ความคิดเห็นที่ 1   แบงค์เขาแนะนำเพราะว่า 1. ได้ดอกเบี้ยนาน ๆๆๆๆ 2.  เพราะผ่อน จะทำให้ผ่อนต่อเดือนยอดน้อยลง เวลาลูกค้ามีปัญหาเรื่องเงินก็สามารถผ่อนได้ถ้ายอดไม่สูงมาก ทำให้ไม่เสียเครดิต แต่บ้านสามารถจ่ายให้หมดได้หลังจาก  3 ปี ดอกเบี้ยคิดรายวัน ถ้าเดือนไหนมีเงินเยอะก็จ่ายเยอะก็ได้ ดอกเบี้ยก็จะลดลง  คุณจะจ่ายให้หมดภายใน 3 ปี หรือ 5 ปี 10 ปีก็ได้  แต่ให้ดูเงื่อนไขของธนาคารให้ดีก่อน เพราะบางแบงค์ให้จ่ายได้เกินเท่าไหร่ จากคุณ : คนกาฬสินธุ์ เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 15:40:00

ความคิดเห็นที่ 2   ผ่อนยาวไว้ก่อนไม่เสียหายครับ  มีมากก็ไปโปะเพิ่มได้เลย ถ้าผ่อนสั้น แล้วเกิดมีน้อย ไปขอยืด เรื่องใหญ่อีกครับ จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 17:11:39

ความคิดเห็นที่ 4   ผ่อนยาวไว้ดีค่ะ เพราะวันนี้ที่เรามองเห็น กับวันข้างหน้าที่เรามองไม่เห็นว่าอะไรเกิดกับเรา เราอาจมีภาระมากขึ้นก็ได้ค่ะ จากคุณ : ตำมั่วเมืองเลย เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 17:16:48

ความคิดเห็นที่ 5   ผ่อนบ้าน ยิ่งนานยิ่งดีครับ ผ่อนสั้น จ่ายเยอะ  ผ่อนยาว จ่ายน้อย จะเลือกผ่อนบ้านแบบไหนดีนะ? บางคนมักคำนวณดอกเบี้ยบวกระยะเวลาแล้วเลือกแบบระยะเวลาที่สั้นที่สุด (ผ่อนสั้นจ่ายเยอะ)   ด้วยความงก กลัวจะเสียเปรียบธนาคาร แ่ต่ลืมคิดไปว่า เงินที่คำนวณได้นั้น ไม่ได้ต้องจ่ายเดี๋ยวนี้ มันเป็นเงินในอนาคตต่างหาก ซึ่งในอนาคต ตัวเราต้องมีความสามารถในการหาเงินได้มากขึ้น ด้วยตำแหน่งการงาน และในอีกด้านหนึ่ง อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกปี ยิ่งทำให้เงินในอนาคต ด้อยค่าลง เงินยิ่งเฟ้อ เรากลับยิ่งได้เปรียบธนาคาร ดังนั้น การเลือกผ่อนจำนวนน้อยๆ แต่ยืดระยะเวลาให้นานที่สุด จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการผ่อนอสังหาริมทรัพย์ เพราะทำให้ไม่ลำบากในช่วงแรกของชีวิต จะได้นำเงินที่เหลือ นำไปลงทุนอย่างอื่น หรือเก็บออม หรือให้พ่อแม่ นอกจากนี้หากเวลาผ่านไป  ฟลุ๊คได้เงินก้อนมา ก็ยังโปะได้อยู่ดี (ต้องรอผ่าน 3 ปีไปก่อน) ยกตัวอย่างแบบสุดโต่งให้ดู  ประเทศซิมบับเว ที่มีเหตุการณ์วุ่นวาย เงินเฟ้อสูงถึง 1 ล้านเปอร์เซนต์ สมมติเรากู้บ้านซัก 3 ล้าน ผ่านไป 10 ปี เหลือหนี้บ้าน 2 ล้าน แล้วจู่ๆ ประเทศไทยเกิดเหตุการ์แบบซิมบับเวบ้าง เราอาจจะโปะบ้านที่เหลือหนี้อีก 2 ล้าน ด้วยไข่ไก่ 2 ฟอง เท่านั้นเอง อิอิ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด (C.BUN) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 17:22:04

