ความคิดเห็นที่ 1 ESB ย่อมาจาก อะไรไม่รู้  ทำงานอย่างไรก็ไม่รู้ เดาเอาคือ น่าจะ ทำงานโดยใช้แผงอีเลคทรอนิค มาเป็นตัววัดกระแสรั่วอะไรประมาณนี้มั่ง (เป็นผมไม่เอาครับ) ผมเชียร์ ELCB ดีกว่าครับอย่างน้อยก็รู้ว่ามันทำงานอย่างไร แล้วก็มาตรฐานเป็นที่ใช้ได้ระดับดีพอสมควร ELCB เถอะครับ   แล้วก็ให้ใช้หม้อทองแดงครับ ชัวร์กว่านะ ยี่ห้อก็สำคัญ เล่น ยี่ห้อตลาด ๆ หน่อย อย่าไปเชื่อ sales มาก เพราะค่าคอมฯ ยี่ห้อ แปลก ๆ มันให้เยอะกว่ายี่ห้อตลาด มันเลยเชียร์มากกว่า โดยไม่คำนึงถึงชีวิตผู้ซื้อครับ !!! จากคุณ : Webcopy - [ 21 พ.ค. 52 00:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ELCBย่อมาจากEarth Leak Circuit Beaker จากคุณ : handyman (Kiat_Su) - [ 21 พ.ค. 52 07:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Webcopy : ผมก็ว่าหม้อทองแดงน่าจะทนกว่า   Kiat_Su : ขอบคุณครับ ไปค้นสเปกในเวปมา Built-in Electronic Safety Device (ESD) ให้กดปุ่ม ESD ทดสอบระบบเดือนละ1ครั้ง (แต่ไม่มีรายละเอียดว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร) มะกี้ไปค้นมา ESD มา กลายเป็นเรื่องไฟฟ้าสถิตย์  อันเดีี่ยวกันอ๊ะเปล่า งง http://www.geocities.com/jitrayut/electrostatics.html จากคุณ : cyber-ta - [ 21 พ.ค. 52 08:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ESD = Electrostatic discharge หรือไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีของวัตถุ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นในอากาศ และอื่นๆ อีก รายละเอียดหลักๆ ต้องอ่านจาก ESD/ EOS Standard โดยจะมีวิธีการทดสอบอยู่ในนั้นด้วย ลองไปดูที่ห้องสมุด สมอ. ที่มา : http://www.thaiengineering.com/webboardold/question.asp?QID=6726 เป็นงง จากคุณ : cyber-ta - [ 21 พ.ค. 52 08:25:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 • กระบอกน้ำร้อนทำจากวัสดุ Grilon ปลอดสนิม 100% ทนความร้อนได้สูงถึง 280 องศา C. • Electronic control ปรับอุณหภูมิได้อย่างสม่ำเสมอ และควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ • Heating element ใช้วัสดุ High grade magnexium oxide เป็นฉนวนกันรั่ว • ESD ตัดกระแสไฟฟ้าภายใน .005 วินาที เมื่อมีกระแสไฟรั่วเพียง 8 มิลลิแอมแปร์ เค้ารับประกันหม้อต้ม Grilon 10 ปีอ่ะครับ (สีดำๆ ดูมันคล้ายๆพลาสติกเลย) ฮีตเตอร์รับประกัน 5 ปี ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคด้านใน รับประกัน 1 ปี ป.ล.ที่สนใจเพราะเค้ารับประกันหม้อ 10 ปีอ่ะครับ (เสียเปลี่ยนฟรีครับ) จากคุณ : cyber-ta - [ 21 พ.