ความคิดเห็นที่ 1 แนะนำข้อสอง เพราะถ้าใช้ปั๊ม ๑๑๐๐ว.ตัวเดียวที่ต้นทาง - อัตราไหล(๑๒๒ล./นาที ที่๑๘เมตร) , แรงดัน จะสูงมาก อาจทำให้วาวล์ และอุปกรณ์ต่างๆอื่นๆ ชำรุด รั่ว ซึมได้ง่าย ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้ปั๊มทำงานบ่อย ปั๊มพังได้ง่าย กินไฟเยอะ ส่วนท่อ หากต่อถูกวิธี ก็ไม่รั่วหรือหลุด ถ้าท่อในบ้านมีขนาดต่ำกว่า ๑นิ้ว ควรเดินท่อให้เป็น Loop ไว้ ที่จุดแยกเข้าห้องแต่ละห้อง ค่อยใส่ปั๊มเพิ่มเข้าไป จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 9 ธ.ค. 51 19:21:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Head 18 ม. เนี่ยนะ แรงดันสูงมาก ?????????? จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 9 ธ.ค. 51 21:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดูเครื่องหมายคอมม่าเป็นไหมท่าน จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 9 ธ.ค. 51 21:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดูเครื่องหมายคอมม่าเป็นไหมท่าน ผมคงเป็นคนด้อยปัญญาน่ะครับ ที่ไม่เข้าใจว่าเครื่องหมาย , ที่ท่านผู้เชี่ยวชาญบอกมา หมายถึงอะไร เพราะเครื่องหมายนี้ในภาษาไทยเราใช้เครื่องหมายวรรคตอนแทน แต่ที่ผมสงสัยก็คือว่า ปั๊มอัตโนมัติทั่วๆ ไป แรงดันก่อนที่ปั๊มจะถูกตัดการทำงานมันอยู่ที่ประมาณ 20-25 เมตร ซึ่งสูงกว่า 18 เมตร หรือว่าต่ำกว่า  18เมตร) ,   ครับ เพราะตอนเรียนเรื่งระบบสูบน้ำ หรือค้นคว้าจากหนังสือเกือบสิบเล่มที่มี ก็ม่ายเคยเห็นน่ะครับ ช่วยกรุณาบอกคนด้อยปัญญาอย่างผมหน่อยว่า มันอยู่ในตำราเล่มไหนครับ จะได้ไปหามาเผาทิ้ง และก็โอ้โฮ เก่งจังเลยครับ ที่สามารถรู้ Discharge กับ Head ของเครื่องสูบได้โดยแค่รู้ยี่ห้อกับขนาดมอเตอร์เท่านั้น ขนาดผมมีแคตตาลอคยี่ห้อนี้ในมือตั้งหลายรุ่น ยังกำหนดรายละเอียดขนาดนี้ม่ายด้ายเลยคับ รู้แต่ว่าหากอ่านจาก Perfomance Curve พวก H Q Curve แบนๆ อย่างพวก CH หรือ CHI น่ะแรงดันมันเปลี่ยนแปลงไม่มาก แต่อัตราสูบมันเปลี่ยนแปลงเยอะ แต่ถ้ามันชันๆ อย่างพวก CR หรือ CRN เนี่ย อัตราสูบเปลี่ยนนิดเดียว Head พุ่งแล้ว ยังไง ยังไง ก็ชี้แจงแถลงไข ให้คนรู้น้อยด้อยปัญญา อย่างผม ทราบด้วยนะคับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 9 ธ.ค. 51 23:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บ้าน สองชั้น ไม่แนะนำแบบที่สอง ครับ ปล . ผม เคยบอกว่า ถ้าอาคารใหญ่ แล้วเรามีท่อ main ใหญ่  ทีนี้ แรงดัน บางจุดมัน drop ลง อาจ เพิ่มแรงดันได้โดยการ ติดปั้มเฉพาะจุด เช่นในห้องน้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า ต้องทำแบบนี้ทุกครั้งนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็น แบบ "น้าพร" ไปซะ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 03:48:39 จากคุณ : น้าพร - [ วันรัฐธรรมนูญ 03:36:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดู spec ของ grundfoss ครับ จากคุณ : น้าพร - [ วันรัฐธรรมนูญ 03:55:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้ามีอ่างน้ำวน และอยากได้แบบสะใจ คงต้อง CH4- 60PT แล้วหละครับ ทีนี้ การตั้ง สวิตแรงดัน คงต้องตั้งแถวๆ 30 - 40 ปอนด์ น่าจะพอ ถ้ามากกว่านี้ เกรงว่า อุปกรณ์อื่น จะทนไม่ไหว ไม่ก้ออาจมีน้ำหยดจากก๊อก ทีละหยด ทีละหยด การเดินท่อ ต้องเดิน ให้ตรง และง่ายที่สุด เดินมายัง อ่างที่ต้องใช้น้ำมากที่สุด ต้องใช้ ท่อขนาด เท่ากับ หรือ โตกว่า 1 "  โดยตลอดครับ ถ้าเดินไกล กว่า 10 เมตร ผมแนะนำให้ใช้ท่อ 1-1/2 นิ้วครับ จะช่วยลดการ loss ลงได้ โดยเฉพาะ ช่วงงอ หรือทางแยกครับ ทางตรง loss ไม่เยอะครับ แต่ข้องอ กะทางแยก จะ loss ลงไปบ้าง ความสะใจอาจลดลง ที่ผมเคยทำ คือ เดิน ท่อ main 2 นิ้ว ตลอดแนว เรียบไปตามพื้นดิน แล้วแยกเป็นสามทาง 1" ขึ้นไป ที่ ฝักบัว เส้นหนึ่ง อีกเส้นหนึ่งเดิน ไปที่ อ่างน้ำวนครับ อีกเส้นหนึ่ง เดิน 1" ไปจ่ายอุปกรณ์ อื่นๆ   พอจะจ่ายเข้าอุปกรณ์ จึงจะลดลงเป็น 1/2 นิ้วครับ ไม่ก้อรอความเห็นคุณ waterman อีกเสียงหนึ่งครับ อาจมีทางเลือกที่ดีกว่า หลังจากได้ดู Chart ของ grundfoss แล้ว จากคุณ : น้าพร - [ วันรัฐธรรมนูญ 04:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทีนี้ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เดี๋ยวนี้เขามีชุด electronic ทำหน้าที่  แทน pressure tank กะ automatic pressure switch ไปในตัว ตัวนี้จะมี censor อยู่ด้วย คอยตรวจดูว่าถ้าไม่มีน้ำในระบบ มันจะไม่ปล่อยกระแสไฟเข้าไป ถือว่าดีมาก ตัวนี้ ราคา  2,500 บาท ซื้อมาติดแทน pressure tank ครับ ดีกว่ามาก ช่วยป้องกัน มอเตอร์ได้ จากคุณ : น้าพร - [ วันรัฐธรรมนูญ 04:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตามตารางน้าพร จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ วันรัฐธรรมนูญ 04:36:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ผมกลับแนะนำ pressure tank น่าจะดีกว่า(ลดการทำงานของปั้ม) 80ลิตร ประมาณ 8-9พันบาทแบบมีbellowข้างในไม่ต้องคอยเติมลม ระบบอิเลคโทรนิคที่ดี น่าจะเป็นอินเวอร์เตอร์นะ จากคุณ : maan - [ วันรัฐธรรมนูญ 08:36:59 A:58.9.64.4 X: TicketID:188408 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าอยากให้ใช้น้ำพร้อมๆ กัน คงต้องเลือก 1  grundfos ใหญ่สุด แล้วทำตามน้าพร ว่าไว้  เพิ่มขนาดท่อออก 1 step ใช้ pressure tank น่าจะดีกว่า ลดการตัดต่อปั๊ม ในกรณีที่ใช้น้ำล้างมือเล็กๆ น้อยๆ ถ้าแบบ flow switch มันตัดต่อบ่อย เวลาใช้น้ำแค่นิดเดียว จากคุณ : Professor - [ วันรัฐธรรมนูญ 10:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แรงดันใช้งานระดับ 18 เมตร เป็นแรงดันใช้งานระดับต่ำๆ ที่หากผู้ที่มีประสบการณ์ระดับคุณ Waterman เห็นเข้าก็บอกว่าจิ๊บๆแหละครับ แม้แต่แรงดันระดับ 36 เมตร (~ 52 psi) ซึ่งเป็นแรงดันสูงสุดของ Grundfos CH4-60 ก็ไม่ได้สูงอะไรนักหนา อาคารคอนโดระดับ 8 ชั้นหลายแห่งในกรุงเทพฯ จะใช้ท่อน้ำดีเป็นเพียง PVC Class 13.5 (ที่เป็นท่อสีฟ้าๆหนาๆหน่อยแบบที่ใช้ตามบ้านแหละครับ) และมีลักษณะการต่อท่อแบบเดียวกับที่ทำตามบ้าน วาล์วที่มีขายในท้องตลาด(แบบที่ดูมีมาตรฐานหน่อยนะ) ส่วนใหญ่จะเป็น Class 125 จะรับแรงดันใช้งานระดับ 36 เมตรได้ไม่ลำบากอะไร ดูจากลักษณะการใช้งานที่มี rainshower, อ่างน้ำวน แถมระบบสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้รอบบ้าน ผมเลือกข้อ 1 ครับ ส่วนปั๊ม Fujika ที่แต่ก่อนเห็นแนะนำกันบ่อยๆ (ไม่ทราบเดี๋ยวนี้ยังแนะนำกันอยู่หรือเปล่า) ผมไม่มีประสบการณ์ในการใช้ จากคุณ : ไม่ได้แวะมานาน - [ วันรัฐธรรมนูญ 10:29:47 A:125.25.16.39 X: TicketID:031038 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เลือกแบบ 2 ตาม  คคห #2   ที่ 18เมตร จ่าย 122 ลิตร/นาที  ใหญ่เกินไปสำหรับบ้าน 2ชั้น  แรงดันน้ำที่ 18 เมตร กับ ปั๊มที่จ่ายน้ำที่ระดับ 18 เมตรได้ 122 ลิตร/นาที  คนละความหมายกันนะอย่าพูดแบบรวมๆ   ถ้าดูจากตารางผู้ผลิตก็เหมือนจะไม่ค่อยแนะนำให้ใช้เลยถ้าจะใช้แบบ 1 ลองลดไปที่ 690 วัตต์ ก็พอมั๊ง  Flow Rate ก็ไม่ขี้เหล่เท่าไหร่  (เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยซิ) จากคุณ : Pun_Pom - [ วันรัฐธรรมนูญ 14:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ วันรัฐธรรมนูญ 14:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ดู กราฟ ครับ รุ่น CH4 นี่ให้น้ำมากทีเดียว จากคุณ : น้าพร - [ วันรัฐธรรมนูญ 20:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รูปไม่ชัดครับ เอาใหม่ จากคุณ : น้าพร - [ วันรัฐธรรมนูญ 20:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จะเห็นว่า ที่ 15 เมตร จะให้น้ำถึง  8 Q เมตร ต่อ ชั่วโมง ถือว่ามากทีเดียว  หรือ 133 ลิตร ต่อนาที อย่างนี้ เปิดรน้ำ 5 ก๊อก พร้อมกันได้สบายๆ จากคุณ : น้าพร - [ วันรัฐธรรมนูญ 20:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 22:22:35 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันรัฐธรรมนูญ 22:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ในประสบการณ์ผมอยากบอกว่า " อย่าบ้าสเปคฯจนเกินไป มันมีหลายปัจจัยที่ทําให้สเปค,กราฟ ที่คุณเชื่อมันมันคลาดเคลื่อน จริงๆมันเป็นเเค่ ไกด์ไลน์เเบบหยาบๆเท่านั้น " เเบบว่าผมเจอมาเยอะ ขนาดวิศวกรทางชลประทาน ยังมาตายน้ำตื้นๆกับไอ้ค่าสเปค เเละ กราฟฯ ปั้มน้ำเเบรนด์ดัง เเละ ประเภทปั้ม+ใบพัดปั้ม มาเยอะเเล้วครับ ในความเป็นจริง ปั้มน้ำ grundfos   อัตราไหลเเค่ 122 ลิตร/นาที ที่ 18เมตรแรงดันฯในท่อประปาในบ้านจะสูงมาก จนอาจทำให้วาวล์ และอุปกรณ์ต่างๆอื่นๆ ชำรุด รั่ว ซึม นั้นคงไม่เป็นความจริงนะครับ   สิ่งที่จะทําให้วาวล์ เเละ อุปกรณ์ฟิตติ้ง เเละจุดข้องอ,ข้อต่อชำรุด รั่ว ซึม มันควรมาจากความดันในเส้นท่อมากกว่านะครับ???? อย่าบ้าสเปค,อย่ายึดมั่นกราฟ คุณควรคํานึงถึง ค่าประสิทธิภาพในการใช้งานจริงด้วยนะครับ( ในประสบการณ์ผม ควรคิดประเมินประสิทธิภาพเเค่ 70 %จองสเปคที่ทางปั้มกําหนดมา (ในกรณีเราไม่ได้มีการเทส เเบบใช้งานจริงนะครับ )อย่างเห็นๆคุณเคยคิดเอาค่าประสิทธิภาพทางด้านดูด มาหักลบออกไปบ้างมั้ย??? เเต่ก็อย่ายึดหลักการที่ต้อง โอเวอร์-โอเวอร์สเปค ไว้ก่อนเพราะมันขัดหลักคติพจน์วิชาชีพ ช่าง ที่ดีที่ต้องยึดหลัก " ประหยัดสุด ประโยขน์สูง " เงินลูกค้า ก็ควรคิดว่าเหมือนเงินในกระเป๋าเรา จะเอามาฟุ่มเฟือยเอาเงินไปทิ้งในปั้มน้ำที่เราซื้อเผื่อ โอเวอร์ๆไปทําไมกัน?????? บอกตามตรงระยะหลังๆ ผมเห็นกระทู้เกี่ยวกับระบบประปา,ปั้มน้ำ ในห้องนี้มักมีการเเนะนําในหลายๆครั้ง ที่มันผิดหลักทางเทคนิค เเละ ผิดหลักวิชาช่าง