:36:07 ]