ความคิดเห็นที่ 1   แต่ที่อยากจะถามคือตกลงเค้ากู้อะไรคุยอะไรกันแน่คะ -กู้ซื้อบ้าน คุยเรื่องกู้ซื้อบ้านไงครับ "แบงค์ให้กู้แค่9แสน เพราะคนกู้หลักติดหนี้ ที่ดินอยู่ ถ้าไปโปะ ก็ได้ล้านสาม" ผมว่าเค้าได้ 9 แสนนะ จากคุณ : Creative-B เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 23:58:21

ความคิดเห็นที่ 2   ก็นั่นนะซิคะ เค้าซื้อบ้าน แล้วเค้าคุยอะไรกู้อะไร งงเค้าจริงๆ คะ ทั้งมึนทั้ง งง ขอบคุณคุณ Creative-B ที่มาตอบคะ จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 00:01:54 A:124.122.141.16 X: TicketID:212166

ความคิดเห็นที่ 3   เอ้อ แค่แฟน ปากยังขนาดนี้ ถ้าเมียจะไหวมั้ยเนี่ย จากคุณ : นนนี่มาแล้ว เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 01:08:47

ความคิดเห็นที่ 4 จากที่อ่านมาดูเหมือนว่าแฟนคุณเขาจะคุยกับแบงค์เบื้องต้นแล้วมั้งครับ ว่าแบงค์อนุมัติวงเงินกู้ให้แฟนสูงสุด 9 แสน (ผมว่าขั้นตอนนี้น่าจะเป็นแค่การ pre-approve อยู่มั้งครับ เขาคงดูเงินเดือน หนี้สิน แล้วมาประเมินคร่าวๆ ว่ากู้ได้สูงสุดเท่าไหร่) แต่ยังไม่ได้ประเมิน ราคาบ้าน จากคุณ : LonelyLife เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 01:38:01

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วคุณจะเอาชนะเค้าทำไมครับ คุณไม่ได้เป็นคนคุยกับ bank สักหน่อย bank บอกว่าเก้าแสน มันก็คือ เก้าแสน จะกู้ได้เพิ่มมากขึ้น หรือน้อยลง มันก็ขึ้นกับคนค้ำด้วย หรือ ขึ้นกับคนกู้ร่วม หรือ ขึ้นกับคนกู้ คนเดียว แต่ประเมินเบื้องต้นเก้าแสน มันก็อาจได้มาก ได้น้อยต่างกันไม่เยอะครับ แต่สงสัยว่า คุณจะเอาชนะทำไม เค้าให้จบ ไม่จบ ไปเถียงอยู่ได้ ถ้าอยากเอาชนะไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ผมว่า บ้านนี้คุณอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็เป็นได้ครับ ขอโทษที่ไม่เข้าข้าง จขกท เพราะอ่านแล้ว รู้สึกว่าสงสาร แฟน จขกท เหลือเกิน ปล. บ้านผม กู้ได้เยอะกว่าที่ประเมินเบื้องต้นครับ คงไม่ใช่ทุกรายที่จะกู้ได้น้อยกว่า การประเมินเบื้องต้นครับ จากคุณ : pwit เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 05:13:20

ความคิดเห็นที่ 6 ช่วงขั้นตอน pre approve คุยกะแบงค์เฉยๆ ว่าเงินเท่านี้ หนี้สินเท่านี้ กู้ได้เท่าไหร่ ผมว่าให้แฟนคุณตัดสินใจเถอะครับ น่าจะดีกว่านะครับ อิอิ จากคุณ : ตาชิโบ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 07:33:17

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่มีใครผิด หรือใครถูกทั้งนั้นแหละค่ะ มีแต่คนไม่รู้จริง เพราะผลกู้ยังไม่ออก เลยไม่รู้จะเอาผลแพ้ชนะกันไปทำไม กรรมการยังไม่ตัดสินซะหน่อย และที่สำคัญเค้าเป็นคนคุยรายละเอียดกับแบงค์แล้วไม่ใช่เรา ???? จากคุณ : p_natsaran เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 07:47:09

ความคิดเห็นที่ 8 คือ การพูดซ้ำๆ อาจทำให้เกิดอาการจี๊ดทางสมองได้คะ ถึงแม้ว่าเราจะหวังดี พูดครั้งเดียวก็พอแล้วคะ เอาเป็นว่า เขารับรู้แล้ว แค่นั้นก็พอ จากคุณ : akikosang เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 07:50:49

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องของเรื่องน่าจะเป็นว่า มีเครดิตกู้ได้   >>>>   900,000 บาท ส่วนการปล่อยสินเชื่อจริงขึ้นอยู่กับหลักประกันว่ามีมูลค่าเท่าไหร่แต่ สูงสุดไม่เกิน                                    >>>>   900,000 บาท เช่น ซื้อทาวน์เฮ้าส์ = X บาท เจ้าหน้าที่ประเมินราคาให้                    >>>>   900,000 บาท ธนาคารปล่อยสินเชื่อ Y % ของราคาประเมิน * ดังนั้น สินเชื่อที่ธนาคารให้คือ = Y% x 900,000 =   ? บาท ประมาณนี้ครับ(ผมตอบตรงคำถามไหมเนี่ย) จากคุณ : lookwai เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 08:15:14