ค่อนข้างเยอะครับ เพียงเเต่ไม่ค่อยอยากจะตอบในเรื่องเหล่านี้เท่าไร เพราะทุกวันนี้ก็มี หลังไมค์ มันก็มาตรึมอยู่เเล้ว( เเต่ผมไม่ค่อยจะตอบกลับหลังไมค์ไปเท่าไร เพราะผมคิดว่ามันผิดหลักการที่ผมช่วยเเสดงความคิดเห็นทางวิชาช่าง ) การเเก้ปัญหาในงานช่าง มันก็คุณเหมือนการทําการบ้านวิชา สมการคณิตศาสตร์  มันมีวิธีคิดคํานวณได้หลายเเบบ( เเต่คําตอบสุดท้ายมันต้องเหมือนกัน )  ถ้าคุณเป็นช่างอาชีพจริงๆ คุณก็รู้ด้วยตัวเองอยู่เเล้วว่า ใครเก่งกว่าใคร ใครที่เป็นช่างมืออาชีพจริงๆไม่ใช่ ช่างคํานวณ,ช่างโปรโมท,ช่างโอเวอร์ ครับ ระบบประปาในบ้าน หัวใจมันอยู่ที่การเดินท่อประปา เเละ การวางเซ็ทระบบจุดต่อน้ำต่างๆ ให้สมมาตรกัน ในจุดไหนที่มีปัญหาในเรื่อง การ LOSS ของน้ำ เเละ เเรงดัน+การไหลของน้ำในเส้นท่อฯ ก็ควรเสริมปั้มน้ำบางเเบบบางประเภทในวงจร ที่บางจุดครับ การเลือกปั้มน้ำ มันเป็นประเด็นการเลือกใช้ที่รองลงไปครับ ระบบท่อในบ้านหากวางเดินระบบไม่ดี  คุณคํานวณเลือกใช้เเบบไหน มันก็ต้องมาตายการเเก้ปัญหาที่ปลายเหตุเช่น การเลือกใช้ขนาดปั้มน้ำที่ใหญ่ขึ้น เปลืองเงิน,เปลืองไฟในการใช้งานเป็นสิบๆปี??? เเละ ปัญหาข้างเคียงตามมา เช่น กดใช้ชักโครก ปั้มน้ำที่ใช้มีขนาดใหญ่เกินไป ทํางานติดๆดับๆ 7-8 ครั้ง เจ้าของบ้านต้องทนเสียงปั้มน้ำทํางานติดๆดับ 7-8 ครั้ง กว่าน้ำในหม้อพักน้ำจะเต็ม เป็นเวลาสิบๆปี   เห้นเชียร์ยกค่ากราฟ เเละ อัตราไหลฯของน้ำ ที่ HEAD เท่านี้เท่านั้น อย่าลืมเรื่องขนาดเส้นท่อที่ใช้เมื่อถึงจุดห้องน้ำที่ลดเหลือ 6 หุน เเละ 4 หุน เเละในบางจุดมาคอดที่สายอ่อน 2 หุน เเละ จุดข้อต่อ,ข้องอฉากในจุดต่างๆที่ทําให้ค่า HEAD เเละ อัตราการไหลมันคลาดเคลื่อนนะครับ เอาง่ายๆเเค่น้ำที่ไหลออกจากฝั่งขาออกจากปั้ม คุณจะต่อใส่ข้องอ,ข้อโค้ง( สมัยนี้หาช่างประปา ใช้งานน้อยมากๆ )ยังต้องเว้นระยะไม่น้อยกว่า3-5 เท่าถึงจะใส่ติดตั้งข้องอฉากได้ ไม่งั้นปั้มน้ำคุณไม่ได้สเปคที่คุณอ้างอิงหรอกครับ........ อย่างในรูป เป็นค่ากราฟปั้มน้ำรุ่นหนึ่ง ที่บอกทั้งเเรงดัน,ค่า HEAD,ค่าปริมาตรน้ำการไหลออกเเกลลอน/นาที.........ขอโทษครับหากผมไม่เคยใช้ปั้มน้ำยี่ห้อนี้ ต่อให้เป็น อีบาร่า ,grundfos,. มาร์โคนี่,ซีเมนต์ ผมก็เชื่อประสิทธิภาพอยู่ที่ 70 %  แต่ผมเชื่อปั้มน้ำ SPEAK , PULLEX ที่ผมเคยผ่านการใช้งานจริง กราฟที่ให้มาผิดพลาดไม่ถึง 7-10% ครับ( เทสสูบน้ำจริงที่ความสูง 0 เมตร ยังมีผิดพลาด 10% ที่เเรงดันอากาสปกติ เเล้วที่ HEAD 18 เมตร ปั้มน้ำต้องสูบน้ำสู้กับเเรงโน้มถ่วงโลกจะผิดพลาดไปอีกกี่ % ถามหน่อยครับ???? ความคิดเห็นผมในกระทู้นี้ เเค่อยากบอกว่า" อย่าบ้าสเปค จนเกินไปครับ " แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 22:29:10 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 22:25:41 จากคุณ : pinhead2000 - [ วันรัฐธรรมนูญ 22:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 การที่จะมาพิจารณาเครื่องสูบน้ำเพียงอย่างเดียวมันไม่ค่อยถูกเท่าไหร่หรอกครับ เพราะการดู H Q Curve นั้น ไม่ใช่เห็นตัวเลขปริมาณน้ำที่ Head เท่านั้นเท่านี้ก็ตื่นเต้นตกใจกันแล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาอันดับแรกก็คือ แรงดันที่ต้องการ กับปริมาณน้ำ ซึ่งโดยทั่วไปหน่วยการใช้น้ำที่ก๊อกจ่ายที่เรียกว่า Flexure Unit (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) จะอยู่ที่ประมาณ 20 ลิตรต่อนาทีต่อจุด ยกเว้น Rain Shower กับสายชำระ ที่หากแรงอวัยวะอันบอบบางอาจชอกช้ำได้ อันดับต่อมาก็คือ Head Loss ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็จะมาจากการกำหนด ปริมาณการใช้น้ำ ทำให้รู้อัตราการไหลในท่อ แล้วก็กะขนาดท่อ โดยความเร็วของน้ำไม่ควรเกิน 2-3 ม./วินาที เพราะตัวแปรที่สำคัญในการตำนวณ Head Loss ในระบบท่อสั้นก็คือ V^2 โดยท่อที่เล็กลงครึ่งนึง Head Loss จะเำิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า (บวกขนาดท่อที่ลดด้วย) อย่างที่ตื่นเตินกันืั้ 133 ลิตร/นาทีเนี่ยความเร็วในท่อ 1 นิ้วก็เกือบ 5 ม./วินาทีแล้ว แต่ไหลผ่านข้อต่อ ข้องอ วาล์วที่เปิดเต็มที่ก็ Loss แต่ละจุด ก็ไม่ต่ำกว่า 1 ม. แล้ว ซึ่งเมื่อหาตัวเลขโดยประมาณคร่าวๆ จากข้างบนได้ ก็ได้ขนาดเครื่องสูบแล้ว ขอตัวไปทำการบ้านให้ลูกสาวก่อนครับ ท่านสั่งมาว่าห้ามปฏิเสธ ด้วย แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 20:17:20 จากคุณ : Waterman (LN106) - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 H Q Curve ที่อยู่ในรูปของ คคห. 19 เอามาใช้เมืองไทย ก็จะผิดพลาดเป็นธรรมดา ลองหาเหตุผลกันดูนะครับ พรุ่งนี้จะมาเฉลย ออกแบบระบบสูบน้ำ เผื่อ Head เผื่อได้ แต่ห้ามเผื่อ Discharge ลองคิดดูเล่นๆ ว่ามันเป็นเพราะอะไร จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 11 ธ.