ความคิดเห็นที่ 1 ถ้ามองในทางกลับกันนะครับ แบงค์ที่ คิด หนี้สินทุกอย่างในการพิจารณา จะดีกว่า เพราะว่าอะไรรู้ไหม เพราะว่า จะช่วยให้คุณ ไม่ติด blacklist ไงครับ จากที่ ผมทำงาน ที่ ธนาคาร สแตนดาร์ดชาเตอร์ดไทยมา 4 ปี ทำงานด้าน สินเชื่อ ทุกอย่างของแบงค์ ผมคิดว่า การที่ แบงค์ ใด คิด ภาระ หนี้สินทุกอย่าง ของลูกค้า จะทำให้ ลูกค้า สามารถ มี กำลัง ทรัพย์ ในการผ่อนชำระได้ดี   ถ้า หาก ไม่คิด พวกหนี้บัตรเครดิต หรือ หนี้อื่นๆๆ ที่ต้องจ่ายรายเดือน ของคุณ นั่นแหละ ครับ เวลา ผ่าน การกู้บ้าน มา จะทำให้ คุณ ไม่มีกำลังที่จะ จ่ายได้ ผมคิดว่า แบงค์ ที่คิดรายได้ทุกตัว นะครับ จะเป็นการป้องกัน ระหว่างตัวลูกค้า และ ธนาคารเอง จากคุณ : ken_tempon - [ 19 พ.ย. 51 21:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ได้ความรู้เยอะเลยย ^^ จากคุณ : miewhono - [ 19 พ.ย. 51 21:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 10. พยายามซื้อกับโครงการใหญ่ๆ เช่น AP, Plus Properties, L&H เป็นต้นเพราะแบงค์เค้าจะให้เครดิตว่ามั่นคงสูง จะผ่านได้ง่ายกว่า และได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า +++++++++++++++++++++++++++++++++++ ไม่จริงครับผม สาเหตุ ที่ ได้ดอกเบี้ย ที่ ต่ำกว่า เพราะ ว่า แบงค์ นั้นได้ ติดต่อ และมีผลประโยชน์ กับ โครงการ นั้นๆๆครับ จึงสามารถ ให้ดอกเบี้ยที่ต่ำ กว่า บ้านอื่นๆ และที่ว่า ผ่านง่ายไม่จริงเลย ครับ การผ่านหรือ ไม่ผ่าน อยู่ที่ ตัวผู้กู้เท่านั้นครับ จากคุณ : ken_tempon - [ 19 พ.ย. 51 22:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยินดีด้วยครับ จากคุณ : jobuakwan - [ 19 พ.ย. 51 22:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ พบเจออะไรแตกต่างกันก็มาแชร์กันได้นะครับ ท่านอื่นจะได้รับความรู้ด้วย จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ - [ 19 พ.ย. 51 22:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความพยายามติดต่อสูงมากค่ะ ยินดีด้วย ขอบคุณที่แบ่งปันข้อมูลนะคะ ... ให้ give ซะเลย จากคุณ : xMonkey - [ 19 พ.ย. 51 22:55:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ธนาคารกรุงไทยให้เต็มร้อยเลยค่ะแต่ว่านาน แต่เขาจะดูที่คนกู้มากกว่าค่ะ ไม่มีหนี้สินใดๆไม่มีภาระนี่ยิ่งง่ายค่ะ จากคุณ : gemcad (gemcad) - [ 20 พ.ย. 51 03:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การคิดความเสี่ยง ของเครดิตร บุคคล แต่ละแบงค์ เงื่อนไขเบื้องหลังมีเยอะ และข้อจำกัดแปลกๆมากดี  นานมาแล้วเคยทำบัตรเครดิตรแบงค์ กท ไม่ผ่าน แต่แบงค์อื่นผ่านปกติ สงสัยแต่ถามไปไม่มีคำตอบ ว่าเพราะอะไร แต่ ยื่นกู้ 50 ล้านผ่านที่แบงค์นี้ละครับ   งง จากคุณ : Seawind - [ 20 พ.