Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    K.C Natural City สร้างบ้านแย่ขนาดนี้ แล้วใครจะซื้อลง

    เข้ามาอ่านหาข้อมูลนานแล้ว เพราะกำลังจะซื้อบ้าน ทีนี้คุณแฟนเค้าชอบทำเลที่ K.C Natural City ถ.เลียบวงแหวนรามคำแหง  เลยวางเงินจองไปเบ็ดเสร็จ 80,000 บาท

    หลังจากนั้นได้ไปดูความคืบหน้าของการก่อสร้าง พร้อมน้องชายเพราะเค้าเป็นวิศวะ เลยให้มาช่วยดู บ้านทำไปได้ซัก 70 % ปรากฎว่าเจอปัญหาทั้งหมด ดังนี้

    1.    โครงหลังคาเป็นสนิมทั้งหมด แม้จะขัดหรือเอาสีมาทาทับ ก็ไม่มีประโยชน์เพราะสนิมกินเนื้อเหล็ก
    2.    ก่ออิฐหลุดแนวคาน เป็นแนวยาว ซึ่งช่างจงใจนำทรายไปกลบปิดไว้

    3.    พื้นกระเบื้องชั้นล่าง ปูไม่เสมอกัน ทำให้มีมุมกระเบื้องโผล่ขึ้นมา คม และอาจเกิดอันตรายได้

    4.    พื้นปูนชั้นบน ไม่เรียบ มีเศษปูน ซึ่งหากปูพื้นปาร์เก้ จะทำให้พื้นโก่ง   ไม่เรียบ

    5.    ผนังรอบบ้านทั้งภายนอกและภายใน แตกลายงา หลุดร่อน ทั้งหลัง

    6.    เกิดรอยแตกร้าว จากมุมประตูทุกจุด

    7.    ติดตั้งบัวปูนไม่เรียบร้อย รอยต่อคด ร้าวเป็นแนวยาว

    8.    บัวมอบฝ้าไม่เป็นแนวตรง

    9.  บัวไม้ภายในบ้านไม่ได้ฉาก รอยต่อเสาร้าวทุกจุด

    10.  การติดตั้งกรอบหน้าต่างบานใหญ่ชั้นล่าง เบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด  

    11.  ผนังเป็นคลื่น ฉาบไม่เรียบ

    12.  พื้นห้องน้ำชั้น 2 เท Sleeve ชักโครกไว้แต่ปิดอุดด้วยกระดาษ เสี่ยงต่อการรั่วซึม  

    13.  ช่างนำประตูรั้วไปวางไว้ในทราย ทำให้ประตูรั้วเป็นสนิมกินเนื้อเหล็ก  

    14.  ท่อน้ำหน้าบ้าน น้ำเอ่อล้นขึ้นมาส่งกลิ่นเหม็น  น้ำเน่า แต่ช่างกลับตักน้ำในท่อระบายน้ำไปใช้ผสมปูน เห็นมากับตาสกปรกมาก

     ซึ่งปัญหาทั้งหมด แม้ผู้จัดการโครงการ จะมาเสนอว่าจะแก้ไข แต่ปัญหาทั้งหมด เป็นปัญหาที่ตัววัสดุก่อสร้าง และงานก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ถึงจะแก้ไข ก็ได้แต่กลบเกลื่อนจากภายนอก  ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ

