บ้านที่เราอยู่เป็นทาวเฮาส์ 3 ชั้น ในซอยบ้านเรายังคนย้ายเข้ายังไม่ครบทุกบ้าน ฝั่งขวาบ้านเราเขาไปๆมาๆยังไม่ย้ายเข้า ส่วนฝั่งซ้ายเราเป็นพวกเด็กๆอยู่ กะๆเอาว่ามีเด็กอายุราวๆ 5-15 ปีอยู่ประมาณ 5-6 คน ผู้ใหญ่สุดก็น่าจะวัยยี่สิบต้นๆแล้วก็แฟนสาวเขาคนนึงวัยใกล้กัน บ้านนี้รวมๆแล้วอยู่น่าจะสัก 7-8 คนได้
เราเองย้ายเข้ามาอยู่เกือบครึ่งปีแล้ว ซึ่งตั้งแต่วันที่เรายังไม่ย้ายเข้า บ่อยครั้งที่มาดูบ้านแล้วพบว่าข้างบ้านเปิดเพลงเสียงดัง ดังออกมานอกบ้านทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน ก็พยามทำใจนะว่าช่วงปิดเทอมเด็กๆเขาคงไม่ทำอย่างนี้บ่อยๆ แต่ก็นะพอเราย้ายเข้ามาอยู่จริงๆ โดยเฉพาะวันหยุดก็เปิดเพลงดังอีก
โทรไปบอกออฟฟิศหมู่บ้าน แล้วก็เงียบไป (ไม่รู้ว่าเงียบไปเองหรือหมู่บ้านเขาจัดการไง)
จะเล่าว่าวันแรกที่เข้ามาอยู่ห้องนอนเราจะอยู่หน้าบ้านคือมองลงไปเห็นหน้าบ้านข้างบ้านชัดเจนเพราะอยู่ติดกัน คืนแรกย้ายเข้าไม่เป็นอันได้นอน ข้างบ้านจับกลุ่มนั่งสังสรรกันเสียงดัง ก็พยามคิดในใจว่าคงไม่บ่อย แต่ก็เป็นแบบนี้เรื่อยๆประมาณเดือนละ 2-3 ครั้ง บ้านตรงข้ามก็เคยมาเมาท์ให้ฟังนะว่ารำคาญเด็กพวกนี้ชอบเสียงดัง
พอเราย้ายเข้ามาอยู่สักพักสังเกตได้ว่าแทบจะทุกวันจะต้องมีเศษขยะปลิวมา ไม่ว่าจะไม้ลูกชิ้น ไม้ไอติม เศษกระดาษ ถุงผ้าอนามัย เม็ดกระสุนที่เด็กยิงเล่นกันตกเป็นสิบๆ (อาจจะเป็นร้อยก็ได้ถ้าเอามารวมกัน) โอ๊ยยยยสารพัดขยะ เศษฉีกซองขนม กล่องโฟม ก้นบุหรี่ ฯลฯ
จริงๆอ่ะตั้งแต่ก่อนย้ายเข้าแระจะมีถุงเศษข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำ ถ้วยมาม่าตกอยู่สนามหน้าบ้านราวกะว่ามีคนแอบเข้ามาปิกนิก ตอนแรกก็สงสัยนะมันมาจากไหนนึกว่าคงเป็นคนงานหรือว่าลมปลิวมาจากที่อื่น พออยู่นานๆเราเริ่มสังเกตว่าข้างบ้านเขาเด็กๆเขาจะชอบกินขนมทิ้งเศษกระดาษเศษถุงเรี่ยราดตามพื้นแล้วลมเลยพัดมา เห็นกะตาว่าลมพัดมาจากบ้านเขา และเราว่าตอนเรายังไม่ย้ายเข้าเด็กมันคงแอบเข้ามาปิกนิกจริงๆแหละเพราะเราเห็นเด็กมันชอบปีนเข้าออกบ้านที่ยังไม่มีคนเข้าอยู่ประจำอ่ะ
นานๆทีไม่เป็นไรนะ แต่นี่แทบทุกวันเลยค่ะแทบทุกวันเราจะต้องออกมาเก็บเศษขยะบ้านเขาในสวนบ้านเรา บ้านเราสวนเรารดน้ำกวาดไบใม้แต่ให้มาทนกวาดขยะที่ปลิวเข้ามาบ่อยๆมันหงุดหงิดนะ
บ้านนี้ไม่มีผู้ใหญ่อยู่คนก็อยู่กันเยอะบางทีเราก็ไม่รู้จะพูดจะบอกเขายังไง วันไหนอารมณ์เสียจริงๆก็จะบอกเด็ก(เด็กชอบเล่นกันหน้าบ้าน) ก็จะบอกเด็กผู้ชายคนอายุสัก 8-9 ขวบ ว่า "น้องๆ นี่ขยะน้องปลิวมาหรือเปล่า ช่วยเก็บไปที" น้องเขาก็มาเก็บ
