ขอบคุณครับคุณปลาวาฬ คห.124ที่มาแลกเปลี่ยนกัน ครับ..ผมทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ แต่สายงานอาจจะอยู่คนละฝั่งกับทางคุณ..ผมเป็นdesignerครับ ผมทำงานต้องdealกับdeveloperมาก็นานอยู่ ทั้งซีกโลกตะวันออกและตะวันตกรวมทั้งในไทยด้วย ทำมานานและหลากหลายพอที่สิ่งที่ผมเห็นอาจจะไม่เหมือนกับคุณ "สิ่งที่ผมรู้" ก็ย่อมแตกต่างเช่นกัน ไม่ได้แปลว่าผมต้องถูก หรือคุณผิด or vice versa ตรงข้ามครับ สิ่งที่คุณตอบมาก็มีที่ผมมองข้ามไปมองผิดไปบ้างเหมือนกัน แต่ผมก็ยังคงรู้สึกว่าdeveloperในไทยมีสัดส่วนในการเห็นแก่ประโยชน์ผลกำไรมากเกินไปและใช้เงินในการสร้างภาพมากกว่าการทำend productให้สมกับความไว้วางใจของลูกค้าที่อาจทุ่มเงินที่หามาทั้งชีวิตของเค้ามาซื้อ ผมเห็นว่ามักง่ายไปสักนิดเมื่อเทียบกับหลายๆประเทศที่ผมมีประสบการณ์มา คุณอาจจะมองว่างบการตลาดมันไม่มากมายอะไรถ้าเทียบกับสินค้าอื่นๆ แต่ว่าบ้านนะครับ มันเป็นชีวิตของหลายๆคน ถ้าการลดโฆษณาลง ลดการจัดeventตามห้างหรูๆ ทำสนง.ขายแต่พอสมควรตามสภาพจริงที่ลูกบ้านจะได้รับ แล้วทำให้ท่อร้อยสายไฟของลูกบ้านมันดีขึ้น หรือถมที่สูงขึ้นอีกนิดเพื่อป้องกันน้ำท่วม หรือจ่ายเงินเพิ่มจ้างCMที่เก่งๆมาควบคุมการก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน ผมว่าคุ้มนะครับ one more ad is one too many!!
ผมทราบดีครับว่าdeveloperมีแผนกpd เพราะpdเป็นฝ่ายหลักที่พวกผมต้องdealด้วยและส่วนมากคนในฝ่ายนี้ก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันกับdesignerอย่างผมทั้งนั้น แต่ใน"ความเป็นจริง(ในมุมของผม)" pd ก็ถูกครอบงำและชี้ทางให้เดินโดยฝ่ายการตลาด (บางที่นักmarketingเป็นหัวหน้าฝ่ายpdด้วยซ้ำ) ด้วยเหตุผลสองอย่างคือ งบประมาณและเวลา(ซึ่งไอ้เจ้าเวลาเนี่ย ก็ถูกกำหนดด้วยเรื่องเงินอีกนั่นแหละ) ผมจึงมองว่า ไอ้งบpdมากกว่าครึ่ง มันก็คือการตลาดนั่นแหละแทนที่จะใช้พัฒนาproductตามวัตถุประสงค์ดั้งเดิม เพราะทุกวันนี้pdทำงานเพื่อวิจัยว่าทำยังไงให้ขายได้มากขึ้น กำไรมากขึ้น ไม่ใช่ทำยังไงให้productมันดีขึ้น
เอาเข้าจริงๆแล้ว ถ้าpdเกิดข้อขัดแย้งกับการตลาด ก็มักจะโดนคาถาประจำฝ่ายการตลาดที่ว่า "่เอ่อ...แบบเนี้ย...ถ้าไม่เปลี่ยนตรงนี้...ขายไม่ได้หรอกครับ" หรือไม่ก็ "ก็ดีนะ แต่ตัดออกเถอะ เดี๋ยวกำไรไม่ถึงเป้า" ร้อยทั้งร้อยครับ..แม้ว่าสิ่งที่ต้องเปลี่ยนตามคอมเมนท์นั้นมันจะผิดกฎทุกข้อในแง่สถาปัตยกรรม วิศวกรรม แม้กระทั่ง มนุษยรรม...คุณเจ้าของโครงการก็เลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่ทำเงินให้มากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องของรายได้ของเขาครับ.. ถามว่าผิดมั้ยที่เป็นอย่างนี้..ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่นั่นคือเหตุผลหลักที่ อาคารต่างๆในบ้านเรามันมีรูปแบบที่น่าตกตะลึงพรึงเพริด เป็นวิบัติสถาปัตยกรรมจนเราไม่สามารถบอกได้ว่าเรานี่กำลังอยู่ในเมืองไทย หรือ โรม เวนิส ลอนดอน แคลิฟอร์เนีย มาดริด รวมทั้งยอดฮิตประจำปีที่แล้ว ภูฏาน.. ไอ้styleพวกเนี้ยไม่มีdesignerที่ดีที่ไหนเขาอยากทำหรอกครับ ผิดที่ ผิดเวลา ผิดกาลเทศะแต่มันถูกกำหนดมาแต่แรกแล้วว่าโครงการนี้จะเป็นแบบไหน ส่วนpdมีหน้าที่จำใจทำมันออกมาตามคำสั่ง (และบางทีที่มันขายได้อาจจะไม่เกี่ยวกับหน้าตาด้วยซ้ำแต่เป็นที่ทำเลและราคา) แล้วขอโทษครับ ไอ้styleหรือthemeต่างๆนั่นน่ะ ก็มีอยู่แค่ทางเข้าหมู่บ้านหรือไม่ก็clubhouse ส่วนแบบบ้านน่ะ เหมือนเดิมทุกประการ ไม่เชื่อ ไปลองดูแปลนสิครับ ของเดิมทั้งนั้น 