ความคิดเห็นที่ 1 ไม่รู้เรื่อง ม.เอกชนทั้งข้อแรกและข้อสอง แต่บอกได้ว่าของรัฐเองมีการย้ายคณะภายใน แต่เปลี่ยนรหัสไม ไมม่รู้ ส่วนข้อสามน่าจะเช็คได้ แต่คุณไม่มีรหัสพาสเวริดของเค้าอยู่ดีแหละ แนะนำว่าขอใบลงทะเบียนไม่ก็หลักฐานการรับเงินก่อนดีกว่า อาจจะติดต่อที่ม. โดยตรงเลยก็ได้ ปล.รับทำของปลอมเดี๋ยวนี้มีเกลี่ยนนะ ทีวีเคยออก เรื่องเรียนพิเศษก็แล้วแต่คน แต่เรียนพิเศษแล้วแย่ พ่อแม่กลุ้มหน่อย จากคุณ : oxy_plus - [ 29 พ.ค. 52 10:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เหนื่อยแทนจริง ๆ และเข้าใจเลยว่าบังเอิญไปอยู่แบบนั้นตั้งแต่เริ่ม ค่านิยมของการปลูกฝังเลยเป็นแบบนั้น จะโทษกลุ่มเพื่อนก็ยาก เพราะสังคมคนมีเงิน จะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเป็นลูกหลานที่ผู้ปกครองมีเงินไม่เยอะ แต่อยู่ร่วมตรงนั้น ถ้าไม่ระวังตัวเองดี ๆ ก็จะมีปัญหาแน่ ๆ ข้อดีถ้ารอดไป ก็จะมีกลุ่มเพื่อนในระดับสูง เป็นฐานสังคมเพื่อประโยชน์ในภายหน้า . . . . ปัญหา จะรอดไปถึงการเรียนรู้และเข้าใจในจุดนั้นหรือป่าว จากคุณ : archparty (archparty) - [ 29 พ.ค. 52 11:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องเปลี่ยนรหัสผมเห็นนักศึกษาเอกชนหลายแห่งทำบ่อย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องปกติหรือเปล่าครับ (เหตุผลตกจนเกินเยียวยา เกรดเฉลี่ยแย่มากๆ หมดโอกาสเกินโปร) เรียนพิเศษไม่จำเป็นหรอกครับ ดูแล้วปัญหาอยู่ที่เด็กมากกว่า ครูเทวดาก็คงยาก หากเด็กไม่เปลี่ยนทัศนคติในเรื่องการเรียน การคบเพื่อน บุกไปมหาลัยเลยครับไปถามอาจารย์ที่ปรึกษาเลย ได้คำตอบแน่นอน ดูทางnetได้เหมือนกันแต่ต้องมีรหัส และpasswordเขาคงไม่บอกหรอกครับ เด็กเดียวนี้ชอบลงทะเบียนเยอะๆ จ่ายค่าเทอมแพงๆ แล้วแอบถอนทีหลังเอาเงินไปใช้ ไม่ได้ลงเรียนจริงๆหรอกครับ เดียวนี้มีลูกต้องรู้เท่าทันไม่งั้นโดนหลอกเอาง่ายๆ จากคุณ : Megrim - [ 29 พ.ค. 52 11:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พ้นชีวิตมหาลัยมาประมาณ 5 ปี ค่ะ  ตอนนี้น้องเรียนมหาลัยอยู่  แต่เป็นสายด้านการแพทย์   ไม่ทราบว่าหลานของคุณเรียนสาขาใด  อาจมีปัจจัยต่างๆที่ไม่เหมือนกัน   ก็ขอตอบตามความเข้าใจและประสบการณ์นะคะ   1.  เปลี่ยนรหัสก็เหมือนสมัครเข้าเรียนใหม่แหละค่ะ ไม่น่าใช่เรื่องปกตินะคะ  คนที่เปลี่ยนก็คือเด็กที่มีปัญหาเรียนไม่จบค่ะ 2.  เรื่องเรียนพิเศษทั้งตอนที่เราเรียนอยู่   และน้องสาวเรียนอยู่ตอนนี้ (คนละมหาวิทยาลัย)  ไม่เคยเรียนพิเศษเลยค่ะ   มีแต่อาจารย์นัดสอนเสริมกรณีที่มีวันหยุดมากๆจนสอนไม่ทัน   แต่ไม่เสียค่าใช้จ่ายสักบาทเดียว   เท่าที่เห็นเพื่อนๆก็ไม่มีใครเรียนพิเศษ   ถ้าจะมีคือสนใจจะเรียนเอง   เช่น  เรียนภาษาเพิ่มเติม 3.  เรื่องเช็คผลการเรียน  ขอให้ติดต่อทางมหาวิทยาลัยโดยตรงเลยค่ะ  บอกว่าเป็นผู้ปกครอง  หรือทางที่ง่ายที่สุดคือไปขอพบอาจารย์ที่ปรึกษาของน้องเค้า  ถ้าไม่ทราบก็ขอให้อาจารย์ท่านใดก็ได้ในคณะช่วยประสานงานให้   วิธีนี้น่าจะดีที่สุดเพราะจะได้ทราบว่าน้องเค้ามีปัญหาอะไร   มาสอบหรือมาเรียนบ้างหรือไม่  เพราะบางวิชาอาจารย์เค้าจะเช็คชื่อ  หรือมีการทดสอบท้ายชั่วโมงด้วย  ซึ่งถ้าไม่เข้าเรียนก็จะไม่มีรายชื่อหรือผลทดสอบค่ะ จากคุณ : sweet toffy (SWEET TOFFY) - [ 29 พ.