ต่อมาก็เป็นอย่างเดิมอีกทีนี้เราก็บอกอย่างเดิมอีกกะเด็กคนอายุน่าจะสัก 15-16 แล้วก็บอกเขานะว่าถ้าบ้านพี่ทำอะไรรบกวนน้องก็บอกกันได้
แต่ก็ไม่วายเป็นอย่างเดิมอีก เราคิดว่าบ้านเขาไม่มีผู้ใหญ่พี่ๆก็คุมน้องไม่อยู่
เด็กๆหลายครั้งเห็นชอบไปกระโดดเข้าออกบ้านที่ยังไม่มีคนซื้อในหมู่บ้านเล่นกันเสียงดัง ยามเตือนก็ไม่ฟัง แถมวันนึงเราได้ยินเด็กผู้ชายมันนินทายามว่ายามไม่ใช่พ่อใช่แม่ตรู!! เราได้ยินแล้วสะอึกอ่ะ
เด็กบางคนไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านเด็กหรือเปล่านะเพราะบ้านนี้คนเข้าออกเยอะทั้งตัวเขาเพื่อนเขา บางทีเห็นเด็กอายุไม่เกิน 15 นั่งสูบบุหรี่หน้าบ้าน ก้นบุหรี่ยังทิ้งตกไว้หน้าบ้านเรา
เคยยคิดนะว่าจะเก็บขยะบ้านไว้เป็น collection แล้วเอาไปคืนให้สิ้นเดือนดีไหม หรือจะถ่ายรูปเก็บไว้ดี แต่อีกใจก็คิดว่าทำไมเราต้องมาเสียเวลาหมกมุ่น...
ลำพังเด็กมันเล่นกัน อย่างช่วงสงกรานต์เล่นกันเสียงเจี๊ยวจ๊าวมาก เสียงวี๊ดๆ อ่ะนึกออกไหมคะ เราก็พอทนนะ
ยังไม่หมด! เด็กเขาชอบมาแหย่หมาบ้านเรา หมาเรามันก็เห่าสิ บางทีเอาปืนมายิงหมาเงี้ยะ บางวันอารมณ์ดีหน่อยเห็นหมาเราไปยืนมองริมรั่วยืนมองเด็กกินขนมเด็กก็โยนขนมเข้ามาให้ เราไม่ว่าหรอกนะ แต่ที่จะว่าคือกินขนมเสร็จโยนถุงเข้ามาด้วยเนี่ยสิ ซะงั้น! คือเรามองอยู่ข้างบนมันเห็นกะตาอ่ะ
ไอ้เรื่องข้างบนที่เล่าเรายังพอทนหยวนๆไปนะ คือพอผ่านไปแล้วเดี๋ยวก็ลืมๆ เราเองก็ไม่อยากมีปัญหา
แต่ไอ้ที่เราเหลืออดทนไม่ได้คือเรื่องเปิดทีวีเสียงดัง ถ้าวันไหนดังมากจะได้ยินออกมานอกบ้านจนถึงปากซอยก็ว่าได้ วันไหนดังไม่มากก็จะได้ยินเสียงก้องๆอู้อี้ พยามไม่สนใจแต่เราชอบความเงียบสงบอ่ะทนเสียงอู้อี้ไม่ได้ บางทีขี้เกียจเราก็จะตะโกนไปว่า"น้องหรี่ทีวีหน่อย" คือบางทีขี้เกียจลงไปด้วยหละ บางครั้งหงุดหงิดจริงๆก็จะลงไปกดออดบอกเขา ทุกครั้งที่ไปกดออดอย่างมากเขาก็แค่โผล่หน้าทางหน้าต่างไม่เคยลงมา
ทุกครั้งก็บอกเขาดีๆเหมือนที่เล่านะคะ "น้องทีวีมันเสียงดังช่วยหรี่หน่อยประมาณนี้" บางทีเด็กมันก็หรี่ให้นะ แต่บางทีก็ต้องให้บอกหลายทีกว่าจะรู้สึก บางทีมีการโผล่หน้ามาถามว่าทีวีชั้นไหนดัง เหอๆ เพราะบางวัน 3 ชั้นก็เปิดมัน 3 เครื่องเลยค่ะ
จนมาวันนี้ตั้งแต่หกโมงเช้ากว่าๆตื่นมาเพราะเสียง ตอนแรกไม่แน่ใจหรอกว่าเสียงทีวี วิทยุ หรือเครื่องดนตรี เพราะเสียงมันจะก้องๆ อู้อี้ๆ