      ผู้จัดการโครงการเสนอว่า  
       1. จะทาสีโครงหลังคาให้เข้มขึ้น เพื่อไม่ให้เห็นสนิม ซึ่งสนิมกินเนื้อเหล็กไปแล้ว ทาสีทับก็แค่ช่วยให้ลูกค้าไม่เห็นเท่านั้น
       2. รอยแตกลายงา ก็จะทาสีทับให้ ทั้งที่ปัญหาเกิดจากเนื้อปูน และการฉาบปูน แต่แก้โดยการเอาสีมาทาทับไม่ให้เราเห็น
       3. รอยร้าวตามที่ต่างๆ ก็จะฉาบปูนปิดไม่ให้ลูกค้าเห็น ทั้งที่ปัญหาเกิดจากการสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน
       4. อิฐหลุดแนวคาน บ้านเป็นโพรงก็จะเอาปูนไปอุดให้ ทั้งที่ควรจะเสริมแนวคาน
      5. เรื่องการเอาน้ำเน่าจากท่อระบายน้ำไปผสมปูนแล้วเอามาฉาบบ้าน ผู้จัดการโครงการบอกว่า ปล่อยน้ำประปาเข้าท่อแล้ว น้ำสะอาด เอาไปฉาบปูนได้ ทั้งที่เห็นๆกันอยู่ ว่า เน่า ดำ เอ่อล้น ส่งกลิ่นเหม็น

     การแก้ปัญหาทั้งหมดของโครงการเป็นเพียงแค่การเก็บงาน ไม่ได้แก้ที่สาเหตุโดยตรง ทั้งที่บ้านหลังนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะเข้าไปอยู่อาศัยได้
    เราก็ปรึกษาน้องชาย เค้าบอกว่า สภาพมันแย่ๆจริงๆ ไม่รู้ค้างสร้างมานานแค่ไหน เอาแค่โครงเหล็กหลังคาเป็นสนิมทั้งหมดนี่ก็แย่แล้ว ยังจะมีโพรงจากการก่ออิฐหลุดแนวคานอีก ไม่แนะนำให้เอาบ้านแบบนี้ ถ้าต้องเสียเงิน 4 ล้าน ซึ่งเรากับคุณแฟนก็เห็นด้วย เพราะดูจากสภาพและงานก่อสร้างแล้ว มันเกินจะรับได้จริงๆ

    วันที่ 19 มี.ค. เราจึงไปยื่นเอกสารกับทางโครงการ เพื่อขอให้คืนเงินจองให้กับเรา โดยระบุสาเหตุทั้ง 14 ข้อ
    รวมถึงแนบรูปปัญหาทุกจุดไปให้สำนักงานใหญ่ดูด้วย
    เราต้องขอเงินคืน เพราะปัญหามิได้เกิดจากการที่ลูกค้าผิดค้างชำระ
    หรือกู้ไม่ผ่านแต่อย่างใด ในสัญญาเองก็ไม่ได้ระบุไว้ ว่าจะไม่คืนเงินจอง ในเมื่อสภาพบ้านมีปัญหามากขนาดนี้ โครงการก็ควรจะคืนเงินให้กับลูกค้า

    วันจันทร์ที่  23 มี.ค พนักงานขายชื่อแอนน์โทรมาแจ้งว่า โครงการจะไม่คืนเงินให้ ไม่ว่ากรณีใดๆ
    โดยเสนอว่าให้เราเปลี่ยนไปอยู่บ้านอีกแปลงหนึ่งแทน  ซึ่งเราได้เคยดูบ้านที่อยู่ระหว่างสร้างของโครงการนี้แล้ว
    พบว่า บ้านทุกหลังมีปัญหาจากการก่อสร้างทั้งสิ้น เช่น บางหลัง เสาเบี้ยว เอียง บางหลัง เทปูนบันได แต่เทไม่หมด เหลือพื้นที่ระหว่างบันได กับผนังเป็นแนวยาว ซึ่งแต่ละหลัง งานก่อสร้าง ไม่เรียบร้อย
    และไม่พร้อมที่จะเป็นที่อยู่อาศัยได้เลย ทางเราจึงปฏิเสธ และยืนยัน ว่าเราจะขอเงินคืน ถ้าไม่คืน เราก็คงต้องฟ้อง พนักงานขายที่ชื่อแอนน์ตอบกลับมาว่า "อยากฟ้องก็เชิญ ถ้าพี่ทำแล้วสบายใจก็เชิญ "