ค. 52 11:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยู่ในวงการการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยนะคะ ขอยืนยันว่าผู้ที่เป็นอาจารย์โดยจิตวิญญาณจะมีแต่ความเมตตาให้นิสิตนักศึกษา ไม่มีการกดคะแนน ไม่มีอคติต่อลูกศิษย์ ไม่มีการบีบบังคับใดๆ ให้ลูกศิษย์ไปเรียนพิเศษแพงๆ กรณีหลานของคุณเห็นใจมากค่ะ เรื่องการเปลี่ยนรหัสนักศึกษา ต้องเป็นกรณีออกแล้วสมัครเข้าเรียนใหม่ เรื่องไปเรียนพิเศษ  น้องของเพื่อนเรียนม.เอกชนที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน จบแล้วด้วย ตอนเรียนก็มีไปเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน เพราะเขาเพิ่งมาเริ่มเรียนตอนมหาวิทยาลัย ก็เหมือนเราๆ ท่านๆ ที่ไปเรียนพิเศษภาษาเพิ่มเติม   แต่ไม่มีการบังคับใดๆ ทั้งสิ้นแน่นอน  และไม่จำเป็นว่าต้องไปเรียนพิเศษแล้วถึงสามารถจบการศึกษาได้ นี่ระดับมหาวิทยาลัยนะคะ ระดับนี้เน้นการศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเอง หากเอาใจใส่ ตั้งใจ ส่งงานตรงเวลา ขยันพอควร ก็จบได้ เรื่องที่สามหากมีปัญหามากขอแนะนำให้คุณติดต่อทางมหาวิทยาลัยโดยตรง  ติดต่อได้ตั้งแต่ระดับอาจารย์ที่ปรึกษา ภาควิชา คณะ และมหาวิทยาลัย  ข้อมูลที่คุณอยากทราบเป็นข้อมูลส่วนตัวของหลานคุณ คงต้องให้ผู้ปกครองของเขาเป็นคนดำเนินการ ทางสุดท้ายเลิกให้เงินใช้ฟุ่มเฟือย แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 52 11:44:26 จากคุณ : Bt vista - [ 29 พ.ค. 52 11:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่าน .. ทุกข์ใจแทน จขกท. .. เป็นกำลังใจให้นะคะ .. เด็กสมัยนี้ต้องทำใจสถานเดียว จากคุณ : อาริสา (BEN_TUB) - [ 29 พ.ค. 52 11:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีปัญหาอย่างมากแล้วครับ นี่แสดงว่าถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็ก และที่บ้านคงจะมีฐานะ เลยเป็นขนาดนี้ จากคุณ : Shinemon คุง - [ 29 พ.ค. 52 12:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เหนือยใจแทนนะครับ ยังไงก็ลองติดต่อไปที่มหาลัย ขอพบอาจารย์ที่ปึกษาดูครับ บางทีอาจจะมีปัญหาอะไรที่เราไม่รุ้เพราะเค้าปิดบังไว้ จะได้หาทางแก้ไขได้ครับ เอาใจช่วยนะครับ จากคุณ : MyLoveMyBabe - [ 29 พ.ค. 52 12:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าพบ อาจารย์ ที่ม. เลยครับ แจ้งเป็นผู้ปกครอง (ทางที่ดีต้องเอา พ่อ หรือแม่ไปนะครับ) แล้วไปไม่ต้องไปบอกเค้าล่ะ ทางนั้นเค้าคงต้องการพบผู้ปกครองอยุ่แล้ว ลดเงินที่ให้ลงมาด้วยนะครับ ให้เฉพาะไว้กินข้าว ย่ำว่าเฉพาะกินข้าวนะ ส่วนเรื่องเงินเรียน ค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้ผู้ปกครองไปจ่ายด้วยตัวเองเท่านั้น อยากเรียนอะไรก็เรียนไป อ้างอะไรก็อ้างไป แต่ ทาง คุณต้องไปจ่ายเอง ห้ามโอนเงิน ห้ามให้ใช้บัตรเครดิต (ต้องไปนะห้ามขี้เกียจหรืออ้างไม่มีเวลา) เท่าที่ดูๆๆอ่านๆ เด็กไม่ได้ไปเรียนหรอกเที่ยว มากกว่า หรือถ้ายังไง  หานักสืบสักคน ลองตาม หลานคุณก็ได้ครับ เดียวก็รู้ ว่าเรียนจริงรึเปล่า แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 52 12:52:31 จากคุณ : ชายโย - [ 29 พ.ค. 52 12:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรียนม. เอกชนค่ะ ที่เข้าไปเรียนได้เพราะได้ทุนการศึกษาเรียนฟรี บ้านก็เป็นชนชั้นกลางธรรมดา ถ้าไม่ได้ทุนเรียนฟรีก็คงจะไปเรียนคณะที่เอ็นท์ติดค่ะ ตอบเป็นข้อๆ ดังนี้นะคะ 1.เปลี่ยนรหัสนักศึกษา - อันนี้คือการลาออกเพื่อเข้ามาเรียนใหม่ก็จะได้รหัสใหม่ค่ะ กรณีเรียนแล้วเกรดเฉลี่ย ไม่ผ่านเกณฑ์ เช่น เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 1.8 เกินกี่เทอมๆ ถึงจะต้องออก 2.