ค. 52 08:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 -Grilon เป็นพลาสติก ชื่อทั่วไปคือ Nylon66 ที่ใช้ทั่วไปในปัจจุบัน คือหม้อน้ำรถยนต์ส่วนฝารังผึ้งด้านบน เราจะได้ยินเรื่องหม้อน้ำแตกมากกว่ารั่ว และอะไหล่หม้อน้ำนอกศูนย์จะไม่มีชิ้นพลาสติกนี้ สรุปคือยังไงทองแดงก็ทนทานกว่า -ฮีตเตอร์รับประกัน 5 ปี ตรงนี้ส่วนใหญ่เหมือนกันหมด แต่ที่สำคัญคือวัสดุที่ทำคืออะไรมากกว่า แบบแรกคือ Incoloy ส่วนใหญ่เกรด 800 ทนทานกว่าสแตนเลส แบบที่สองคือทองแดง ใช้งานได้ถ้าน้ำที่ใช้ไม่ใช่น้ำกร่อย หรือน้ำกระด้าง แบบสุดท้ายคืออลูมิเนียม แบบนี้เพิ่งมีเข้ามาขายปีสองปีนี้เอง เขาจะไม่โฆษณาเรื่องวัสดุเด็ดขาด แต่จะโฆษณาเรื่องความบางของตัวเครื่อง ยี่ห้อเดียวกับที่ถามนี่แหล่ะ สำหรับแบบที่โชดดีที่ไม่มีขายในบ้านเราคือลวดความร้อนเปลือยจุ่มในหม้อต้ม -High grade magnexium oxide ทุกยี่ห้อเป็นเหมือนกัน เพราะ magnexium oxide เกรดธรรมดาเขาใช้ทำอย่างอื่นกัน -ESD ที่ใช้ในยี่ห้อนี้ จะเป็นแบบตัดไฟเฉพาะวงจรควบคุม ไม่ได้ตัดไฟที่ต่อ heater โดยตรง ความหมายคือ ESD ตัดไฟแล้ว แต่การรั่วของไฟยังมีอยู่และถ้าเราใช้งานต่อก็โดนดูดเหมือนเดิม ถ้าจะใช้แบบนี้ทุกครั้งที่อาบน้ำ ถึงแม้ไม่ต้องการน้ำอุ่นก็ต้องเปิดเครื่องเพื่อดูว่ามีการรั่วของไฟหรือเปล่า หรือไม่ก็ต้องติดเบรกเกอร์นอกเครื่อง แล้วเปิดปิดเบรกเกอร์แทน จากคุณ : piya_kasi - [ 21 พ.ค. 52 10:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เค้ารับประกันหม้อต้ม Grilon 10 ปีอ่ะครับ (สีดำๆ ดูมันคล้ายๆพลาสติกเลย) ฮีตเตอร์รับประกัน 5 ปี ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคด้านใน รับประกัน 1 ปี แสดงว่าไอ้ ESD  นี่ก็รับประกันแค่ปีเดียวล่ะซิ  มันก็มีโอกาสเสียด้วย  พอมันเสียไฟรั่วมันก็ไม่ตัด  คนอาบน้ำก็แก้ผ้าอาบด้วย  ไม่อยากจะคิดภาพตอนที่กู้ภัยมาเก็บเลย จากคุณ : ปลาทูนอกเข่ง - [ 21 พ.ค. 52 13:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห.7 ว่ามา  ก็ถูกครับ ตอนนี้ของเก่าที่เป็นทองแดงก็รั่วแล้ว สงสัยต้องถอดของเก่าออก  แล้วใช้ยี่ห้อนกนางนวล  หรือหัวม้าลายซะแล้ว T-T กลัวเป็นแบบนี้อ่ะ http://www.watkoh.com/forum/index.php?topic=1563.0 จากคุณ : cyber-ta - [ 21 พ.ค. 52 13:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเลือกแบบหม้อทองแดงอย่างเดิมครับ เคยใช้มาตั้งแต่เครื่องเก่าโน่น ก็ไม่เห็นจะตัน จะรั่ว จะผุ หรือตะกรันอะไร แบบสารพัดที่เซลอ้างเลย  น้ำยังแรงดีอยู่และยังถอดมาใช้ที่ใหม่แล้วด้วย   รุ่นหม้อทองแดงเวลามันพิสูจน์ไปแล้วส่วนแบบใหม่ยังไม่ยืนยันขอรอดูคนอื่นใช้ไปสักระยะก่อน ผมชอบคิดหาว่าจะมีโอกาสเกิดภัยอันตรายที่รุนแรงที่สุดได้ในกรณีไหนบ้าง จะได้เตรียมตัวรับมือทัน  สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้กับหม้อ Heater กรณีเลวร้ายมากๆ ระบบคอนโทรลเสียเครื่องเกิดทำงานโดยไม่ได้เปิดน้ำจนไส้ Heater ร้อนจัด ถ้าเป็นหม้อทองแดง  ตัวทองแดงจุดหลอมเหลวมันสูงมาก หม้อมันไม่ร้อนจนหลอมไหม้แน่นอน และสักพักตัวเซพตี้ตัดร้อนเกินจะทำงาน  แต่ถ้าเป็นวัสดุอื่นทีไม่ใชทองแดงตรงนี้ไม่แน่ใจว่ามันจะลุกไหม้หรือเปล่า หรือถ้าหลอมละลายก็อาจพาลทำให้สายไฟหรืออย่างอื่นไหม้ตามได้ ส่วนเรื่องฟังก์ชันตัดไฟรั่วในเครื่องทำน้ำอุ่น จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ เมื่อก่อนมันใช้แบบในภาพข้างล่างนี้ ใต้เครื่องจะมีกระเดื่องให้กด กดแล้วแถบพลาสติกจะยื่นลงมา  ข้างในมันไปดันเจ้าตัวเบรกเกอร์แบบนี้ ตัวนี้ผมไว้ใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับระบบตัดไฟแบบในปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 13:24:42 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 13:23:17 จากคุณ : Ph - [ 22 พ.ค. 52 12:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ระบบตัดไฟเครื่องทำน้ำอุ่นรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ ผมเปิดฝาดูหลายรุ่นมาก ที่แผงโชว์ของห้างแห่งหนึ่ง (ไม่ได้ว่าเหมารวมทุกรุ่น) ผมดูแล้ว บอกได้เลยว่า เทียบกับของรุ่นเก่าๆ แล้วแบบเก่าดีกว่ามากครับ ในเรื่องกลไกการตัดไฟรั่ว อาจจะลดต้นทุนแข่งขันด้านราคาหรืออะไรไม่รู้ มันเป็นยังไงน่ะหรือ... เริ่มจากผมเห็นเขาเตือนในคู่มือว่าให้ต่อ L N ให้ถูก หากสลับแล้วระบบตัดไฟรั่วจะไม่ทำงาน  ประโยคนี้ผมสนใจตรงคำว่าตัวตัดไฟรั่วจะไม่ทำงาน ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะไม่ทำงานได้อย่างไร ทั้งๆที่มันจับกระแสผลต่าง  จนลองรื้อเครื่องดู(เปิดฝา)และก็เข้าใจในที่สุด ตรงขั้วต่อ L N ของเครื่อง(ที่รับไฟจากบ้านเข้าไป) ขั้วที่มีตัวอักษร N  จะต่อตรงไปที่ตัว Heater เลย ไม่มีอะไรตัดไฟเส้นนี้ ขั้วที่มีตัวอักษร L จะต่อไปที่ตัว Triac (เป็นอุปกรณ์อิเล็กฯ ไว้หรี่ไฟคุมความร้อน ตามการหมุนปรับ ) และออกจากตัวนี้ก็ไปที่ Heater เลย... ลักษณะการต่อแบบนี้เทียบเท่ากับการต่อสวิทช์ไฟฟ้ากับหลอดไฟสักดวงในบ้าน ที่จะตัดแค่สายไลน์เส้นเดียว ซึ่งก็ปลอดภัยไฟไม่ดูดตอนตัดไฟ(ปิดสวิทช์) แล้ววงจรกันไฟดูดไปอยู่ตรงไหน ไปตัดไฟกันตรงไหน.... ปรากฏว่าวงจรตัดไฟรั่วนั้นมันจะมีรีเลย์ไปตัดไฟที่สายคอนโทรลของตัว Triac อย่างเดียว ไม่มีกลไกการตัดไฟทางกลเลย อาศัยเพียง Triac ตัวเดียวเป็นสะพานไฟหลักของเครือ่ง.... (การตัดของ Flow sw ก็ตัดที่สายนี้) ปัญหาแรกคือเจ้า Triac มันมีโอกาสเสียแบบ ON ค้าง แล้วทีนี้จะปิดเครื่องอย่างไร ?  