ความคิดเห็นที่ 1 เราก็คิดเหมือนเจ้าของกระทู้นะ ถึงตัดสินใจซื้อบ้าน ก่อนที่จะมีบ้าน ใช้เงินเก่งมากๆ อยากได้อะไรก็ซื้อ แทบไม่เคยซื้อของ NoName แต่พอมีบ้าน ทำให้รู้ว่า เราเก็บเงินไว้ดีกว่า ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้คะ แต่ก็มีหนี้ก้อนโต คล้าย หนี้หายนะ แต่บ้านที่เราซื้อ พอดีกับเราก็คงไมใช่หนี้หายนะหรอกเนอะ จากคุณ : Sivrunk !! เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:36:01

ความคิดเห็นที่ 2 Home, home again I like to be here when I can When I come home cold and tired It's good to warm my bones beside the fire Far away across the field The tolling of the iron bell Calls the faithful to their knees To hear the softly spoken magic spells. :-) จากคุณ : MiniFoxi เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:44:21

ความคิดเห็นที่ 3 เหมือนกันเลยคะ  เมื่อก่อนไม่มีภาระอะไรเงินเดือนใช้หมดทุกเดือน ใครยืมก็ให้ ทำงานมาเป็นสิบปี เงินเก็บยังไม่ถึงแสนเลยคะ พอซื้อบ้าน กลัวมั้งคะ ประหยัดทุกอย่างทำบัญชีรายรับรายจ่าย ใครยืมก้อปฎิเสธไว้ บอกว่าผ่อนบ้าน ผ่านมา แค่ 7 เดือน  เราออมเงินได้พอ ๆ  กับทำงานมาสิบปีเลยคะ จากคุณ : วาซาบิ2205 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:57:55

ความคิดเห็นที่ 4   เห็นต่างครับ เมื่อคุณเห็นปัญหา ก็ควรแก้ที่ตรงจุดกว่านี้ แทนที่จะสร้างหนี้ ลองพยายามเก็นเงินให้ได้ แก้นิสัยแบบนี้ให้ได้ ข้อแตกต่างระหว่างหนี้กับเงินเก็บมีหลายอย่างนะครับ เช่น ผลต่างของดอกเบี้ย 7-8 % (ดอกเงินฝาก 1% เงินกู้ 6%), เงินยามฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะเป็นก้อนใหญ่ แทนที่จะมี buffer กลายเป็นคุณต้องกู้อีก อสังหาริมทรัพย์ มีความสามารถเปลี่ยนเป็นเงินต่ำนะครับ หมายถึงเปลี่ยนยากน่ะครับเมื่อเทียบกับอย่างอื่น เช่น ทอง ถ้ามองจากมุมของคุณ หนี้บ้านเป็นแค่ทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับหนี้จากอย่างอื่น หรือแม้แต่ไม่ใช่หนี้ เพราะคุณคิดว่ายังไงก็ใช้เงินหมดอยู่แล้ว ผ่อนบ้านหักดอกแล้วยังเหลือต้นอีก ถือเป็นเงินเก็บ โดยที่คุณคาดว่าราคาบ้านจะสูงขึ้น   ที่สำคัญ 20-30 ปีนี่นานมากนะครับ เมื่อใดที่คุณกู้ซื้อบ้าน คุณมีพันธะไปอีก 20 - 30 ปี เลย   ผมแค่ไม่อยากให้คนที่ต้องการซื้อบ้าน เป็นหนี้ โดยใช้มุมมองที่คลาดเคลื่อนเท่านั้น คุณควรซื้อบ้าน สิ่งของ ต่างๆ โดยดูที่มูลค่าของสิ่งนั้นๆ มากกว่าเป็นทางแก้นิสัยบางอย่างของเรา ลองออมดูไหมครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 10:43:11 จากคุณ : เหตุผล > อารมณ์ (iamcowboy) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 10:22:03

ความคิดเห็นที่ 5 คิดเหมือนกันเลยค่ะ ก่อนหน้านี้เราไม่ได้มีภาระเหมือนกัน ได้มาเท่าไหร่ใช้เกือบหมด พอซื้อบ้านแล้ว นี่ยังไม่ได้ทำเรื่องกู้เลยนะ เพิ่งเซ็นสัญญาไปเอง เมื่อวานเห็นกระเป๋าใบนึง อยากได้มากเลยอ่ะ สี่ห้าพันได้ ตัดใจไม่ซื้อแล้ว เพราะคิดถึงเรื่องผ่อนบ้านเนี่ยแหละ จากคุณ : หมูแหนม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 10:23:58