ย. 51 06:34:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การขอสินเชื่อบ้านช่วงนี้จะยากกว่าเก่ามาก เพิ่งอ่านเจอมาว่า ปีหน้าธนาคารอาจจะลดวงเงินที่ให้กู้จาก 70% เหลือ 50% เพราะกลัวจะเกิดปัญหาสินเชื่อซับไพรม์เหมือนที่สหรัฐ ก็เลยต้องป้องกันไว้ก่อน 8. ประกันอัคคีภัยสำหรับบ้านราคา 2-2.5 ล้าน จะตกหนึ่งหมื่นบาทต่อสามปี ---> บ้านเราราคา 2.6 ล้านบาท เสียค่าประกันอัคคีภัย 3 ปี 6 พันกว่าบาทเองค่ะ จากคุณ : บานไม่รู้โรย - [ 20 พ.ย. 51 07:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบพระคุณมากๆนะคะ ... สำหรับข้อมูลและความรู้ ได้อะไรเยอะเลย ^ ^ ปล. แต่จริงๆเราชอบแบงค์ที่คิดพวกหนี้ของเราเข้าไปด้วยนะคะ แสดงว่าเค้าค่อนข้างระวังและเข้มงวดต่อการผ่อนชำระและสถานะทางการเงินของทั้งผู้กู้และแบงค์เอง ยิ่งกันความเสี่ยงมาก-แบงค์ก็เสี่ยงน้อย และมั่นคงสูง ส่วนแบงค์ที่ไม่ดูก็อาจจะมีประเด็นอื่นๆอีกที่เค้าจะพิจารณาอะไรแบบนี้อ่ะค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ จากคุณ : Nutri002 - [ 20 พ.ย. 51 09:17:08 A:124.121.202.5 X: TicketID:135252 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรายื่นกู้ 3 แบงค์ค่ะ มีหนี้บ้านอยู่แล้ว 1หลัง แต่หลังใหม่ขอกู้ร่วม เงินเดือน 2 คนรวมกันหกหลัก ไม่มีหนี้อื่น ตอนนั้นรอผลนานมาก กสิกร  โทรมาถามครั้งเดียว พอดีเราเปลี่ยนงานใหม่ได้แค่เดือนเดียว เลยขอ statement เพิ่มเติม เสียงพนง.เด็กมาก  สรุปไม่ผ่าน  รู้ผลเดือนกว่า กรุงเทพ  โทรมาทุกวัน ขอเอกสารทุกวัน ถามข้อมูลทุกวัน ทั้งที่อยู่ในใบขอยื่นกู้นั่นแหละ เจอตัวพนง.ที่มาเอาเอกสารยังเด็กๆอยู่เลย สรุปไม่ผ่าน รู้ผลเดือนกว่า ไทยพาณิชย์  โทรมาครั้งเดียวถามว่า จะทำประกันมั้ย รู้ผลภายใน 1 อาทิตย์ โอนหลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์  บริการดีมาก รวดเร็ว เราว่าจะกู้ผ่านไม่ผ่านนอกจากตัวเราแล้ว ขึ้นกะพนง.สินเชื่อด้วยแหละ ถ้าเจอคนมีปสก.หน่อย ก็ง่าย  อย่างเราประทับใจไทยพาณิชย์มาก จากคุณ : ~NaTTyLuPhY~ - [ 20 พ.ย. 51 10:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราก็ขอสินเชื่อเหมือนกัน แต่ทางโครงการขอให้ ไม่มีปัญหาผ่านโลด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กู้น่ะ คิดว่าปีหน้า การกู้ยืมจะยากขึ้นมาก เพราะเรามีบทเรียนกันมาแล้วจากปี 40 แบงก์เองก็กลัว NPL เลยชลอการปล่อยกู้ ถ้าจะให้กู้ต้องมีหลักประกันคุ้ม คนกู้มีความมั่นคงและมีความสามารถในการจ่ายคืนเงินกู้ให้กับ แบงก์ แบงก์คงมองว่าปีหน้าความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นกว่านี้อีก ไหนจะกำลังซื้อหด คนตกงาน โดนลดเงินเดือน จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายหนี้ จากคุณ : Dr.modx - [ 20 พ.ย. 51 10:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ จากคุณ : หลวงสรเดช - [ 20 พ.ย. 51 10:50:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 20 พ.ย. 51 11:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความพยายามสูงจริง ๆ ครับคุณ จากคุณ : มาเดี่ยว - [ 20 พ.