    เมื่อ sale พูดแบบนี้ เราจึงโทรไปที่สำนักงานใหญ่ แล้วก็ได้ได้สนทนากับพนักงาน ชื่อ ภาสกร ซึ่งพนักงานคนนี้ นอกจากจะยืนยันว่ายังไง
    โครงการจะไม่คืนเงินให้แล้ว ยังต่อว่าเราอีก ว่าโวยวายไปได้ ปัญหาทั้ง 14 อย่างในแก้ได้หมด และก็ต่อว่าเราแบบเนี้ย

    1. คุณภาสกรอ้างว่า ทางเราผิดเองที่เข้าไปดูบ้านทั้งที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งถ้าเป็นโครงการอื่น จะไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้าไปดูบ้านที่กำลังก่อสร้างได้ถึงก้นครัวแบบนี้หรอกนะ K.C เนี้ยจริงใจสุดแล้ว ถ้าเป็นแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์นะ เค้าไม่ให้เข้าไปดูแบบนี้หรอก เราเข้าไปดูตอนบ้านยังไม่เสร็จ มันก็เห็นอะไนแบบนี้แหละ ถ้าบ้านเสร็จแล้ว มันไม่มีหรอก
    => เราไม่อยากต่อปากต่อคำกับพนักงานคนนี้ ไปดูโครงการไหน เค้าก็ให้เข้าดูทั้งนั้น แลนด์เนี่ย เค้าไม่ได้สร้างไปขายไป เท่าที่รู้นะ เค้าก็คงไม่ได้ให้ใครเข้ามาเขตก่อสร้าง อ้างมาได้แบบนี้ นึกว่าลูกค้าโง่เสียเต็มประดา

    2. คุณภาสกรอ้างว่า ทางเรายังไม่ได้รับมอบบ้าน ไม่มีสิทธิมาขอทวงเงินคืน บ้านที่โครงการไหนก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น
    => ไม่ต่อปากต่อคำเช่นกัน แต่อยากจะบอกว่าลูกค้าไม่โง่นะคะ ที่จะมอบเงินเป็นล้านให้คุณทั้งๆที่บ้านยังมีปัญหา โอนแล้วค่อนมาร้องเรียน ช่างคงจะแห่กันมาซ่อมหรอก

    3. คุณภาสกรยกทุกข้อที่เราร้องเรียนมาพูด และอธิบายว่าทุกอย่างมันแก้ไขได้หมด วิศวะที่เราพาไปดูเนี่ย ไม่รู้จริงแล้วมาพูด รู้จริงก็ต้องรู้สิ ว่าทั้งหมดมันซ่อมได้
    โครงหลังคาเป็นสนิมเหรอ ก็ทุกโครงการก็ใช้โครงหลังคาแบบนี้ทั้งนั้น ก็เป็นสนิมกันหมด  ไม่ใช่เฉพาะของ K.C
    ปูนแตกมุมเหรอ ยังไงโครงการก็ฉาบปิดให้รับรองวันมารับมอบบ้านไม่เห็นแน่นอน
    บ้านแตกลายงา ทั้งหลัง เป็นเรื่องธรรมดามาก ที่ไหนก็เป็น
    ก่ออิฐหลุดคาน ก่อเอาปูนไปฉาบปิดให้แล้วไง ไม่เข้าไปดูเลยเหรอ บ้านโครงการ K.C เนี่ยได้รับมาตรฐาน สคบ. นะครับคุณ รับประกันโครงสร้าง 5 ปี อยู่ได้ ไม่ถล่มหรอก
    ประตูเป็นสนิม โครงการก็ทาสีทับให้ ไม่ปล่อยให้ลูกค้าไปทาสีเองหรอก
    =>  เช่นกัน ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ได้แต่ฟังด้วยความสังเวช เอาสีข้างเข้าถูขนาดนี้ พูดจบเลือดจะไหลหมดตัวรึยังนะ
       