ความคิดเห็นที่ 10 เออ เท่าที่อ่านดูในฐานะเราเป็นผู้หญิง เราว่าจริง ๆ คุณก็พูดมากนะนี่ เข้าใจว่าหวังดี แต่เขาคงคุยรายละเอียดกับแบงค์แล้ว จะได้น้อย ได้มาก ตอนกู้เดี๋ยวเขาก็รู้เองแหละ  เราเข้าใจความรู้สึกแฟนคุณนะว่าเขารำคาญ สงสารเขานะเนี่ย 55555 จากคุณ : คนกาฬสินธุ์ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 08:20:26

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นผม ผมก็คงโวยเหมือนแฟนจหกท. ที่บอกให้จบ เพราะเดี๋ยวทะเลาะกัน ก็ยังจะพูดย้ำอยู่ได้ เข้าใจว่าคุณ "หวังดี"  แต่ยังไม่ต้องการ "ความเห็น" ครับ จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 08:22:07

ความคิดเห็นที่ 12 อีกอย่าง ถ้าจะแสดง ความเห็น ความหวังดี กรุณา ค่อยๆ ทำ   คิดให้ดีก่อนค่อยพูด(อย่าอวดความรู้) ถ้าคุณแสดงอำนาจ ในการตัดสินใจเหนือกว่าผู้ชายเมื่อไร คุณจะได้รับการ "ปฏิเสธ" ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ตาม ถ้าอยากให้แฟนทำอะไรตามที่คุณคิด หัด "โง่" ให้เป็นนะครับ จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 08:31:36

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ เวลา แฟนพูดอะไรให้ฟัง บางครั้งเค้าแค่ ต้องการคนละบายเรื่องต่าง ๆให้ฟังเฉย โดยไม่ต้องการตามคิดเห็นอะค่ะ ผู้ชายถ้าอยากได้ความคิดเห็นจะเอ่ยปากถามมาเอง   (จากประสบการณ์ ของตัวเองนะค่ะ ) อยู่เฉยๆ ดีกว่า เค้าพูดมาก็ฟังไว้ (ถึงไม่ถูกใจ ถึงรู้ว่ามันต้องไม่ใช่อย่างนั้น ก็ต้องลองให้เค้าเผชิญด้วยตัวเอง) ผลลับเป็นอย่างไร  พอถึงวัน เวลา ก็รู้เอง(สมมุติถ้าแฟนคุณไม่ได้ดังหวัง เค้าจะทำใจยอมรับได้ไปเอง ) บางทีพูดไปพูดมาล่วงหน้าจะทะเลาะกันเปล่า ๆ   แล้วถ้าขัดคอ หรือ ออกอำนาจในเรื่องการตัดสินใจของเค้า มากเกินไป วันหลัง เค้ามีอะไร เค้าก็จะไม่เล่าให้ฟัง -สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชิวิตคู่อยู่ได้คือ การให้อภัย ...การปล่อยวาง..- แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 08:50:55 จากคุณ : flukeball เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 08:47:30

ความคิดเห็นที่ 14 เอ่อ...คุณ จขกท อย่าว่าเรานะคะ..เท่าที่เราอ่านดูแล้ว... แม้คุณจะหวังดีแค่ไหนก็ตาม แต่คำพูดและการกระทำมันดูเหมือนเซ้าซี้และไม่วางใจว่าแฟนคุณจะทำได้อย่างที่คุณต้องการจริงๆน่ะค่ะ บางช่วงก็เหมือนไปคาดคั้นเค้าให้เชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อ คนเราบางครั้งในเรื่องเดียวกันยังเจอประสบการณ์ไม่เหมือนกันเลยค่ะ เค้าถึงมีคำพูดว่า...ต่างกรรมต่างวาระ...ไงค่ะ การที่เค้าไปคุยกับธนาคารแล้วได้คำตอบว่า 9 แสน บางครั้งมันก็อาจจะได้เพิ่มขึ้นหรือน้อยลงก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์ การประเมิน สถานะการเงินของคนกู้ และ/หรือ คนกู้ร่วม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเค้าดีกว่าค่ะ...หากไม่ได้ตามนั้นจริงๆ เค้าก็คงมีวิธีการจัดการปัญหานั้นๆต่อไป หรืออาจจะขอคำปรึกษาคุณอย่างจริงจังอีกครั้งก็ได้ คราวนี้...คุณค่อยให้คำปรึกษาหาทางแก้ไขปัญหาให้เค้าจะ win win ทั้งคู่ค่ะ ไม่ต้องมีใครมาหงุดหงิด อารมณ์เสียใส่กันต่อไป ความเป็นห่วง..หวังดี...เป็นสิ่งที่ดีค่ะ...แต่ต้องหมายความว่า คนรับ...เค้าต้องการด้วยค่ะ เพราะถ้าคนรับไม่ต้องการ มันก็จะกลายเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาได้น่ะค่ะ จากคุณ : พะยูนอ้วน เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 09:07:44

ความคิดเห็นที่ 15 เพราะว่า คุณไปพูดขัด  ว่าคุณรู้มากกว่าเค้า ที่เค้าคิดมา มันไม่ใช่ เพราะว่าเค้าเอง ก็ไม่ใช่ว่าไม่ปรึกษาคนอื่นๆ  เค้าแค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ  คุณฟังเฉยๆก็จบแล้ว อีกอย่าง  ไม่ใช่บ้าน คุณซักหน่อย แต่เป็น บ้านของเค้า คุณขัดเค้า ทุกคำพูดเลยอ่ะ แต่เค้าก็พูดเกินไป จากคุณ : makeup เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 09:12:24

