ความคิดเห็นที่ 1 ผมมีคำถาม  เกี่ยวกับ การเลือกเครื่องปรับอากาศครับ  เท่าที่ทราบมา เค้าใ้ห้ใ้ช้พื้นที่ X 700 ของผม ห้องที่ติดแอร์ พื้นที่ประมาณ 34 ตร.ม. 34 x 700 = 23800 BTU. แบบนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ ? ถ้าผม ต้องการอุณหภูมิ ไม่ต่ำมาก แค่ประมาณ 27-28 องศา  จำเป้นที่จะต้องใช้แอร์เท่ากับขนาดที่คำนวณหรือเปล่าครับ ? ผมได้อ่านกระทู้ที่ทำ หัวพ่นหมอก พ่นใส่คอยล์ร้อน  มีทั้งข้อดี ที่ประหยัดค่าไฟ และข้อเสีย เรื่องการผุกร่อน และมีบางท่านแนะนำว่า แอร์ใหม่ ถ้าติดหัวพ่น จะไม่คุ้ม เพราะมันประหยัดได้ไม่เยอะ จริงหรือเปล่าครับ คือตอนนี้ลังเลมากๆ อยากทำก็อยาก แต่กลัวจะมีปัญหา ได้ไม่คุ้มเสีย เลยอยากขอฟังความเห็นจากหลายๆท่าน ที่มีประสบการณ์อีกครั้งครับ ว่า ถ้าผมติดแอร์ เป็นแอร์ใหม่ ถ้าต่อระบบพ่นหมอก มันจะช่วยประหยัดไฟได้มากน้อยแค่ไหนครับ  (ค่าไฟแอร์ใหม่ + ค่าไฟปั้มน้ำ + ค่าน้ำ : ค่าไฟที่ประหยัดไป คุ้มไหมครับ ?) เรื่องระบบแอร์ ถ้าใช้แอร์อินเวอร์เตอร์ ถ้าจะทำระบบพ่นหมอก จะทำยังไงให้ปั้มน้ำไม่ต้องทำงานตลอดเวลาครับ เพราะเท่าที่อ่านมา แอร์อินเวอร์เตอร์จะทำงานตลอด แต่จะเร่ง จะเบาตามอุณหภูมิ แต่ที่มีสมาชิกดัดแปลงติดหัวพ่นหมอกนั่น เป็นแอร์ธรรมดา ก็ใช้โซลินอยด์วาล์ว ต่อกับคอมแอร์ได้เลย ผมเลยสงสัยว่า ถ้าเป็นอินเวอร์เตอร์ จะต้องทำยังไงครับ  ? แล้วเรื่องการผุกร่อนของแผงคอยล์ร้อน ถ้าผม ดัดแปลง จากที่ใช้น้ำ พ่นใส่แผงคอยล์ร้อนไปตรงๆ  เปลี่ยนเป็น เลียนแบบระบบ Evap  โดยอาจจะใช้สแลน หรือมุ้งไนล่อน มาทำเป้นม่านน้ำติดไว้หน้าแผงคอยล์ร้อน แล้วปล่อยน้ำให้ไหลผ่าน สแลน  เวลาลมโดนดูดผ่านม่านน้ำ ไปที่คอยล์ร้อน มันจะช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีกว่าปกติหรือเปล่าครับ? จากคุณ : Sitporn - [ 23 มิ.ย. 52 23:33:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงคุณจะไม่ต้องการอุณหภูมิต่ำมาก ก็ควรเลือกแอร์ที่สามารถทำอุณหภูมิได้ถึง 25 องศาไว้ก่อน ดูจากแบบแล้วน่าจะใช้ขนาด 16,000-18,000 บีทียู 1 เครื่อง และ 12,000 บีทียู อีก 1 เครื่อง เมื่อใช้งานจริงจะประหยัดไฟได้ดีกว่า ตัว 12,000 บีทียู เอาไว้สำหรับบู๊ทเวลาอากาศร้อน ตั้งไว้ที่อุณหภูมิสูงหน่อย เรื่องพ่นหมอกคงไม่คุ้ม ประหยัดไฟได้ไม่คุ้มค่าน้ำและค่าสึกกร่อนของแอร์ใหม่ๆ ส่วนที่จะทำม่านน้ำให้ลมไหลผ่านหวังจะให้ลมเย็นลง ยิ่งช่วยได้น้อยลง ครับ จากคุณ : นายสันทัด - [ 24 มิ.ย. 52 00:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณ นายสันทัด ครับ...... ที่บอกว่าให้ติดแอร์ สองตัว 18,000 และ 12,000 BTU.  นี่มันจะประหยัดไฟยังไงเหรอครับ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ แสดงว่า ตัว 18,000  ก็สามารถทำความเย็นได้พอเหรอครับ ?  แล้วเปิดสองตัวพร้อมกัน มันจะไม่ยิ่งเปลืองไฟกว่าเหรอครับ ? แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 52 18:35:32 จากคุณ : Sitporn - [ 24 มิ.