เราพยามไม่สนใจนะ แต่ก็ทำไม่ได้ มันรำคาญเปิดทีวีเราก็แล้วมันก็กลบเสียงไม่ได้คือมันดังก้องๆอู้อี้เหมือนเวลาคุณรู้สึกว่ามีเสียงในหูน่ะค่ะ (ครั้งนี้ไม่ได้ดังขนาดออกมานอกบ้าน แต่ดังพอที่เรารู้สึกเสียงก้องๆอ่ะ)
ในใจเราก็พยามไม่สนใจนะ พยามคิดทบทวนว่าเราหู sensitive เกินไปหรือเปล่า เราพยามเช็คด้วยว่าบ้านเราเองทีวีเสียงดังไหม เราเคยลองเปิดทีวีแล้วลงไปชั้นล่างทดสอบ เราก็ไม่ได้ยินเสียงทีวีบ้านตัวเอง ก็น่าจะแสดงว่าบ้านเราเองไม่ได้ดูทีวีเสียงดัง ที่เช็คเพราะเราไม่อยากว่าเขาอิเหนาเป็นเอง
พอเก้าโมงเสียงเริ่มดังมากขึ้นจากแค่เสียงก้องๆจากที่ไม่แน่ใจว่าเสียงมาจากอะไร ตอนนี้รู้ว่าข้างบ้านแกดูละครเรื่องเมียหลวง(ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เขามีแผ่นดูละครย้อนหลังด้วยเหรอคะ?)
เรานอนอยู่อะจริงๆวันนี้กะตื่นสายๆ ขี้เกียจลุกตะโกนบอกน้องเบาๆหน่อยอยู่ 2 ครั้งไม่เป็นผล จนเราลองโทรไปออฟฟิศหมู่บ้านเขาบอกจะส่งยามไปดูให้
ยามกดออดหลายทีไม่มีใครออกมา เยาคุยให้เราฟังว่าหมู่บ้านยังไม่มีนิติบัญญิติ เจ้าเด็กพวกนี้แสบไปถึงหน้าป้อมยามมันพูดอะไรไม่ฟังหรอก ยามบอกเองเลยว่าเขาเป็นแค่ยามทำได้อย่างมากก็แต่เตือน ซึ่งขนาดมาเตือนมันยังไม่ออกมาเล๊ยฟัง! เราก็แกล้งคุยกะยามดังๆอ่ะ ก็นะด้วยความหงุดหงิด เราแกล้งพูดดังๆว่าเรารำคาญเสียงดังข้างบ้านไม่เกรงใจ ที่เราต้องแกล้งคุยดังๆก็เพราะอยากกดออดแล้วมันไม่ออกมาเอง แล้วมันหลายทีหลายเรื่องแล้วไง ก็นึกว่าจะรู้สึกนะ แต่พอยามกลับมันก็ดังอีก ทีนี้เราเหลืออดอ่ะ พูดดีก็แล้ว ยามมาเตือนก็แล้วมันไม่แม้แต่จะออกมาฟัง
เราเลยกะว่าจะกดกริ่งบ้านเรียกมาคุยดีๆอีกทีและถ้าไม่ออกมาก็คงต้อใช้วิธีกดรัวๆให้ราคาญออกมาคุย
แล้วก็มีหน้าเด็กผู้ชายเล็กๆ 2 คนโผล่มานอกหน้าต่างชั้นสาม... หน้าเด็กผู้ชาย-หญิง วัย 13-14 ออกมาจากหน้าต่างห้องนอนชั้นสอง... ก็ยังไม่ยอมลงมาคุยดีๆนะ
คนเด็กผู้หญิงที่โผล่มาจากชั้นสองบ่นว่าเรากดออดทำไมหลายครั้งเสียงดัง ก็นะเราก็บอกเขาว่า "เคยบอกดีๆหลายทีแล้วเมื่อกี้ยามมาเรียกก็ไม่ออกมา พี่รำคาญทนไม่ไหวเลยต้องมาพูดเองกดดีๆน้องก็ไม่ออกมา ก็บอกน้องช่วยเบาเสียงได้ไหม?" เขาก็ไม่ยอมรับนะเขาบอกบ้านเขาดูทีวีเสียงทีวีแค่เบอร์ 22 (บ้านเราทีวี 2 เครื่องไม่เคยดูเกินเบอร์ 16 อ่ะ บ้านอื่นไม่รู้เขาดูกันเบอร์อะไร)แต่ที่แน่ๆมันดัง เราก็บอกว่า "ลองมาฟังเองบ้านพี่ไหมล่ะว่ามันดังหรือเปล่า?"
