ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องประกันอื่นๆ ถ้าจำไม่ผิด เราสามารถส่งคืนได้ และเรียกเงินคืนได้ไม่ใช่เหรอครับ ลองอ่านในกรมธรรณ์ดูครับ ส่วนเรื่องเจ้าหน้าที่ ให้ร้องเรียนกับผู้จัดการสาขาได้เลยครับ หรือว่าจะโทรเข้าไปแจ้งให้ call center ดำเนินการครับ ถ้าเราไม่ได้ตังใจสมัคร อย่าไปยอมครับ 30000 เงินไม่น้อยครับ เอามาตกแต่งได้ตั้งเยอะครับ จากคุณ : arenaXP - [ 2 มี.ค. 52 23:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณคุณarenaXPสำหรับคำแนะนำนะค่ะ แต่ว่าเรื่องมันผ่านไปนานแล้วค่ะ คุยกับสามีแบบฉุนๆ ว่าเค้าทำอย่างนี้ได้ไง ตอนแรกคิดว่าจะเอาเรื่อง พ่อเจ้าประคุณก็บอกว่าช่างมันเถอะ ขี้เกียจตาม อ้อยเข้าปากช้างไปแล้วยากที่จะได้คืน คุยจนเกือบจะทะเลาะกันค่ะ เลยท้อใจ ขอเก็บไว้เป็นประสบการณ์สอนตัวเองและคนอื่นก็พอค่ะ เครียดกับเรื่องบ้านมามากมายแล้วค่ะ ปล.อย่าผิดหวังกับคำตอบเลยนะค่ะ เพราะบ้านหลังนี้เรื่องมากมายเหลือเกินค่ะ จากคุณ : lovenaming - [ 3 มี.ค. 52 00:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ของเราโชคดี แบงค์ไม่ได้บังคับให้ทำแต่ที่จริงถ้าทำจะได้ดอกเบื้ยอีกเรตนึง ลดไปประมาณ .50% มั้งถ้าจำไม่ผิดแต่เราไม่เอา เพราะไม่อยากเสียประกันเป็นแสน ๆ ก็เลยยอมเสียดอกเบี้ยแพงหน่อย ส่วนเรื่องทำบัตร ตอนแรกเค้าก็บอกเหมือนกัน แต่พอวันไปทำสัญญาไม่เห็นเค้าว่าไง เราก็เลยไม่ได้ทำอะไรเลย ยกเว้นแต่ประกันอัคคีภัยอย่างเดียว แล้วขอบอก ของคนอื่นไม่รู้เป็นไง ของเราวันไปโอนบ้านกะทำสัญญานี่ เร็วมาก ที่ที่ดินใช้เวลาประมา 1 ชม. ที่แบงค์ประมาณ 20 นาที เรายังงง ๆ อยู่เลย ไมมันเร็วจังวะ หรือเป็นเพราะเราไม่ละเอียดก็ไม่รู้ จากคุณ : PP (PP2009) - [ 3 มี.ค. 52 01:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าจขกท. ไม่ต้องการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพอื่นๆที่พ่วงติดมา ก็ขอยกเลิกได้นี่คะ --> ถ้าคิดว่าไม่เป็นไร  ผ่านแล้วก็ผ่านเลย  คุณก็จะต้องส่งค่าเบี้ยประกันไปเรื่อยๆ  อีก 15-20 หรืออาจจะ 30 ปี    จนกว่าคุณจะผ่อนบ้านหมด    ไม่นับดอกเบี้ยที่เกิดจากค่าเบี้ยประกันราวๆ 7%  มั๊ง  เท่าดอกเบี้ยกู้บ้านน่ะ (เราเข้าใจถูกมั๊ย   เห็นบอกว่า "รวมไปในวงเงินสินเชื่อ") --> ขอยกเลิกวันนี้   อาจจะได้เงินคืนเพียงน้อยนิด   แต่อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องส่งค่าประกันชีวิตต่ออีกเป็นสิบปี ถ้าเราเกิดเป็นอะไรไปกระทันหัน    คนข้างหลังจะผ่อนบ้านต่อไหวไหม        ก็ลองปรึกษาสามี+ปรึกษาเทพในห้องนี้ดูดีกว่าค่ะ            เดี๋ยวจะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก  เสียมากเสียง่าย ปล. ผู้จัดการธ.