เรื่องเรียนพิเศษนี่มันจริงหรือครับ ที่จำเป็นต้องเรียน >>> อันนี้ขอตอบว่า จำเป็นบ้างค่ะ ในบางวิชาเช่น คณิตศาสตร์ คำนวน แต่.. เดี๋ยวนี้มันมีเรียนพิเศษระดับมหาวิทยาลัยด้วยเหรอ 3.ทำยังไงครับถ้าเราอยากเช็คผลการเรียน และรายการลงทะเบียน ทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนระหัส ทางเวปไซท์ได้ไหมครับ เขาไม่บอก >>> ไปที่ฝ่ายทะเบียนนักศึกษาค่ะ ถ้าเราเป็นผู้ปกครอง นามสกุลเดียวกัน ก็น่าจะเช็คได้นะคะ จากคุณ : amuro4ever - [ 29 พ.ค. 52 13:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อุแม่เจ้า... ระดับมหาวิทยาลัยต้องเรียนพิเศษกันแล้วหรือนี่ ตอนทำงาน นี้ต้องจ้างครูสอนพิเศษไปทำด้วยรึป่าวเนี่ย -_-" ถ้าจะจับให้ได้ ไล่ให้ทัน ต้องคลุกวงใน หาข้อมูลเชิงลึกค่ะ ถามอาจารย์ ให้เข้าใจระบบจิงๆ ถึงจะแก้เกมส์ได้ จากคุณ : ~lucky me~ (GniN) - [ 29 พ.ค. 52 13:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เปลี่ยนรหัส   เรียนไม่จบ เกรดไม่ถึงเกณฑ์ ต้องลาออกแล้วสมัครเป็นนักศึกษาใหม่ เรียนพิเศษ ในมหาวิทยาลัย ไม่มีความจำเป็นนอกจากวิชาที่พิเศษจริงๆ เช่น ภาษาต่างๆ อังกฤษ จีน ญีปุ่นฯ เช็คผลการเรียน   ติดต่อที่สำนักทะเบียนของมหาวิทยาลัย ให้นำรหัสนักศึกษา ของน้องไปด้วย ตั้งแต่รหัสแรก จนถึงรหัสปัจจุบัน (รหัสทั้งหมด) ให้ผู้ปกครองเป็นคนไปเอง แจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่ว่าขอ เอกสารการลงทะเบียนทั้งหมดรวมถึงผลการเรียน วิธีอื่นที่อยากแนะนำเพิ่มเติม 1. ให้ผู้ปกครองมีเวลาและเข้มงวดกับลูกมากกว่านี้ 2. เลิกตามใจ 3. ให้เงินตามความจำเป็น 4. รายจ่ายในเรื่องการเรียน ผู้ปกครองต้องเป็นคนจ่ายเองโดยตรง 5. ต้องสอนให้เขามีจิตสำนึกที่ดี จากคุณ : nu_aorr - [ 29 พ.ค. 52 13:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สมัยนี้โตแต่ตัว แต่ความรับผิดชอบอย่างอื่นไม่ยอมโต เราเป็นคนนึงที่เรียนม.เอกชน กู้เงินเรียน เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เรียนป.ตรี 5 ปี แต่ก็ยังดีที่จบมาได้ 3.13 ปีสุดท้ายได้ทุนของมหาลัย เพราะว่ากู้ได้ไม่เกิน 4 ปี ปีสุดท้ายเลยลองขอทุนของมหาลัย เลยจบมาได้ น้องแฟน อายุน้อยกว่าเรา 1 ปี เรียนปวช. 5 ปี จบมาเกรดไม่ถึง 2 หางานทำ ทำบ้างไม่ทำบ้าง พอปลายปีที่ผ่านมาตกงานเพราะโดนจ้างออกได้เงินชดเชยมา 1 เดือน แต่ว่าออกรถมอเตอร์ไซต์ใหม่ ผ่อนเดือนละ 2800 ไม่มีเงินก็มายืมเงินแฟนเรา(พี่ชายเค้า) ทุกวันนี้ยังไม่ได้คืนเลย รู้ก็รู้ว่าพี่ชายมีครอบครัว มีลูก มีบ้านที่ต้องรับภาระ ยังกล้ามายืมเงินอีก ตอนนี้คงนึกได้ว่าเรียนน้อย หางานยาก สมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ (แถมยังเลือกงานอีกด้วย) เลยไปลงเรียน ป.ตรี ตอนแรกไปขอทุน กยศ. ที่ม.เอกชน แต่เค้าไม่ให้ผ่านเพราะเกรดไม่ถึง เราเคยบอกกับพี่ชายเค้าว่าทำไมต้องเป็นม.เอกชน คิดว่าจะเรียนเพื่อเอาหน้าเอาตายังงั้นเหรอ เรียนม.เปิดที่ไหนก็ได้ หรือไม่ก็เรียนต่อ ปวส.ก่อนแล้วค่อยไปต่อป.ตรี ยังไงถ้าเรียนไปจบก็จะได้วุฒิ ปวส.มาก่อน (เพราะขนาดเรียน ปวช.