Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ทาวน์เฮ้าส์ของฉัน ทำใมมันมีปัญหาคล๊าสสิคขนาดนี้หว่า

    ตั้งแต่จำความได้ เราเติบโตมาในห้องแถวซอมซ่อกลางตลาดสดแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด ม๊าเป็นผู้หญิงคนเดียวหาเลี้ยงลูกๆตั้งหลายหลายคน ม๊าเป็นคนประหยัดมาก ถึงมากที่สุด (แต่เรื่องแทงหวยยกเว้นไว้หนึ่งเรื่อง 55)

    วันที่ครอบครัวเราพอจะสร้างฐานะได้ ม๊าไม่คิดจะย้ายไปใหน ขออยู่มันกลางตลาดนี่ล่ะ แล้วม๊าเราก็สร้างตึกอยู่บ้านเดียวโดดเด่น ท่ามกลางห้องแถวเก่าๆของเพื่อนบ้าน ก่อนที่บ้านอื่นๆจะทะยอยสร้างตึกตามบ้านเรา

    บ้านเราเป็นตลาดเช้า ซึ่งไอ้ตลาดนี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะเริ่มค้าขายกันแต่เช้าไปถึงใหน ตีสองจะเริ่มมีแม่ค้ามา เสียงก็จะเริ่มดัง เราอยู่ห้องชั้นสองทางหน้าบ้าน ก็จะตื่นหน่อยนึง แล้วก็หลับต่อได้อย่างสบายใจจนถึงตีห้า ถึงจะลงมาช่วยม๊าเปิดร้าน เราจะชินกับการนอนหลับได้ท่ามกลางเสียงโกลาหลของตลาดเช้า ส่วนน้องชายที่อยู่ห้องข้างหลังก็มีความสามารถพิเศษในการหลับท่ามกลางเสียงโกลาหลได้ไม่แพ้กัน พวกเราชินและปรับตัวกันแต่เด็ก ให้นอนง่าย อยู่ง่าย

    ตอนเช้ามืด หลังบ้านเราเป็นห้องแถวเหมือนกัน อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ อาม่า กับอากง จะตื่นก่อนเพื่อน กิจวัตรแรกคือ อาบน้ำ อ๊ะ ไม่อาบธรรมดาค่ะ ต้องมีเอกลักษณ์ของชาวจีน ขากกกกก ทุ้ย แล้วก็เริ่มทำกับข้าว ผัดกับข้าวได้โช้งเช้งพิศดารมาก และผัดไม่เลิกค่ะ เพราะลูกหลานเย๊อะ

    ข้างบ้านเป็นสองสามีภรรยา ทะเลาะกัน วันเว้นวัน ที่เป็นวันเว้นวัน คือว่า วันนี้ทะเลาะ อีกวันสามีก็ไปอยู่บ้านเมียน้อย แล้วเมียหลวงก็จะตามกลับมาในวันรุ่งขึ้น เป็นอย่างนี้จนเราชิน บ้านที่อยู่อีกข้างจะเงียบหน่อย เพราะเป็นลุงแก่ใจดี ส่วนบ้านเราน่ะเหรอ พี่น้องทะเลาะกันสลับสับเปลี่ยนพรรคพวกกันอยู่บ่อยๆ เสียงดังไม่ค่อยแพ้เพื่อนบ้านเราซักเท่าไร

    แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนบ้านเราก็รักกันดี เอื้อเฟื้อต่อกันตามสมควร ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง และเราก็ชินกับการที่อยู่ง่าย ไม่ค่อยจะไปรบรากับเพื่อนบ้าน เรื่องเสียงดัง เรื่องต่างๆนานา

    มายุคสมัยนี้ พี่น้องเข้ามาเรียนในกรุงเทพ กันหมด เรียนจบต่างก็มีงาน มีอาชีพเป็นของตัวเอง บ้านเราที่ตลาดสดนั้นไม่มีใครอาศัยอยู่อีกแล้ว แม่ย้ายมาอยู่บ้านเดี่ยวชานกรุงกับพี่เรา

    ส่วนเราที่ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กรุงเทพชั้นใน เบื่อกับการต้องขับรถไกลๆเหลือเกิน วันหนึ่งที่เราจะมีบ้านของเราเอง เงื่อนไขของเราคือ ขออยู่ในเมือง เราเลยเลือกระหว่างคอนโด และทาวน์เฮ้าส์ เพราะเราไม่สามารถซื้อบ้านเดี่ยวในเมืองได้มันเกินกำลัง ในที่สุด ด้วยกำลังทรัพย์น้อยนิด เราเลือกซื้อทาวน์เฮ้าส์มือสอง มาปรับปรุงใหม่ให้สวยสมใจอยาก ย้ายปั๊มน้ำและถังน้ำหน้าบ้าน ไปอยู่หลังบ้าน เพื่อเตรียมไว้จอดรถสองคัน จะได้ไม่เกะกะหน้าบ้านคนอื่น

    เราทำใจแล้วว่า ต้องเจอปัญหาคลาสสิคต่างๆนานาของทาวน์เฮ้าส์ เช่นเรื่องที่จอดรถ เรื่องเสียงดัง เรื่องทิ้งขยะใส่ถังบ้านคนอื่น เรื่องหมา เรื่องขี้หมา ฯลฯ