นึง ก็เคยพูดกับเราว่า  "ต้องทำประกันชีวิตนะคะ   ไม่งั้นจะกู้ไม่ผ่าน"    แหม... เป็นถึงผู้จัดการ     ทำไมถึงชอบคิดว่าลูกค้าโง่    พูดแบบนี้แล้วจะหลอกFUNได้ทุกคนนะ         คุยไปคุยมาสักพักกลายเป็น   "ช่วยทำหน่อยนะคะน้อง    พี่จะได้ไม่ต้องอธิบายกับทางสนง.ใหญ่"   เออ...เอากะมันสิ จากคุณ : ต้มยำทะเล - [ 3 มี.ค. 52 01:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 "เค้ามักจะให้เราทำประกันชีวิต โดยให้แบงก์ที่เป็นเจ้าหนี้ร่วมเป็นผู้รับผลประโยชน์ด้วย" แบงค์ได้ผลประโยชน์หรอครับ เราให้พ่อ แม่ รับผลประโยชน์ไม่ได้หรอ ช่วยตอบทีครับ จากคุณ : spyboy - [ 3 มี.ค. 52 07:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนที่ยื่นกู้ ทางแบ๊งก์ก็แนะนำให้ทำประกันหลายตัวเหมือนกัน โดยเฉพาะประกันที่ผูกพันกับบ้าน ในกรณีที่เราเกิดเป็นอะไรไป ทุนประก้นที่เราทำนั้น จะมาเป็นตัวชดเชยผ่อนบ้านแทนเราอะไรทำนองนี้แหละ บ้านของผมราคา 2ล้านกว่า เบี้ยประมาณ 7หมื่นกว่าบาทตลอดชีพ ซึ่งก็ดูว่าคุ้ม ถ้าเราตกลงทำ เงินค่าทำประกันก้อนนี้จะรวมอยู่ในวงเงินกู้ด้วย ซึ่งผมบอกปฏิเสธไป คงทำแต่ประกันอัคคีภัย และเปิดบัญชีบัตรเอทีเอ็มเท่านั้น เพื่อเอาไว้ตัดบัญชีค่าผ่อนบ้าน แต่ก็สนใจทำประกันตัวนี้อยู่เช่นกัน แต่รอให้การเงินคล่องตัวกว่านี้สักหน่อย ซึ่งก็ติดต่อเพื่อนๆที่เป็นตัวแทนประกันไว้แล้ว เบี้ยประกันก็พอๆกัน ก็คงเป็นเรื่องที่ดี ใครมีอะไรก็มาบอกกล่าว เผื่อว่าใครจะกู้ซื้อบ้าน หรือแม้แต่กู้ซื้อรถ ประกันแอบแฝง ความจริงประกันไม่ได้แอบแฝง แต่เจ้าหน้าที่ทำตัวแอบแฝงมากกว่า การทำประกันถือว่าดีป้องกันความเสียงให้กับเราได้ ธนาคารนครหลวงไทยที่ผมยื่นกู้ พนักงานเขาอธิบายละเอียดดีมาก เราจึงตัดสินใจทำเฉพาะที่เราพอทำได้ ตัวใหนที่ยังทำไม่ไหวเราก็ไม่รับ แต่การที่บอกว่าถ้าไม่ทำประกันแล้ว จะกู้ผ่านยากนั้น แบบนี้ขู่กันชัดๆ สมัยนี้การทำประกันบ้านหรือรถ คนที่รับผลประโยชน์ต้องเป็น ไฟแน๊นซ์ หรือธนาคารผู้ที่ปล่อยเงินกู้ทั้งนั้น เมื่อผู้ให้กู้รับเงินประกันแล้ว เขาจะหักหนี้ของเขาทั้งหมด ถ้าเหลือจึงจะคืนให้ทายาทต่อไป เท่าที่ทราบ สมัยก่อนผู้รับประโยชน์อาจเป็นลูกเป็นพ่อแม่ พอเกิดอะไรขึ้นกับรถหรือบ้าน ผู้ที่รับผลประโยชน์อาจไม่ต้องการบ้านไม่ต้องการรถ แต่ต้องการเงิน จึงปล่อยให้ธนาคารยึดรถยึดบ้านไป เจ้าหนี้พวกนี้ก็ต้องไปไล่เบี้ยฟ้องร้องกับคนค้ำประกันต่อไป คนค้ำประกันกับเจ้าหนี้ก็เหนื่อยกันไป คนที่รับผลประโยชน์สบายแฮ... แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 08:35:12 จากคุณ : P somnuek - [ 3 มี.