ยัง 5 ปีเลย) ตอนนี้เลยต้องไปหาเรียนปวส. ต่อ ลูกน้า (ลูกพี่ลูกน้อง) อายุ 16 ปี เรียนอยู่ รร. ที่ตจว. ตอนม.4 ออกจากบ้านทุกวัน แต่ไม่เข้าเรียน จนต้องซ้ำชั้น พอซ้ำชั้นก็เหมือนเดิมบอกแม่ว่าไปเรียน แต่สุดท้ายอาจารย์เรียกผู้ปกครองไปพบ บอกว่าลูกชายไม่เข้าเรียนเลย มาถามลูกลูกบอกว่าไม่เรียนแล้ว จะออกมาทำงาน เลยไม่เข้าใจเลยว่าเด็กสมัยนี้คิดอะไรกัน แม่เค้าคงตามใจลูกตั้งแต่เล็กแล้ว เลยติดนิสัย และอีกอย่างสังคมต่างจังหวัด น้าเค้าคงตามลูกไม่ทัน บอกใ้ห้เอาคอมพ์ออกมาไว้ข้างนอกห้องนอน หรือไม่ก็ตัดเน็ตไม่ต้องให้ใช้ ก็ไม่ทำ ลูกเข้าบ้านตี 2 ตืนสายก็ไม่ว่า มีแต่บ่น บ่น บ่น ลูกก็ได้ใจ แม่คงทำได้แค่บ่น ถ้าคิดว่าการเรียนหนังสืออยากลำบาก แล้วออกมาทำงานไม่ลำบากกว่าเหรอ ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ค่าเดินทาง แล้วยิ่งเรียนมาน้อยๆ ใครเค้าจะรับเข้าทำงาน ถึงจะได้งานก็เป็นงานที่ต้องใช้แรงงาน งานหนักนะไม่ใช่งานเบาๆ อยากฝากบอกเด็กสมัียนี้ว่า ตอนเรียนเป็นช่วงที่สบายที่สุดแล้วจริงๆ ใ้ห้ตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอแล้ว รับผิดชอบการเรียนอย่างเดียวให้ดีก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องอื่น จากคุณ : FirstsyGirl - [ 29 พ.ค. 52 13:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ทราบว่าใช่เรียนที่เอแบครึเปล่าค่ะ ขอบอกค่ะว่าเราจบจากที่นี่มา ใช้ระยะเวลาในการเรียน 4 ปี จบมาเเล้ว 3 ปีค่ะ 1. ที่บอกว่าเปลี่ยนรหัสนี่ สำหรับเรา ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมากค่ะ เพราะเราคิดว่านักเรียนที่เรียนอย่างเดียวเเละไม่ได้รับผิดชอบเรื่องอื่น ควรมีความรับผิดชอบในเรื่องเรียนให้ได้ เพื่อนที่เราคบอยู่เรียนจบ 3ปีครึ่ง ถึง 4 ปี มีประมาณ 97% ส่วนที่เรียนจบ 5 ปีก็มีประมาณ 3% (ใน3เปอร์เซนนี้ มีที่เป็นแฟนเราด้วย) เราขอบอกว่า อยู่ที่ทัศนคติค่ะ บางคนอยากรีบจบเพราะมีทัศนคติที่ดี อยากรีบทำงานเพราะจะได้รับผิดชอบตัวเอง ช่วยเหลือครอบครัว บางคนหัวไม่ไปจริงๆ อาจเรียนช้าบ้าง แต่ก็มีความตั้งใจที่จะจบ บางคนลงวิชาไม่ทัน เพราะว่าบางวิชาบังคับลง เเต่จำนวนนักเรียนเยอะเกินกว่าที่วิชาจะเปิด จึงต้องรอไปเรียนเทอมหน้า บางคนนี่ นั่งกินนอนกินเพราะสบาย บ้านรวย จะลงเรียนกี่รอบก็ได้ ไม่เดือดร้อน เพราะถือว่าบ้านมีตังจ่าย พ่อแม่ไม่ดุไม่ด่า สำหรับเรา ต้องรีบเรียนให้จบ เพราะจะได้หาเงินมาเลี้ยงดูตัวเอง ไม่เป็นภาระให้พ่อแม่อีกต่อไป จากคุณ : dodotony - [ 29 พ.ค. 52 14:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 2. ถ้าเรียนที่เอแบคนี่ เรื่องเรียนพิเศษถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ปี1 เทอม 1 เราเรียนเกือบทุกวิชา เพราะว่าปรับตัวไม่ทันเลย เข้าห้องเรียนเเล้วจะร้องไห้ เจออาจารย์อินเดีย เกาหลี ฟังภาษาอังกฤษไม่ออก อ่านTEXT ไม่เป็น ไม่รู้เเนวข้อสอบ งงไปหมด เพราะหนังสือหนามาก ไม่รู้จะจับใจความอย่างไร ถ้าไปเรียนพิเศษ เค้าจะเอาข้อสอบเก่าๆมาให้ลองทำ ทำให้ พอรู้เเนวทางได้ พอปีต่อๆๆไปก็เรียนเเค่วิชา บัญชี การเงิน หรือ วิชาที่ยากจริงๆ บางทีก็แบ่งๆกับเพื่อน ซีรอก ชีทเรียนพิเศษ กับเพื่อนๆ ที่จบทันในมา 4 ปี ก็ทำอย่างนี้กันหมดทั้งกลุ่ม บางคนก็ได้เกียรตินิยมด้วย เเต่อย่างว่า อยู่ที่คนนะค่ะ อ่านชีท ชุดเดียวกัน ได้ C หรือ D ก็มี จากคุณ : dodotony - [ 29 พ.ค. 52 14:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 3. อันนี้ คิดว่าน่าจะไปลองติดต่อห้องทะเบียนดูค่ะ ส่วนตัวเเล้ว คิดว่า ทางผู้ปกครองให้เงินง่ายไปรึเปล่าค่ะ ทำไมดูเเล้ว น้องคนนั้น ไม่รู้จักคิดอ่ะไรเลย เหมือนเด็กที่สบายมาทั้งชีวิต ไม่รู้จักค่าของเงินเลย ลดๆ มาหน่อยดีกว่ามั้ยค่ะ หรือไม่ก็ลองคุยดูว่า ที่บ้านตอนนี้กำลังมีปัญหาเรื่อง เงิน ต้องประหยัดเเล้วนะ..... จากคุณ : dodotony - [ 29 พ.