ความคิดเห็นที่ 16 อยากบอก จขกท. ว่า ผู้ชาย ส่วนใหญ่ เขาคิดแล้วครับ ไม่งั้นเค้าไม่ทำเรื่องซื้อบ้านหรอก ส่วนใหญ่ประเมิน ดูหลายๆด้าน แล้วจะมีความมั่นใจเกือบ 90% อีก10% คือส่วนที่คุณจะต้องเติมเต็มอ่ะคับ ไม่ได้บอกว่าคุณผิดนะ แต่การแย้งบ่อยๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ สนับสนุน ให้กำลังใจเห็นด้วย ช่วยเหลือ น่าจะทำให้เค้ารุ้สึกดี ปล. ผมก็เคยทะเลาะกับพ่อแม่ เรื่องกู้แบงค์ เหมือนกัน เพราะที่บ้านจะแย้งและไม่เห้นด้วย กว่าจะโอเคกันได้เป็นปีอยู่ จากคุณ : ตะวันรุ่งทุ่งรังสิต เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 09:23:46

ความคิดเห็นที่ 17 ความหวังดี ก็สร้างความรู้สึกไม่ดี ให้คนอื่นได้  ..หุ หุ จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 09:25:06

ความคิดเห็นที่ 18   ขอบคุณ คุณ lookwai   มากที่ให้ความกระจ่าง ที่ทำให้เราเข้าใจ และตอบตรงคำถามคะ *---* ส่วนตรงนี้ ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ บ้านนี้เป็นบ้านพ่อแม่เค้าคะ ไม่ใช่บ้านของเราสองคนคะ เรายอมรับนะคะว่า ที่หลายๆ คนพูดเราอาจจะดูเซ้าซี้ เถียงเค้า แต่เราเคยกู้บ้านของเราเองมาก่อน แล้วเรารับข้อมูลมาว่า กู้ได้ร้อยเปอร์เซนต์เพราะทางแบงค์ ดิวกับทางหมู่บ้านนี้ ตอนนั้นเรายังเด็กกว่านี้  หลายปีนะคะ แทบจะไม่ได้หาข้อมูลเลย ทางโครงการ ทางแบงค์พูดอะไรก็เชื่อหมด เราไปซื้อ กับ ทาง บสท. มันเป็นบ้านที่ทรัพย์สินถูกยึด ตอนซื้อ ทีนี้เค้าให้ทำสัญญา 3 เดือนคะ วางมัดจำ 1 แสน หลังจากทำสัญญา ภายใน 3 เดือนต้องนำเงินมาโอนบ้านคะ ไม่งั้นเลยกำหนดชำระ เค้าจะยึดเงินประกัน เรายืนกู้ ทางแบงค์แรกผลกู้ออกมา ได้แค่ 5 แสน ตัวบ้าน 1.2 ล้านบาท ทั้งที่ตอนคุยกับแบงค์ตอนแรกว่าได้เกือบเต็มวงเงิน แต่ผลออกมา คนละแบบ เลย แล้วเงินขาดเยอะมาก เราจึงไปปรึกษาเพื่อน เรา เพื่อนเราก็วานให้เพื่อนที่ทำงานแบงค์อีกที่นึง ที่สนิทกัน มาช่วยกู้ให้ก็รับปากว่าจะได้ตามวงเงินที่เราต้องการคือประมาณ 1 ล้าน แต่พอคนมาประเมิน จริงๆ ยื่นเรื่องไป กับอนุมัติ มาแค่ 8 แสน แต่ต้องรออีก 2 อาทิตย์ แต่ว่าเวลาไม่ทันกับ ตอนโอน ซึ่งมันเลยกำหนด 3 เดือน แล้วสรุปเค้ายึดเงินประกันเราไปเลยคะ เราทำเรื่องไปทาง บสท อ้อนวอนยังไงก็ไม่มีผล จนสุดท้ายเราก็ซื้อบ้านหลังนั้นไม่ได้ เพราะความที่เราปรึกษาคนน้อยมาก แล้วมีคนมาเตือนเรา เรื่อง กู้ได้น้อยกว่า เราไม่เคยเอะใจเชื่อเลย มันคงจะฝั่งใจเรานะคะ จึงทำให้เรื่องนี้มาทะเลาะกับแฟนเราจนได้ เราหวังดีกับเค้าจนเกินไป   คือที่เราพยามจะสื่อสาร มากกว่านี้ แค่อยากให้เค้าเตรียมเงินสำรองไว้หน่อยเผื่อมันไม่ได้ 9 แสนนะคะ เพราะเวลามันบีบเข้ามานะคะ เพราะเค้าจะโดนไล่ที่สิ้นปี แล้วบ้านเป็นบ้านเก่าต้องทำใหม่ทั้งหลังอีกด้วย ทั้งที่เรื่องอื่นๆ เราไม่เคยไปตอแย เค้าเลย สุดท้ายแฟนเราเมื่อคืนมาง้อ แต่เราเฉยๆ เพราะไม่รู้ จะคุยทำไมอีก มันก็ไม่ใช่บ้านเราจริงๆ ด้วยความเครพทุกท่าน ถ้าเราไม่เหตุการณ์ที่ฝั่งใจมาก่อน เราก็คงปล่อยเรื่องนี้ไป โดยไม่ยุ่งอะไรมากเหมือนกันคะ ขอบคุณทุกท่านที่มาตอบ จากคุณ : จขกท (minttykit) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 10:04:46