ค. 51 00:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ เนี่ยๆ มีลูกก็อย่างนี้แหละ ลูกสาวอยู่ ม. ปลาย ไม่มีทางเลือก ต้องทำการบ้านให้ลูก (ฮา) ผม นั้น  มีลูกกะเมียคนที่หนึ่ง คนเดียว เรียนอยู่ปีห้าแล้ว ส่วนเมียคนที่สองยังไม่มี ......................................................... การ เผื่อ discharge ไปเกินกว่าที่ใช้ มันสิ้นเปลืองพลังงานครับ แล้วทำให้มี pressure กลับมาที่ตัวเครื่อง ด้วย ทำให้เครื่องทำงานหนักกว่าเดิม ก๊อก เล็กๆ ก้อ  5 - 8 ลิตร/ นาทีครับ ก๊อกใหญ่หน่อย ก็ 8 - 10 ลิตร/ นาที ทีนี้ ถ้าเป็นอ่างน้ำวน ผมให้ 15 - 20 ลิตร/ นาที rain shower นั้นไม่รู้ว่าเท่าใด เคยอ่านผ่านๆ ประมาณ 10 -15 ลิตร/ นาที ชักโครก 2 - 4  ลิตร/นาที ขึ้นกับยี่ห้อ   ทีนี้ ถ้าเปิดไม่พร้อมกัน ก็ เอาซะสามอย่าง คืออาบน้ำ กะชักโครก  และ ห้องอื่นเปิด อีกจุดหนึ่ง อันนี้ อาจถือเป็น minimum ได้ ส่วน max เราอาจคิดเดาเอาว่า สัก 5 - 6 จุดที่เปิดพร้อมกัน เราจะได้ ประมาณ 40 - 50 ลิตร/นาที  แล้วปั้ม ตัวนี้มันให้ 133 ลิตร/นาที ถือว่า over discharge ถ้าเราคิดประสิทธิภาพ ปั้ม 70 % เราก็เลือกปั้มที่ให้น้ำประมาณ 70 ลิตร/นาทีครับ จขกท ต้องบอก ให้ละเอียดครับ ว่าจะใช้ max สักเท่าใด แล้ว min เท่าใด จะทำให้ได้ข้อมูลที่เหมาะ กับการใช้งาน จากคุณ : น้าพร - [ 11 ธ.ค. 51 04:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทีนี้ ถ้าเราให้น้ำไหล ออกปลายท่อ ขนาด 1 " ด้วยปริมาณ 20 ลิตร/นาที น้ำ 20 ลิตร =  0.02 m 3 ครับ (คิดหน้าตัด ท่อ เป็น 1 " เต็ม) ได้หน้าตัดท่อประมาณ  5.0 x 10 -4  เมตร 2 เราจะได้ความเร็ว ที่วิ่งในท่อประมาณ 0.67 m/s ทีนี้ ถ้าเรา ใช้ ปริมาณ 133 ลิตร/นาที เราจะได้ความเร็วประมาณ 4.45 m/s ตามที่คุณ waterman ว่ามาครับ จากคุณ : น้าพร - [ 11 ธ.ค. 51 04:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องขนาดของท่อนั้น ผมได้บอกแล้ว ว่า ให้ใช้ 1" หรือโตกว่า ผมแนะนำให้ใช้ท่อ main เป็น 2 " ไงครับ เพื่อลดการ loss ส่วนการเดิน นั้น ท่อกิ่ง เป็น 1 " ให้เดินไปถึงจุดใช้งาน แล้วจึงลดลงเป็น 1/2 นิ้ว ให้เข้ากับอุปกรณ์ การติดตั้งปั้ม เพื่อจ่ายน้ำ เข้าบ้านนั้น จะให้เหมาะเจาะกับ ชักโครกเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ ควรจะหาค่าเฉลี่ย หรือ ความพอใจ ของเจ้าของ ว่าต้องการน้ำแรง และมากพอ ขณะอาบน้ำในอ่างน้ำวน แล้วต้องแลกกับ การได้ยินเสียงปั้ม เปิด-ปิด อยู่ 3 -5 ครั้ง จนกว่า ชักโครกจะเต็มหรือไม่ ให้เขาเลือกเอง ตรงนี้เราพอจะบรรเทาได้โดยการ ติดถังลมให้โตขึ้น เป็น 60 ลิตร และตั้งช่วงห่างของ pressure ให้ automatic s/w ทำงานให้ห่างๆ หน่อย จะช่วยได้มาก หรือ จะเอาแบบให้ปั้มเดิน ทีเดียวเรื่อยๆ ขณะเติมน้ำชักโครก โดยเปิด - ปิดครั้งเดียว   แล้วแลกกับ การอาบน้ำในอ่างน้ำวนไม่สะใจ และปริมาณน้ำไหล เอื่อยๆ  ไม่พุ่ง ไม่แรง น้ำไหลน้อย ทีนี้ ถ้าจะเอาให้ได้ เหมาะ กับทุกอย่าง มีทางเดียวคือ ตั้งแท้งค์ น้ำครับ ให้ head สูงสัก 25 เมตร ก็คงพอ ถังก็ใช้ 1.5 คิว สำหรับคนไม่เกิน 5 คน บ้านสองชั้น อย่างนี้ แรงดัน จะเกือบคงที่ และจะไม่ได้ยินเสียงปั้ม ติด-ดับ ติด-ดับ พอมีแท้งค์แล้วก็มาออกแบบ ท่อจ่ายน้ำเข้าห้องน้ำ แต่ละห้องอีกที อย่างนี้ปัญหาหลายอย่างจะแก้ได้ง่าย .............................................................. พอเลือก เป็นแท้งค์ ก็มีข้อเสีย คือ ไม่มีที่วาง หรือไม่ก็ แพง สุดท้ายต้องมาลงที่ปั้ม แหม ถ้ามีปั้มแบบมี censor เช็คปริมาณการไหล และแรงดันอยู่ น่าจะดีไม่น้อย คือ เช็คว่า ถ้าแรงดัน ตกไม่มากก็ไม่ต้องเดิน ถ้าปริมาณการไหลน้อยๆ ให้ปั้มเดินเบา ถ้าปริมาณการไหลมากให้ปั้มเดินเร็วๆ  อย่างนี้ ถ้ามี จะช่วยแก้ปัญหาได้มาก อันที่จริงคงจะมีแหละ แต่เราคงหาไม่เจอเอง   หรือมีใน โครงการใหญ่ๆ  ส่วนตามบ้านมันเล็ก การออกแบบ แล้วนำมาใช้งานคงไม่ economic of scale มั้ง แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 04:40:26 จากคุณ : น้าพร - [ 11 ธ.ค. 51 04:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบ #21   60 Hz  เมืองไทย 50 Hz   ถ้ามาใช้เมืองไทย Curve ต้องทำใหม่ ว่าแต่ว่า จขกท  น่าจะเข้ามาบ้างนะ  อย่างน้อยมาบอกนิดนึงว่าบ้านสร้างรึยัง หรือซื้อบ้านตามหมู่บ้าน (เดินท่อเสร็จแล้ว)   เท่าที่อ่านตอบกันเหมือนกับบ้านยังไม่สร้าง แต่ จขกท บอกมีบ้านแล้ว  แล้วจะไปแก้ท่อยังไงอ่ะ.......... (คงไม่ทุบผนังทิ้ง) ตอบเวิชาการจนเหมือนกลับไปอยู่ห้องเรียนเลย    แล้วคนที่ไม่เคยเรียนมาจะเข้าใจมั๊ยอ่ะ.....   แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 05:53:46 จากคุณ : Pun_Pom - [ 11 ธ.ค. 51 05:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โดยหลักการ แล้ว ถ้าท่อเล็กต้องเดินใหม่ครับ เพื่อให้น้ำมีอัตราการไหล มากพอต่อความต้องการครับ จากคุณ : น้าพร - [ 11 ธ.