    4. คุณภาสกร ถามเราว่า เคยกินน้ำตาลไหม เวลากินน้ำตาล เคยต้องไปดูโรงงานการผลิตไหม ไม่มีลูกค้าที่ไหน   เค้าเข้าไปดูการผลิตหรอก  เค้าก็กินแต่น้ำตาลสำเร็จรูปทั้งนั้น บ้านก็เหมือนกัน ไม่มีเค้าเค้าเค้าไปดูการสร้างหรอก ใครเค้าก็เข้าไปอยู่   ตอนบ้านเสร็จทั้งนั้น
    => ไม่ตอบโต้ เพราะสังงเวชใจเพิ่มขึ้นอีกระดับ พ่อคุณเค้าไปอยู่โลกไหนมาหว่า ถึงไม่รู้ว่าทุกโรงงานเค้ายังมีความโปร่งใสพอค่ะ ไม่ต้องถึงกับโรงงานน้ำตาลหรอก  เค้าให้ทุกคนเค้าดูได้ทั้งนั้นหากเกิดปัญหา
    คงมีที่ก็แต่ที่ K.C นี้แหละ    ที่หาความโปร่งใสไม่ได้  อย่าเอามาเปรียบกับน้ำตาลเลย นาเกลือ ตากดิน ตากแดด ยังดูมีคุณภาพกว่าบ้านของ K.C เลยค่ะ

    5. คุณภาสกรต่อว่าทางเราว่า จะเอามาตรฐานบ้าน 4 ล้านไปเทียบกับบ้าน 10 ล้านมันเป็นไปไม่ได้หรอก ซึ้อ 4 ล้านมันก็ได้เท่านี้
    => ซึ่งเราไม่เคยเอาบ้านหลังนี้ไปเปรียบกับโครงการไหนเลย แม้จะบ้านราคาไม่ถึงล้านก็ตาม  ไม่ต้องบ้านราคา 10 ล้านอย่างที่คุณภาสกรพูกหรอก ขนาดบ้านราคาไม่ถึงล้านคุณภาพยังดีกว่าบ้าน 4 ล้านหลังนี้เลย

    6. คุณภาสกรสรุปว่าเราจะไม่ได้เงินคืน เพราะโครงการมองว่า ลูกค้าเจตนาจะไม่ซื้อบ้าน  ทั้งที่โครงการรับว่าจะซ่อมบ้านให้  เสนอจะเปลี่ยนแปลงบ้านให้แล้วช่วยไม่ได้ไม่เอาเอง
    => ไม่รู้ว่าโครงการมีปัญหาอะไร ถึงอยากได้เงิน 80,000 บาทมากขนาดนี้ ถ้าบ้านมันดี ใครเค้าจะมีปัญหา เราเดินดูแล้วทุกหลังที่ถูกสร้างทิ้งร้างไว้ สภาพแย่มาก เราเองเข้าใจดี ว่าบ้านทุกหลังมันไม่เพอเฟค 100% หรอก แต่ถ้ามันต้องเก็บต้องแก้ซัก 5% 10% ไม่มีปัญหาเลยสำหรับเรา แต่โครงการนี้ โดยเฉพาะบ้านเรา ไม่รู้จะนับเป็น % ที่สมบูรณ์ได้ตรงไหน เดินไปจุดไหนก็แย่ไปหมด ยิ่งเรื่องคนงานเอาน้ำเน่าจากท่อระบายน้ำไปผสมปูนฉาบบ้านนี่ใครเห็น แล้วรับได้ มาช่วยกันตอบที  คุณภาสกรพูดในฐานะโครงการก็พูดได้สิ ถ้าเป็นบ้านคุณ คุณจะรับได้ไหม บ้าน 4 ล้านนะ ไม่ใช่ 40 บาท

    7. คุณภาสกร บอกว่าทำไมไม่ไปเอา โครงการอื่นของ K.C หล่ะ เนี่ยที่วงแหวนรามอินทราถูกกว่านี้อีก จะได้ไม่ต้องมาขอคืนเงิน
    => เฮ้อ กรรมของเรา โทรมาฟังอะไรเนี่ย เริ่มนับ 1 -10 เพราะความอดทนกำลังจะถึงขีดสุด