ค. 52 08:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าคิดว่าช่างมันสิครับ เรื่องแบบนี้สิทธิ์ของเราที่จะยกเลิก เงินเราทำไมเราต้องเอาไปให้คนอื่นใช้ แถมเป็นอะไรไปเค้าก็ยังได้รับผลประโยชน์อีก เคยกู้แบงค์แห่งนึงแล้วซักพักก็มีประกันอีกแห่งมาบอกว่าเป็นโปรโมชั่นของธนาคารแห่งนั้นทำประกันให้ ไอ้เราก็ลองทำดูเพราะที่เคยทำมาก็ไม่มีอะไรผิดปกติ กรมธรรม์มาถึงก็ไม่ได้เปิดอ่าน เลยกำหนด 7 วันที่จะยกเลิกไปแล้ว ปรากฎว่า เล่นแอบเติมชื่อผู้รับผลประโยชน์คนแรกเป็นธนาคาร ก็เลยขอยกเลิกเสียเงินไปแล้วปีนึงช่างมันแต่ไม่เสียต่อไปหรอก เล่นตุกติกกันแบบนี้ จากคุณ : Rasbora - [ 3 มี.ค. 52 08:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คือ ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพที่เค้าทำให้ มันเป็นแค่ส่งเบี้ยปีต่อปีค่ะ ถ้าปีต่อไปเราไม่ส่งเบี้ยต่อ ก็เท่ากับว่ายกเลิกไปโดยปริยาย  เราถึงได้ปล่อยผ่านค่ะ  ถ้าให้นั่งส่งต่อ อย่าว่าแต่ 10 ปี เลยค่ะ แค่ 3 หรือ 5 ปี เราก็คงไม่ยอม ขอยอมทะเลาะกับสามีแล้วเอาเงินคืนดีกว่าค่ะ เป็นไงเป็นกันสิ  แล้วตอนนี้ประกันมันก็หมดไปแล้วค่ะ  อย่างที่คุณ Rasbora บอกค่ะ บางทีกรมธรรม์ส่งมาที่บ้าน เราไม่ได้เปิดอ่าน พอเปิดอ่านมันก็สายไปแล้วก็มีค่ะ ก็ต้องยอมเสียตังค์ไป เลยอยากเอามาเตือนกันไว้ ว่าให้รอบคอบกันสักนิดค่ะ ขอดูรายละเอียดให้ดี ใช้เวลาไตร่ตรองสักหน่อย   อย่างที่คุณ P somnuek บอกก็เห็นด้วยเลยค่ะ ประกันไม่ได้แอบแฝง จนท.ต่างหากที่แอบแฝง ธนาคารเดียวกันอาจไม่เหมือนกันก็ได้นะค่ะ ถ้าเจอจนท.ที่มีคุณธรรม เพราะส่วนใหญ่เค้าจะไม่บังคับทำอยู่แล้วค่ะ ถ้าบังคับก็บอกไปว่าเราเป็นตัวแทนขายประกันอยู่แล้ว (เหมือนพี่ที่ทำงานเดียวกับเรา) ตอบคุณ spyboy ค่ะ  คือเราใส่ใครเป็นผู้รับผลประโยชน์ร่วมด้วยก็ได้ค่ะ แต่เค้าจะบังคับใส่เจ้าหนี้ร่วมไปอีก เผื่อถ้าเราเป็นอะไรไป เรื่องมันจะได้ง่ายสำหรับเค้า เงินที่เหลือจากใช้หนี้หมดแล้ว ก็ยกให้ผู้รับผลประโยชน์ที่เหลือค่ะ ขอบคุณทุกความเห็นนะค่ะ จากคุณ : lovenaming - [ 3 มี.ค. 52 09:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 bbl หรือ ปล่าว ถ้าใช่ น้องเคยโดน เศร้า จากคุณ : tonsakun - [ 3 มี.