ความคิดเห็นที่ 1 1. ถ้าไม่ทำประกันชีวิต ธนาคารจะให้กู้มั้ย แล้วจำเป็นต้องทำหรือเปล่า (ข้อนี้อยากถามเจ้าของธนาคารทุกธนาคารมากๆ) ----  ให้กู้  แต่อาจจะโดนขู่นิดหน่อย อย่าไปแคร์ ---- จำเป็นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของตนเอง 2. การทำประกันชีวิต ใครได้ประโยชน์บ้างในเรื่องของ "เงิน" ----- ผลประโยชน์ ตอนคุณยังไม่ตาย =  Bank ได้เบี้ยประกัน คุณได้ความสบายใจ ----- ผลประโยชน์ ตอนคุณ......เสียชีวิต =  ทายาทคุณ ไม่ต้องรับภาระค่าผ่อนบ้าน Bank จะรับผิดชอบเอง 3. รวมดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนประกันชีวืต ถ้าซัก 15 ปี คิดเป็นเงินเยอะมั้ย สมมติต้องจ่าย 50000 บาท ----- 50000 - ความสบายใจ =   ...................   สำหรับผม ไม่ทำครับ จากคุณ : กระบือหน้าหวาน (MR.Bigsu) - [ 27 พ.ค. 52 15:59:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมไม่ใช่เจ้าของธนาคารแต่ขอแสดงความเห็นหน่อยครับ 1. ผมว่าแล้วแต่ธนาคาร แต่น่าจะมีธนาคารที่ให้กู้นะครับ (อันนี้ไม่ชัวร์) แต่ตอนที่ผมทำเรื่องกู้ เจ้าหน้าที่บอกมาว่าบังคับ แต่ใบทางเลือกของธนาคารก็ไม่ได้บังคับแต่อย่างใดครับ ผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องความปลอดภัยของเงินกู้ของธนาคารมากกว่า 2. ผมว่าได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายแหละ เพราะการประกันเงินกู้ก็เป็นเงินไม่เยอะครับ เมื่อเทียบกับราคาบ้าน หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น คนข้างหลังก็ไม่ต้องรับภาระครับ 3. ลองคำนวณด้วยโปรแกรมที่ทำเอง (download ฟรีได้ใน bloggang) ซึ่งลองใช้อัตรากู้บ้านของผม 15 ปี จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 427 บาท ถ้าจ่ายตามกำหนด เสียดอกเบี้ยรวมประมาณ 27,000 บาทครับ จากคุณ : prakob_s - [ 27 พ.ค. 52 16:03:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนเรามัวแต่หลับอยู่ค่ะ..หลังจากซื้อบ้าน 3 ปี และได้ทำประกันไว้ด้วย (และเข้าใจมาตลอดว่าต้องทำ  ถ้าไม่ทำแล้วเค้าจะไม่ให้กู้ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารเชียร์สุดใจ) จนได้เข้ามาอ่านในห้องชายคาถึงได้รู้ว่าไม่ต้องทำก็ได้ แอบเสียดายตังค์ค่ะ  แต่อย่างว่า..เราจะรู้ว่ามันจะดีหรือไม่ก็ต่อเมื่อเราไม่อยู่แล้ว  ที่บอกว่ามัวแต่หลับเพราะว่ากรมธรรม์ที่เราควรจะได้เราไม่ได้ค่ะ  พอนึกได้เมื่อ 3 ปี ให้หลังจากที่ทำไปแล้วจึงติดต่อไปที่ธนาคาร  เพิ่งจะได้มาครอบครอบเมื่อวานนี้เอง  เอาเป็นว่า..