เขาก็โทษว่าที่หมาบ้านเราเห่าล่ะ ซึ่งเสียงหมาเห่ามันไม่ได้เห่านานเห่าบ่อยคือเทียบไม่ได้กะเสียงทีวีหรือเวลาที่เด็กมันเล่นหนวกหูหรอก อีกอย่างทุกครั้งที่หมาเห่าเราจะพยามคุมหมาให้หยุดเขาก็เห็น และถ้าบ้านเราหมาเห่าบ้านตรงข้ามเห่าบ่อยกว่าอีก แต่เราก็บอกเขานะว่าถ้ามันทำให้รำคาญก็บอกเรื่องหมาเห่าเนี่ย(โกลเด้นกะแจ๊ก ปกติมันไม่เห่าเว้นแต่มีคนมาแหย่ หรือทำเสียงดัง อย่างถ้าเด็กเล่นเสียงดังวี๊ดๆ หรือเดาะลูกบอลนานๆมันถึงจะเห่านะ)
เด็กมันก็เถียงอ่ะ เถียงแบบไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด เราก็โมโหอ่ะ คือมันเหมือนเก็บไว้มานานแล้วไง ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องทำแบบนี้หรอกค่ะ แต่วันนี้มันระเบิดสุดๆ เราก็ตะโกนโหวกเหวกหน้าบ้านเขาแหละ
ก็พยามตะโกนคุยด้วยเหตุผลนะแม้เสียงจะโมโหมากก็เหอะ เราก็บอกเขานะว่า
"ถ้าเราไม่เหลืออดเราไม่ออกมาตากหน้ายืนลั่นซอยหรอก"
เด็กมันก็เถียงๆๆๆๆ-ข้างๆคูๆอ้างนั่นนี่นู่น เราก็ขู่อ่ะว่า "ถ้าไม่ร่วมมือคราวหน้าจะไม่ใช่แค่ยามมากดออดแต่พี่คงต้องเรียกตำรวจมา เพราะมันรบกวนเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านคนอื่นเขาก็รำคาญบ้านพี่นี่รำคาญสุดเพราะอยู่ติดกัน เคยบอกเคยเตือนดีๆก็แล้ว น่าจะเกรงใจกันบ้าง ใช่ว่าพี่อยากออกมาโวยวายแบบนี้ พี่ไม่ได้อยากทะเลาะกะน้องเลยนะเราบ้านใกล้เรืองเคียงกัน แต่มันรบกวนจริงๆ เราเองก็ย้ำนะว่าถ้าบ้านพี่ทำอะไรให้บ้านน้องรำคาญบอกกันได้นะ หรืออึดอัดจะทิ้งโน๊ตบอกก็ได้ ก็พูดนะว่าช่วยๆกันเถอะขอร้อง ถือว่าเราแลกเปลี่ยนกัน น้องช่วยหรี่ทีวี ส่วนพี่ถ้าหมาเห่าดังหรืออะไรก็แล้วแต่ก็บอกได้ " เราพูดไปทำนองนี้แหละค่ะเสียงดังลั่นซอยเลย
ซอยบ้านเราน่าจะมีบ้านอยู่ 2 ฝั่งไม่เกิน 20 หลัง หลังที่มีคนอยู่จริงๆมีอยู่ไมเกิน 8 หลัง ฝั่งเราติดกะข้างบ้านจอมแสบ ถัดจากบ้านจอมแสบไปอีก 3 หลังถึงจะมีคนอยู่อีก 2 หลัง