ค. 52 11:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอฝากอีกเรื่องหนึ่งนะค่ะ ถ้าใครกำลังซื้อบ้านจัดสรรที่ต้องจองแล้วสร้าง ขอให้เน้นที่สัญญาการก่อสร้างนะค่ะ  อ่านรายละเอียดให้ดีๆ นะค่ะ  ระบุไปเลยเรื่องวัสดุในการก่อสร้าง ทั้งสเปก  ทั้งรูปแบบงาน   ทำอะไร ยังไง ตรงไหนบ้าง  หรือถ้าตอนหลังตกลงเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมอะไร ก็ให้เพิ่มลงไปในสัญญาด้วยนะค่ะ  เพราะสัญญาที่แหละค่ะที่จะทำให้เค้าเถียงเราไม่ออก ไม่งั้นเค้าจะอ้างได้ว่าไม่ได้ตกลงกัน ขอบอกว่าสำคัญมากค่ะ  และถ้าเป็นไปได้ให้เข้าไปดูหน้างานให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะไปได้เลยค่ะ จากคุณ : lovenaming - [ 3 มี.ค. 52 11:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 งั้นขอถามและเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมสำหรับคนที่ยังไม่เคยมีบ้านหลังแรกในชีวิตอย่างเรานะคะ เรากำลังยื่นกู้แบงค์ๆ นึง ทาวเฮ้าส์ซื้อขายจริง ราคา 1.3 ล้าน แต่ใจจริงอยากได้ 1.4 จึงขอให้โครงการทำสัญญาเพื่อยื่นให้แบงค์เป็น ยอด1.55 คำนวณแล้ว 90% ก็จะได้ประมาณ 1.395 ซึ่งอันนี้ก็เข้าใจว่าอยู่ที่การประเมินว่าจะได้เท่าไหร่ ก็ไม่ได้ว่าอะไร วัดใจไป แต่คิดไว้ว่าถ้า ได้ 1.3 เป๊ะ ก็ไม่ไหว ไม่มีตังค์แต่งบ้าน ต้องต่อครัวเพิ่มอีก เรากับพี่ชายก็ยื่นกู้ร่วม 2 คน ยังไม่ได้มาประเมินบ้านเลย แต่บัตรเครดิตอนุมัติเรียบร้อย เราก็เออๆ ช่างมัน (แอบเคืองเล็กน้อย เรื่องยังไม่ถึงไหน ยอดก็ไม่รู้ว่าจะได้เท่าไร) แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า จนท.แบงค์บอกว่า ต้องทำประกันชีวิต เราก็คิดว่าเออไม่เป็นไร ถ้าเป็นไรไป อย่างน้อย แม่ก็อาจจะไม่เสียบ้าน คิดว่ายอดน่าจะไม่เยอะ เท่าที่อ่านกระทู้ในนี้ก็ประมาณ 10ปี 2-3หมื่น ก็เออหยวนๆ เลยถามว่าค่าเบี้ยเท่าไหร่ ก็แถไปเรื่อย กว่าจะยอมพูดได้ สรุป 2 คนพี่น้องต้องทำทั้งสองคน ย้ำ "ต้องทำสองคน คนเดียวก็ไม่ได้ และต้อง 30 ปีเท่านั้น 10ปีก็ไม่ได้ ไม่มีวิธีอื่น" วงเงินประกันประมาณ 1.1 ล้าน 30 ปี ค่าเบี้ยประมาณ 7 หมื่นกว่าๆ เอ่อ พูดจบ ไมเกรนขึ้นเลยครับ พี่น้อง เฮ้ย มันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ เกือบแสนเลยนะพี่ เค้าบอก ไม่เป็นไรครับยังงัย เค้าก็เพิ่มมาในวงเงินกู้แล้วไม่ต้องห่วง 30 ปี คิดต่อเดือนก็ไม่กี่พัน เราก็เลยได้แต่อึ้งอย่างเดียว ก็เลยบอกขอปรึกษาที่บ้านก่อน แล้วจะติดต่อกลับไป คุยกับแม่และพี่ชาย ปรากฎว่า อาการเดียวกันเลย เฮ้ย 7 หมื่นเลยเหรอ เอาเงินส่วนนี้มาต่อครัวได้เลยนะลูก เราก็เลยโทรไปคุยกับโครงการ เค้าก็บอกลองยื่นแบงค์ใหม่ไปเลยมั้ย 7 หมื่น 30ปี มันมากไป เอาไปทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ เราก็เลยตกลงงั้นลองไปดูแบงค์อื่นเลยกว่า