ค. 52 14:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ จขกท.คะ เราก็เป็นคนนึง ที่จบมาจากสถาบันนี้ ขอตอบคำถามนะคะ =>1.เรื่องเปลี่ยนรหัส (ที่นี่ เรียก re-enter ค่ะ) เป็นเรื่องปกติของที่นี่ โดยเฉพาะคนที่เรียนแล้วเกรด ไม่ถึง 2.00 ถ้าเป็นปี 1เทอม1 ถ้าไม่ถึงเค้าอนุโลมให้เรียนต่อได้ แต่ถ้า ปี1/2 ไม่ถึงอีกก็ต้อง re-enter ค่ะ(ไม่รู้ว่าใช่รึป่าว ไม่เคยre แต่เพื่อนคนที่เคย re เค้าบอกมา) ถ้าไม่ re-enter ก็ต้องretire ค่ะ =>2.เรื่องการเรียนพิเศษ สำหรับเรา มันช่วยทำให้เกรดเราดีขึ้นค่ะ เพราะว่าเป็นคนที่พื้นฐาน ภาษาไม่ดี (เกลียดภาษาเอามากๆ) ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่ามันดี (ที่บ้านเรียก ลองของ)ก่อนสอบ mid term เลยไม่เรียน คะแนน นี่แย่เลย แต่พอ final เพื่อนบอกว่า ไปเรียนดิ ก็เลยไปลองดู จากคะแนนที่คิดว่าคงได้แค่ C แต่พอเกรด ออกมา ได้ A- ก็ ดีใจ เราว่ามันทำให้เราเข้าใจมากขึ้นกว่าอ่านเองนะ(สำหรับเรา) ปล.ถ้าต้องการเนื้อหาที่กระชับแล้วคะแนนดีขึ้น ก็เรียนเถอะค่ะ แต่เราเลือกเรียน แต่วิชาคำนวณ วิชาอ่าน ยืมชีท เพื่อนที่ไปเรียนมาอ่านก็ได้ (ขี้งก) อ้อ=ที่นี่อาจารย์ไม่ได้สอนพิเศษเองค่ะ แต่เป็น รุ่นพี่ที่เค้า เคยเรียนแล้วจบไปแล้ว มาเปิดสถาบันค่ะ =>3.เรื่องเช็คผลการเรียน ถ้าเช็คทางเน็ตคุณต้องรู้ user name(un) ,password ......ส่วนมาก (un) จะเป็น รหัสประจำตัวน้องเค้า เช่น u501xxxx เลข2ตัวข้างหน้าเป็นปีที่เข้าค่ะ ตัวที่3 เป็นเทอมมั้ง ถ้าคุณรู้ pw เค้า คุณจะรู้ทุกอย่างค่ะ หรือมีอีกทางนึง คือ หลังสอบ final เสร็จ ม.จะมีจม.แจ้งเกรดค่ะ เพื่อให้ พ่อ,แม่ ทราบ ว่าลงเรียนกี่วิชา แล้วผ่านกี่ตัว drop กี่ตัว ได้เกรด อะไรบ้าง (รอซักเดือนนึง มั้งคะไม่แน่ใจ แล้วแต่ว่าใครจะได้ก่อน,หลัง) แต่ถ้าบางที ไม่มี จม.มาถึงบ้าน แสดงว่าเค้าอาจเปลี่ยนที่อยู่ให้ไปส่งที่บ้านเพื่อนก็ได้ อ้อ>>ที่นี่ไม่มีอ.ที่ปรึกษา แบบตัวต่อตัว ค่ะ ..........ถ้าหากมีปัญหาจริงๆ ก็ลองดู เบอร์มหาลัย แล้วให้โอนไปที่ห้องทะเบียน แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะบอกเกรดรึป่าวนะคะ . .............ที่ม.นี้ส่วนมากเป็นลูกคนมีตังค์(ไม่ใช่เรา)แล้วแต่ว่าเราจะเลือกคบเพื่อนค่ะ .....ส่วนเราอยู่กลุ่มเพื่อน ติงต๊อง,อยากทำอะไรก็ทำ ไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร จากคุณ : u461xxxx - [ 29 พ.ค. 52 14:30:07 A:125.25.19.117 X: TicketID:218120 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เท่าที่อ่านมาน่าจะเป็น ม. เดียวกับที่นัทเพิ่งเรียนจบมาค่ะ จบ 4 ปีพอดี เฮ้อ...เหนื่อยหลายๆ 555 ป๊าแอบภูมิใจใหญ่เพราะทั้งป๊าทั้งม๊าก็ไม่ได้เรียนจบมหาลัยทั้งคู่ค่ะ เลยต้องตั้งใจนิดนึงเพื่อทั้งคู่แล้วก็ตัวเองด้วย ^^~ --------------------------- 1.เรื่องเปลี่ยนรหัสนี่ เด็กสมัยนี้เขาทำเป็นเรื่องธรรมดาแล้วหรือ เห็นเขาบอกว่า เพื่อนบางคนเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก   >>>> อืม....ข้อนี้ขึ้นอยู่กับตัวเด็กแล้วค่ะว่าตั้งใจเรียนแค่ไหนให้ไม่ติดโปรจนต้องรีเอนเทอร์ รีเอนเทอร์จะเป็นการที่เด็กเรียนติดโปร(เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า2 มีโปรต่ำ-โปรสูงค่ะ)นานกว่า2-3 เทอมติดกันเลยต้องรีเอนเทอร์ค่ะ จะเก็บวิชาเรียนได้บางตัวที่ไม่ต่ำกว่า C ส่วนมากที่เห็นว่าต้องรีเอนเทอร์มีทั้งพวกที่ตั้งใจเรียนแต่ไม่ไหวจริงๆกับคณะนั้นๆ กับพวกที่เรียนๆเล่นๆไปวันๆค่ะ 2.