หากท่านไหนที่ทำประกันชีวิตในการกู้ซื้อบ้านอย่าลืมกรมธรรม์เพื่อรักษาสิทธิและเป็นหลักฐานเอกสารทางด้านกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเราเองด้วยนะคะ จากคุณ : ปูม้า&ปลาดาว (ปูม้า&ปลาดาว) - [ 27 พ.ค. 52 16:18:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เท่าที่รู้ ประกันชีวิต - อันนี้เบี้ยค่อนข้างแพง ทุกธนาคารไม่บังคับในเรื่องประกันชีวิต เสนอเป็นทางเลือก แต่พนักงานมักจะขู่ว่าบังคับเดี๋ยวกู้ไม่ผ่าน ตอนนี้กู้แล้วก็ไม่ทำประกันนะ เพราะคุยไว้ตั้งแต่ตอนยื่นเอกสารเลย ประกันอัคคีภัย - อันนี้เบี้ยไม่แพง ล้านละไม่ถึงพันต่อปี ส่วนใหญ่ธนาคารจะบังคับให้ทำ เนื่องจากเงินไม่มากนักเลยถือว่าช่วยธนาคารที่เรากู้ สำหรับกู้สร้างบ้าน ทำประกันเมื่อบ้านเสร็จตามราคาประเมินบ้าน ไม่ใช่วงเงินกู้จ้า แต่ความจริงเราทำกับประกันที่ไหนก็ได้ เรื่องประกันชีวิต นานาจิตตัง ถ้าทำกับธนาคารที่ให้เรากู้เค้าจะระบุให้ตัวเองเป็นผู้รับผลประโยชน์ คิอถ้าเราเสียตอนผ่อนไม่หมดเค้าจะหักหนี้จากเงินชดเชยประกันส่วนที่เหลือถึงจะตกทอดมาถึงบุคคลที่เราระบุว่าเป็นผู้รับผลประโยชน์ของเรา สำหรับเรารู้สึกว่าเอาเปรียบกันมากๆ ได้เบี้ยประกันจากเราไม่ใช่น้อยๆ ลดความเสี่ยงตัวเอง แถมลดภาษีเราก็ไม่ได้ด้วย เราจะเลือกทำประกันชีวิตในแบบที่เราต้องการเอง ติดต่อประกันเอง มีเยอะแยะที่ติดต่อเข้ามา แล้วทำวงเงินให้ไม่น้อยกว่าเงินกู้ ระบุคนที่เราต้องการให้เป็นผู้รับผลประโยชน์ตามใจเรา จ่ายเบี้ยปีต่อปีหรือจ่ายหลายปีถ้ามีส่วนลด  หากเกิดอะไรกับเราจริง ผู้รับผลประโยชน์อยากเก็บบ้านไว้ก็ไปไถ่ถอนหนี้ซะหรือผ่อนต่อไปได้ชัวร์ๆ ถ้าไม่อยากได้แบงค์ก็จะมายึดเพราะเค้าเอาโฉนดเราเป็นประกันอยู่แล้ว ดีไม่ดีเบี้ยประกันถูกกว่าเพราะการแข่งขันสูง แถมเลือกแบบที่ลดภาษีด้วยก็ได้ เราเป็นคนเลือกสบายใจดี เดี๋ยวนี้ไม่ไหวเลย โฉนดก็ยึด ประกันก็เป็นผู้รับผลประโยชน์ รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบมากมาย แถมรูปเจ้าของบ้านที่ทำให้เราต้องก่อหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิต อิ อิ อิ จากคุณ : antanoy - [ 27 พ.ค. 52 16:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คำตอบคาใจ ตอบกันจนจะตายคาเว็บ อิ อิ search ดูจะง่ายกว่าครับ จากคุณ : Double07 - [ 27 พ.