10ปีที่แล้วแปลนเป็นยังไง วันนี้ก็ยังใช้แบบนั้นอยู่แค่ขยับโน่นนี่ไปมา นี่คือตัวอย่างว่าpdไม่ได้พัฒนาตัวสินค้าเลยแต่มุ่งไปที่เปลือก เพื่อให้ขายได้ ถ้าpdได้ทำหน้าที่ตามที่ควรจะเป็นจริงๆ ป่านนี้โครงการทุกโครงการมันคงมีแบบแปลนบ้านที่แตกต่างกันไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะแต่ละโครงการ แต่ละsiteก็มีconditionแตกต่างกันมันไม่มีแบบครอบจักรวาลที่ดีสำหรับทุกโครงการหรอกครับ นี่กลายเป็นว่า ต่างsiteกัน themeและstyleต้องห้ามซ้ำ ม่ายงั้นขายไม่ออก แต่ใช้บ้านแบบเดิมได้แต่งคิ้ว บัว เสา นิดหน่อยลูกค้าก็เคล้มตามแล้วว่าตูมีบ้านหรูอยู่กลางเวนิส...lol...เอ้า... pdไปคิดมาซิ ว่าทำยังไงให้recycleแบบลงไปในstyleใหม่ได้ ผมว่าบางที ลูกค้าเขาอาจจะอยากได้บ้านที่ดีๆมากกว่าclubhouse กับทางเข้าแบบพิสดารของคุณก็ได้นะครับ...
คุณปลาวาฬครับ นี่คือเหตุผลที่ผมบอกว่างบและพลังขับดันทางการตลาดในวงการนี้มันสูงจริงๆ
ที่ผมพยายามพูดก็คือ ผมมองว่าโครงการของdeveloperส่วนมากเป็น marketing oriented ไม่ใช่ product quality oriented ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะทุ่มเทพลังความคิดและจิตสำนึกในการทำโครงการให้ออกมาลูกค้าได้ประโยชน์ที่สุดโดยการเน้นคุณภาพในการก่อสร้าง กลับกลายเป็นว่า
ก่อนการขาย ทุ่มเททุกฝ่ายเร่งทำผังสำหรับขายรวมทั้งperspectiveสำหรับsales kitให้ออกมาให้เร็วที่สุด และมีefficiencyสูงสุด กฎหมายก็หาช่องโหว่ให้มากที่สุด โดยที่ไม่มีเวลาที่จะกลั่นกรองตรวจเช็คข้อผิดพลาด หรือบางทีก็รู้ แต่คิดว่าไปแก้เอาดาบหน้า ประชุมทุกอาทิตย์มาทีครบทุกคนทั้งผู้บริหารหรือพนักงานระดับสูงๆ
แต่พอหลังจากเปิดขายได้ ก็ทุ่มไปทำโปรเจคใหม่เพื่อให้ทันขายที่ใหม่อีก เหลือประชุมเดือนละครั้งบางทีสองเดือน ผู้บริหารหรือพนักงานระดับสูงหายหมด เรียกว่า ใส่ใจกับงานก่อสร้าง(ซึ่งควรเป็นส่วนสำคัญ่ที่สุดของธุรกิจนี้มิใช่หรือ) น้อยมาก ผลที่ได้ก็ที่เห็นกันอยู่ทั่วไป... บ้างก็มีปัยหาคุณภาพของงาน บางที่ก็ต้องโทษผิดกฎหมาย ทั้งที่จงใจเลี่ยงและทั้งที่สัพเพร่าเพราะมีเวลาน้อย จนถึงกับต้องทุบทิ้งก็มีให้เห็น บางที่ก็ตัดตอนไม่ใช้สถาปนิก วิศวกรในการออกแบบในขั้นแบบก่อสร้างโดยส่งให้ผู้รับเหมาทำเองให้อยู่ในงบที่ตั้งไว้ต่ำติดดิน หวานเลยครับ ผู้รับเหมาก็ย่อมหาทางลดต้นทุนให้มากที่สุดและคราวนี้ทำได้โดยอิสระด้วยเพราะแบบและสเปคเค้าเป็นคนทำเองทั้งหมด..
สิ่งที่เจ้าของกระทู้กำลังเจอก็เป็นผลกระทบที่เกิดจากวงจรนี้ที่กำลังเดินไปอย่างผิดๆ ละเลยในสิ่งที่ผู้ซื้อสมควรจะได้รับแต่ไปทุ่มเงินกับการสร้างภาพลวงตา อาจจะนอกประเด็นไปบ้างนะครับ ขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วย ผมอาจจะไม่ใช่คนที่เขียนได้ดีนัก อาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ถ้ามองมาจากมุมอื่นๆ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นมุมมองส่วนตัวของผมในฐานะที่ก็อยู่ในวงการนี้มานานพอควร ซึ่งอาจจะพอเป็นประโยชน์กับบางท่านอยู่บ้างก็ได้ครับ
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 02:00:04
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 01:41:43
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 01:31:31
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 00:17:41
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 00:14:51
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 00:09:20
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 00:02:31