ความคิดเห็นที่ 1 ให้ช่างรายอื่นมาตรวจดูก่อนตัดสินใจครับ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 15:39:40

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่ครับ เปลี่ยนช่างเป็นอันดับแรก ตามท่านสันทัด ช่างอาจกระทำมิดีมิร้ายฯลฯได้ แต่หากต้องเปลี่ยนจริงๆ คิดขนาดหยาบๆตามพท.ห้อง ๔x๖ x ๘๐๐ = ๑๙๒๐๐ btu / ๑๒๐๐๐  = ๑.๖ ตันครับ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 15:47:45

ความคิดเห็นที่ 3 1.อาจเป็นไปได้ถ้าช่างไม่ระมัดระวังให้น้ำไปถูกตัวคอมหรือขั้ว(over load / PTC) ทำให้ช๊อตได้ 2.ผมว่าราคาคอม น่าจะแพงไปครับ น่าจะประมาณไม่เกิน 6000 กำลัง ok 3.ถ้าจะติดตัวใหม่ผแนะนำว่าควรติดขนาด 18000 BTU ดีกว่า ขนาด1.2 ตัน น้อยเกินไปกับขนาดห้อง 24 ต.ร.ม. จากคุณ : jing_gy เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 15:59:34

ความคิดเห็นที่ 4 เปลี่ยนช่างครับของผมก็เป็นแบบของคุณนั่นแหละปะผุตรงคอยล์เย็นแล้ว เติมน้ำยาแล้วแอร์ไม่เย็น ช่างบอกคอมเพรสเซอร์เสีย เปลี่ยนใหม่9000บาท ผมบอกไม่เป็นไรยอมจ่ายค่าแรงและค่าน้ำยาให้ช่างไป แล้วหาช่างใหม่มาทำ ปรากฎว่าคอมเพลสเซอร์ไม่เสีย ไปเสียในส่วนที่เป็นขดลวดเล็ก ๆ สำหรับรีดน้ำยา ช่างบอกผมว่าเป็นตัวอะไรแต่ผมก็ลืมไปแล้ว ค่าซ่อม+ค่าเติมน้ำยาใหม่เสียไปประมาณ2500บาท จากคุณ : เส้นใหญ่ (เส้นใหญ่) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:25:26

ความคิดเห็นที่ 5 อาการคล้ายของผมครับ Mitsu 24000 btu เหมือนกัน พอล้างแอร์เสร็จ ผ่านไป 2 วันแอร์ไม่เย็น คือ compressor ทำงานตอนเปิด แล้วจะตัด แล้วไม่ทำงานอีกเลย ต้องเปิดๆปิดๆ จนดึกๆ อากาศไม่ร้อน compressor ก็จะทำงานปกติ เรียกช่างมาดูบอกว่า Board ควบคุม termostatเสีย ผมก็เลยเรียกศูนย์ กันยงมาดู ค่ามาดูงานแพงเอาเรื่องคือ 800 บาท ปรากฏว่าท่อแอร์ หรือน้ำทิ้งอะไรทำนองนี้ครับ มันตัน เขาก็ตัดและเชื่อมท่อเหล็กให้ใหม่ ไม่ได้คิดเงินเพิ่มครับ เพระไม่มีอะไหล่เปลี่ยน  อาการหายเป็นปลิดทิ้ง ถ้าให้ช่างล้างแอร์ทำสงสัยจะบานปลาย บริการดี ไว้ใจได้เพราะมาจากศูนย์ แต่เขาบอกว่า compressor เริ่มเก่าแล้ว สั่นและดัง อาจจะใช้ได้อีกสักปี สองปี จากคุณ : LovelyIndy เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:35:51