ตอนนี้ก็เลยเตรียมยื่นแบงค์ใหม่เลย ร่ายมาซะยาว สรุปแล้วขอถามนะค่ะ จากที่เราเล่าไปเนี่ย มันเกินไปมั้ยคะ แล้วจริงๆ การทำประกันเนี่ย มันมีผลกับวงเงินกู้ด้วยเหรอคะ มันจำเป็นต้องทำอ่ะเปล่า ไม่รู้เราเข้าใจถูกมั้ยว่าต่อให้เราทำประกันสักแสน ถ้าเค้ามาประเมินบ้านให้เราต่ำ เราก็ได้ตามราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แล้วแต่ว่าอันไหนจะต่ำกว่ากันไม่ใช่เหรอคะ เพราะตอนนี้กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าสมมติไม่ทำประกันแล้วได้ซัก 1.3 แต่ถ้าทำประกันแล้วได้ซัก 1.4 ค่าเบี้ยปาไป 7 หมื่น หักแล้วได้มา แค่ 3หมื่น แล้วเราจะทำประกันไปดีรึเปล่า คุ้มกันมั้ยเนี่ย ยังงัยรบกวนผู้รู้ช่วยมาไขข้อข้องใจให้เราด้วยนะคะ ตอนนี้กลุ้มใจมากเลยทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เน้อ แล้วใครพอมีเบอร์เจ้าหน้าที่แบงค์ ที่ให้คำแนะนำดีๆ ไม่บังคับขู่เข็ญลูกค้า ช่วยแนะนำเราด้วยนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ อีกคำถามน่ะค่ะ พอทราบมั้ยว่า standard เค้าประเมินบ้านยอดต่ำมากมั้ยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : หมูน้อยฝันอยากมีบ้าน (หมูน้อยหัวใจดุ๊กดิ๊ก) - [ 3 มี.ค. 52 13:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตามที่คุณเล่ามา จนท แบงค์ไม่ได้ผิดฝ่ายเดียวครับ คุณเป็นฝ่ายผิดด้วย ถ้าคุณไม่คิดจะรักษาสิทธิ์ของคุณเอง ใครจะมารักษาสิทธิ์ของเรา ก่อนจะเซ็นเอกสารอะไร ก็ต้องอ่านให้รอบคอบ เมื่อพบว่ามีการมุบมิบทำโดยคุณไม่ได้รับรู้ คุณก็ต้องแจ้งยกเลิกแก้ไข ให้มันถูกต้อง การที่คุณไม่แน่ใจว่าจะยกเลิกได้หรือไม่ คุณก็ต้องหาข้อมูล การที่คุณคิดว่าเจ้าหน้าที่แบงค์ทำไม่ถูก คุณก็ต้องร้องเรียน การที่คุณนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลยคือการที่คุณยอมรับมันครับ จากคุณ : s7014249 - [ 3 มี.ค. 52 13:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านแล้วรู้ทันทีว่าเป็นธนาคารสีม่วงแน่นอนครับ  เพราะว่าโดนแบบนี้เหมือนกัน  แต่ผมโชคดีที่ว่ารู้ตัวทัน  โทรไปยกเลิกทันทีภายในวันรุ่งขึ้น  ก็ยกเลิกได้ไม่มีปัญหา ที่โดนตอนแรกวันที่เซ็นต์สัญญานะ - ประกันวงเงิน (ไม่เต็มวงเงิน ประกันแค่ 4 ล้าน) โดนเบี้ยไป 3 แสน - พ่วงด้วยประกันสุขภาพ + ประกันอุบัติเหตุ อีกเกือบ 7 หมื่น ตกลงว่าเค้าเอายอดประกัน 3.7 แสนนี้ไปยัดรวมอยู่กับวงเงินกู้บ้าน กลับบ้านมาแบบงงๆ ทำไมต้องทำประกันสุขภาพด้วยหว่า บริษัทเราก็มีสวัสดิการเต็มที่อยู่แล้ว  ประกันชีวิตก็ทำไว้อยู่แล้วตั้งมากมาย  นั่งคิดไป คิดมา  