ความคิดเห็นที่ 19   -ขอโทษทีคะไอดีข้างบน [จขกท (minttykit)] เป็นของพี่สาว เรา พอดีเค้าค้างเครื่องไว้ไม่ออกไอดีนะคะ พอเรามาพิมพ์ตอบกระทู้ตัวเอง มันเลยขึ้นเลย ไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ค่อยได้เล่นเวบนี้นะคะ *---* มาแจ้งไว้ เดี่ยวคนจะเข้าใจผิด ว่าเป็นคนเดียวกัน จากคุณ : (จขกท) เครียดคะ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 10:15:52 A:124.120.140.29 X: TicketID:212166

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ จขกท เข้าใจปัญหาของการสื่อสารครับ สำคัญคืออย่าทะเลาะกันดีที่สุด ปกติราคาประเมินบ้านเป็นเงื่อนไขตอนปล่อยกู้ ถูกต้องแล้วครับ เช่นถ้าเขาประเมินได้ 800,000 บาท ก็ต้องตามนั้น ที่สำคัญถ้าเป็นบ้านเก่ามักจะปล่อยสินเชื่อแค่ 80 % หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งคุณต้องไปหาเงินมาเพิ่มเองในส่วนที่เหลือ ซึ่งยังไม่รวมค่าโอน ค่าธรรมเนียมอีก ก็หลายบาทอยู่นะครับ แฟนคุณ จขกท ก็เข้าใจไว้ก็ดีครับ เพราะจะได้เตรียมพร้อมกับเงินที่ต้องหาเพิ่ม อย่าไปโกรธกันเลย ผู้หญิงเขาหวังดีครับ จากคุณ : Boyd_th เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 10:53:39

ความคิดเห็นที่ 21 ว่าแต่ว่า เมื่อคืนง้อกันยังไงครับ อิอิ จากคุณ : ตาชิโบ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 11:04:54

ความคิดเห็นที่ 22   ผม ขอพูด 2 ประเด็น ดังนี้ครับ 1. ผมเข้าใจว่าแฟนคุณ พูดถึงเรื่องวงเงินกู้นะครับ และกำลังใจจดใจจ่ออยู่ที่วงเงินครับ แต่คุณซึ่งมีประสบการณ์ อาจมองไกลกว่า คือการประเมิน และเงินที่อนุมัติ แต่คุณนำเสนอไม่เป็นครับ 2.ชีวิตคู่ยังมีอะไรมากกว่านี้ครับ ก่อนอื่นคือความเข้าใจ การยอม การให้อภัย การปล่อยวาง แต่ไม่ใข่การเอาแพ้เอาชนะ หรือการต้องเป็นคนถูก ต้องเชื่อในสิ่งที่คุณเห็น ลองพิจารณา ครับ จากคุณ : พ่อใจร้าย เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 11:14:21 A:124.120.65.104 X: TicketID:131063

ความคิดเห็นที่ 23 แฟนคุณมัดจำไปแล้วหรือยังล่ะครับ? ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วง จากคุณ : Jump.Jr เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 11:32:13

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่รู้ใครถูกใครผิด รู้แต่แฟนคุณ ปากจัดมาก ตอนนี้นัง  ตอนหน้าคงอี จากคุณ : Goodty เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 11:48:38

ความคิดเห็นที่ 25   ตอบ คุณ Jump.Jr วางมัดจำไปแล้วคะ หลักหมื่น จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 12:05:00 A:124.120.140.29 X: TicketID:212166

ความคิดเห็นที่ 26 วิธีคิดของผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ไปศึกษาเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับชีวิตคู่มากๆ แต่คุณแฟนปากจัดจังเนอะ จากคุณ : เมี๊ยวหง่าว เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 12:05:20

ความคิดเห็นที่ 27 เออ บ้านกูควายกันหมด จบได้ยัง นังคนฉลาด สะดุดมากๆกับประโยคนี้ค่ะ เห็นด้วยกับความเห็นบนๆว่าจขกท.ฟังดูเซ้าซี้อยากเอาชนะไปนิดนึง น่าจะแค่เตือนประมาณนึง เค้าไม่เชื่อก็ปล่อยให้เจอเองถ้ามีปัญหาจริง แต่ที่เรารู้สึกว่าแย่มากๆคือคำพูดตัดบทแบบนี้ค่ะ แรงไปสำหรับคนเป็นแฟนคุยกันนะเราว่า จากคุณ : mogwai เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 12:09:04

ความคิดเห็นที่ 28 คุณเข้าใจไม่ผิดหรอก แต่เรื่องของเรื่องคือ แฟนคุณเขาไม่ชอบให้คุณไปสอนเขา แค่นั้นแหละ ก็ปล่อยเขาไป ถ้ามีปัญหาจริงๆ เดี๋ยวเขาก็หาทางของเขาได้เอง จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 12:30:07

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่รู้นะ ว่าผู้ชายส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ยังยึดติดกับตัวเองเป็นช้างเท้าหน้ากันอยู่ แต่สำหรับผมๆ ว่าคนเป็นแฟนกัน ต่อไปต้องอยู่ด้วยกัน ก็ควรจะรับฟังกันและกัน ยิ่งถ้าอีกฝ่ายเคยมีประสบการณ์มาก่อนยิ่งต้องฟัง มันหน้าจะหมดยุคผู้ชายถูกเสมอไปแล้วนะ แล้วจริงๆ จขกท ก็ถูกนะ วงเงินที่สามารถกู้ได้ กับวงเงินที่ธนาคารจะให้กู้มันคนละตัว สมมุติเงินเดือน 40000 วงเงินที่กู้ได้คือ 2 ล้าน แต่ไปซื้อบ้านมือ 2 ราคาประเมิน 1 ล้าน ธนาคารก็ให้แค่ 80% ของราคาประเมินเอง ถ้าอยากได้เพิ่มก็ต้องเพิ่มวงเงินซ่อมบ้านหรือไม่ก็ตกแต่งบ้านซึ่งดอกเบี้ยมันจะแพงมาก ยังไงจะอยู่ด้วยกันก็ควรจะหันหน้าคุยกัน อย่าตั้งทิฐิว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ควรให้เกียรติกัน 2 หัวย่อมดีกว่าหัวเดียว แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 12:54:21 จากคุณ : Rasbora เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 12:32:51