ย. 52 18:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 .........ห้องนี้เป็นห้องเลี้ยงหนู หรือครับ ???     แล้วเรื่องอุณหภูมิสำหรับการเพาะหนูนี่ศึกษามาดีแล้วใช่ใหมครับถึงเลือกที่จะตั้งอุณหภูมิแค่ 27-28 องศาเซลเซียล      แล้วถ้าแอร์เสียแล้วหนูไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ???  ถ้าแอร์เสียแล้วหนูมีปัญหาประมาณว่าตายนั้นก็ควรติดแอร์สำรองอีก 1 ชุด         ทางวิศวกรรมนั้นถ้าดีไซด์ขนาดระบบปรับอากาศให้ได้อุณหภูมิ 27 นั้นต้องมีขนาดเล็กกว่า 25 องศาแน่นอนครับ   แล้วห้องที่โดนแดดตั้งสามด้านแบบนี้เล่นคูณ 700 ก็อาจไม่ไหวครับ แถวต้องคิดเผื่อการระบายอากาศไว้ด้วย (พัดลมดูดอากาศขนาด 6 นิ้ว 1 ตัว นั้น ต้องเพิ่มแอร์อีก 6000-9000 บีทียูเพื่อชดเชยที่อากาศร้อนเข้าห้องมากขึ้นนะครับ )    การคำนวณทางวิศวกรรมนั้นมันยุ่งยากกว่านี้ครับ         ห้องอย่างนี้ ถ้าเป็นผมจะติดแอร์ 15000-16000 BTU 3 ชุดครับ   กลางวันเปิด 2 ใน 3 และสลับกันไปจะได้ไม่พังงานเพราะใช้งานหนัก (ร้อนจัดอาจเปิด 3 ตัวไปเลย)   กลางคืนเปิด 1 ใน 3 ครับ  แบบนี้เผื่อสำหรับการซ่อมบำรุงง่ายด้วยครับ เพราะห้องเพาะเลี้ยงคงต้องทำความสะอาดบ่อยกว่าปรกติ       ถ้าไม่มีเงินก็ติดสัก 2 ชุดไปก่อนครับ   ทำกิจการดีค่อยๆ เพื่มทีหลังก็ได้ ส่วนเทคนิคการลดความร้อนเข้ามาในอาคารก็ตามด้านล่างนี้ครับ  ถ้าทำให้หลายข้อ ก็อาจลดขนาดแอร์ลงมาได้เหลือสัก 12000-13000 BTU  3 ชุด ก็เป็นไปได้มากครับ        แล้วห้องอย่างนี้ควรติดฉนวนกันความร้อนครับเพราะใช้งาน 24 ชม. แบบนี้จะคุ้มมากๆ    ติดฉนวนบนฝ้าเพดานและจัดให้มีการระบายอากาศใต้หลังคาเป็นสิ่งที่ดีครับแต่ไม่ต้องติดลูกหมุนบนหลังคาหรอกครับ  ผมว่าแค่มีช่องอากาศก็เพียงพอแล้ว        อีกอย่างถ้าคุณทำกันสาดยื่นออกไปเยอะๆ เพื่อบังแดดที่จะสองโดนผนังนั้นจะช่วยลดความร้อนได้มากด้วยครับ   ยิ่งปลูกต้นไม้สูงๆ รอบๆ อาคารก็ทำให้อาคารเย็นได้เยอะครับ        หน้าต่างกระจกนั้นก็ไม่ต้องใส่ไปเยอะครับ  ถ้าเป็นไปได้กระจกควรเป็นกระจกชนิดตัดแสงได้   ถ้าหาไม่ได้ก็ติดฟิลม์กันความร้อนก็ยังดีครับ        ส่วนพัดลมระบายอากาศนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ควรปิดครับ หรือเปิด-ปิดเป็นช่วงๆ ก็ได้           พยายามควบคุมความชื่นในห้องให้ได้ครับ  หลีกเลี่ยงการนำน้ำเข้ามาในห้องให้มากโดยไม่จำเป็น         หลอดไฟในห้องก็ควรเป็นหลอดที่ใช้บัลลาซท์อิเล็กทรอนิกหรือบัลลาซท์ความสูญเสียต่ำ จากคุณ : arm_cc - [ 24 มิ.ย. 52 22:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณ คุณ arm_cc ครับ เรื่องอุณหภูมินั้น 27 ํC ผมคิดว่าพอครับ เพราะที่ทำอยู่ตอนนี้ เป็นห้องธรรมดา อุณหภูมิประมาณ 30+ มันก็อยู่กันได้ครับ แต่ที่อยากติดแอร์ เพราะว่าจะได้ควบคุมอุณหภูมิได้ ให้ต่ำกว่าอุณหภูมิปกติ และให้อุณหภูมินิ่งไม่แกว่งขึ้นลงครับ  ถ้าในกรณี แอร์เสีย หรือไฟดับ ก็เปิดหน้าต่างระบายอากาศชั่วคราวได้ครับ ไม่ีมีปัญหา เรื่องแอร์ สองชุด ผมชักสนใจครับ  ถ้าหากว่า ผมติดสองชุด สลับกันทำงานกลางวัน กลางคืน  ต้องเลือกขนาดเท่าไหร่บ้างครับ ?  