เรื่องเรียนพิเศษนี่มันจริงหรือครับ ที่จำเป็นต้องเรียน >>>> มันก็จำเป็นในบางวิชาค่ะ อย่างนัทก็เรียนในวิชาที่เป็นคำนวน โดยส่วนตัวไม่เก่งเลข แต่ขอยืนยันว่าอาจารย์ที่มหาลัยไม่มีกั๊กเด็ดขาดค่ะ เพราะว่าบางครั้งถ้าตั้งใจฟังอาจารย์จดเลกเชอร์ดีๆวิชานั้นก็ได้เกรดดีๆได้ค่ะ (ทำได้เฉพาะวิชาอ่านค่ะ วิชาคำนวนฟังอาจารย์แล้วไปฟังติวเตอร์เป็นภาษาไทยอีกรอบ)แต่ที่เรียนไว้เพื่อเวลาทำข้อสอบจะได้มีแนวทางที่ทำให้คิดได้เร็วขึ้นเท่านั้นเองค่ะ พี่ๆที่ติวเตอร์อาจจะมีเก็งข้อสอบให้บ้างด้วยค่ะ ที่เรียนพิเศษไม่ใช่อาจารย์สอนนะคะ ส่วนมากเป็น นศ.ที่จบจากมหาลัยไปนานมากแล้วมาเปิดสอนในวิชาที่เค้าถนัดกันค่ะ เรื่องเรียนพิเศษก็เรียนได้เฉพาะวิชาที่เรียนเหมือนๆกันในช่วงปีแรกๆค่ะ เพราะพอเลือกวิชาเมเจอร์กันแล้วก็ต้องอ่านเองกันหมด ยกเว้นเมเจอร์ยอดนิยมอาจจะมีเปิดสอนบ้างแต่ก็ไม่ทุกวิชาค่ะ 3.ทำยังไงครับถ้าเราอยากเช็คผลการเรียน และรายการลงทะเบียน ทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนระหัส ทางเวปไซท์ได้ไหมครับ เขาไม่บอก >>>จริงๆมีเช็คได้จากทางอินเตอร์เน็ตค่ะ แต่ต้องใช้ ID ของนักศึกษากับพาสเวิดของเค้าค่ะ แอบอยากบอกอย่างนึงค่ะเรื่องค่าใช้จ่ายหอพักทำไมที่เขียนมาแพงจังเลยค่ะ เพื่อนๆนัทก็อยู่หอในของทางมหาลัย(ที่บางนาค่ะ) เดือนๆนึงไม่ค่อยจะถึง 5000 บาทเลยค่ะ อาจจะมีเกินบ้างถ้ากระหน่ำเปิดแอร์... แต่ก็ไม่ค่อยมีใครทำเท่าไร จากคุณ : Nutt~PiGGie - [ 29 พ.ค. 52 14:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้อยู่มหาลัยปี3 การเรียนพิเศษที่มหาลัยเราไม่ค่อยมีนะ แต่ถ้าเป็นม.ที่คุณว่า เราก็พอจะเดาออกว่าคือที่ใด เรามีเพื่อนเรียนที่นั่น เค้าบอกว่าส่วนมากก็เรียนกันจริงๆค่ะ เพราะมันยาก เป็นภาษาอังกฤษหมด ก็เลยต้องเรียนเพิ่มเติมอ่ะค่ะ จากคุณ : wellease - [ 29 พ.ค. 52 15:08:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เคยได้ยินว่ามีการสอนพิเศษให้นักเรียนระดับมหาวิทยาลัยนะคะ คงโดนหลานหลอกแล้วแหล่ะค่ะ จากคุณ : แอร์เก๋า - [ 29 พ.ค. 52 15:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านแล้วก็เห็นใจครับ  ได้แต่ เฮ้อ.................... ไม่รู้จะต้องเลี้ยงไปจนถึงอายุ 70 หรือเปล่า............................. จากคุณ : asawavet - [ 29 พ.ค. 52 16:13:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เวรกรรม   ตกลงเด็กคนนี้อยู่ในเปอร์เซ็นจี๊ดเดียวของที่นั่น ตกลงผู้ใหญ่ต้องช่วยเรียนแล้วหรือนี่  เขาไม่เคยให้แม่เขาดูใบเกรดเลย แถมยังโทษครูอีก   นี่รู้อีกเรื่องมีการลงแล้วไปถอนเอาเงินมาใช้อีก  นึกว่ามี ดร็อปอย่างเดียว นี่จะเปิดเทอมใหม่แล้ว ต้องไปดูรายการพ่อเฟรชชี่รอบสองอีกที ทำไรไปบ้างจะได้รายงานแม่เค้าถูก ต้องขอโทษพี่ๆศิษย์เก่ากันด้วยนะครับ  ไม่ได้อยากกล่าวชื่อเลย เฮ้อ จะเอาตัวรอดไปได้ยังไง จากคุณ : foolishly - [ 29 พ.