ความคิดเห็นที่ 30 พอจะเข้าใจ เดาออก เพราะคล้ายๆ - - - - - - รู้มาก ก็ทำเป็นรู้น้อย รู้น้อย ก็ทำเป็นไม่รู้ ฟังให้มาก พูดให้น้อย ค่อยความคิด ยิ่งเรื่องภายในครอบครัวของแฟน  ห่างได้เป็นห่าง อย่าได้เฉียดเข้าไปไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ใดๆก็ตาม เจ็บกันมานักต่อนัก วันนึงคำร้องขอมันจะมาเองเมื่อเค้ามองเห็น - - - - - - ช่วงนี้ อยู่ห่างห่าง แบบห่วงห่วง จากคุณ : บานบุรีหอม เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 12:42:47

ความคิดเห็นที่ 31 เท่าที่อ่านมา ผู้ชายหลายคนยังยึดติดว่าตัวเองเป็นผู้นำครอบครัวแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งในสมัยนี้น่าจะมีการเปลี่ยนทัศนคติเรื่องนี้กันได้แล้ว เพราะผู้หญิงสมัยนี้ก็มีความรู้ความสามารถขึ้นมาก ควรจะรับฟังกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมากขึ้น นี่ไม่ได้พูดถึงเรื่องใครผิดใครถูกนะครับ แต่พูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ส่วนตัวผมเองมีกิจการขนาดเล็กๆอยู่ แต่เพราะผมให้เกียรติแฟนและยอมรับฟังความคิดเห็นในทุกๆเรื่อง ด้วยเวลาเพียงสามปีจากวันแรกที่เป็นตึกแถวห้องเดียว ทุกวันนี้ผมและแฟนเป็นเจ้าของโรงงานขนาดเล็กพื้นที่ครึ่งไร่(สร้างเอง) และยังไม่รวมอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่ง ซึ่งหากผมทำคนเดียวก็คงเติบโตไม่ได้เร็วขนาดนี้ครับ แต่แฟนผมก็ให้เกียรฺติผมด้วยการให้ผมเป็นคนตัดสินใจเองในทุกๆเรื่อง เพราะถือว่าผมเป็นหัวหน้าครอบครัวครับ จากคุณ : เรียกข้าว่าสมชาย เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 12:51:45

ความคิดเห็นที่ 32 บ้านเค้า ให้เค้าจัดการเองเถอะครับ เวลาไหนที่เค้าต้องการคำปรึกษา แล้วนึกถึงคุณ คุณค่อยให้คำปรึกษาไป คุณหวังดีผมเข้าใจ แต่ หวังดี กับ เซ้าซี้ ต้องแยกให้ออกครับ เรื่องบ้าน ความเป็นจริงก็อาจเป็นอย่างที่คุณคิด หรืออาจเป็นอย่างที่เค้าไปคุยไว้แล้วก็ได้ หวยมันออกได้สองหน้า บางเรื่อง ก็ต้องปล่อยให้เจอประสบการณ์ด้วยตัวเองครับ อาจจะดี หรืออาจไม่ดี เค้าก็ต้องยอมรับ และเรียนรู้เอง ปล. แต่ประโยคตัดจบนี่ สำหรับแฟนคุณ เป็นคำลงท้ายที่ใช้ไม่ได้เลยครับ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 12:56:53

ความคิดเห็นที่ 33 เออ บ้านกูควายกันหมด จบได้ยัง นังคนฉลาด ....... ประโยคนี้ ฉุนขาดค่ะ กู้ได้เท่าไหร่อีกเรื่องนึง เราเซ้าซี้มากไปก็อีกเรื่อง มาขึ้นนัง ขึ้น ควาย เสียแต่ต้นมือ พอแต่งงานกันไป ไม่หลังมือ แล้วต่อด้วย อ้าย อี หรือค่ะนี่ จากคุณ : noo-uan เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 13:17:34

ความคิดเห็นที่ 34 ก็ใจเย็นๆนะครับเรื่องชีวิตคู่ ค่อยๆคิด ค่อยๆปรึกษากันไปดีกว่านะครับ ส่วนเรื่องประเมิน หากไม่เข้าใจตรงไหนก็หลังไมค์มาสอบถามก็ได้นะครับ ถ้าว่างจะช่วยตอบครับ                           ^______^" จากคุณ : lookwai เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 13:26:00

ความคิดเห็นที่ 35 เรื่องของคนสองคนค่ะ จะออกความเห็นก็ยาก ประโยคจบนี่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพูดด้วยอารมณ์ไหน บางทีเค้าอาจจะล้อเล่นคุยกันทาง M เรามาใส่อารมณ์เข้านิดหน่อยความหมายก็เปลี่ยนแล้ว หรือเค้าอาจจะโมโหจริงๆ ก็ได้ ตัวหนังสือมันบอกยากว่าผู้ส่งข้อความรู้สึกยังไง ถ้าเค้าโกรธจริงๆ แล้วจบการสนทนาด้วย EE นังๆ นี่เราก็บอกได้คำเดียวว่า Bye bye my dear. Go and get lost! นะคะ 5555 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 13:28:24 จากคุณ : FawltyTowers เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 13:27:24