ความคิดเห็นที่ 6   คุณ I am cowboy ครับ ในแง่ที่เขียน หัวข้อกระทู้ บอกไว้แล้ว ว่าไฟต์บังคับนะครับ เป็นการแสดงข้อดีของการซื้อบ้าน กับการออมเงินนะครับ หมายถึงเฉพาะคนที่ ต้องการมีบ้านอยู่บ้าน เพราะเป็น หนึ่งในปัจจัย 4 และคนคนนั้น ก็ออมเงินไม่ค่อยได้ในช่วงระยะเวลาก่อน เลยชี้ให้เห็นข้อดีนะครับ เป็นอีกแง่คิดหนึ่งเท่านั้น ส่วนการที่ จะเก็บเงิน ใช่ครับเห้นด้วย ดอกเบี้ยเงินฝากถูกกว่า ซื้อทองดีกว่า ลงทุนธุรกิจอาจจะดีกว่า แต่ในแง่นี้ คือ คนที่มีปัจจัย 4 เพรียบพร้อมแล้วไม่ใช่หรือ เงินส่วนนั้นคือส่วนที่เหลือ จากการใช้ถูกไหมละครับ ผมเอง อายุ 28 ตอนนี้ กำลังจะมีบ้านเป็นของตัวเอง รู้สึกเลยว่า ปัจจัย 4 ที่ได้มาเป็นเจ้าของทุกอย่างนั้นสุขจริงๆ (ปล. ถึงแม้ว่า ตายไปเอาไปไม่ได้ก็เถอะ) อีกอย่าง ถ้าใครต้องเสียค่าเช่า หอพัก ทุกเดือน เดือนละ 6000-8000 บาทนี่ ตอนนี้ซื้อคอนโดไม่ดีกว่าหรือครับ ถ้ามีวินัยการเงินพอ และงานการที่มั่นคง มันก็มีหลายองค์ประกอบอะนะครับ จากคุณ : มีดสั้นแต่แทงมิดด้าม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 10:43:10

ความคิดเห็นที่ 7   คืออย่างนี้ครับ ผมไม่ได้หมายความว่า ไม่ควรซื้อบ้าน หรือ ไม่ควรมีหนี้จากการซื้อบ้านนะครับ ผมแค่อยากให้ลองพิจารณาว่าการซื้อบ้านน่าจะมองที่คุณค่าที่คุณจะได้รับเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณต้องเสียไป เหมือนข้อความนี้ของคุณ "อีกอย่าง ถ้าใครต้องเสียค่าเช่า หอพัก ทุกเดือน เดือนละ 6000-8000 บาทนี่ ตอนนี้ซื้อคอนโดไม่ดีกว่าหรือครับ" คุณค่าที่คุณได้รับชัดๆ คือ ประหยัดไป 6-8000 บาท คุณก็ต้องมาเปรียบกับสิ่งที่คุณต้องเสีย   แต่ถ้าคุณจะก่อหนี้ เหตุเพราะ "คุณเก็บเงินไม่ได้" ผมไม่เห็นด้วย เท่านั้นเอง จากคุณ : เหตุผล > อารมณ์ (iamcowboy) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 10:53:50

ความคิดเห็นที่ 8 เราว่า เรื่องนี้  แล้วแต่คนมอง   เราก้อมีทั้งบ้านและคอนโดแล้ว  แต่ไม่ใช่ชื่อเราเท่านั้นเอง เราเลยต้องไปหาซื้อบ้านเดี่ยวของเราเอง แต่ก่อนก้อเที่ยวเก่งมากๆ  แหลกๆ เลยก้อว่าได้   ไม่มีเงินเก็บเลย ต่อไปจะพยายามคิด รวย รวย รวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วันนึงยังไงต้องรวยแน่นอน อิอิ  เลยซื้อบ้านไว้เลย 555 แต่บ้านก้อไม่ได้แพงมากนะ   แล้วแต่คนคิดอะ  อย่าไปว่าฝ่ายไหนคิดถูก คิดผิดเลย  อาจจะคิดถูกทั้งสองฝ่ายก้อได้นะ  แล้วแต่คน  บางคนรวย ก้อซื้อไว้  ดีซะอีก  บางคนจนก้อไม่ควรที่จะซื้อหรอก   เรามั่นใจ อนาคตต้องรวย เลยซื้ออะ  อิอิ จากคุณ : รวย (peen) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 11:16:14

ความคิดเห็นที่ 9 ยื่นกู้ 30 ปี แล้วผ่อน 30 ปีมันก็โดนดอกเบี้ยซิครับท่าน cowboy แต่ถ้ายื่นกู้ 30 ปี ชำระหมดไม่เกิน 10 ปี ดีกว่าเห็นๆ --------------------- อารมณ์ > เหตุผล ไม่ต้องชนะคะคานหรอกครับ แล้วแต่คนจะคิด จากคุณ : พุงโตกว่า เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 11:59:29