ค. 52 16:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่ได้ว่างู้นงี้นะครับ ผมจบเอแบคเหมือนกันและเหมือนที่ข้างบนๆพูดที่นี่ต้องรับผิดชอบตัวเองครับไม่มีใครมาโอ๋มาไกด์ให้ซึ่งก็เป็นข้อดีทำให้เรามั่นใจในตัวเองที่เราทำได้เองครับ แต่ข้อเสียคือเนื่องจากที่นี่ไม่ได้มีระบบเคี่ยวเข็ญให้ต้องจบเป็นรุ่นๆหรือมีการจัดห้องจัดกลุ่มให้นักเรียนอยู่ด้วยกัน พวกที่ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้หรือไม่สามารถหาคนมาคบด้วยได้ก็เยอะครับซึ่งถ้าดันเรียนไม่เก่งอีกก็จบกันเพราะไม่ว่าจะชมรมกลุ่มต่างๆเราต้องไปหาเข้าเองทั้งนั้นครับ อาจจะงงมาเล่ามามันเกี่ยวกันยังไง คือด้านนึงเค้าปล่อยให้เรารับผิดชอบตัวเองขนาดนี้อีกด้านนึงเค้าก็เก็บrecordของนักศึกษาเค้าไว้ได้ดีมากเหมือนกัน การจะทะเบียน เกรด ค่าใช้จ่ายหอ หนังสือ กิจกรรมทุกอย่างมีใบเสร็จและส่วนใหญ่มีข้อมูลออนไลน์ให้ดูด้วย ส่งจดหมายถึงบ้านก็มีหลายชนิด ฉะนั้น ลองเรียกหาอะไรพวกนี้จากหลานดูบ้างก็ได้ครับ อย่างที่ข้างบนบอกแค่ให้ลอกออนบนเว็บก็เห็นหมดแล้วครับว่าเค้าพูดจริงไม่จริง อีกนิด พวกที่อยากจะเรียน IELT นี่ส่วนใหญ่จะไม่ผ่านวิชาภาษาอังกฤษซักที (อินเซนทีฟ2ตัวถ้าเข้ามาไม่ถึงเกณฑ์ และEnglish1-4 อีก4วิชา) ถ้าไปสอบ IELT แล้วได้คะแนนถึงระดับนึงแล้วไปยื่นทางเอแบคก็จะถือว่าผ่านวิชาภาษาอังกฤษพวกนั้นให้ครับ แต่ผมว่ามันเปลืองโดยใช่เหตุ เอแบคให้โอกาสทุกคนเข้ามาเรียนได้ง่ายมากครับ แต่ถ้าจะเอาปริญญาจากเขาเนี่ยไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับ จากคุณ : POR_SK116 - [ 29 พ.ค. 52 17:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ที่คุณปอ บอกมาน่าสนใจมากครับ ผมเพิ่งรู้ สภาพการเรียนของเค้า มันเป็นแบบที่ว่าระบบเปิด  ปกติเค้าอยู่มีคนทำให้เยอะ   มิน่าเค้าถึงปรับตัวไม่ทัน  หนักเข้าก็โทษอย่างอื่น ielt นี่น่าจะสอบยากไม่น้อยกว่าหลักสูตรปกตินะครับ ไม่รู้เค้าจะหาภาระเพิ่มใส่ตัวทำไม อันนี้ผมลองชั่งน้ำหนักดูนะครับ จากคุณ : foolishly - [ 29 พ.ค. 52 17:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อ1.การเปลี่ยนหรือการรีรหัส ของมหาวิทยาลัยของผม(ไม่ใช่เอแบค)นะครับ  ถ้าเกรดไม่ถึง1.50จะโดนรีไทร์ ต้องลาออกแล้วสมัครเข้ามาใหม่ และแจ้งทางคณะว่ารีรหัสจะสามารถโอนวิชาที่ได้เกรดCขึ้นไปมาได้ ข้อ2.เรื่องเรียนพิเศษนี่ แล้วแต่คนครับ ผมไม่ได้เรียน แต่เพื่อนผมที่เรียนเอแบค เขาก็ลงกันทุกคนนะครับ เพื่อนผมบอกว่า เรียนแล้วเข้าใจมากขึ้นเลยลง ข้อ3.การเช็คเกรดสามารถเช็ดได้ที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย แต่ต้องรู้รหัสนักศึกษา และพาสเวิร์ดอ่ะครับ จากคุณ : หล๋อมแหล๋ม - [ 29 พ.ค. 52 18:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ที่หลายนคุณพูดมา มีเหตุผลทุกประการครับ เพียงเรื่องเงินผมว่าไม่มีเหตุผล 1. เปลี่ยน รหัส เรียกว่า Re-enter คือการสมัครนักศึึกษาใหม่ โดยการเอาเกรดวิชาที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดมาใช้ใหม่ได้ บางมหาวิทยาลัย B ขึ้นไป บางที่ C ก็พอ ----ดังนั้นไม่ใช่เอาทุกวิชามาได้นะครับ---- 2.1 เรื่องกวดวิชา สมมุติ ลง 6 ตัวต่อเทอม เรียนหมดก็ ประมาณ 1200x6= 7200 เรียนมากกว่านั้นผมว่าเกินความจำเป็น และผมว่าไม่มีใครทำหรอกเรียนซ้ำๆกัน 2.2 ไอเอลส์ ส่วนตัวไม่จำเป็นครับสำหรับเด็กมหาวิทยาลัย ประการแรกคนที่เรียนครอสนี้ได้ต้องไปสอบก่อนครับ หากไม่ถึงขั้นเขาไม่ให้เรียน(สำหรับที่ดีๆ เช่น British Council) ซึ่งไม่ถึงขั้นจะต้องลงครอสเพิ่ม แพงมาก เสียเวลา ประการที่สอง ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ 3 เดือนจะเก่งได้มันคือการสะสมบารมี พวกที่เรียนแล้วได้ดี คือพวกที่มีพื้นพอควร พอถึงเวลาเรียนและสอบสามารถเค้นกำลังภายในออกมาได้ ประเภทไม่เก่งแต่แรกแล่วไปหวังลมๆแล้งๆ บอกได้เลยว่ายาก (ผ่านมากก่อน) 3. ใครเป็นผู้ปกครองของหลานคุณตอนสมัครมหาวิทยาลัย (ต้องกรอกลงในใบสมัคร) ไปขอที่ห้องทะเบียนครับ เสริมให้ครับ บ้านช่องไม่กลับผมเป็นตอนปี 4 พอดีใกล้จบแล้วไม่มีอะไรทำ เที่ยวกลางคืนอาทิตย์ล่ะ 2 วัน กินเหล้า จับนมสาวในผับ หวังว่าหลานคุณไม่ได้เป็นแบบผม ----------------------------------------------------------- สิ่งที่หลานคุณอ้างมา ถูกต้องทุกอย่างตามชีวิตมหาวิทยาลัยครับ ที่ไม่ถูกคือผู้ปกครองให้เงินมากไป เช่น ตอนเช่าหอพักเคยไปดูไหมว่าเป็นยังไง ไอ้ราคา 20,000 เนี้ย ผมว่าเป็นผม Happy สุดๆ จากคุณ : กิมจิ - [ 29 พ.ค. 52 21:12:04 A:125.27.237.141 X: TicketID:178464 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ค่าหอเอามาผ่อนบ้านเดี่ยวได้สบายๆ... จากคุณ : NITTY_EK - [ 29 พ.ค. 52 22:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 กวดขันนักศึกษาให้มากกว่านี้ครับ จากคุณ : Archarn Chan - [ 30 พ.ค. 52 00:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หลานจริงๆหรือเปล่าครับ หรือว่าเด็กอายุรุ่นราวคราวหลานครับ ล้อเล่นนะครับ ผมว่าเด็กเดี๋ยวนี้มันสบายจนเคยตัว น้องผมคนนึงล่ะ(อายุห่างเยอะหน่อย) ไม่เคยลำบากตั้งแต่เด็กไม่เหมือนพวกพี่ๆที่ลำบากๆหน่อย จนตอนนี้มันก็เข้าข่ายเหมือนหลานคุณล่ะ เรียนมหาลัยเอกชนแบบพื้นๆมาหลายมหาลัยละยังไม่มีทีท่าว่าจะจบซักที่ เอาแต่เล่นพนันบอล เล่นไพ่ ผมล่ะงงเด็กสมัยนี้จริงๆ ทั้งๆที่มหาลัยเอกชน(แถวหัวหมาก)พวกผมเรียนมาแทบไม่เคยอ่านหนังสือซักตัว ยกเว้นก่อนเข้าสอบ ยังจบกันสบายๆ มีไม่จบจริงๆก็คนที่ไม่ได้ภาษาอังกฤษนั่นแหละ ส่วนพวกที่หลานคุณขอเรียนเพิ่ม ถ้ามองในแง่ร้ายอาจจะขอเงินเพื่อไปใช้ก็ได้นะครับ น่าจะดูดีๆเลยนะครับ เพราะไม่รู้เอาเงินไปทำไม ถ้าเอาไปซื้อหลุยส์ก็ยังดีกว่าเอาไปซื้อยานะครับ จากคุณ : Fraudster - [ 30 พ.ค. 52 08:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาเห็นใจเจ้าของกระทู้นะครับ ที่มีหลานแบบนั้น แต่โดยส่วนตัวผม ผมคิดว่า คนเราทุกๆคน มีวิถีชีวิตของตัวเอง มีทางออกสำหรับทุกปัญหานะครับ ใจเย็นๆ ค่อยๆดู ค่อยๆแก้ไขกันไป ผมอ่านแล้วรู้สึกได้ว่าหลานคุณ คงเป็นคนมีวาสนาดี เกิดมาในครอบครับที่มีฐานะดีมากๆ เลยใช้ชีวิตแบบนั้น บางที Profiles ที่ดูเหมือนเป็นคนรวย อาจจะไม่ได้รวยก็ได้นะครับ ขอเล่าให้ฟังถึงหลานของผมนะครับ คุณน้าผมมีลูกสามคน ลูกสามคนเรียนโรงเรียนอินเตอร์หมดเลย (ฟังเหมือนรวย แต่จริงๆแล้ว เป็นเพราะว่าคุณแม่ทำงานที่นั่น ส่วนคุณพ่อทำงานรับใช้ทางศาสนาให้กับเครือข่ายของโรงเรียน จึงได้สิทธิพิเศษ เสียค่าเล่าเรียนถูกมากๆๆๆ ... น้อยกว่า 10% ของค่าเล่าเรียนปกติ) ตอนจบ Grade 12 หลานๆผมทั้งสามคน ต้องไปสอบขอทุนเรียนต่อกันเอง เพราะที่บ้านไม่ได้มีกิจการใหญ่โต ไม่สามารถส่งให้ไปเรียน Univ ที่มี matching ตามปกติได้ ต้องเลือกไปเรียนที่ที่เขาให้ทั้งค่าเดินทางและค่าเล่าเรียน รวมถึง Pocket money และค่าหนังสือด้วย ตลอดสี่ปีที่หลานผมเรียนหนังสือ ต้องได้ A Course ถึงจะได้ทุนตลอดการศึกษา ต้องทำงานพิเศษไปด้วย เพื่อเป็นค่าเครื่องบินกลับประเทศไทย คนที่ไม่รู้รายละเอียดลึกๆ นึกว่าน้าผมรวยมากๆ แต่จริงๆแล้ว ทำงานได้เงินเดือนไม่เท่าไหร่เองครับ ผมว่าสังคมมันเปลี่ยนไปจริงๆ ยังงัยก็เอาใจช่วยนะครับ จากคุณ : JR Wood - [ 1 มิ.ย. 52 16:22:29 ]