เรานะแอบหวังทุกวันเลยให้ข้างบ้านจอมแสบอีกด้านนึงมีคนย้ายเข้ามาอยู่สักที จะได้ช่วยกันถ่วงดุลเจ้าบ้านแสบนี้ ตอนนี้มีเราหลังเดียวที่เป็นเหยื่ออ่ะ หลังอื่นเจามักจะรำคาญเสียงเด็กเล่นกันเสียงทีวีเวลาที่มันดังจริงๆ แต่บ้านเราติดกะเขาเสียงทีวีถ้ามันดังไปนิดก้ได้ยิน eco แระ นี่ยังไม่ได้เล่าถึงทุกวันจะต้องมีเสียงตะโกนคุยกัน เสียงเปิดปิดประตู เสียงตึงตัวเหมือนเดินกระทืบเท้า เสียงเคาะประตูแรงๆ อย่างกลางดึกคืนวันก่อนเราต้องตื่นมากะเสียงเคาะประตูดังๆที่ดังเป็นระยะตั้งแต่ประมาณตี 3 จนถึง ตีห้า เสียงเคาะอะไรไม่รู้นักหนา เราลุกไปเข้าห้องน้ำเลยตะโกนออกไปว่า " จะเคาะอะไรกันนักหนา ชาวบ้านเขาตื่นกันหมดแล้ว" ก็มีเสียงคิดว่าคงพี่สาวเสียงโมโหด่าน้องมันอะไรไม่รู้ เสียงเคาะประตู้เงียบไปแต่เสียงพี่ด่าน้องดังแทน เป็นงี้ประจำค่ะบ้านนี้ ไม่รู้อยู่กันสงบไม่เป็นหรือยังไง!!
เราอุตส่าห์ดีใจที่ได้มาอยู่บ้านหลังนี้นะ คือถูกชะตาบ้านหลังนี้มาก ถ้าไม่นับเรื่องเพื่อนบ้านเรามีความสุขกะบ้านที่สุด โดยเฉพาะตอนกลางวันลมจะพัดสบายเชียว ตัวบ้านแสงส่องไม่ร้อนเกินไปภายในเย็นสบายอากาศถ่ายเท บรรยากาศทาวเฮาสืที่นี่จะมีสนามหญ้าเล็กๆซึ่งเราชอบปลูกนั่นปลูกนี่ยืนรดน้ำต้นไม้มันก็เป็นการผ่อนคลายดีนะ
บ้านจากที่ไม่มีอะไรเลยก็เริ่มทยอยมีเฟอร์เข้ามาทีละชิ้น
เล่าแล้วก็จะท้าวความไปบ้านเช่าเก่าเป็นทาวเฮาส์เหมือนกันแต่ไม่มีปัญหาเพื่อนบ้านเลย ไม่มีเด็กมาเล่นวี๊ดๆให้หมาเราต้องเห่า ไม่มีเสียงตึงตังเสียงดังรบกวน
แต่บ้านหลังนั้นนทั้งเก่า ทั้งมืด อับ เราอยู่บ้านนู้นรู้สึกหดหู่เจ็บป่วยก็บ่อย
พอย้ายมาหลังนี้อาการป่วยที่เคยเป็นกลับบรรเทาหายไปเอง แปลกดีนะ
เมื่อก่อนหลังนั้นเราจะรู้สึกเฉื่อยๆในชีวิต แต่หลังนี้เรารู้สึก active มีพลัง
นี่ถ้าไม่นับเรื่องเพื่อนบ้านเราคงมีความสุขที่สุดเลยอ่ะ!