ความคิดเห็นที่ 6 แอร์นี่ไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่พอดีมีปสก.คล้ายๆกัน คือแอร์ทำงานแต่ไม่เย็น เรียกช่างมาดู โชคดีที่เป็นคนรู้จักกัน ตัวอะไรไม่รู้ รูปร่างเป็นแท่นกรวยสีดำๆ ลืมไปแล้วว่าเขาเรียกอะไร หน้าตาคล้ายๆไส้กรองน้ำมันเครื่อง แต่มาผอมกว่าและยาวกว่า ข้างใต้มีแกนทองเหลือง 2 ขั้ว (พยายามจะอธิบายให้ได้นะเนี่ย -..-" ) ประเด็นคือ ขามันละลาย ช่างเขาบอกจะเปลี่ยนทั้งอันก็ได้ แต่ราคาหลายพันอยู่ เขาแนะนำว่า ตัดขาออกแล้วเอาแกนทองเหลืองจากตัวต่อสายไฟ (เรียกชื่อไม่ถูกอีกเหมือนกัน เรื่องไฟฟ้านี่ผมไม่สันทัดจริงๆ) เอาเป็นว่า ช่างเขาไปหาแกนทองเหลืองมาเชื่อมต่อแทนขาที่ละลาย เสียค่าแรงไป 200 บาท แอร์กลับมาเย็นดังเดิม happy ending มีความเห็นเหมือนเพื่อนสมาชิกท่านอื่น ลองเรียกช่างเจ้าอื่นมาดูก่อนครับ จากคุณ : Rainmaker เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:30:34

ความคิดเห็นที่ 7   ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ โดยเฉพาะคุณต้นโพธิ์ต้นไทร ผมอุตสาห์เก็บข้อมูลจากกระทู้ที่คุณต้นโพธิ์ต้นไทร เคยตอบ ก่อนล้างแอร์ก็คุยกับช่างอย่างดีว่าแอร์ยังเย็นอยู่ น้ำยาแอร์ไม่หมด เลยไม่โดนเรื่องล้างแอร์แล้วบอกว่าน้ำยาแอร์ขาด ยังมาเจอเรื่องนี้จนได้ แต่อาจจะเป็นจังหวะเสียจริงๆก็ได้ แล้วจะมารายงานผลต่อไปครับ แต่ว่านี่ไม่มีใครเห็นด้วยหรือครับถ้าจะซ่อมโดยเปลี่ยนแค่คอม(ถ้าเสียจริง) ไม่ซื้อใหม่ แล้วคอมเก่าที่เสียแล้วนี่ มันมีมูลค่าไหมครับ หรือ ทิ้งเป็นขยะไปอย่างเดียว ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ จากคุณ : At last you win เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:29:43

ความคิดเห็นที่ 8 แอร์ ๘ ปีแล้ว และขนาดก็ใหญ่ไปมาก (๑ตัน =  ๑๒๐๐๐ btu) ทำให้เปลืองไฟ ระบบก็เก่า ไม่ทันสมัย กินไฟมากกว่ารุ่นใหม่ๆมาก คอมฯเก่าที่เสีย มีมูลค่าน้อยมากสำหรับคุณ แต่หากไม่เสียจริง คือเจอช่างหลอกลวง คอมแอร์ตัวนี้ก็จะมีราคาไม่ต่ำกว่า ๔-๕พัน หากเค้าเอาไปหมุนเวียนเปลี่ยนให้กับ "เหยื่อ" ของเค้าคนต่อไป ช่างไร้คุณธรรมบางคน หลอกผู้ไม่รู้ว่าคอมฯเสียได้ง่ายๆ ด้วยการต่อขั้วคอมฯให้หลวมไว้ใกล้หลุด (ยกตัวอย่าง) พอแอร์ทำงานไปสองสามสี่ห้าวัน ระบบมีการสั่นสะเทือน ขั้วต่อสายไฟก็หลุด คุณก็ไม่มีทางรู้ได้ มีวิธีอีกมากมายหลายวิธีนัก ในการวางยา อันที่จริงคอมฯแอร์นั้น เสียจริงไม่จริง ตรวจเช็คได้ คือขั้วแอร์จะมีสามขั้ว เมื่อวัดความต้านทานของสามขั้วแล้วจะไม่เท่ากัน ท่านดาราเดชเคยสอนการวัดความต้านทานระหว่างขั้วไว้ดังนี้ """วิธีการตรวจสอบคอมเพรสเซอร์ ในเบื้องต้นใช้ หลักการวัดขั้ว S , C , R เพื่อดูว่าขดลวดของ มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ขาดหรือไม่ ( ใช้มัลติมิเตอร์ ตั้งสเกล Rx1 ปกติขั้ว S-R ค่าความต้านทานจะมาก ที่สุด ส่วนที่เหลืออีก 2 ตำแหน่งรวมกับจะเท่ากับ ขั้ว S-R โดย C-R น้อยที่สุด ) แต่วิธีนี้เป็นการ วัดในเบื้องต้น ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเสียหรือไม่ เพราะเป็นการวัดแค่ค่าความต้านทาน ไม่ได้ทดสอบแรง อัดและแรงดูด รวมไปถึงกระแสจากการทำงาน" จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:54:58