ความคิดเห็นที่ 36 ลองฝากเพื่อนแฟนคุณพูดเตือนซิคะ เชื่อมั๊ย ว่าเค้าจะอ่อน รับฟังมากกว่านี้ เป็นงี๊ซะส่วนใหญ่  ผู้ชาย เชื่อเพื่อน เชื่อคนอื่นมากกว่าแฟน จากคุณ : mm_meow เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 13:32:47

ความคิดเห็นที่ 37 สะดุดตรงประโยคสุดท้ายอ่ะค่ะ .. เป็นเราเซย์กู๊ดบายขอลาขาดค่ะ ไม่ว่าจะผิดจะถูกก็ไม่น่าใช้คำพูดแรงขนาดนี้ - -" ปล.แต่คราวหน้าคราวหลังไม่ว่ากะใครคุณจขกท.ก็แบบว่าอย่าเซ้าซี้เกินเนาะ  ^^ จากคุณ : juan_me_poong เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 14:44:00

ความคิดเห็นที่ 38   แฟนคุณพูดจาหยาบคายมาก ส่วนเรื่องกู้ซื้อบ้าน ไม่มีข้อมูลค่ะ เลยไม่ออกความเห็นดีกว่า จากคุณ : ตามนั้น เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 15:30:20 A:83.226.231.190 X: TicketID:077776

ความคิดเห็นที่ 39 ผู้ชายดีๆ ไม่พูดกับแฟนแบบนี้ครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:06:43

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าแฟนเราตัดบทด้วยประโยคสุดท้ายแบบ จขกท นี่เลิกขาดเลยค่ะ 555 จากคุณ : DBSG_FC! เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:06:06

ความคิดเห็นที่ 41 แต่ดิฉันอ่านแล้ว คุณเจ้าของกระทู้ไม่ได้เซ้าซี้เลยนะคะ 2 ประโยคแรก แฟนเจ้าของกระทู้ ก็ทำตัวไม่น่ารักแล้วค่ะ ปิดหู ปิดตา แล้วจะมาเล่าให้เจ้าของกระทู้ฟังทำไม เจ้าของกระทู้ก็เป็นห่วงและหวังดี และช่วยด้านข้อมูล ยังไม่รับฟัง เจอประโยคสุดท้าย เข้าไปดิฉันอ้าปากหวอเลยค่ะ เลิกเถอะคะ ขอยุ นะคะ ขนาดเป็นแฟนยังปากดีได้ขนาดนี้ แถมปิดเอ็มหนีอีก.....ไม่มีการร่ำลา ดิฉันว่าคุณทำถูกแล้วค่ะ ที่นำประสบการณ์เรื่องกู้มาเล่าให้เค้าฟัง เดี๋ยวพอเรื่องทาง ธนาคารออกมา ก็จะได้ทราบค่ะ ว่าเป็นเฉาก๋วยกันทั้งบ้าน หรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 21:38:35 จากคุณ : แหนมป้าย่น เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:27:14

ความคิดเห็นที่ 42   นั่นน่ะสิ ก็คนเป็นห่วงนี่นะ ทำไมพูดอย่างนี้นะ ความเห็นอิชั้น ผู้ชายปากอย่างงี้ ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ไม่น่าเอามาทำสามีนะคะ จากคุณ : สวยเลือกได้ (เอลิซาเบ็ธ) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 22:13:31

ความคิดเห็นที่ 43 เอาเรื่องกู้ก่อน จขกท เข้าใจถูกแล้วค่ะ มันมีสองประเด็น คือ ความสามารถในการผ่อนชำระเราจะบอกว่าเรากู้ได้ไม่เกินวงเงินได้เท่าไร  หลังจากนั้นก็มาดูราคาประเมินทรัพย์สินนั้นว่าธนาคารตีค่าให้เท่าไหร่  อันนั้นน้อยกว่า ก็ได้วงเงินนั้นค่ะ  ถ้าเป็นบ้านใหม่ ก็ต้องดูว่าราคาขายนั้นสูงกว่าราคาประเมินมากหรือปล่าว ถ้ามากยังไงก็ไม่เต็มค่ะ ยกเว้นว่าโครงการนั้นจะมีดีลกับแบงค์  ถ้าเป็นบ้านเก่าก็ต้องเปรียบเทียบกับราคาขายด้วยค่ะ ส่วนมากก็ได้ไม่เต็มเหมือนกัน   ส่วนเรื่องแฟน เอ่อออ  เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์กับคุณชาเขียว  " ผู้ชายดีๆ เค้าไม่พูดอย่างนี้หรอก" นี่แค่เป็นแฟนนะ  แต่งงานไปจะยังไงเนี่ย  ถ้าไม่อยากให้เราพูด ให้เราแสดงความเห็น ก็ไม่ไปแต่งกับตุ๊กตายางดิ  อนาคตคู่ชีวิตนะ ไม่ใช่เจ้าชีวิต  ฟังๆ ดู เหมือนว่าแฟนจขกท. เค้าเป็นผู้ชายสมัยเก่าอ่ะ คิดว่าตัวเองถูก ฟังความคิดตัวเองอย่างเดียวอ่ะ  คนเราจะเป็นคู่สมรสกันเนี่ย ทุกอย่างมันต้องสมกันนะคะ การศึกษา ความคิด รสนิยม   ต่อไปแต่งงานกัน ครอบครัวจะเจริญมีความสุข ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ปรึกษากัน เอาข้อมูลมาพูดกัน ไม่ใช่ยึดแต่อัตตาอย่างเดียว  อย่างนี้เค้าเรียกว่า ไม่ฉลาดแต่อวดฉลาด  เป็นผู้ชายไม่ได้หมายความว่ามีสมองมากกว่าผู้หญิงนะ มันอยู่ที่คน  การที่ผู้ชายพูดเรื่องบ้าน ไม่ได้แปลว่าเค้าคิดแล้วแล้วแค่มาระบายนะ  หากคิดถึงอนาคตเค้า เราต้องเป็นคู่คิด คิดให้ถูก พูดไปแล้วเซ็ง ผู้ชายแบบนี้มีเยอะจังแฮะ  โชคดีที่เราไม่เจอ จากคุณ : sastress เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 07:45:11

