ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่ทำครับ มันคือประกันชีวิตที่มีชื่อธนาคารเป็นผู้รับผลประโยชน์ครับ  มีประโยชน์ต่อธนาคาร เพราะหากคุณตาย ธนาคารก็ได้เงินจากบริษัทประกัน ธนาคารไม่อยากได้บ้านเพราะต้องเสียเวลาเอาไปขายต่อกว่าจะได้เงินมาใช้หนี้ แต่ไม่มีประโยชน์สำหรับเรา เพราะ 1. จ่ายเบี้ยครั้งเดียว แต่คุ้มครองตลอดอายุสัญญาเงินกู้  ทำให้เบี้ยประกันสูงมาก หักภาษีได้หนเดียว  ถ้าทำเอง จ่ายเบี้ยทุกปี หักภาษีได้ทุกปี 2. ถ้าทำเอง ชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นลูกหลานเรา หากเราตาย ลูกหลานได้เงินไว้ในมือ  ถ้าเขาอยากได้บ้านก็ผ่อนต่อเท่านั้น ถ้าไม่อยากได้อาจประกาศขายแล้วเอาเงินมาใช้หนี้ หรือปล่อยให้ธนาคารยึดไป  ซึ่งธนาคารไม่อยากยึด  อยากได้เงินมากกว่า  จึงมักบังคับให้ทำประกันชีวิต 3. ปกติธนาคารจะรวมค่าเบี้ยไว้ในวงเงินกู้ เช่น บ้าน 2 ล้าน + เบี้ย 3 แสน ธนาคารจะทำวงเงินกู้ให้ 2.3 ล้านบาท  จะเห็นว่าส่วนค่าเบี้ย 3 แสนบาทนั้น คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่ากับดอกเบี้ยเงินกู้ให้ธนาคารอีกต่อนึง เท่ากับระยะเวลากู้ ธนาคารได้ดอกเบี้ยอีกต่อ จริงๆ ไม่มีอะไรครับ มันคือประกันชีวิตที่มีธนาคารเป็นผู้รับผลประโยชน์ เท่านั้นเอง จะเห็นว่าธนาคารได้หลายเด้งเลย ทั้งประกันความเสี่ยงว่า ได้เงินคืนแน่ อย่างน้อยก็จากบริษัทประกัน  ได้ดอกเบี้ยจากเบี้ยประกันอีก ส่วนเราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย  หักภาษีก็ได้ปีเดียว  ไม่เต็มค่าเบี้ยอีก สมมุติเบี้ย 3 แสน หักได้ แสนเดียว  อีก 2 แสนหักไม่ได้  ถ้ามีเงินถัง สู้ทำเอง จ่ายเบี้ย ปีละแสน 3 ปี ยังหักภาษีได้เต็ม 3 แสนบาท ป.ล. ส่วนประกันอัคคีภัย อันนี้ทุกธนาคารบังคับทำอยู่แล้วครับ เบี้ยไม่กี่ตังค์ หักภาษีก็ไม่ได้ เลยไม่ต้องคิดมาก จากคุณ : tee (TBDLTee) - [ 4 ก.พ. 52 13:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อือม... จริงๆแล้วก็ต้องถามตัวเองก่อนนะครับว่า นอกจากตัวคุณแล้วอยากให้ใครรับภาระบ้านหลังนี้ต่อไป เมื่อไม่มีคุณดูแลแล้ว คือต้องยอมรับก่อนนะครับว่าบ้านเป็นภาระที่ดีแต่ก็หนักหนา และชีวิตก็ไม่แน่นอน(ลองอ่านข่าวหน้าหนึ่งดูก็ได้นะครับ) การทำประกันแบบนี้ก็มีข้อดีหลายอย่างนะครับ คือ ทำครั้งเดียวจบ เบี้ยประกันก็ไม่แพงจนเกินไป แต่ถ้าคุณอยากให้เขาคุ้มครองมากกว่านี้(คือมีออพชั่นเยอะกว่านี้) และต้องการให้ครอบครัวคุณได้รับเงินก้อนหนึ่งแล้วตัดสินใจเองว่าจะบริหารเงินก้อนนี้อย่างไร และได้เงินคืนเมื่อต้องการ ก็ลองติดต่อกับบริษัทประกันชีวิตโดยทั่วไปดูนะครับ ส่วนที่จะต้องทำกับธนาคารมั้ย ผมว่าธนาคารเขาก็ต้องการปกป้องธุรกิจของเขาและไม่อยากจะทะเลาะกับครอบครัวของใคร (เขาไม่อยากยึดบ้านนี่ครับ) เขาก็ต้องเสนอประกันมา ลองนึกตัวเองเป็นเจ้าหนี้ใครสักคนดู(วงเงินก้อนใหญ่ๆนะ)แล้วจะเข้าใจเอง ส่วนเขาจะได้เสียอะไรบ้าง ก็เป็นบริการของเขาเขาก็ต้องได้เงินบ้างสิครับ แต่ถ้าใครมาถามผมนะ ... ทำกับตัวแทนย่อมดีกว่าอยู่แล้วละครับ (ผมเป็นตัวแทนก็ต้องบอกอย่างนี้แหละ 555) จากคุณ : sirnitfi - [ 4 ก.พ. 52 22:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระจ่างมากๆเลยครับ ขอบคุณทั้งสองท่านมากๆเลยครับ :) จากคุณ : sailom isara - [ 5 ก.พ. 52 00:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรากับแฟนกู้ร่วมกันประมาณ 3.4 ล้าน ระยะเวลาในการผ่อน 15 ปี เลยทำประกันไว้ทั้ง 2คน วงเงินคนละ 1.5 ล้าน เป็นระยะเวลา 10 ปีพอ เบี้ยแฟน 10 ปี ตก 60,000 บาท เบี้ยเรา 10 ปี ตก 20,000 บาท (ผู้หญิง ค่าเบี้ยถูกกว่า) สรุปคือ รวมค่าเบี้ย 2 คน ก็ประมาณ 80,000 บาท ค่ะ ถือว่า ซื้อความสบายใจ ทั้งเราและธนาคาร เพราะถ้าทำประกันชีวิตทั่วๆ ไป ธนาคารก็ไม่มั่นใจว่า ทายาทจะเอาเงินมาใช้หนี้บ้านให้ จากคุณ : รักบ้าน - [ 5 ก.พ. 52 10:56:51 A:203.144.130.176 X: TicketID:175353 ]