ความคิดเห็นที่ 1 เอาแบบเข้าใจง่ายๆ โดยพิจารณาในสองประเด็นนะคะ 1.ข้อสัญญาระบุถึงระยะเวลาการรับมอบ ต้องกระทำภายใน 30 วันหลังจากธนาคารมีหนังสืออนุมัติฯ อันนี้พิจารณาโดยไม่มีข้อสัญญาอื่นผูกพันก็คือถ้าคุณไม่รับโอนภายใน 30 วัน คุณจะเป็นฝ่ายผิดสัญญา 2. ในฐานะที่เป็นผู้จะซื้อ ย่อมต้องการให้บ้านนั้นอยู่ในสภาพเรียบร้อยพร้อมใช้งาน และถูกต้องตามรูปแบบและรายละเอียด ที่ได้แจ้งไว้ก่อนขายเป็นสำคัญ หรือในกรณีคุณไปพบข้อบกพร่อง จึงมีการสั่งแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว โดยมีหลักฐานในการแจ้งแก้ไข มีผู้รับเรื่องเรียบร้อย และโครงการได้ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องตามประสงค์ของผู้จะซื้อครบถ้วน ผู้จะซื้อก็ย่อมจะดำเนินการรับมอบในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากโครงการไม่สามารถแก้ไขดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หลังจากธนาคารอนุมัติ จึงเป็นเหตุให้คุณไม่สามารถรับมอบได้ เพราะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้ทำข้อตกลงไว้เป็นสัญญา ดังนั้นคุณจะประวิงเวลาไว้ ไม่รับมอบโอน จนกว่าจะมีการแก้ไขให้เสร็จ ก็จะไม่ถือว่าผิดสัญญา (เพราะได้ระบุไปแล้วในสัญญา ตามข้อความที่คุณบอกมา "ในสัญญาระบุว่า บ้านจะต้องได้รับการแก้ไขจุดที่เสียหาย แต่หากการแก้ไขนั้นเกินกว่า 30 วัน นับจากวันที่ธนาคารแจ้งผลการอนุมัติ เราไม่ยอมเซ็นโอนแน่ถ้าบ้านไม่เรียบร้อย ") ดังนั้นน่าจะลองพูดคุยด้วยเหตุด้วยผลกันก่อน และหากจะประวิงเวลารับมอบ ก็ให้ทำหนังสือ แจ้งถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เหุผลต่างๆ อันเป็นเหตุให้เราคาดว่าจะเลื่อนเวลารับมอบไปจนกว่าจะเรียบร้อย อะไรทำนองนั้น ให้เป็นหลักเป็นฐานมีลายลักษณ์อักษรเพื่อแสดงเจตนาอันเปิดเผย ส่วนประโยคที่ว่า "โครงการไม่อยากเสียเงินเพิ่มค่ะ และอ้างว่า ขายบ้านให้ราคาถูกแล้ว (3 ล้านบาท) " ส่วนตัวดิฉันคิดว่าเป็นเหตุผลที่ไม่ควรยกมากล่าวอ้าง เนื่องจากการประกอบการธุรกิจลักษณะนี้ ผู้ประกอบการเองต้องขายสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพตามที่ลูกค้าคาดหวัง จะลดราคาหรือขายถูกอย่างไร ก็ไม่สามารถนำมาอ้างได้(เว้นเสียแต่จะมีการบอกกล่าวให้ทราบก่อนว่า ที่ขายราคานี้เพราะบ้านมีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง หรือมีข้อจำกัดในแก้ไขจุดบกพร่องประการใดบ้าง ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้จะซื้อได้ตัดสินใจไตร่ตรองก่อนซื้อ) และเนื่องจากผู้จะื้ซื้อก็ต้องการบ้านที่มีคุณภาพดี ไม่มีข้อบกพร่องอันใดที่จะทำให้การเข้าใช้บ้านนั้นขาดความสุข หรือผิดวัตถุประสงค์ โครงการที่ดีจึงต้องพิจารณาในส่วนนี้เป็นสำคัญ และถือเป็นมาตรฐานที่เข้าใจกันโดยทั่วไปในสังคม จึงเป็นความชอบด้วยกฎหมายที่จะบอกกล่าวโครงการ ให้ดำเนินการซ่อมแซมตามที่ร้องขอ ในกรณีทรัพย์ที่จะขายมีข้อบกพร่องอันหนึ่งอันใด ให้แล้วเสร็จก่อนที่จะทำการรับมอบต่อไปค่ะ ส่วนปัญหาที่คุณบอกว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ส่วนตัวดิฉันมองว่าไม่เล็กไม่น้อยค่ะ เป็นมาตรฐานในการตรวจรับบ้านทั่วไปอยู่แล้ว โครงการน่าจะรู้ดี ส่วนบางเรื่องเช่นปลั๊กไฟในห้องน้ำ ถ้าเปลี่ยนให้นี่จะถึงกับโครงการล่มจมเลยรึก็ไม่ ถ้าเค้าฉลาดก็น่าจะจัดการ ให้จบๆไปจะได้โอนได้ไวๆ ผู้ซื้อก็แฮปปี้ คนขายก็บรรลุ น่าจะดีสำหรับโครงการมากกว่า ารค้าขายทรัพย์ราคาสูงๆ เมื่อเกิดข้อขัดแย้ง แล้วผู้ขายปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของผู้ซื้อเป็นหลัก ก็จะมีแต่คนนิยมชมชอบ อันจะตามมาซึ่งชื่อเสียงและการขยายโอกาสทางธุรกิจค่ะ ผิดถูกอย่างไร รอท่านผู้อื่นชี้แนะเพิมเติม แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 51 08:14:35 จากคุณ : ถึกสมร ขจรอึด - [ 24 ต.ค. 51 22:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณคุณถึกสมร ขจรอึดมากเลยนะคะ ตามที่กล่าวข้างต้น ทาง มสสขป ได้เขียนเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรถึงรายละเอียดที่ต้องการแก้ไขให้กับทางโครงการไปแล้วค่ะ มีการลงวันที่ และระบุอย่างชัดเจนว่า การตรวจบ้านครั้งที่ 1 (วันที่ 18 ตค. 2551) หัวข้อที่ต้องแก้ไข และก็รายละเอียดที่ได้กล่าวมาค่ะ ตอนนี้ก็รอดูว่าทางโครงการจะว่าอย่างไรต่อไปค่ะ วันนี้ก็เข้าไปตามเรื่องแล้ว เห็นว่า ทางนายช่าง ได้รับเรื่องแล้ว และบอกว่า จะขอไปตรวจดูที่หน้างานอีกทีหนึ่งค่ะ จากนั้นคงแจ้งให้ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ได้ฟังอย่างนี้ก็เบาใจเพราะในสัญญาระบุไว้เพิ่มเป็นลายมือค่ะ ว่า เก็บละเอียดและแก้ไขจุดที่เสียหายค่ะ ซึ่งในสัญญาทั้งสองฉบับ เขียนข้อความตรงกัน และเซ็นต์ชื่อกำกับไว้แล้วค่ะ จากคุณ : แมวสีขาวขนปุย - [ 25 ต.ค. 51 14:30:03 ]