ความคิดเห็นที่ 44   ก่อนอื่นขอขอคุณ คุณlookwai มาก ๆ ที่หยิบยื่นน้ำใจให้ความช่วยเหลือทางด้านข้อมูล เพิ่มเติมนะคะ คุณ Boyd_th ขอบคุณมากคะที่มองเจตนาเราออก คุณRasbora คุณมีแนวความคิดที่ดีคะ และดิฉันมั่นใจด้วยว่า คุณเป็น คนที่ทุกคนมีแต่ความรู้สึกที่ดีๆ กับคุณในทุกๆ ด้านคะ คุณเรียกข้าว่าสมชาย ดิฉันไม่แปลกใจเลยที่คุณมีชีวิตที่มั่นคง และเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะคุณมอง ชีวิตคู่ได้ดีเยี่ยมคะ คุณเป็นช้างเท้าหน้า ที่เก่งกาจ ที่สามารถเป็นผู้นำโดย ที่รับฟังความคิดเห็น ของคู่ชีวิตคุณได้และคุณก็เป็น ผู้ตัดสินใจนำไปในทิศทางที่เจริญได้ คุณเก่งคะ ดิฉับนับถือคุณคะ คุณชาเขียว และคุณแหนมป้าย่น และคนอื่น ๆ ขอบคุณคะที่พยามมองแก่นแท้ของการ สื่อสารระหว่างเรากับแฟนเราออก ว่าเราต้อง การสื่อสารถึงอะไร และก็มองออกว่า แฟนเรา สื่อสารอย่างไร ไม่ว่าจะสื่อสาร จะขัดแย้งอย่างไร ก็ตาม แต่คุณก็เข้าใจ มองออกว่าไม่ควร จบการสื่อสารด้วย อารมณ์ที่หยาคายคะ และขอบคุณทุกความเห็น หลังๆ ลงมาด้วยนะคะ ที่อ่านเรื่องราวของเราแล้วตีความเข้าใจแก่นแท้ของหตุผลได้ชัดเจนคะ หลังจากที่เรามาเพิ่มรายละเอียด ในความเห็นที่18 ดิฉันขอบอกนิดนึงว่า ที่ดิฉันมาตั้งกระทู้ ด้านบนสุดไม่ได้ต้องการเอาชนะแฟนแต่ประการใดคะ แต่คำถามที่ดิฉันถามคือ ต้องการทราบเรื่องผลอนุมัติและความเป็นไปได้ที่ถูกต้อง ว่าตรงตามที่ดิฉันเข้าใจมาโดยตลอดหรือไม่ แล้วที่ถามว่า ช่วยตอบกันทีนะคะ เราจะได้รู้ว่า เราผิดหรือเราถูกกันแน่ -------------------------------------------------------------- ประโยคนี้ ดิฉันอาจจะเขียนไม่เคลียร์เอง คือดิฉันหมายถึงว่า สิ่งที่ดิฉันเข้าใจมาตลอด เรื่องกู้บ้าน มันถูกต้อง ใช่หรือไม่แบบที่ดิฉันเจอมา ไม่ได้คิดเถียงเพื่อจะเอาชนะแฟนแต่ประการใดคะ แต่พูดเพื่อเป็นห่วงและหวังดีกับเค้าจริงๆ ดิฉันผิดเองที่สื่อสารในจุดตรงนี้ไม่กระจ่างคะ บางคนอาจจะสับสนหลงประเด็นไป ส่วนเรื่องเซ้าซี้ ดิฉันขอตอบจากใจจริงว่า ถ้าเป็นเรื่องอื่นเช่นถามว่าเค้าไปไหนทำไร มีกิ๊กเหรอ ดิฉันจะไม่ไถ่ถามหรือเซ้าซี้เค้าคะเพราะเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญอะไร ที่ต้องไปถามต่อยอด หรือสร้างความรำคาญแก่กัน และนำมาซึ่งทะเลาะกัน แต่นี่มันเป็นเรื่องบ้าน เรื่องเงินในกระเป๋า ของเค้า ความมั่นคงในชีวิตของเค้า เราซึ่งเป็นคนรักเค้าและที่สำคัญ เรารักเค้าห่วงใยเค้า ก็มิอาจนิ่งดูดาย ก็แสดงน้ำใจที่ดีต่อกัน คือห่วงหาอาทรกัน คะ แต่ด้วยความสนิทสนมจึงไม่ได้ทันคิดรูปประโยคที่สละสลวยให้เค้าเข้าใจได้ เราจึงมองว่าเรื่องใหญ่ อย่างนี้อยากให้เค้ามองให้รอบคอบ มากกว่า ซึ่งเค้าอาจจะรับรู้แล้ว หรือเข้าใจแล้วก็เป็นได้คะ สรุปก็คือกระทู้ถามเพื่อ ความรู้เพิ่มเติม และเพิ่มความเข้าใจที่ถูกต้องที่เราเข้าใจมา ในฐานะที่เมื่อก่อนก็ได้เคยกู้มาก่อน ไม่ได้ถามเพื่อเอาชนะแฟนแต่ประการใดคะ ด้วยความเครพทุกท่าน ทุกคำติชม แสดงความคิดเห็น ทุกประโยค มีค่าแก่การดำเนินชีวิต ในมุมมองต่างๆ หลากหลาย ที่เราจะนำไปประยุกต์ใช้ต่อไปคะ ขอบคุณมากๆ คะ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 08:42:13 A:124.120.135.105 X: TicketID:212166