ย. 51 11:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรา ร่วมพ่อลูก รวมกันได้ ไม่ถึงแปดหมื่นแต่ก็ได้ 2.7 อ่าค่ะ tmb แต่ดีตรงที่ไม่มีหนี้อะไรเลย แต่พ่อมีภาระลูกอีกคน น้องเรา จบปีหน้า แล้วก็ประวัติการเป้นหนี้แล้วจ่ายหมดก่อนแยะ พ่อซื้อบ้านมา 2 หลังแล้วค่ะ ยังอยู่ไม่ได้ขายปลอดหนี้ ที่ TMB เจ้าหน้าที่ดีมากกกกก ในขณะที่ UOB ให้เรา 1.7 อ่าค่ะ มึนๆ งงๆ แต่เจ้าหน้าที่ดีมากกกกก อีกเช่นกันค่ะ จากคุณ : สวยใสในที่มืด - [ 20 พ.ย. 51 13:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : vn, man - [ 20 พ.ย. 51 14:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับ ข้อมูลละเอียดดี อ่านแล้วเข้าใจง่ายขึ้นมากเลย จากคุณ : sanooksanan - [ 20 พ.ย. 51 18:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เท่าที่รู้มา แต่ละแบงค์เค้าไม่เอาวงเงินบัตรมาคิดนะ  แต่หนี้ค้างในบัตรน่ะสำคัญมากๆ  (ถ้าเอาวงเงินบัตรมาคิด ผมคงไม่ต้องกู้แบงค์ไหนพอดี เพราะวงเงินรวมๆ กันทุกบัตรมันเกินล้านนะ)  แต่พอดีผมไม่เคยมียอดค้างชำระเลย  ก็เลยสามารถเป็นหนี้ได้สมใจ ดังนั้นแล้วถ้าใครอยากจะกู้ได้วงเงินเยอะๆ  จงรีบปิดหนี้ต่างๆ ซะ  ไม่ว่าจะเป็นผ่อนรถ หรือยอดผ่อนในบัตรเครดิค (แม้กระทั่ง 0% ก็ตาม)  แต่ถ้ายื่นกู้ช่วงนี้  วงเงินส่วนมากจะได้ไม่เต็ม 100% นะ  เดี๋ยวนี้ปล่อยแค่ 85-90% ก็หรูแล้ว จากคุณ : a cup of coffee - [ 20 พ.ย. 51 21:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ต้องหาอีก 6 แสนมาเพิ่มหรอค่ะ เยอะนะน่ะ... ไม่ลองยื่นกู้ร่วมหละค่ะ จะได้กู้ได้เยอะๆ ยื่นเพิ่มตอนนี้ยังได้ป่าวค่ะ ลองคุยกันพนง.ดู เรายื่น UOB ได้ 2.7 ลบ. นะคะ  แต่กู้ร่วม รายได้และอื่นๆก้อใกล้เคียงคุณ จขกท แต่ไม่มีค่าผ่อนรถ ตอนแรกว่าจะให้แฟนกู้คนเดียว แต่พนง. แนะนำว่าน่าจะกู้ร่วม เพราะถ้ากู้คนเดียวอาจได้ไม่ถึงยอดที่ต้องการ จากคุณ : k_puiky - [ 20 พ.ย. 51 22:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^ ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^ คคห 20 ไม่เป็นไรครับ ผมกะจะเอาเงินสดโปะลงไปราวๆนี้อยู่แล้ว เพราะถ้ากู้ 2.7ล้านเต็มๆแล้วจะผ่อนต่อเดือนสูงมาก ผ่อนไม่ไหว จากคุณ : Nonz-Kaze - [ 20 พ.ย. 51 23:09:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ของกรุงไทยผมกู้ 1.3 ไม่มีหนี้ เค้าถามกลับวว่า... แค้่นี้พอเหรอไม่เอาอีกเหรอ  ไม่แต่งบ้านเหรอ ...... .... ผิดคาดเล็กน้อย . . . . คำตอบ ไม่เอาครับ เอาแค่พออยู่ได้จบ...หนี้สร้างเมื่อไหร่ก้ไงด้ครับ เหอๆ จากคุณ : iZARD - [ 21 พ.ย. 51 16:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ข้อสรุปที่ให้มาเป็นประโยชน์มากครับ และจากประสบการณ์ของตัวเองอยากบอกว่าผมเห็นด้วย ข้อ 10.ที่บอกมาว่าซื้อกับโครงการใหญ่ได้เปรียบก็ถูกต้องครับ จากคุณ : แมวโฮ่ง (แมวโฮ่ง) - [ 21 พ.