กลางวัน 28,000 BTU  กลางคืน 12,000BTU พอไหวหรือเปล่าวครับ? พัดลมระบายอากาศ ก็คงไม่ได้เปิดตลอดครับ คิดว่าจะติด Timer เปิดเป็นช่วงๆ สั้นๆ ส่วนเรื่องหน้าต่าง ตอนแรก พ่อจะให้ติดเป้นหน้าต่างกระจก เพราะจะได้ช่วยเรื่องแสง แต่เดี๋ยวจะลองไปคุยดูใหม่ครับ จริงๆ ผมตั้งใจจะติดหน้าต่างแค่ 4 บาน แต่พ่อเค้าสั่งวงกบมา 6 บานแล้ว ตัวบานหน้าต่าง ผมจะลองเปลี่ยนแบบ ใช้หน้าต่างบานทึบ กับหนังด้านที่เปิดโล่ง แล้วใช้หน้าต่างกระจก ในด้านที่มีต้นไม้บังแดด ครับ อาคารนี้ เท่าที่ดูช่วงนี้จะโดนแดดแค่สองด้านครับ ด้านหน้า ตอนเช้าๆแป๊บนึง แล้วก็ด้านหลัง ตอนเย็น  ส่วนด้านข้างนั้น ด้านนึงมีต้นมะม่วงขึ้นตลอดแนวครับ น่าจะช่วยบังแดดได้ ส่วนด้านข้างอีกด้าน มันโล่ง กำลังคิดว่าจะเอาสแลนมาขึงเป็นฉากไว้ตลอดแนว เรื่องฉนวนนี่ คงติดไม่ได้จริงๆครับ นายทุน(พ่อ)ไม่อนุมัติ  ไม่ทราบว่า ถ้าตอนนี้ไม่ติดไปก่อน แล้วถ้าซักระยะ เห็นได้ชัดว่ามันร้อนแอร์ทำงานหนักจริงๆ จะติดทีหลังได้หรือเปล่าครับ  แต่เท่าที่ผมดูตอนนี้ ใต้หลังคามันโปร่งโล่งมากๆ จนผมยังคุยกับช่างว่า  "แบบนี้ ไม่ต้องติดครีบระบายอากาศยังได้เลย.....มีช่องระบายใต้กระเบื้องรอบด้านแบบนี้"   กันสาด ก็แก้ไม่ทันจริงๆครับ เพระตอนนี้ช่างทำหลังคาเสร็จหมดแล้ว กันสาดสั้นด้วยอ่ะ...  เดี๋ยวค่อยขึงสแลนเป็นฉากกันแดด คิดว่าคงพอช่วยได้นิดหน่อยนะครับ ขอบคุณที่แนะนำเรื่องความชื้น และหลอดไฟครับ จะพยายามคุมความชื้น แล้วหลอดไฟ เดี๋ยวตอนติดตั้งจะใช้หลอดอิเล็กทรอนิกส์ครับ จากคุณ : Sitporn - [ 25 มิ.ย. 52 08:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ..........เรื่องแสงแดดนั้น คนทั่วไปคิดว่าวงโคจรของดวงอาทิตย์เป็นแนวตรงดิ่งจาก ต.อ. ไป ต.ต. เมื่อเทียบกับการมองจากตำแหน่งบนโลก แต่จริงๆ จะโคจรเป็นแนวโค้งอ้อมครับ ทำให้ด้านทิศใต้นั้นมีแสงแดดกระทบตอนบ่ายด้วย (ทิศตะวันตกก็โดยแต่แค่เกือบๆ เต็ม)            เรื่องฉนวนจะปูทีหลังได้หรือไม่นั้น ต้องดูว่ามีช่องทางเข้าไปใต้หลังคาหรือไม่ครับ  ฝ้าเพดานเป็นชนิดไหนและแข็งแรงขนาดไหน พอที่คนจะคลานเข้าไปได้หรือไม่     แต่ผมว่าอาคารเล็กๆ คงไม่เกินแรงช่างหรอกครับ  แต่ถ้าเข้าไม่ได้มันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกนะสิครับ อีกเรื่องที่สำคัญ ต้องระวังการสะสมของโรคในห้องนี้ด้วยนะครับ  เพราะเชื้อโรงจะไปสะสมที่แอร์ด้วย  ต้องมั่นทำความสะอาดทั้งห้องทั้งแอร์บ่อยๆ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 52 12:51:27 จากคุณ : arm_cc - [ 25 มิ.ย. 52 12:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับคำแนะนำครับ จากคุณ : Sitporn - [ 25 มิ.ย. 52 13:14:02 ]