ความคิดเห็นที่ 45   ขออภัยในคำผิดบางตัวนะคะ จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 08:43:11 A:124.120.135.105 X: TicketID:212166

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 21     ว่าแต่ว่า เมื่อคืนง้อกันยังไงครับ อิอิ จากคุณ : ตาชิโบ     เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 11:04:54   สงสัยเหมือนกัน จากคุณ : ช่วงนี้ว่างงานจัด (จินหยง) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 14:52:58

ความคิดเห็นที่ 47 ถามว่าทำถูกหรือผิด  ผมมีคำตอบครับ ถูกครับ ถูกที่คุณแชร์ประสบการณ์ให้แฟนคุณรู้ เตือน และหวังดี ผิดครับ ผิดที่คุณเซ้าซี้ เหมือนจี้บังคับให้เขาเชื่อ ให้เขาไม่มั่นใจในตัวเอง คุณ จขกท. อาจจะเป็น อาร์ตตัวแม่ ...อิอิ.. คนเราอ่ะครับ เขามีสมอง ระดับที่ว่าคิดจะกู้บ้านและประเมินได้9แสน ผมคิดว่าเขาคงจะมีความรุ้ความสามารถพอตัวที่จะคิดด้วยตัวเองได้   เพียงแค่คุณแชร์ประสบการณ์ให้เขาฟัง แค่นั้นก็น่าจะพอ แล้วที่เหลือ เขาก็จะไป บวก ลบ คุณ หาร ของเขาเองแหล่ะครับ คุณไม่ได้ไปเดินเรื่องกู้บ้าน(หลังนี้)ด้วยตัวคุณเองนิ  เขาอาจจะมี ซิกแซก หรือข้อตกลงอะไรบางอย่างที่คุณไม่รู้ก็ได้ เขาถึงมั่นใจว่าได้9แสนแน่นอน  ..จริงม่ะ.. แต่ถ้าวันนึง เขาผิดหวัง ไม่ได้9แสนเต็มๆ .. อย่าไปทับถมเขานะครับ .. เป็นแฟนกัน รักกันไม่ใช่เหรอ .. ไอ้การที่เขา คุยกับคุณไม่สุภาพแบบนั้น ผมคิดว่า เขาคงจะเหลืออดจริงๆอ่ะครับ เหอๆๆ ...(บอกให้จบ ให้หยุด ก็คุณไม่จบ ไม่หยุด เองนี่นาาา) จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 20:10:51

ความคิดเห็นที่ 48   คุณaumpaump12 เรื่องคำถามที่ถามว่าถูกผิด ดิฉัน ได้ชี้แจงในความเห็นที่ 44 แล้วคะ ด้วยความเครพคะ แต่ขอบคุณมากคะที่มาตอบ จากคุณ : เครียดคะ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 21:00:34 A:124.122.73.96 X: TicketID:212166

ความคิดเห็นที่ 49 เราว่าแฟนคุณแย่นะ  ไม่ฟังคำแนะนำคุณเลยอ่ะ  แถมด่าแรงด้วย จากคุณ : ทังโคริริน เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 16:41:42

ความคิดเห็นที่ 50 เออ บ้านกูควายกันหมด จบได้ยัง นังคนฉลาด... ******* คนอื่นว่าหยาบ ดิฉันขำค่ะ... ระดับภาษา แต่ละคู่ไม่เหมือนกันค่ะ ถ้าเป็นดิฉันคงตอบไป "เออ จบก็ได้ เรื่องของมรึงละกัน" จากคุณ : Blue Lighthouse เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 23:33:58

ความคิดเห็นที่ 51   v_v เข้ามาดู พ่อแง่:-)อนค่ะ หุหุ.. นึกถึงดำลงอาภาพรเลยอ่ะ.. อารมณ์เสีย อารมณ์เสียๆๆๆๆๆ อารมณ์เสีย อารมณ์เสียๆๆๆๆๆ อารมณ์เสีย อารมณ์เสียๆๆๆๆๆ น่าโมโห น่าโมโห น่าโมโห น่าโมโห มันน่าโมโหผู้ชายอาราย.... หิ๊วว.. ตอนนี้ดีกันอ่ะยังอ่ะค่ะ.. จากคุณ : แวะมาแซว เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 00:32:53 A:125.24.59.144 X: TicketID:225174

ความคิดเห็นที่ 52   เขียน งง ได้ใจ ดีค่ะ อ่าน แบบ งง กว่าจะเข้าใจ ต้องกลับไปอ่านซ้ำ ฝึกเขียนภาษาไทยใหม่ก็ดีนะ จากคุณ : ปังปังเอง เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 15:09:52