ที่จริงในใจเรารู้สึกแย่มากๆนะไม่อยากทำอย่างงี้เลย อายเหมือนกันแต่มันโมโห ที่สำคัญไม่อยากทำเพราะไม่อยากมีเรื่องให้มองหน้ากันไม่ติดหรืออึดอัดอ่ะ คนบ้านติดกันใช่ไหมคะ)
ท้ายที่สุดเราก็ขอร้องเด็กมันอีกครั้งนะ "ช่วยๆกันหน่อย บ้านพี่มีอะไรรบกวนบอกกันได้ แต่เรื่องเสียงทีวีนี่พี่ขอร้อง"
เถียงกันอยู่ประมาณ 10 นาที ดูน้องเขาก็เริ่มอ่อนลงหน่อย คือเราพยามบอกน้องเขาว่า "พี่ไม่ได้อยากมีปัญหา ไม่ได้อยากทะเลาะ ไม่ได้อยากให้ผิดใจกันด้วยซ้ำบ้านติดกัน เห็นใจพี่เถอะนะ ถ้ามันไม่ดังหรืออย่างน้อยน้องร่วมมือแต่แรกพี่คงไม่ต้องตากหน้ามายื่นตรงนี้" ก็ขอร้องน้องเขา
แต่ก็มีช่วงนึงที่เราโมโหเด็กมันเถียง ก็พูดไปว่า "ถ้าพ่อแม่น้องรู้ว่าลูกเป็นเงี้ยะคงเสียใจอ่ะ" หลังจาก 10 นาทีของความปี๊ดสุดๆ ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ไม่คิดว่าจะอยากทำ ในใจคิดว่าก็ดีได้พูดมันหมดเปลือกชัดเจนทีเดียว อีกใจก็ไม่รู้ว่าพูดเกินไปไหม และอีกใจก็กลัวๆ กลัวเด็กมันจะหาเรื่องแกล้งเอาคืน อย่างเช่นกลัวเด็กมันมาขูดรถ...ก็นึกอยู่แหละว่าถ้าเด็กมันเอาคืนมันจะแกล้งอะไรเรา ก็มีเรื่องรถนี่แหละที่จะให้จอดในบ้าน 100% มันก็ไม่สะดวก เพราะบางทีกลางวันไปไหนมาไหนจะจอดรถหน้าบ้านบางครั้งกลางคืนถึงเอาเข้า
จริงๆบ้านเขาก็จอดรถหน้าบ้านเหมือนกันนะ จอดทั้งวันทั้งคืนแล้วก็มีมอไซด์หลายคันด้วย
คือตอนนี้อ่ะ ใจนึงดีนะที่ได้ผลมันเงียบไปได้ระบายความอัดอั้น อีกใจนึงก็กลัวจะโดนเอาคืนจัง ...เราขี้กังวลด้วยไง แต่ถ้าเขาจะแกล้งเขาก็ต้องกลัวเหมือนกันใช่ไหมคะเพราะบ้านเขาก็จอดรถหน้าบ้านเหมือนกัน
ไม่รู้สิเราก็พยามคิดนะว่าถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้ เราจะมีทางอื่นอีกไหมจัดการเรื่องนี้ มันก็ไม่มีนอกจากต้องไปโวยวายแบบนี้แหละ นิติก็ไม่มี ยามมันก็ไม่ฟัง บอกดีๆก็ไม่เชื่อ จะให้ทำไง ทนไปตลอดระยะเวลาที่เช่าบ้านหลังนี้หรือ?
เราก็หวังนะว่าต่อไปนี้เรื่องเสียงทีวีจะดีขึ้น ส่วนเรื่องอื่นไม่ได้หวังไม่คิดด้วยว่าจะดีขึ้น แต่เรื่องทีวีเนี่ยถ้าไม่ดีขึ้นเราทนไม่ไหวจริงๆอ่ะ เราชอบอยู่บ้านสงบๆการที่เขาดูทีวีเสียงดังเรารำคาญอ่ะ ดูทีวีอ่านหนังสือไม่มีสมาธิเลย
เพื่อนๆคิดว่าอย่างงี้ดีไหม? คือเราเองไม่อยากผิดใจกันหรอกมันอึดอัดอ่ะ อย่างนี้จะดีไหมถ้าเกิดเขาดีขึ้น มีโอกาสเราอาจจะเอาขนมไปฝากบ้านเขาบ้าง? แล้วถ้าไม่ดีขึ้นเป็นเพื่อนๆจะทำอย่างไรคะ?
แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 52 12:06:36
แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 52 11:18:56
จากคุณ :
GetCha
- [
22 เม.ย. 52 11:12:18
]