ค. 51 13:40:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อย่างที่บอกหัวใจในระบบ ท่อประปาในอาคาร,บ้านพักอยู่อาศํย คือ การวางเดินระบบท่อในบ้าน ให้ถูกหลักวิชาช่าง การเผื่อโอเวอร์ขนาดท่อ ล่อไปถึงขนาดท่อ 2 นิ้ว สําหรับบ้านพักอาศัยมันโอเวอร์สเปคไปครับ  ในสมัยก่อนๆช่างประปาจะนิยมเดินท่อเมนในบ้านขนาด 1 1/4 นิ้ว( ท่อ1นิ้วสองหุน )ก็เหลือเฝือเเล้วครับ เเต่ต่อมาท่อ PVC เป็นที่นิยม ช่างประปาจึงต้องกระโดดไปใช้ขนาด 1 1/2 นิ้วเเทน( ท่อ 1 นิ้วครึ่ง ) เพราะหาท่อประปา เเละข้อต่อ,ข้องอ ได้ง่ายกว่า เดี่ยวดึกๆจะกลับมาเล่าวิธีคิด การเลือกขนาดท่อ จากประสบการณ์ใช้งานจริง ที่เดินงานระบบท่อจากก๊วนทีมช่างจีนโบราณให้ฟังครับ........ขอไปดูหน้างานก่อสร้างก่อนครับ จากคุณ : pinhead2000 - [ 11 ธ.ค. 51 14:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมกลับเห็นว่า การเดิน ท่อ main ที่ระดับพื้นดิน เป็นวงรอบ รอบตัวบ้าน ของ จขกท เป็น  2 " นั้น นอกจาก จะไม่ Over แล้ว โดยวิสัยสามารถทำได้ สำหรับ ห้องน้ำ สาม หรือ สี่ห้อง  และจุดใช้น้ำต่างๆ ถามว่าทำไม จึงทำได้ ตอบ.... เพื่อให้ปริมาณการไหลของน้ำ เป็นไปตามหลักการ ที่จะไม่ให้น้ำไหลในท่อด้วย ในระยะทางไกลๆ ด้วยความเร็วสูง ถามแล้วมันดีอย่างไร ตอบ... ดีตรงที่ปั้มไม่ได้สูญเสียพลังงานมาก ไม่สูญเสียพลังงานจากการ loss ภายในเส้นท่อ กรณีนี้ จะต้องนำเอา ปริมาณการใช้น้ำสูงสุด ต่ำสุด และปริมาณการใช้น้ำกลางๆ มาคำนวณดูด้วย ว่าเท่าใดจึงจะเหมาะ เราจะฟันธงไปตรงๆ ไม่ได้ ว่าแค่นี้พอ เท่านี้ over ไป ส่วนสมาชิกท่านใด ที่เห็นว่า มีวิธีที่ดีกว่า ก็เอามา post ครับ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ต่อท่านที่เข้ามาอ่านมากทีเดียว เวลาของผมในช่วงบ่ายนี้ หมดแล้ว ขอไปทำงานก่อนครับ จากคุณ : น้าพร - [ 11 ธ.ค. 51 15:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอโทษและขอบคุณทุกท่านครับที่ให้ความรู้ ผมเป็น airline crew หายไป 2-3 วันเลยไม่ได้มาดู , ข้อมูลก็บ้านสร้างได้ 80 %แล้ว อันที่จริงมีห้องนํ้า 7 ห้อง โดยต่อท่อ 1"ไปทุกห้องแล้วค่อยแยก ผมแยกการจ่ายนํ้าเป็น 2 line ,ส่วนแรก 4 ห้อง เป็นการใช้นํ้าทั่วๆไป แต่ที่กังวลคือส่วน 2 ซึ่งมี อ่าง,shower...[ห้องลูกสาว], เลยไม่แน่ใจว่าจะเลือก pump ขนาดไหนดี การใช้งานก็ลูกสาวกับห้องข้างล่าง[maid]มีโอกาสใช้พร้อมกัน อีกห้องเป็นห้องแขกคงนานๆใช้ที อ่านดูคำแนะนำทุกท่านแล้ว และรายละเอียดเป็นอย่างนี้ก็ขอถามเพิ่มเติมว่า 1.ใช้ pump ตัวเดียวได้มั๊ยและขนาดไหน 2. pressure tank ถ้าจำเป็นต้องใช้ต่อคั่นส่วนไหนครับ ขอบคูณทุกท่านจริงๆครับ จากคุณ : num - [ 11 ธ.ค. 51 21:06:53 A:125.24.198.85 X: TicketID:178169 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สำหรับ จขกท. พอดีเลยครับกำลังนึกว่าจะยกตัวอย่างอะไรดี สำหรับ Unit การใช้น้ำหลายๆ จุด ที่ส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ใช้ปั๊มใหญ่ไปเลย แต่หากว่า มีการใช้แค่จุดเดียวล่ะครับ ปั๊มใหญ่อตราการสูบก็จะมาก ซึ่งอาจมากกว่าอัตราการจ่ายที่ปลายทาง ที่แรงดันก่อนที่ปั๊มจะตัดการทำงาน ปริมาณน้ำที่เหลือนี้ก็จะเข้าไปเก็บในถังลม (pressure Tank) พร้อมกับทำให้แรงดันของน้ำเพอ่มขึ้นจนถึงจุดที่ปั๊มตัดการทำงาน แต่น้ำก็ยังมีการใช้อยู่ ซึ่งแม้ว่าปั๊มจะหยุดทำงานไปแล้ว น้ำในระบบฯ ก็จะยังคงไหลออกด้วยแรงดันอากาศในถังลม พร้อมกับแรงดันที่ลดลง จนถึงจุดที่ปั๊มเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง ฉล้วก็จะทำงานติดๆ ดับๆ สลับกันไปจนกว่าจะหยุดการใช้น้ำ พร้อมกับแรงดันน้ำที่ขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งล้างมือก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าอาบน้ำหน้าหนาวจะสนุกกับการอาบน้ำที่ร้อนๆ เย็นๆ ครับ ทางบรรเทา (แก้ได้ไม่ค่อยตรงประเด็น) ก็คือการเพิ่มปริมาตรความจุของถังลม ซึ่งถังเดิมก็คงยาก ดังนั้นจึงต้องต่อถังใหม่เข้าไปในระบบฯ สำหรับตำแหน่งที่จะติดนั้น หากปริมาณน้ำส่วนที่เหลือไม่มากนัก ติดตรงไหนในระบบท่อ ก็ให้ผลใกล้เคียงกัน แต่หากปริมาณน้ำเหลือมาก หากติดไกลจากปั๊มก็ยังอาจมีอาการติดๆ ดับๆ จากการที่น้ำไหลแล้วเกิด Loss ในท่อมากไปขณะที่น้ำไหลเข้าถังอัดใหม่ จนยีงมีน้ำเหลือหน้าปั๊ม และสำหรับที่บอกว่า บรรเทา ก็เพราะว่า ในช่วงการใช้น้ำ แรงดันน้ำในระบบก็จะยังไม่คงที่ ซึ่งอัตราการเปลี่ยนแปลงแรงดันนี้จะขึ้นกับขนาดความจุถังลม ซึ่งโดยทั่วไปจะประมาณไว้ที่ 1ใน3 ของความจุถัง แถมราคาค่อนข้างสูงขนาด 80 ลิตร เนี่ยราคามากกว่า ครึ่งหมื่นครับ อีกอย่างนึง ชื่อของถังที่มีบอกอยู่ท่านนึงว่ามีเบลโลข้างใน เขาเรียกถังแบบนี้ว่า Diaphram Tank ซึ่งในถังจะมีแผ่นยางคั่นระหว่างน้ำกับอากาศ เพื่อให้อากาศไม่ละลายไปกับน้ำ ครับ ส่วนในกรณีที่ใช้ปั๊มเล็ก เมื่อเปิดจุดเดียว น้ำก็จะไหลแรงดี โดยที่ปริมาณน้ำที่ปั๊มสูบจะเท่ากับที่ใช้ ณ แรงดันค่านึงที่ไม่เกินจุดที่ตั้งไว้ แต่เมื่อมีการใช้น้ำในจุดที่ 2 ปริมาณน้ำที่ใช้ก็จะมากขึ้น ปั๊มก็จะสูบน้ำมากขึ้นให้สมดุลเท่ากับที่ไหลออก แต่ในการนี้แรงดันที่ปั๊มเคยอัดตอนใช้จุดเดียวก็จะลดลง ยิ่งเปิดน้ำหลายจุด แรงดันก็จะลดลง (แต่ยังไงก็ตาม ตราบที่ปั๊มทำงาน ผลรวมขอลน้ำที่ไหลออกก็เท่ากับอัตราสูบที่ปั๊มสูบในเวลาเดียวกัน) ทางแก้ไขในวิธีนี้ก็คือการเพิ่มปั๊มเพื่อช่วยสูบเสริมเวลามีการใช้น้ำมาก ซึ่งตอนใช้น้ำน้อย ปั๊มจะทำงานเพียงตัวเดียว ทีนี้ก็ขอเรียนถาม จขกท. ละครับว่า เวลาบินอยู่บนอากาศ น่ะ ถ้าให้เลือระหว่างเครื่องบินเครื่องยนต์เดียวที่ใช้กำลังแค่ครึ่งเดียวก็บินได้ กับ 2 เครื่องยนต์ ที่เครื่องเดียวพอประคองเครื่องลงได้ จะเลือกบินแบบไหนครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 11 ธ.ค. 51 22:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนนี้ สำหรับคำถามเมื่อวาน สำหรับคำถามแรก นั้น เมื่อเอาปั๊มน้ำที่ใช้มอเตอร์เป็นเครื่องยนต์ต้นกำลังมาใช้ และมี H Q Curve สำหรับความถี่ 60 Hz มาใช้ในเมืองไทย มอเตอร์ก็ยังหมุนขับปั๊มได้ ครับ เพียงแต่ความเร็วรอบของมันที่มาจาก RPM. = ความถี่ * 60 * (จำนวน Pole ของมอเตอร์/2) มันจะลดลงจาก 3,500 รอบ เหลือ 2,900 รอบ (หักมัน Slip ครับ) และจาก Affinity Law ที่ว่า N1/N2  =  Q1/Q2 (N1/N2)^2  =  H1/H2 (N1/N2)^3  =  Bhp1/Bhp2 ก็จะพบว่า ค่า อัตราการสูบและ Head ที่จุดบน Curve จะลดลงเหลือ 83% และ 69% ตามลำดับ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม เมื่อเอาปั๊มมาใช้แลัวมันสูบและอัดน้ำไม่ได้ตาม Spec (และก็คิดเอาว่า เข้าใจว่า เดาเอาว่า Curve มันมั่ว) และหากดูที่สูตรสุดท้าย กำลังมอเตอร์ที่ต้องการก็จะเหลือแค่ 57% ก็พอแล้ว เพราะต่อให้ใส่มอเตอร์ใหญ่กว่าเดิม มันก็สูบของมันต่ำกว่า Curve 60 Hz ครับ งานนี้ไม่ต้องไปทดสอบปั๊ม แค่คำนวณจากสูตรโดยใช้จุดบน Curve เดิมมา Plot ใหม่นิดเดียวเอง สำหรับ H Q Curve นั้น การจะได้มันมาไม่ใช่จากการคำนวณ เพราะตัวแปร มันเยอะมากๆ ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องเอาใบพัดแต่ละรุ่นที่ผลิตไปทดสอบการสูบ แล้วจึงมาทำ Curve ให้ใช้ ถ้ามั่ว (แบบที่ท่านผู้เชี่ยวชาญที่มีแต่ประสบการณฺ์ คิดเอาเองว่า) ละก้อ คงขายออกยากละครับ ยกเว้นปั๊มที่ผลิตในเมืองจีน สำหรับในส่วนที่ว่า เผิ้อ Head แต่ห้ามเผื่อ Discharge ก็เพราะว่า เวลาคำนวณ Head Loss นั้นค่าที่ได้มันเป็นค่าในทางสูง ซึ่งคิดเผื่อท่อมีสภาพแย่หลังการใช้งานนานๆ  และอย่างที่บอกละครับว่า Curve ต้องน่าเชื่อถือ ซึ่งอันที่จริงมันก็เผื่อเรื่องรอบไว้หน่อยนึง คือ ถ้าสังเกตรอบมอเตอร์ ไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไมไม่ใช้ 3,000 หรือ 1,500 รอบ กลับใช้ 2,900 1,450 970 รอบกันทั้งนั้น ดังนั้นมันเผื่อไว้ให้แล้ว แต่ว่าหากคำนวณด่า H กับ Q แล้วเผิ่อเพิ่ม Head จะไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะ Head ที่เพิ่มจะทำให้ Pump เพิ่มอัตราการสูบเพื่อลด Head (เพราะ Head Loss รวมในระบบฯน้อยกว่า) และพออัตราสูบเพิ่ม Head Loss ระบบก็จะเพิ่ม ก่อนจะเข้าสู่สมดุล แต่เมื่อเผื่อ Discharge อัตราการสูบที่เพิ่มจะทำให้ Head Loss รวมของทั้งระบบฯ เพิ่มมาก ในรูปของ V^2/2g ค่าที่คำนวณได้ก็จะผิดพลาดหมด และหากเป็นพวก High Head อาจเกิดการไหลแบบกระตุกได้ และของแถม สำหรับการต่อแบบที่เรียกกันว่า Loop นั้นทาง Hydraulic เรียกว่า Pipe Network เป็นการคำนวณที่ค่อนข้างยุ่งยาก ซ้ำซ้อน(แต่ไม่ซับซ้อน) สมัยเรียนแค่ 10กว่าจุดก็เป็นชั่วโมงแล้ว เอาแค่ง่ายๆ อย่างที่บอกกันแค่ Trial หา Q ในแต่ละสายเพื่อให้ Head Loss เท่ากันก็ลองคิดดูแล้วกันครับ โดยส่วนตัวแล้ว ควรเดินท่อ Main ให้ใหญาหน่อย เพื่อให้มี Loss น้อยๆ แล้วค่อยควบคุม Head Loss ในท่อสายซอยจะง่ายกว่า เพราะหากรู้วิธี ก็สามารถทำให้น้ำชั้นล่างไหลค่อยกว่าชั้นบนได้ ตอนเปิดน้ำพร้อมกัน อันนี้อ่านให้ดี เฉลยไว้แล้ว ครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 11 ธ.