ย. 51 23:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผ่อนเดือนละหมื่น ก็ต้องมีเงินเหลือในบัญชีเดือนละสองหมื่นห้าหรือคะ แต่ถ้าเราสามารถยืนยันรายได้พิเศษ ได้เกินเดือนละสองหมื่นห้าพันบาทแล้วละก็ งี้เราก็เหลือเงินเดือนไม่ถึงสองหมื่นห้าในบัญชีเงินเดือนก็ได้สิคะ แต่จริงๆ ที่ทำงานก็ไม่หักหนี้อะไรมาก นอกจากภาษีกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเท่านั้นเอง จากคุณ : อนิลฑิตาแห่งอำมฤตาลัย (เด็กเกาะสมุย) - [ 22 พ.ย. 51 20:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ได้ความรู้มากเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : Chinjung - [ 24 พ.ย. 51 01:17:08 A:124.120.0.242 X: TicketID:195222 ]

ความคิดเห็นที่ 26 3 ปีที่แล้ว ไปกู้ธอส. ได้ 100% เลยครับ กู้ได้ 3 ล้านบาทเต็มๆ มาตอนนี้ยังนึกย้อนไปว่า ธนาคารไม่น่าให้ผมกู้ผ่านเลยอ่ะ เสียดอกฟรีๆแต่ละเดือน...เฮ้อ...แพงจัง ไม่อยากผ่อนแล้วเว้ยยยย แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 51 22:35:36 จากคุณ : Athlons - [ 24 พ.ย. 51 22:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เราว่าเรื่องการกู้เงินธนาคารเนี่ย บางทีก็แล้วแต่ดวงนะ ตอนเรากู้เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน อายุ 27 มีรายได้ประมาณ 50,000 บาท เราก็กู้ได้ประมาณ 2,100,000 บาท (เพราะราคาบ้านเราประเมินได้ 2,300,000 บาท) แต่เราไม่อยากเป็นหนี้เยอะ เราก็กู้แค่พอซื้อบ้านได้ (เราไม่มีเงินดาวน์เลย เพราะตอนนั้นแม่อยากซ่อมบ้าน เราก็เลยเอาเงินเก็บ 500,000 บาทมาให้แม่ทำบ้านหมด) ซึ่งรวมค่าโอนและทุกอย่างก็ประมาณ 1,650,000 บาท แต่กว่าเราจะกู้ได้ เราก็ยื่นทุกแบงค์เลย เสียค่าตรวจสอบสินทรัพย์ไปเกือบสองหมื่อน (เพราะประมาณเกือบสิบธนาคาร) ธนาคารกรุงเทพ ไม่ให้เพราะเป็นบ้านมือสอง กลัวขายยาก ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้เราเอาข้าราชการ C7 ขึ้นไปมาค้ำ ธนาคาร UOB ให้ผ่าน แถมวงเงินบัตรเครดิต (ตอนนั้นเป็นบัตรทอง) ให้อีกใบ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ให้ผ่าน แต่ดอกเบี้ยแพง เลยไม่เอา ธนาคารกสิกร ไม่ผ่าน ธนาคารทหารไทย ไม่ผ่าน ธนาคารสแตนดาร์ด ไม่ผ่าน เราเห็นด้วยนะ ว่าถ้าได้เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ เค้าก็จะประเมินและให้คำตอบได้เร็ว อย่างที่ UOB เนี่ยเค้าสัมภาษณ์เราละเอียดยิบก่อนยื่นเอกสารแถมบอกเลยว่าเราน่าจะได้เงินประมาณเท่าไหร่ ซึ่งก็ได้ตามที่เค้าประเมินให้ แล้วเราส่งเอกสารให้เค้า เค้าก็จะเอาไปดูแล้วก็บอกว่า อาจจะต้องเพิ่มเติมตรงไหน ใช้เวลาดำเนินงานกับ UOB แค่ 2 อาทิตย์ในขณะที่ธนาคารกรุงเทพ 2 เดือน แต่ไม่ได้เรื่อง ตอนนี้เราก็เล็ง ๆ ว่าจะเอาบ้านไปรีไฟแนนซ์ เพื่อลดดอกเบี้ย แต่ยังไม่เห็นว่าจะมีโปรโมชั่นดี  ๆ เลย ของเราตอนนี้จ่าย MLR - 2.5 ซึ่งเราว่าดีที่สุดในตลาดแล้ว ไปถาม ๆ ที่สาขา เค้าแนะนำให้ลองขอลดดอกเบี้ยในฐานะลูกค้าชั้นดี....... ก็ว่าจะลองดู เค้าบอกอาจจะลดได้อีก 1 บาท.......สำหรับ 1-2 ปี (ก็ยังดี) จากคุณ : Travel Animal - [ 15 ธ.ค. 51 18:37:51 ]