    พิมพ์มาตั้งนาน หลายคนคงขี้เกียจอ่านไปแล้ว ขอเข้าเรื่องเลยดีกว่า

    เรื่องปัญหาที่เจอรู้สึกประสาทจะกินเหมือนกัน คือว่า ซินแสทักว่าให้บ้านเราเปิดดวงโคมระเบียงหน้าบ้านทั้งสามชั้นทุกคืน เพื่อแก้ปัญหาฮวงจุ้ย เราก็เห็นว่าโอเค เพราะคิดถึงเรื่องความปลอดภัย และความสว่างในซอยบ้านเราด้วย

    แต่ผลจากการเปิดไฟหน้าบ้านเรา ทำให้บ้านฝั่งตรงข้ามโวยค่ะ

    วันแรก

    บ้านตรงข้าม “น้อง ช่วยปิดไฟตรงระเบียงหน่อยได้มั๊ย พี่นอนไม่หลับ”
    บ้านเรา “เหวอค่ะ” แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร พอตั้งสติได้ ก็คิดว่านี่มันบ้านตรูนะ ทำใมต้องห้ามเปิดไฟบ้านตรูด้วยฟระ ทำไมพี่ไม่ปิดม่านบ้านพี่ล่ะ ฮึ

    วันต่อมาเราเปิดไฟเหมือนเดิม

    บ้านตรงข้าม “ทำไมบ้านน้องไม่ปิดไฟล่ะ”
    บ้านเรา “คืออย่างนี้ค่ะ ซินแสแนะนำให้เปิดไฟ และมันก็เป็นประโยชน์กับเพื่อนบ้านนะ ซอยจะได้ดูสว่าง ปลอดภัยกว่า พี่ปิดม่านบ้านพี่ดีกว่ามั๊ย หรือหาอะไรบังให้บริเวณหัวนอนทึบแสง”

    เค้าก็หงุดหงิดกับคำตอบเราและเมื่อวานนี้เอง เกือบได้เกิดศึก

    บ้านตรงข้าม “พี่นอนไม่หลับ เราเพื่อนบ้านกัน คุยกันดีๆดีกว่านะ พี่ไม่อยากมีเรื่อง ”
    บ้านเรา “ปิดม่านแล้วยังสว่างอยู่อีกเหรอคะ”
    บ้านตรงข้าม “ใช่ แสงไฟลอดผ่านผ้าม่านเลย” (ไฟดาวน์ไลท์ 11 วัตต์ สีวอร์มไวท์ 1 ดวง บ้านอยู่ตรงข้ามห่างกันด้วยถนนกั้น ระยะหลอดไฟ ถึงห้องพี่เรื่องมากน่าจะประมาณ 10 เมตร)
    บ้านเรา “พี่หาผ้าทึบบังเพิ่มบริเวณหัวนอนได้มั๊ย แสงจะได้ผ่านผ้าม่านลดลงอีก”

    บ้านตรงข้าม “ทำไมผมต้องทำ ผมอยู่บ้านนี้มาเป็นสิบปี พอคุณย้ายมา มันมีผลกระทบต่อชีวิตผม ทำใมผมต้องแก้ปัญหาที่เกิดจากคนอื่น”
    บ้านเรา อึ้ง พอดีมองไปที่เสาไฟ เห็นไฟถนน แต่ไม่ได้เปิดอยู่ เลยถามเค้า “ถ้าวันนึงกทม.เปิดไฟถนน แล้วพี่จะหลับได้เหรอ ”
    บ้านตรงข้าม “ถ้าเป็นไฟถนน ผมต้องยอมรับ เพราะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่ไฟหน้าบ้านคุณมันไม่ได้มีประโยชน์กับผม ผมขอให้คุณเปลี่ยนวัตต์ลดลงดีกว่า หรือหาอะไรมาบังไฟที่คุณเปิดไม่ให้แสงลอดมาบ้านผม ” (แล้วจะเปิดหาพระแสงอะไรง่ะ)
    บ้านเรา “โอเค เดี๋ยวจะเปลี่ยนหลอดไฟให้แล้วกัน แต่หาอะไรมาบังไม่ให้เกิดแสงคงทำไม่ได้นะคะ ”

    หงุดหงิดจัง เราคิดว่าเราเปิดไฟเพื่อส่วนรวมนะ เสียค่าไฟเอง ทำไมต้องเจออย่างนี้ด้วยนะ บ้านเค้าไม่เคยเปิดไฟหน้าบ้านเลย ถ้าทุกบ้านคิดอย่างนี้กันหมด ซอยเราจะไม่ดูมืดมนไปกันใหญ่หรือ เพราะไฟก็แค่ดาวน์ไลท์ชั้นละดวง 11 วัตต์เอง ทำไมคนอย่างนี้ไม่ไปซื้อบ้านเดี่ยว หรือไปอยู่ป่าซะเลยนะ
    พิมพ์ยาวไปนิด แต่คาดไม่ถึงจริง ปัญหาอย่างนี้ก็มีด้วย

    จากคุณ : บ้านเล็ก - [ 21 พ.ค. 52 16:21:18 A:58.8.124.242 X: TicketID:217056 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com