ความคิดเห็นที่ 6   ดูความสามารถตัวเองเป็นหลักนะ แต่แบงค์เขาแนะนำแบบนั้นแหละครับ ตามประสบการณ์ของแบงค์นะ เผื่อเหลือเผื่อขาดนะครับถ้ามีมากก้อไปโป๊ะหลังจากสามปีก้อไม่มีปัญหานะ จากคุณ : กาให้เป็น เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 18:23:40

ความคิดเห็นที่ 7   เลือกผ่อนยาวไปก่อนค่ะ เผื่อมีปัญหาฉุกเฉินขึ้นมาจะได้ไม่ลำบากมาก ถ้ามีเยอะก็สามารถโปะได้อยู่แล้ว จากคุณ : ไอ แอม จิ๋ว เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 18:38:23

ความคิดเห็นที่ 8   ถึงจะผ่อนไหว  แต่เลือกผ่อนยาวๆ  ค่างวดต่อเดือนจะได้น้อยๆจะดีกว่า เพราะคุณสามารถจ่ายมากกว่าค่างวดได้นี่ครับ (ยกเว้นบางbankเค้าจะไม่ให้จ่ายเกิน2เท่าของค่างวด) อย่างผ่อน30ปี จ่ายต่อเดือน 12k  ผ่อน 20ปีจ่ายต่อเดือน15k คุณเลือกผ่อน30ปี  แต่ผ่อนมากกว่าค่างวดที่12K เป็น 15kก็ได้ เผื่อเกิดฉุกเฉิน เรื่องการเงิน  ก็สามารถลดภาระได้ โดยจ่ายแค่12kเท่าค่างวดครับ จากคุณ : จ๋อ (จ๋อเกาลัด) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 21:34:19

ความคิดเห็นที่ 9   ทำมมัยต้องรอ 3 ปีด้วยครับ? ผมเพิ่งไปคุยกับ แบงค์เขียวมา เค้าบอกว่าจะ โปะ เมือไหร่ก้อได้นะครับ ไม่มีกำหนด จากคุณ : halfofw เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 21:36:11

ความคิดเห็นที่ 10   ทำเรื่องผ่อนให้ยาวครับ แต่พยายามโป๊ะให้สั้นที่สุด เมื่อคุณไม่มีหนี้ คุณจะรู้ว่าอิสระทางการเงินเป็นอย่างไร จากคุณ : apiwatt เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 07:19:51

ความคิดเห็นที่ 11   แบงค์แนะนำถูกต้องแล้วค่ะ ผ่อนบ้านจะลดต้นลดดอกค่ะ  ไม่เหมือนผ่อนรถ คุณทำสัญญา 30 ปี  ถ้าคุณมีความสามารถในการโปะหนี้ คุณก็หมดหนี้เร็ว  ทำสัญญา 30 ปี  คุณจะผ่อนหมดในปีที่ 5 ที่ 10 ก็ได้ค่ะ จากคุณ : Makit เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 07:30:42

ความคิดเห็นที่ 12   ผ่อนจะสั้นจะยาว ดอกเบี้ยต่องวดก็เท่ากันครับ ( ข้อดีของการผ่อนยาว คือ ทำให้ต่อเดือน มีขั้นต่ำที่ต้องจ่ายน้อยกว่าครับ ทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่า จากคุณ : kitz เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 12:51:30

ความคิดเห็นที่ 13   ในเรื่องการ ออกแบบ comment แบบ คัดเลือก ผรม. ทำสัญญาแบบไม่ให้เสียเปรียบ ควบคุมการก่อสร้างให้มีคุณภาพที่ดี ปรึกษาได้ครับ สมบัติ bat260@yahoo.com ยินดีเป็น consult ให้ครับ จากคุณ : ช้างดอย เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 08:16:34

ความคิดเห็นที่ 14   เป็นเราจะทำแบบ 30 ปีอ่ะ แล้วค่อยโปะเอา เพราะมันลดต้นลดดอกคะ จะได้ไม่เหนือยหาเงินอ่ะ จากคุณ : thipchan เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:18:12

ความคิดเห็นที่ 15   ผ่อนยาว ยืดหยุ่นกว่าค่ะ ชีวิตไม่แน่นอน นอกจากนี้ ทำประกันชีวิต หรือกันเงินสำรองอะไรไว้สำหรับสุขภาพก็สำคัญ ภาระของเราจะได้ไม่ตกไปถึงคนใกล้ตัวค่ะ จากคุณ : Pinky Monkey เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 08:19:25