ค. 52 17:07:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ของผมกรุงไทยครับ ซือไม่ถึงล้าน ประกันแค่ห้าปี เล่นไปสองหมื่นกว่า ประกันอัคคีภัยอีกเกือบเจ็ดพันบาท ไม่ทำก็ได้แต่ไม่ได้ดอกเบี้ยโปรโมชั่นนะ และพวกค่าธรรมเนียม ค่าไปประเมิน ก็เก็บน่ะ อีก เกือบ หมื่นสี่แนะ ทำเถอะ เซลส์ครับ ผู้จัดการเป็นเซลส์ด้วย บอกว่าไม่ได้อะไรไม่เชื่อหรอก รุ่นพี่มีพี่ทำธนาคารใหญ่ด้วย บ้าฮวงจุ้ยน่ะ บอกว่า อาทิตย์นี้นะ จะพาไปเที่ยวเพราะได้เปอร์เซนต์ของประกันมาค่ะ พาไปทั้งแผนกเลย อยากบอกเลยว่าผจก.ไม่ได้ ไม่ทำก็ได้มั้ง แต่บางคนกลัวกุ้ไม่ผ่าน ไอ้พวกนี้ก็จะเอาประเด็นนี้มาพูดน่ะ จากคุณ : rr - [ 27 พ.ค. 52 19:53:34 A:113.53.62.135 X: TicketID:214088 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ทำก็ได้ค่ะ เพิ่งซื้อบ้านค่ะ กู้เงินกับธอส. ตอนช่วงแรกทางธนาคารก็โทรมาเสนอประกัน แต่เราก็ถามธนาคารไปว่าจำเป็นต้องทำไหม ทางธนาคาร บอกว่า ควรจะทำ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องทำ ในที่สุด ก็ปฏิเสธเค้าไปค่ะ บอกว่า ตอนนี้ยังไม่ขอคิดเรื่องนี้ พอกู้ผ่านก่อนค่อยคิดว่าจะทำหรือไม่ เค้าก็ไม่ว่าอะไร และก็ไม่ขู่อะไรเลย จนมาถึงตอนนี้ โอนบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่ทำเลยค่ะ จากคุณ : Saladpoo (saladpoo) - [ 27 พ.ค. 52 21:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยยังโง่ กู้ล้านนึง มันบอกต้องทำประกันเสีย ห้าหมื่น ไปตรวจร่างกาย มันบอกน้ำหนักเกิน ต้องจ่ายเป็นแสนนึง ผ่อนไปสี่ห้าปี แล้ว ต้นยังตัดไม่ถึงค่าประกันเลย 555555 จากคุณ : โต - [ 27 พ.ค. 52 23:17:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเบี้ย 50,000 คุ้มครอง 30 ปี ก็คุ้มครับ แต่ถ้าคุ้มครองแค่ 5 หรือ 10 ปี ..แพงมาก จากคุณ : Red_Arsenal - [ 28 พ.ค. 52 09:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 antanoy-ใช่ค่ะ เพิ่งรู้ว่าเสียค่าโง่ก็เมือเห็นตารางการได้รับผลประโยชน์ว่า จริงๆ แล้วถ้าสมมติว่าเราตาย ผู้รับผลประโยชน์ต้องจ่ายส่วนเกินจากจำนวนเงินเอาประกันที่ยังคงเหลืออยู่ (จำนวนเงินจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป) ถ้าทุพพลภาพจ่าย 50%ของจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เหลืออยู่ในขณะนั้น ซึ่งเดือนสุดท้ายเหลือไม่ถึงสองหมื่น... ซึ่งไม่ได้หมายความว่าถ้าเราเป็นอะไรไปผู้รับผลประโยชน์ไม่ต้องจ่ายอะไร จริงๆ แล้วต้องจ่ายส่วนต่าง ไม่ต้องจ่ายก็ต่อเมื่อเราผ่อนไปจนหมดหรือเหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เหลืออยู่ (ถ้าตายได้ 100%) ถ้าทุพพลภาพได้ 50% ซึ่งแบ่งเป็น 6 เดือนแรก และ 6 เดือนหลัง แล้วก็ยิ่งเจ็บใจตรงสามบรรทัดตอนเซนต์ใบสมัครประกันชีวิตคู่บ้าน ยิ่งตอกย้ำว่า "ธนาคารไม่เคยไม่เอาเปรียบลูกค้า