ค. 51 23:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ ^ ที่คุณ Waterman ว่ามา คงจะพอเข้าใจนะครับ เป็นวิชาการหน่อย เกี่ยวกับหลักการของของไหล   ในท่อที่มีระดับการปล่อยของไหลออกจากปลายท่อ ณ จุด ต่างๆ ที่มีความสูง ไม่เท่ากัน มีปริมาณการไหลออกไม่เท่ากัน มันน่าเวียนหัวสำหรับคนไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้  หรือไม่อิงหลักการ ส่วนผมนั้นไม่ได้เรียนมาสายตรงดอกครับ เรียนมาทาง Physic พื้นๆครับ แม้ว่ามันจะพื้นๆ แต่หลักการที่เรียนมาเป็นสิ่งเดียวกัน (ส่วนประสบการณ์งานอาคาร งานท่อ นั้น เอาไว้คุยกันหลังไมค์ดีกว่าครับ) ทีนี้ จขกท มาบอกอีก ว่า ไม่ใช่ 3 ห้องนะ มันมี 7 ห้อง อ้าววว... ตัวแปร มันเปลี่ยนไป คำตอบของคำถาม จะเปลี่ยนไปครับ ถ้าห้องน้ำเยอะ และมีสองชั้นเท่านั้น ห้องน้ำแต่ละห้อง มีปริมาณการใช้น้ำต่างกัน และใช้พร้อมกันบ้าง ไม่พร้อมกันบ้าง คงต้อง ติดปั้ม สอง หรือสามตัวดีกว่ากระมัง จขกท ลองว่า มาใหม่ นะครับ ว่า ชั้นล่าง มีกี่ห้อง มีก๊อก และอุปกรณ์อะไรบ้าง ชั้นบน มีกี่ห้อง มีก๊อก และอุปกรณ์ อะไรบ้าง จะช่วยให้ได้คำตอบ ที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด การติดปั้มใหญ่ตัวเดียว จะมีปัญหา ตรง ต้องเผื่อ discharge กรณี เปิดน้ำพร้อมกัน การติดปั้มเล็ก สาม ตัว อาจมีปัญหา ตรงต้อง ดูแลทีเดียวสามตัว ซึ่งมันอาจเป็นอย่างนั้น หรือไม่เป็น  ก็ได้ บ้านผม ใช้ปั้ม 2 ตัว มา 15 ปีแล้ว ยังไม่สะดุดแม้แต่ ครั้งเดียว อันที่จริง ติดไว้ 3 ตัว ตัวที่สาม เอาไว้ charge เครื่องทำน้ำร้อน เวลาอาบน้ำอุ่นในหน้าหนาวครับ ทีนี้ ถ้าเราใช้ปั้ม 3 ตัว แล้วออกแบบการเดินท่อให้ดี จะช่วยได้มาก สามารถป้องกันการ over discharge และป้องกันการเสียพลังงานโดยใช่เหตุ แต่อาจลงทุนค่าปั้ม มากหน่อยในวันแรก (น่าจะมากไปไม่เกิน 50 %) ดูๆ แล้ว การติดปั้มหลายตัว สำหรับ ห้องน้ำ 7 ห้อง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ ทางเลือกอีกทางหนึ่ง ที่ผม ว่าไว้ แต่คงไม่มีใครทำ คือ ตั้งแท้งค์ เป็นแบบหอ สูง ประมาณ 25 เมตร สูงปรี๊ดดด เลยทีเดียว (ตรงนี้ ว่าในทาง ทฤษฎีครับ  ว่าเป็นทางเลือกหนึ่ง) ลองบอกการใช้น้ำมาคร่าวๆ ดูนะครับ น่าจะได้ข้อสรุปที่ดีกว่าการใช้ปั้ม ตัวใหญ่ตัวเดียว จากคุณ : น้าพร - [ 12 ธ.ค. 51 01:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอโทษทีครับบอกไม่ clear ,ผมใ้ช้ 2 pump แยกกัน, ตัวแรก supply 4 ห้องโดยแต่ละห้องมีแค่ฝักบัว[heater ต่อเชื่อมไว้ถ้าต้องการนํ้าร้อน],โถส้วม ว่าจะใช้ pump ขนาด 750 w.น่าจะเอาอยู่ ถึงแม้นํ้าจะเบาเป็นบางช่วงก็พอรับได้,ที่สงสัยคือส่วน 2 ครับ คุณ waterman ตอบได้สมกับชื่อ ขอบคุณครับ,เครื่องบิน เพื่อให้ได้ thrust ที่เท่ากันเครื่องยนต์เดียวคงต้องใหญ่โตมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคงเป็นเรื่อง safety กรณีเครื่องยนต์ดับครับ จากคุณ : num - [ 12 ธ.ค. 51 07:07:53 A:125.24.184.133 X: TicketID:178169 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถามน้าพร กับคุณ water man  สมมติว่าถ้าเราตัดจะปัญหา Head loss ออกโดยเลือก Pump ที่ใหญ่หน่อย  เพิ่มท่อเมนใหญ่ขึ้น  แล้วเพิ่ม Pressure ในระบบท่อให้สูงอีกหน่อย    แต่ก่อนจะจ่ายออกไปท่อบรานซ์ของแต่ละห้อง  ใส่ Pressure Reducing Valve 7 ห้อง ห้องละตัว เพื่อปรับแรงดันของแต่ละห้องเป็นอิสระต่อกันเลยดีมั๊ย   ถ้างบประมาณไม่จำกัด  (ถามเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเองเลยเรา) แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 08:20:22 จากคุณ : Pun_Pom - [ 12 ธ.ค. 51 08:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ต้องบอกด้วยครับ ว่า ชั้นไหน มีกี่ก๊อก แรงดัน ชั้น หนึ่ง กะชั้นสอง ไม่เท่ากันครับ ก๊อกแต่ละอย่าง ให้น้ำไม่เท่ากันครับ เอางี้ครับ ชั้นหนึ่ง มีกี่ห้อง เขียนมาว่า เป็น A1 B1 C1 D1 F1 ชั้นสองเขียนมาว่า เป็น G2 H2 I2 J2 ครับ จะได้เห็นชัดว่า เป็นอย่างไร ให้ข้อมูลมาไม่ละเอียด ตอบไป ก็ไม่ตรงกับการใช้งานครับ หรือเอาไปใช้ มันก้อไม่ได้ผล หรือได้ก้อไม่ดีครับ จากคุณ : น้าพร - [ 12 ธ.ค. 51 08:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ Pun_Pom  ครับ ท่อ กะแรงดัน กะ การสูญเสีย loss และ การ over discharge นั้น มันมี สามมิติ อยู่ด้วยกัน  คือ 1. แรงดัน ที่เสียไปเนื่อง จาก ท่อเล็ก หรือมีการ หักงอ หรือ มีการยกสูง กว่าปั้ม 2. ความเร็วในการไหล ในเส้นท่อ 3. การเสียพลังงานของปั้มโดยใช่เหตุ ทำให้ปั้มเดิน-หยุด  เดิน-หยุด หลายครั้ง สุดท้ายปั้มอายุสั้นครับ เราป้องกัน การ loss ในเส้นท่อได้ โดยการ ใช้ท่อใหญ่ได้ก้อจริง ทีนี้ ถ้าเรา เพิ่ม ปริมาณการจ่ายน้ำเข้าระบบ ด้วยการใช้ปั้มที่มีอัตราการจ่ายน้ำมากกว่า ที่ควรจะเป็น ผลคือ จะเกิด แรงดันกลับมาที่ตัวปั้มครับ ทำให้ปั้มทำงาน ติด-ดับ ติด-ดับอีก 4. แม้ว่าเราตั้งให้มี pressure สูงขึ้นมากๆ แล้ว ติด  regulation valve ก่อนเข้าห้องน้ำ มันอาจช่วยในส่วนของการจ่ายน้ำที่ปลายทาง แต่มันไม่ได้ช่วยของการดันน้ำที่ต้นทางครับ เอาหละ ถ้าต้องการให้น้ำไหลมาก และแรงสะใจ มีข้อเสียน้อย ทางเดียวคือ ตั้งแท้งค์น้ำสูงประมาณ 25 เมตรครับ เดินท่อเมนใหญ่ๆ หน่อย ช่วยได้มาก แต่ในทางปฏิบัติ ทำไม่ได้ครับ ยุ่งยากมาก และไม่สวยด้วย ยิ่งบ้านมีที่น้อยๆ นี่ ไม่ต้องคิดทำครับ ................................. ถ้ามีห้องน้ำหลายห้อง  และปริมาณ การใช้น้ำแตกต่างกันไป หลากหลายรูปแบบ เอาว่า ถ้าเป็นตัวผม ผม จะเลือกใช้ ปั้มหลายตัวครับ อาจใช้ปั้ม 1 ตัว จ่ายเพียงสองห้องครับ น่าจะได้ผลมากกว่า เมื่อบอกว่า งบไม่จำกัดนะครับ อย่างนี้ทำมาแล้วครับ เคยเอารูปมาลงใน web นี้แล้ว ช่วงเดือน ตุลาคมมั้ง เราสามารถเลือกปั้ม ให้มีขนาดพอเหมาะกับการใช้งานของแต่ละห้องได้ และเลือกตั้ง pressure ให้เหมาะได้  อย่างนี้ จะง่ายสุดครับ จากคุณ : น้าพร - [ 12 ธ.