ก็เลยยกเลิกซะเลยในวันรุ่งขึ้น  โดยเค้าเอาเงินคืนผ่านบัญชีเงินกู้เลยเต็มจำนวน อันนี้ดีนะที่รู้ตัวทัน ไม่อย่างนั้นต้องโดนไปตั้ง 7 หมื่น แถมดอกเบี้ยอีก จริงๆ แล้วผมก็จัดว่าเป็นคนรอบคอบพอสมควรนะ กะเรื่องเงินๆ ทองๆ เนี่ย  ยังไม่วาย โดนเข้าให้เหมือนกัน  ด้วยความรีบๆ อยากจะเซ็นเงินกู้ให้จบๆ  ดังนั้นแล้ว ขอให้ตรวจสอบกันดีๆ นะครับ  และก็อย่าลืม เซ็นไปแล้ว กลับมาบ้านก็ต้องตรวจอีกรอบ  หากมีอะไรไม่ถูกต้อง ภายใน 7 วัน สามารถยกเลิกได้นะครับ จากคุณ : a cup of coffee (a cup of coffee) - [ 3 มี.ค. 52 13:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จริงๆ แล้วประกันเค้าไม่น่าจะบังคับให้ทำ 30 ปี ได้นะค่ะ  ของเราที่ทำเพราะสมัครใจค่ะ ก็คิดเผื่อไว้ว่าเราเป็นอะไรไป คนข้างหลังจะได้ไม่ต้องมานั่งส่งต่อให้ลำบาก  ลองถามแบงก์อื่นด้วยก็ดีค่ะ ของพี่ที่ทำงานเค้ากู้ที่ออมสิน ก็ไม่ได้บังคับประกันชีวิต แต่ให้ทำประกันอัคคีภัยตัวบ้านไว้ ยังไงเค้าคงให้เราทำสักอย่างค่ะ ส่วนเรื่องกู้เกินวงเงินลองคุยกับทางแบงก์ดูนะค่ะ ว่าเราอยากได้เพิ่มแค่นี้ได้ไหม ไว้ตกแต่ง เพราะตอนแรกเราก็คุยแล้ว เค้าบอกว่าจะลองขอให้ แต่เค้าไม่อนุมัติค่ะ เราก็โอเค ไม่เป็นไร แต่สังเกตเรื่องวงเงินกู้ในส่วนของตัวบ้าน กับส่วนเพิ่มตรงประกันให้ดีหน่อยนึง ว่าที่คุยกันไว้เบี้ยประกันเท่าไหร่ รวมกันแล้วยอดเท่าไหร่ เพื่อเป็นข้อสังเกตว่าเค้าจะไม่มีประกันอื่นแอบแฝงมาด้วย เพราะของเราเค้าอธิบายแค่ประกันชีวิตตัวเดียว เราก็เข้าใจว่ามีแค่นั้น รู้ตัวก็ตอนส่งกรมธรรม์มาที่บ้านแล้วค่ะ เราไม่โทษแบงก์นะ แต่โทษ จนท. ที่เค้าไม่เปิดเผย ไม่บอก ถ้าอยากได้ยอด อยากได้เงิน ก็บอกกันดีๆ เราก็อาจจะช่วย ไม่ใช่มุบมิบทำแบบนี้ แต่ถ้าถามว่าโทษตัวเองไหม ก็โทษตัวเองด้วยค่ะ เพราะความที่ไม่อยากเสียเวลา ต้องการความรวดเร็ว และไว้ใจ เชื่อถือคนอื่นง่ายไปหน่อย ก็มานั่งเสียตังค์ไม่น้อย เท่าที่เคยคุยกับคนรู้จักกัน รู้สึกว่าออมสินนี่ปัญหาน้อยหน่อยค่ะ จากคุณ : lovenaming - [ 3 มี.ค. 52 13:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ของเราสงสัยแบงก์เดียวกันแน่นอนเลยค่ะคุณ a cup of coffee โชคดีจังที่คุณรู้ทันยกเลิกได้ทันการณ์ แต่เค้าไม่พูดถึงเรื่องประกันอุบัติเหตุ กับประกันสุขภาพเลย เราเลยไม่ทันคิด  เพราะคิดว่าประกันที่เค้าพูดถึง ก็คงแค่ประกันชีวิตอันเดียว ก็เค้าเล่นไม่พูดถึงอันอื่นให้เราฟังเลยนี่นา เลยอยากให้สังเกตตัวเลขด้วยค่ะ เผื่อเค้าไม่บอก คิดว่าพวกนี้เค้าคงใช้หลักจิตวิทยาค่ะ โดยส่วนมากจะไม่ค่อยนั่งอ่านสัญญาทุกตัวอักษร เพราะมันเยอะมาก