    8. คุณภาสกรยังบอกว่า ต้องต่อว่าเจ้าหน้าที่โครงการหน่อยแล้ว ปล่อยให้ลูกค้าเข้าไปถ่ายรูปแบบนี้ได้ไง
    =>ถ้าของคุณดีจริง ไม่น่าจะมีคำพูดแบบนี้เลย จริงไหม จะกลัวอะไร

    9. เราถามว่า ไม่มีวิศวะดูหน้างานเลยเหรอ ไปดูบ้านกี่ทีก็ไม่เคยเจอเลย
    คุณภาสกรตอบว่า ก็คุณมาตอนวิศวะไม่อยู่นี่ บ้านมันมีหลายหลังก็ต้องแบ่งๆกันไปดู
    หมดแล้วความอดทน ตอบกลับไปว่า O.K เข้าใจนะทั้งหมดที่พูดมา ไม่ว่าคุณจะพูดแบบตรงๆหรืออ้อมๆ ทั้งๆที่ความหมายมันแปลชัดเจนว่า ลูกค้าผิด ลูกค้าโง่ แต่เรามีมารยาทพอจะไม่ตอบโต้คุณ เพราะเราเป็น "คน" ในความเป็นคนมันมีหัวใจ มีเลือดเนื้อ มีสมอง มีความรู้สึก มีจิตสำนึกไตร่ตรองเรื่องเหตุผล ซึ่งคุณภาสกรคงไม่มีวันเข้าใจ เพราะคุณภาสกรเป็น "โครงการ"  เราก็ไม่รู้หรอก ว่าก่อนหน้ามาทำที่โครงการนี่เคยเป็นคนไหม แต่ ณ ตอนนี้ อย่าพูดอะไรอีกเลย คนละฟิวแล้ว พูดกันไม่รู้เรื่องหรอก จบ

        เราในฐานะลูกค้า และผู้บริโภค ย่อมมีสิทธิที่เลือกซื้อของที่ดีที่สุด หรือมีตำหนิน้อยที่สุด   ซึ่งในกรณีนี้ บ้านของโครงการ K.C Natural City ไม่ได้ดีที่สุดหรือมีตำหนิน้อยที่สุด   แต่กลับเป็นสินค้าที่มีตำหนิมากที่สุดด้วยซ้ำไป  เมื่อเราซึ่งเป็นลูกค้ายืนยันจะใช้สิทธิในการขอคืนเงิน เพราะไม่พอใจในสินค้าและบริการ กลับได้รับการปฏิเสธจากโครงการ แล้วยังต่อว่าว่าเราผิดอีก

    เราเป็นนักการตลาดมา 10 ปี อยากชื่นชมว่า K.C นี่มีจุดแข็งที่หาไม่ได้ในหลายๆองค์กร มันไม่ 4P แบบที่เรียนๆกันมา 4P Basic นี่ K.C สอบไม่ผ่านซัก P  แต่ P ที่เจ๋งมาก คือ P. Personal เพราะพนักงานของโครงการทู้กคน รักษาผลประโยชน์ของโครงการเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อย่างดีเยี่ยม

    เมื่อยืนยันจะไม่คืนเงิน เราก็คงต้องดำเนินการในส่วนของเราต่อ จะสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิอันพึงมี พึงได้ของผู้บริโภคจนถึงที่สุด ทั้งที่รู้ว่าป่านนี้ โครงการย้อมแมวบ้านหลังนี้ไปเยอะแล้วหล่ะ เข้าไปดูก็คงไม่ได้เห็นอะไรชุ่ยๆที่ทำกันไว้หรอก  เราเองถ่ายภาพจุดที่มีปัญหาไว้ทุกจุด แก้ได้ ก็แก้ไป

    ใครจะซื้อก็ดูๆหน่อยนะค่ะ  บ้านที่ปัญหานี่  แปลง NC/B08 แบบบ้าน อเมทิส แปลงที่ 8 จากขวามือ บ้านเลขที่ 9/55  

    เห็นมันสวยก็อย่าเชื่อกับสิ่งที่เห็นค่ะ

     
     

    จากคุณ : ในความเป็นคน มันมีหัวใจ - [ 25 มี.ค. 52 20:09:40 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com