ทุกอย่างที่เป็นธุรกรรมกับธนาคารประชาชนอย่าคิดว่าเค้าใจดี จริงๆ แล้วผลประโยชน์ทุกอย่าง" นี่เป็นคำพูดที่เพื่อนที่ทำงานธนาคารเคยบอกไว้ แล้วกว่าจะได้กรมธรรม์มาก็นานมาก ตอนให้เราส่งเอกสารกลับให้ด่วน แต่ตอนบริษัทส่งกลับเกือบสองสัปดาห์ ผู้รับผลประโยชน์ถ้าไม่นามสกุลเดียวกันก็ต้องหาหลักฐานไปถึงบรรพบุรุษกันเลยทีเดียวว่ามีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดอย่างไรบ้าง ไม่งั้นไม่สามารถออกกรมธรรม์ให้ได้ คนโสดอย่างเราก็เลยอารมณ์เสีย วีนไปหลายยก ถึงยอมว่าเอกสารพร้อมเมื่อไรก็ได้ทางบริษัทจะทำกรมธรรม์ให้ก่อน คุณ rr- "เซลส์ครับ ผู้จัดการเป็นเซลส์ด้วย บอกว่าไม่ได้อะไรไม่เชื่อหรอก รุ่นพี่มีพี่ทำธนาคารใหญ่ด้วย บ้าฮวงจุ้ยน่ะ บอกว่า อาทิตย์นี้นะ จะพาไปเที่ยวเพราะได้เปอร์เซนต์ของประกันมาค่ะ พาไปทั้งแผนกเลย อยากบอกเลยว่าผจก.ไม่ได้" ประโยคนี้เห็นด้วยล้านเปอร์เซนต์ ก็ไปนั่งคิดนอนคิดว่า ให้มันผ่านแล้วผ่านไปดีมั้ย เป็นประสบการณ์และบทเรียนของการมีบ้านหลังแรกในชีวิต....หรือว่าเราควรยุติการทำประกันดี..... จากคุณ : กลัวเลขสี่ - [ 28 พ.ค. 52 10:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทำไมถึงคิดว่าเสียค่าโง่อ่ะคะ จ่ายแพงก็จริงแต่เราได้ความสบายใจนะ ตายไปคนข้างหลังไม่ต้องนั่งผ่อน นานาจิตตังจริงๆ อ่ะแหละ จากคุณ : ป้าอ้วน - [ 28 พ.ค. 52 12:08:25 A:58.181.143.130 X: TicketID:092733 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณป้าอ้วนคะ ต้องผ่อนค่ะ ยกเว้นว่าผ่อนหมดก่อนตายหรือทุพพลภาพ  เช่น เดือนที่ 150 จำนวนเงินเอาประกันเหลือ 200,000  แต่ยังมีค่าบ้านต้องส่งอีก 500,000 ผู้รับผลประโยชน์ ต้องรับภาระผ่อนต่ออีก 300,000 ที่เสียค่าโง่ก็คือเชื่อที่เค้าบอกไม่อานสามบรรทัดก่อน  เค้าบอกว่าถ้าเราเป็นไรไปผู้รับผลประโยชน์ก็ไม่ต้องผ่อนเอง ประกันจ่ายให้ แต่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น ประกันไม่ได้จ่ายให้หมด ต้องผ่อนส่วนต่างต่อค่ะ ถ้าเค้าบอกว่าต้องมีส่วนต่างที่ผู้รับผลประโยชน์ต้องผ่อนต่อก็จะไม่ทำอ่ะ แล้วอีกอย่างถ้าไม่ทำก็ประมาณว่ากู้ผ่านยาก จากคุณ : กลัวเลขสี่ - [ 28 พ.ค. 52 13:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 50000 คุ้มครอง 20 ปีครับ สงสัยราคานี้จะกลางๆนะ จากคุณ : โต (โต) - [ 28 พ.ค. 52 16:09:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพิ่งกู้ผ่านคะ....พี่ จนท.ธอส.