หมุนหรี่ไปจนสุด OFF ก็ตัดไม่ได้เพราะ Triac ค้าง กด Test ให้ระบบตัดไฟตัด มันก็ตัดไม่ได้ เพราะมันไปจบที่สั่งตัดที่ Triac อยู่ดี ปิดน้ำก็ตัดไฟไม่ได้ เพราะ flow sw มันก็ไปสั่งตัดที่ Triac อยู่ดี ทั้งเครื่องมีเจ้านี่เป็นสะพานไฟหลักตัวเดียวเลย สรุปต้องไปปิดเบรกเกอร์(ติดเสริม)ด้านนอกสถานเดียว เท่ากับตัวเครื่องจะร้อนจัด อันตรายมากน้อยแค่ไหนก็หวังพึ่งตัวตัดเทอร์โมสตัตหัวหม้อต้มอย่างเดียวเลย และอีกปัญหาที่ร้ายแรงคือหากต่อสาย L  N สลับกัน... (ตามที่ผมสงสัยในตอนแรก ว่าทำไมระบบตัดไฟจะไม่ทำงาน) ตอนไฟรั่วแม้สายจะสลับกัน จังหวะแรกระบบจะตรวจจับได้ปกติและสั่งตัดไฟออกไป  แต่อย่าลืมว่าระบบนี้ตัดแค่ 1 สายด้วย Triac  เท่านั้น การต่อสลับจะทำให้สาย L วิ่งตรงไปที่ Heater ทันที การตัดวงจรจึงไม่ช่วยอะไรเรื่องไฟดูด  แต่จะทำใด้แค่หยุดการทำงานของ Heater เท่านั้น  (เพราะสาย N ถูกตัดด้วย Triac) เหมือนการต่อไฟสักดวงในบ้านแล้วใส่สวิทช์ที่สายนิวทรอล ดังนั้นสำคัญมากๆ ต้องต่อ  L N ให้ถูกห้ามสลับ แต่ถ้าเป็นเครื่องรุ่นเก่าๆ ที่มีเบรกเกอร์แบบในภาพด้านบน ถึงต่อสลับ ตอนตัดมันก็ตัดสองสาย ปลอดไฟโดยสิ้นเชิงจริงๆ และเป็นการตัดทางกลไก (มีช่องว่างของสะพานไฟจริงๆ) พวก Flow sw เครือ่งรุ่นเก่าๆ ใช้ไมโครสวิทช์รุ่นกระแสสูง ไปตัดที่สาย L เลย เป็นการตัดทางกล แยกวงจรกันจะๆ ดังนั้นระบบตัดไฟจะเขียนอะไรก็แล้วแต่ เท่าที่ดูๆ แล้วผมไว้ใจระบบที่ในทางเทคนิคเขาใช้การตัดทางกลเท่านั้น ไม่ใช่ไปพึ่งเซมิคอนดัคเตอร์เป็นสะพานไฟหลัก  รุ่นใหม่ๆ บางตัวเขาใช้รีเลย์กระแสสูงตัดที่สาย L N ทั้งสองเส้นเลยก็มี (รีเลย์เป็นการตัดไฟทางกล) แต่ผู้ผลิตก็ทำวงจรตัดไฟรั่วมาคุมรีเลย์เองเช่นกัน ตรงนี้ผมยอมรับได้และมันดีกว่าแบบที่ตัดด้วย TRIAC ล้วนๆ สุดท้ายเนื่องจากตัวเลือกเครื่องที่มีระบบตัดไฟที่ถูกใจไม่ค่อยได้ (มีน้อยรุ่น) เลยต้องพึ่งตัว ELCB ด้านนอกของสแควดี(ใส่ในตู้ไฟเลย)เสริมเอาเอง ผมอาจจะตอบไม่คอ่ยตรงที่ถามว่า ELCB ESB หรืออื่นๆ แล้วแต่จะเรียก เพราะหลายๆเครือ่งที่เขียนสารพัดจะเขียน ข้างในมันก็คล้ายๆ กัน(ในส่วนการตัดไฟ จนแยกไม่ออกชัดเจน) แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 13:28:36 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 13:18:06 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 13:14:58 จากคุณ : Ph - [ 22 พ.ค. 52 13:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่รู้ จขกท. พูดถึงยี่ห้อเดียวกับที่ผมใช้หรือเปล่า ภายในปีแรกซ่อม 1 ครั้ง หลังหมดประกันก็ซ่อมอีก 1 ครั้ง โดยครั้งหลังเจ้า ESD เสีย แต่กรณีของผมมันก็ทำให้ไฟไม่เข้าเครื่องครับ ก็เลยไม่มีอันตราย ส่วนเบรกเกอร์ตัวนอกผมใช้ ELCB ติดไว้อีกชั้นหนึ่ง จากคุณ : GolfGear - [ 22 พ.ค. 52 15:12:25 ]