ความคิดเห็นที่ 9   ขอบคุณอีกทีครับทุกท่าน ช่างแอร์ดีๆที่มีคุณธรรมคงยังมีอยู่เยอะนะครับ อย่าเสียกำลังใจไป และหวังว่าผมคงเจอเข้าซักวัน (เรื่องนี้ทำให้ผมรู้ว่า คนเรานั้นนอกจากเก่งแล้วต้องดีด้วย โลกนี้คนเก่งมีเยอะแล้วครับ คงขาดแต่คนทั้งเก่ง และดี แล้วผมก็มาเจอตั้งหลายคนใน pantip ห้องนี้เอง ^ ^). แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 22:27:38 จากคุณ : At last you win เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 22:19:00

ความคิดเห็นที่ 10 ลองใช้บริการบริษัทที่เขารับบริการเป็นรายปีดูสิครับ พวกนี้ใช้พนักงานช่างออกไปบริการล้างและซ่อม ถ้าเป็นช่างกินเงินเดือนส่วนมากก็จะไม่วางยา เพราะถ้าแอร์คุณเสียเขาก็ต้องมาซ่อมอีกรอบโดยค่าซ่อมเขาก็ไม่ได้แต่เป็นบริษัทได้ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 22:26:27

ความคิดเห็นที่ 11   ความเห็นของผมนะครับ 1.ไม่เกี่ยวกับการล้างแน่นอน เพราะถ้าน้ำเข้าขั้วคอม ต้องเสียทันทีไม่สามาร ถ เปิดใช้งานได้ 2.ราคาปกติครับแต่ต้องให้ช่างล้างระบบด้วย เอฟ11 เปลี่ยนไดร์เออร์แค ปทิ้ว และต้องรับประกันไม่น้อยกว่า 90 วัน 3.ถ้าจะติดใหม่ไม่ควรต่ำกว่า 18000 บีทียูครับ จากคุณ : ชายภีม (ชายภีม) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 22:28:14