ค. 51 08:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ## 19 มั่วไม่เลิกจริงๆนะ ผมว่าคุณแยกความแตกต่างระหว่าง performance กับ efficiency ไม่ได้ และเลือกปั๊มไม่เป็น หยุดออกความเห็นเถอะ อายเขาครับ... เสริมอีกนิดครับว่าวิศวกรจะทำงานไม่ได้ ถ้า Performance Curve เชื่อถือไม่ได้ ดังนั้นคุณควรจะถามตัวเองว่าปั๊มที่คุณใช้อยู่น่ะมันได้มาตรฐานหรือเปล่า ส่วนเรื่องความถี่มีคนอธิบายให้ฟังแล้ว อ่านหลายๆรอบนะครับ ไม่เข้าใจก็เอาไปให้วิศวกรที่บริษัทอธิบายให้ฟังนะ...ขอร้อง งานตามบ้าน (โดยเฉพาะบ้านขนาดที่จขกท.บอกมา) ..จัดเป็นงานที่ไม่ซับซ้อนเลย pipe network เป็นเรื่องไม่จำเป็น (ขอไม่เกรงใจนะครับ) การเลือกขนาดท่อ ทิศทางการเดินท่อ และขนาดปั๊มที่เหมาะสมจะทำให้คุณใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา จากคุณ : ขอพูดตรงๆ ทนไม่ไหว - [ 12 ธ.ค. 51 15:09:11 A:124.121.40.107 X: TicketID:031038 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ## 37 post ได้ตรงใจครับ คือมันไม่น่าซับซ้อนมาก เจตนาผมเพียงต้องการรู้ว่า กรณีห้องนํ้า 3 ห้อง, 1 ห้องมีอ่างนํ้าวน, shower....,pump ขนาด 1100 w. จะใหญ่หรือเล็กไป ถ้าไม่พอต้องเพิ่มอะไร ผู้รู้ในห้องนี้ผมว่ามองปั๊บก๊รู้ว่าจะทำอย่างไร เพียงแต่พอมีหลายความคิดประเด็นเลยเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ตามครับก็ขอบคุณทุกท่านกับความมีนํ้าใจ จากคุณ : ืnum - [ 12 ธ.ค. 51 18:24:56 A:125.24.214.250 X: TicketID:178169 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สรุปสั้นๆ ว่า ใหญ่ไปครับ ซึ่งหากจัดหามาแล้ว ก็ได้แค่เพิ่มถังลม (Pressure Tank) เข้าไป แต่หากยังไม่ได้จัดหา ก็ลดขนาดลงมาเหลือ ซัก ครึ่ง หรือ 1 ใน 3 แต่ใช้ 2 ตัวต่อขนานกัน ครับ จากนั้นก็ให้ตั้ง สวิทช์แรงดัน (Pressure Switch) ให้ต่างกันซักหน่อย (0.5-1 ม. หรือ 0.05-0.1 Ksc.) สำหรับการต่อปั๊มก็ต่อแบบขนาน เหมือนกับต่อปั๊มตัวเดียว โดยแต่ละตัวจะต่างคนต่างดูด ต่างคนต่างส่ง ซึ่งเมื่อใช้น้ำมากๆ แรงดันในท่อลดลงปั๊มที่ตั้งสวิทช์แรงดันที่อ่อนกว่าถึงจะเริ่มทำงานเสริมสูบน้ำเข้าระบบ และพอใช้น้ำน้อย มันก็จะปิดตัวเองก่อนครับ โดยส่วนตัวไม่แนะนำให้ติดตั้งปั๊มที่ใกล้ๆ ปลายทาง เพราะว่าหากมันใหญ่เกินไป ประกอยกับท่อเล็กไป ทางดูดของ Booster นี้ จะมีความดันต่ำกว่าบรรยากาศ (จขกท. คงทราบนะครับว่าจะเกิดอะไร หากแรงดันในสายชำระต่ำกว่าแรงดันภายนอก) และสุดท้าย วาล์ปรับความดัน (Regulator Valve) ไม่ต้องไปสนใจครับ มันแพง ติด Stop แบบ Ball Valve ตอนท่อออกจากผนังจะเข้าก๊อกแล้วหรี่น้ำเอาตามใจชองถูกกว่าเยอะ ครับ ก๊อก หรือสายอ่อนชำรุด ก็ปิดตัวนี้เปลี่ยนอุปกรณืได้เลย ไม่ต้องหยุดน้ำทั้งอาคาร ครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 12 ธ.ค. 51 20:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 1. ใหญ่ไป 2. ทางเลือก 2.1 ห้องบน ใช้ Ch2- 30 pt 2.2 สองห้องล่าง ใช้ Ch2 - 30 pt หรือ Ch2 - 50 pt  แล้วปรับ switch ลดแรงดันให้อยู่ ที่ 20 - 30 psi ควรต่อท่อเข้า-ออก เป็น 1-1/4 นิ้ว แล้วลดเหลือ 1 " เมื่อจะจ่ายเข้า ห้องน้ำ ถ้ามี flash vale ต้องเดิน 1-1/4 นิ้วโดยตลอด หรือ  ตาม แบบที่คุณ Waterman ว่ามา โดยต่อปั้มแบบ ขนาน ตัวเล็กสองตัว 3. อย่างน้อยควรเดินท่อเข้า ปั้ม เป็น 1-1/4 นิ้ว เดินท่อออกเป็น 1 นิ้ว ถึงจุดปลายทาง ให้เครื่องอยู่ใกล้จุดดูดน้ำมากที่สุด จากคุณ : น้าพร - [ 12 ธ.ค. 51 21:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ดูรูป การต่อแบบขนาน ตามที่คุณ waterman ว่ามาครับ จากคุณ : น้าพร - [ 12 ธ.ค. 51 21:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ทั้งขาเข้า และขาออกปั้ม ต้องมี check valve ติดตั้งด้วยนะครับ ถ้าใกล้ๆ  ขาเข้า อาจเป็นเพียง foot valve ก็พอ จากคุณ : น้าพร - [ 12 ธ.ค. 51 21:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณน้าพร ครับ พอดี TOT ที่ เชียงใหม่เนี่ย เครื่องผมหา net ไม่เตอ เลยมาแย่งลูกสาวใช้ รูปเลยไม่มี จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 12 ธ.ค. 51 23:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากครับคุณ waterman,น้าพร และท่านอื่นๆด้วย, happy new year ล่วงหน้าเลยแล้วกันนะครับ จากคุณ : num - [ 13 ธ.ค. 51 08:15:44 A:125.24.208.153 X: TicketID:178169 ]