เห็นกระทู้ถามเรื่องการตัดสินใจเลือกใช้วิธีจบผิวผนัง ระหว่างวอลล์ปเปอร์กับสีทาบ้านอยู่บ่อยๆ
เลยลองนั่งนึกข้อดีของวอลล์เมื่อเทียบกับสีทาบ้านภายในดู
จึงเอาข้อมูลมาแชร์ เพื่อไว้พิจารณาค่ะ (เป็นแนวคิดส่วนตัว ผู้อ่านกรุณาใช้วิจารณญานในการรับข้อมูล
และผู้เขียนไม่ได้มีต้นตระกูลทำธุรกิจวอลล์เปเปอร์)
** เปรียบเทียบโดยไม่ได้เอาปัจจัยเรื่องงบประมาณมาเกี่ยวข้อง **
วอลล์เปเปอร์
1.สามารถติดตั้ง เปลี่ยนได้โดยง่าย และรวดเร็วกว่า ไม่ต้องมีวิธีการซับซ้อน เหมาะสำหรับคนขี้เบื่อ
2.หลังติดตั้งสามารถเข้าใช้งานได้ทันที (สีทาบ้านอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง)จึงจะสามารถเข้าใช้งานได้
3.การติดตั้งไม่มีกลิ่นเหม็น มีแต่กลิ่นลาเท็กซ์ แป้งเปียก ที่จะมีบ้างตอนติดตั้ง มีความสะอาดในการทำงาน
4.การติดตั้งไม่เลอะเทอะ เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายให้กับสิ่งของในบ้านหรือพื้นผนังส่วนอื่นๆ
5.ผลิตภัณฑ์ มี Patterns หลากหลายกว่า
6.มีคุณสมบัติในการกันเสียงได้ดีกว่าเนื้อสี ช่วยลดมลภาวะทางเสียงได้ดีกว่า+ ป้องกันเสียงเล็ดลอดจากห้องได้ดีกว่า
7.ปกปิดร่องรอยความไม่สวยงามของผนังได้ง่าย โดยใช้ขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก และมีกรรมวิธีที่ง่ายกว่า
8.ปกปิดสภาพผนังที่ไม่น่าดู หรือรอยร้าวได้รวดเร็วกว่า
9.ความเหนือกว่าในด้านผิวสัมผัสของผลิตภัณฑ์
10.ความเหนือกว่าของผลิตภัณฑ์ในเชิงดีไซน์
11.วอลล์บางชนิดมีความสามารถในการประหยัดพลังงาน ป้องกันความร้อนจากภายนอก หรือรักษาความเย็นภายในห้อง
12.ปัจจุบันผลิตภัณฑ์มีการพัฒนาหลากหลาย มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆให้เลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานแบบเฉพาะเจาะจง
13.เช่น ป้องกันความร้อน ป้องกันเชื้อรา ความชื้น เก็บเสียง ดูดซับเสียงสะท้อน และมีการพัฒนาให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น
ในบ้านเรา ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนที่จะเกิดเชื้อราง่าย มีกลิ่นอับ
14.ผนังวอลล์ทำความสะอาดง่าย และได้หลายครั้ง (วอลล์ไวนิล)
15.หากเกิดความเสียหายกับผนัง สามารถซ่อมปะเฉพาะจุดได้ โดยไม่เห็นรอยต่อ
16.ปกปิดความไม่เรียบเนียนของฝ้าเพดาน หรือผนังได้ดี รวมถึงพรางสายตากรณีมีแนวสายไฟเดินลอย (วอลล์เนื้อหนา)
ส่วนสีทาบ้านภายในนั้น แม้ปัจจุบันจะมีการพัฒนารูปแบบ และเทคโนโลยีไปมากแล้ว แต่ก็ยังมีข้อเสียเปรียบอยู่
1. ต้องใช้เวลา ทรัพยากร ความประณีตถูกต้องในขั้นตอนกระบวนการ และทักษะเชิงช่างมากกว่าการติดตั้งวอลล์เปเปอร์
2. การทำสีแบบมีลวดลาย ค่าแรงมีต้นทุนที่สูงกว่า (ในกรณีที่หากต้องการความสวยงามของลวดลายในการทาสี ซึ่งก็เพียงทำได้
แค่คล้ายกับวอลล์เท่านั้น)
3. การเตรียมพื้นที่เนื้องาน และบริเวณการทำงานก็มีความยุ่งยาก และมากกว่าในเชิงปริมาณ
4. หากคิดจะเปลี่ยนสี หรือทาใหม่จะยุ่งยากกว่าทาครั้งแรกมาก เพราะต้องมีการเตรียมพื้นผิว ทารองพื้น
เนื่องจากอยู่ๆจะเอาสีใหม่ทาทับสีเก่าไม่ได้ ต้องเอาสีเก่าออก สีใหม่จึงจะติดทนนาน แถมต้องมีทารองพื้น และขั้นตอนอื่นๆอีก
ยังไม่รวมเรื่องข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องยกย้ายออกจากพื้นที่ ขณะทำงาน
5. แม้จะมีสีที่มีลักษณะยืดหยุ่นสามารถปกปิดร่องรอยต่างๆได้ในปัจจุบัน แต่ถ้าเตรียมผิวงานไม่ดีก็จะหลุดร่อนได้เช่นกัน
6. ถ้าผนังสกปรก ทำความสะอาดยาก เพราะยิ่งถูก็ยิ่งเลอะ เช่นกรณีขี้จิ้งจก หรือรอยมือ ถ้าเช็ดไม่ดี ก็เลอะเทอะไปกันใหญ่
7.ไม่สามารถซ่อมสีเฉพาะจุดได้ เพราะสีที่ทาใหม่จะไม่เหมือนสีเดิม ทาแล้วจะด่างๆ แม้จะเป็นสีเบอร์เดียวกันก็ตาม
8. ต้องมีการใช้เวลาระยะหนึ่ง ถึงจะเข้าใช้งานพื้นที่ได้ ขณะทำงานมีกลิ่นเหม็น
9. โอกาสเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน สร้างความเสียหายกับส่วนต่างๆมีสูง เนื่องจากละอองสี หยดสี รวมถึงความประณีตของช่าง
10. ผิวสัมผัสยังไม่มีความหลากหลาย หากต้องการความเรียบเนียน ต้องโป๊วปิดทับด้วยวัสดุฉาบพิเศษ
11. เส้นสาย ลวดลาย ดีไซน์ ยังคงมีข้อจำกัด
12. ถ้าผนังมีข้อบกพร่อง เช่นความไม่ราบเรียบ หรือกรณีฝ้าเพดานแบบยิปซั่ม หรือวัสดุอื่นๆที่ต้องโป๊วรอยต่อ
ถ้าช่างมือไม่แน่พอจะเห็นรอยโป๊วน่าเกลียด สีทาทับไม่สามารถแก้ปัญหาให้ได้
เท่าที่นึกได้ก็ประมาณนี้ค่ะ สมาชิกท่านใด มีข้อโต้แย้ง หรือเสริมเพิ่มเติม ก็กรุณาแบ่งปันแนวคิดกันนะคะ
****
จากคุณ :
ถึกสมร ขจรอึด
- [
2 พ.ย. 51 11:49:56
]