ความคิดเห็นที่ 12   อืมม์..ช่างแอร์ในโลกใช่ว่าจะเลวร้ายไปซะหมด + เพียงแต่ "อาจถึงคิวคุณ"ครับ /// แน่ใจนะครับว่าคอมเพรสเซอร์เดิน  /// ถ้าให้ผมเดานะครับ... 1.ท่อแอร์รั่ว อาจเกิดจากโดนสกรูที่ขันโครงแอร์ทะลุโดนท่อทองแดงเพราะช่างล้างแอร์แล้วไม่ระวัง ตะบี้ตะบันขันจนทะลุท่อ 2. เหมือนคุณคหท.8 คือเจอช่างวางยา ช่างทำเสร็จใช้ก่อนปิดโครงแอร์นอกบ้าน ใช้คีมดึงหางปลาสายไฟที่เสียบเข้าคอมเพรสเซอร์ออกมาซะครึ่งนึง กะให้ทำงานได้ซักพักแต่ไม่นานคุณก็จะต้องโทรเรียกช่าง เพราะคอมเพรสเซอร์เวลาออกตัวมันจะกระชาก สายไฟที่ต่อไว้อาจหลุดจากขั้วคอมเพรสเซอร์ครับ คุณลองใช้คีมจับหางปลาแล้วดันให้แน่นทุกตัวครับ (ที่คอมเพรสเซอร์นะครับ..ระวังไฟด้วย) แต่คุณเจ้าของกระทู้บอกว่าคอมเดิน ถ้าคอมเดินจริงข้อนี้ตัดออกไปครับ 3.แมคเนติคที่ควบคุมไฟที่คอยย์รัอนเสีย เอาจะจะเลยเปิดฝาตัวคอยย์ร้อน (แอร์ตัวนอกบ้าน)  ออกมาดูแล้ว ให้คนในบ้านเปิดแอร์ เมื่อเปิดซักพักคอมเพรสเซอร์จะทำงานเสียงจะกระหึ่มๆ แล้วพัดลมจะตามมา คุณลองเอามืออังน้ำยาท่อเล็กที่ "ออกมาจากคอมเพรสเซอร์" ดูก็ได้ครับ ปกติจะร้อนจี๋เลย ถ้าคอมเดินแล้วท่อไม่ร้อนแสดงว่าคอมเพรสเซอร์เสีย หรือท่อน้ำยารั่ว ค่าซ่อมแพงไปครับ ซ่อมคอม+ทำระบบใหม่ ผมให้ไม่เกิน 4,500 บาท สรุปเรื่องยังไงรบกวนแจ้งเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ผมด้วยครับ +ขอให้โชคดีครับ+ จากคุณ : เรียกข้าว่าทุย เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 00:08:08

ความคิดเห็นที่ 13   กำลังติดต่อช่างที่คิดว่าไว้ใจได้มากที่สุด มาดูซ้ำครับว่าเกิดจากอะไร พรุ่งนี้คงรู้ผลแล้วจะรายงานความคืบหน้าต่อไปครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นต่อไป จากคุณ : At last you win เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:41:02

ความคิดเห็นที่ 14   รายงานความคืบหน้าครับ ล่าสุดอาการของแอร์ คือ เมื่อเปิดเครื่องพัดลมทำงานโดยมีลมออกมาจากเครื่อง ไฟที่แสดงการทำงานของคอมก็ติด แต่เมื่อเปิดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที breaker ของแอร์จะตัด ช่างรายที่ 2 ที่ไว้ใจได้ (ลูกน้องเก่าที่โรงงาน พึ่งจะตามตัวเจอ) มาตรวจให้ พบว่าไฟเข้ามาถึงขั้วของคอมแล้ว แต่คอมน่าจะไม่ทำงาน breaker จึงตัด ลองเช็คดูว่าไฟรั่วลงกราวด์หรือไม่ก็พบว่าไม่น่าจะรั่ว เพราะ breaker ไม่ได้ตัดทันที แต่จะทิ้งช่วง 2-3 นาทีก่อนตัด ลองเอาตัวอัดประจุ (คาปาซิเตอร์) ตัวใหม่มาต่อดู คอมก็ยังไม่ทำงาน สรุปว่า คอมน่าจะติด (เสีย) และไม่น่าจะเกิดจากการล้างแอร์ของเจ้าแรก ถ้าเปลี่ยนคอมใหม่ ของมิตซู 2.4 แบบโรตารี่ พร้อมทั้งไล่ล้างระบบใหม่ราคารวมน่าจะไม่เกิน 8000 บาท เปลี่ยนแล้วน่าจะใช้ได้อีกเป็นปี ตัดสินใจเปลี่ยนคอมใหม่ครับ เพราะแอร์ตัวนี้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งปกติจะเปิดใช้วันละประมาณ 2-3 ชั่วโมงตอนบ่ายเท่านั้น ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้ความเห็นครับ (เปลี่ยนช่างก่อนตัดสินใจ ท่องเอาไว้) จากคุณ : At last you win เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:11:01