แค่เซ็นชื่อก็เสียเวลาไปหลายแล้ว  แถมฉลาดให้เราเซ็นทุกหน้าซะด้วย แล้วเค้าก็จะอธิบายเร็วๆ รัวๆ ประมาณว่า ยอดเงินกู้ซื้อบ้านเท่านี้นะค่ะ เบี้ยประกัน เท่านี้ปี ส่งรวมเท่านี้นะค่ะ รวมกันก็ยอดเท่านี้นะค่ะ จะรวมอยู่ในวงเงินสินเชื่อนะค่ะ ไม่ต้องมานั่งส่งอีก เกิดอะไรขึ้นคนข้างหลังไม่ลำบาก ประมาณว่าให้เราคิดตามไม่ทัน   แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 14:05:24 จากคุณ : lovenaming - [ 3 มี.ค. 52 14:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบคุณ คห. 5 ประกันตัวนี้ เค้าจะให้เราทำ แล้วถ้าเกิดเราหรือผู้กู้ร่วมคนใดคนนึงเกิดเสียชีวิต  ประกันตัวนี้จะจ่ายค่าบ้านแทนเราไปเลย เหมือนที่คห. 6 บอกอะค่ะ โดนให้ทำเหมือนกัน  เราทำตัวนี้แล้วก็อัคคีภัยไปอะค่ะ เพราะตอนนั้นทางแบงก์บอกว่าต้องทำอะ ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเหมือนกันค่ะ จากคุณ : อิจิโงะจัง - [ 3 มี.ค. 52 14:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อืม..ของเราก็ด้วยค่ะ ท่าจะที่เดียวกัน แต่ของเรามีประกันชีวิตกับประกันอัคคีภัยค่ะ แต่ประกันชีวิตก็เกือบแสนแล้วค่ะต้องส่ง 15 ปีแน่ะ แต่ก็คิดในแง่ดีคือหากเราเป็นไรไปคนข้างหลังก็ไม่ลำบากค่ะ จากคุณ : แม่พอใจ (nongporjaija) - [ 3 มี.ค. 52 14:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ประกันอักคีภัยเค้าน่าจะบังคับทำอยู่แล้วนะครับ และก็เป็นตัวที่ควรทำอยู่แล้วด้วย ประกันสำหรับเมื่อเสียชีวิตแล้วไม่ต้องชำระต่อ อันนี้ถ้าเบี้ยไม่มากเกินไปจนเรารับไม่ได้ ก็ดูดีเหมือนกันนะครับ เพราะคนข้างหลังเราจะได้ไม่ต้องลำบาก แต่พวกประกันชีวิตทั่วไป อบัติเหตุทั่วไป อันนี้ไม่ใช่เรื่องครับ แต่ถ้ามันนานจนเกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว ก็ช่างมันไปครับ เอาเบี้ยประกันที่เราจ่ายไป เอาไปหักลดหย่อนภาษีแทนแล้วครับ อย่างน้อยก็ได้คืนมาบ้างครับ จากคุณ : arenaXP - [ 3 มี.ค. 52 14:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ arenaXP น่ารักจัง เข้ามาแนะนำเราเรื่อยๆ เลย ขอบคุณนะค่ะ จากคุณ : lovenaming - [ 3 มี.ค. 52 14:53:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผม กำลังจะเซ็นกู้เหมือนกันครับ ผมศึกษาเรื่องการกู้มาพอสมควรจากเพื่อนห้องนี้และครับ ก็ตัดสินใจทำ ประกันชีวิต เหมือนกัน เลือก 15 ปี กู้รวมไปกับยอดกู้ ดอกคงแพงเหมือนกัน เพราะส่วนตัวคิดว่าอะไรก็ไม่แน่นอนครับ  คิดซะว่าเป็นหลักประกันให้คู่ชีวิต อย่าง น้อยๆ ก็ได้คืนภาษีครับ จากคุณ : สุขแบบพอเพียง - [ 3 มี.ค. 52 21:52:47 ]