บอกว่า ต้องทำนะครับ ( เสียงกังวาลและดุนิ๊ดๆ ) ไม่รู้เห็นว่าเราอายุน้อยรึเปล่า ก็เลยทำอะคะ แต่จริงๆแล้ว ถ้าเรื่องดอกเบี้ยของฝ่ายหญิงไม่น่าจะแพงเท่าไหร่ เพราะว่า ของเราคลุ้มครอง 15 ปี เราเสียไปประมาณ 6,000 กว่าๆ แต่ว่าของแฟนเรา ระยะเวลา 15 ปี เท่ากันแต่จ่ายไปประมาณ 20,000 กว่า ๆ พี่ จนท.แจ้งมาว่า เพราะผู้ชายมีอัตราเสี่ยงในการใช้ชีวิตมากกว่าคะ......สรุปแล้วทำคะ จากคุณ : ปูนิ่ม (pc3275cth) - [ 28 พ.ค. 52 18:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กู้ ธอส.100% ปลายปีที่แล้วครับ 1.9 ล้านบาท เค้าไม่เห็นบังคับให้ทำเลยครับ  แค่ถามว่าจะทำประกันอะไรบ้าง  ผมบอกว่าทำประกันอัคคี  ประกันชีวิตไม่ทำเพราะผมคิดว่าตัวเองแข็งแรงคงยังไม่ตายง่ายๆ เค้าก็ไม่เห็นว่าอะไรนะ :P จากคุณ : โมโมะทาโร่ - [ 29 พ.ค. 52 19:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ของผมซื้อบ้าน 3 ล้าน กู้ร่วม 2 คน แบงค์เสนอประกันคุ้มครองวงเงินคนละ 1 ล้าน ตลอดอายุ สัญญา 10 ปี เบี้ยคนละประมาณ 50,000.- รวมสองคนตั้งแสน เลยลองโทรไปที่บริษัทประกันว่ามีแบบอื่นไหม สรุปเลยทำแบบคุ้มครอง 10 ปีเหมือนกัน วงเงินคนละ 1 ล้านแต่จะลดลงตามระยะเวลาตามอัตราส่วน เบี้ยสองคนรวมกันเหลือแค่ 50,000.- ซึ่งผมว่าโอนะเพราะเมื่อเราผ่อนไปยอดหนี้ก็ลดลงตามระยะเวลาการผ่อน ก็จะสอดคล้องกับวงเงินคุ้มครองเช่นกัน สรุป แบงค์เขาไม่บังคับให้ทำครับ และถ้าเราจะทำเราเลือกบริษัทประกันเองได้ (ถ้าโอกว่า)  แต่โดยส่วนตัวผมว่าน่าจะทำนะคับ ถือว่าทำได้เป็น ยันต์ สบายใจกว่า ซึ่งไม่เกิดอะไรขึ้นก็ดีที่สุดอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 15:25:24 จากคุณ : HiTee - [ 30 พ.ค. 52 15:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ที่เคืองเจ้าหน้าที่แบงค์ก็คือ ตอนจะกู้บอกประมาณว่าต้องทำและเราก็ไม่ต้องกังวลถ้าเป็นอะไรไปประกันจ่ายให้หมด  ส่วนตัวก็เคยทำประกันชีวิตมาก่อน ก็คิดว่าโอเคไม่มีปัญหา....พอเห็นตารางการได้รับผลประโยชน์..อ้าว..ไม่ได้จ่ายให้หมดนี่ ก็เลยไปวีนซะ...หัวหน้าฝ่ายพูดประมาณว่าถ้าไม่ทำกู้ไม่ผ่าน...ก็ไงล่ะ ถ้าทั้งประเทศไม่มีใครทำก็ไม่ให้กู้เลยซักคนใช่มั้ยเนี่ยะ... ถ้าทำเรื่องยกเลิกต้องเสียไปประมาณ 1.5 หมื่น ทั้งๆ ที่เพิ่งได้รับกรมธรรม์มาได้สองวัน....ก็ผ่านไป แต่ก็อบรมจริยธรรมไปนิดนึงว่าถ้ามีลูกค้าที่ไปชวนเค้าทำประกันก็ทำตารางผลประโยชน์ให้เค้าดูคร่าวๆ หน่อย แล้วก็บอกให้ชัดเจนว่าถ้าเกิดการตายหรือทุพพลภาพ  ผู้รับผลประโยชน์ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม....ไม่ใช่จ่ายให้หมด.... ขอบคุณทุกๆ คห. ค่ะ... จากคุณ : กลัวเลขสี่ - [ 4 มิ.ย. 52 10:41:38 ]