ความคิดเห็นที่ 10 เหมือนกันค่ะ ตอนนี้แทบจะไม่ใช้ซื้ออะไรเลยเพราะต้องผ่อนบ้าน เมื่อก่อนทำงานเท่าไหร่ใช้หมดค่ะ เพราะบ้านก็มีอยู่ รถก็มีใช้ ทำงานเหนื่อย ก็อยากซื้อหาอะไรให้ตัวเองหายเหนื่อย ไม่เคยมีภาระ ไม่เคยทุกข์เรื่องเงิน ทอง เพราะหาได้เรื่อยๆไม่เสียดายที่จะต้องใช้ไป คิดว่าเป็นของนอกกาย ไม่ได้หวังจะร่ำรวย มานั่งคำนวณดู ตายแล้วเดือนนึงใช้ไปห้าหกหมื่น           ก็เพราะเป็นคนที่ไม่เสียดายถ้าต้องใช้เงินเนี่ยแหละค่ะ มาแต่ตัวไปแต่ตัว แต่พอผ่อนบ้าน โห รู้สึกว่าค่าใช้จ่ายที่เคยใช้มันลดลงไปหลายเท่าเลย เป็นกำลังใจให้คนผ่อนบ้านค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 12:05:13 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 12:04:33 จากคุณ : June_62 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:03:55

ความคิดเห็นที่ 11 ม๋าฟ้ากำลังจะเริ่มมมมมมม เดือนหน้าคงจะต้องลด ๆ ๆ ของเล่น เสื้อผ้าลงแน่ ๆ ๆ จากคุณ : djangel เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 14:14:49

ความคิดเห็นที่ 12   คุณพุงโตครับ "ผมแค่เห็นต่าง" จากคนอื่นในเรื่องนี้ ไม่ได้จะเอาชนะ แค่แชร์ความเห็น และมุมมอง จากประสบการณ์น่ะครับ อาจจะต่างจากคนอื่นบ้าง เงินก้อนแรกที่ผมกู้คือ ผมกู้ซื้ออพาร์ทเมนท์ร่วมกับพี่ชายครับมีทั้งหมด 56 ห้อง เอาเงินที่เก็บได้ + เงินเดือน จ่าย 5 ปีหมด   หลังจากนั้นจึงกู้ซื้อบ้าน อย่าว่าแต่สิบปีเลยครับ 3 ปีผมก็ผ่อนหมดแล้ว กลัวดอกเบี้ยน่ะครับ   ยังยืนยังว่า เหตุผล > อารมณ์ ครับ แค่เห็นต่างจากคนอื่นเท่านั้น จากคุณ : เหตุผล > อารมณ์ (iamcowboy) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 14:15:21

ความคิดเห็นที่ 13 ผมก็คิดในแนวเดียวกับคุณ iamcowboy นะครับ มันแล้วแต่ แนวคิด เป้าหมาย และความพอใจมากกว่า ดูคุณ iamcowboy คงให้ความสำคัญกะหนี้ที่ทำให้เกิดรายได้เหมือนกันกับผม จากคุณ : ninjaman_vm เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 18:19:40

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าคิดถึงที่อยู่อาศัย....ที่พัก กาย  ใจยังไงก็คุ้ม ถ้าคิดถึงเรื่องออม....ยังมีทางเลือกอีกหลายทางค่ะ จากคุณ : yiwah เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 19:15:29

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยกับคุณ เหตุผล > อารมณ์ (iamcowboy) แต่บ้านก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน หากมีบ้านอยู่แล้วคงไม่มีปัญหา แต่หากพ่อแม่ตัวเราไม่มีบ้านเป็นของตนเองเลย ผมว่าการซื้อบ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี ในการลงทุน ผลตอบแทนอาจไม่ใช่เงินทอง แต่เป็นความสุขในครอบครัวด้วย จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 22:24:50

ความคิดเห็นที่ 16   สงสัยบางคนจะติดนิสัยจากห้องเหลิมไทย ประเภทไหลตามน้ำ ใครไม่ไหลด้วยกลายเป็นจะเอาชนะคะคาน ป.ล. เห็นด้วยกับคุณ iamcowboy นะ จากคุณ : พุงน้อยแต่พองาม เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 01:39:51 A:118.173.50.141 X: TicketID:087965

ความคิดเห็นที่ 17 2529 เราเริ่มทำงานอายุ 19 ปี จบ ปวช. ปุ้บสอบ กพ.ได้ก็ทำงานปั้บ 2531 ไปดาวน์ทาวเฮ้าส์กับแฟน ม.สินธานี 1 ผ่อนดาวน์ได้ 6 เดือน แม่สั่งขาย บอกว่าอยู่ไกล เลยขายดาวน์ซะ ดาวน์ไป 8หมื่น ขายไป แสนหก ได้กำไรมา 8 หมื่น เอา 5 หมื่นไปคืนสหกรณ์ (กู้มาดาวน์น่ะ) เหลือ แสนหนึ่งหมื่น 2532 หาบ้านฝั่งธนฯ  ไม่ได้ เลยไปซื้อแถวนวมินทร์อีก ตอนนี้เลยดาวน์สบาย ๆ เลย เพราะมีเงินจากกำไรครั้งแรก 2533 โอนบ้านเรือนหอ หลังแรกเข้าธนาคาร เริ่มผ่อน อาศัยเกาะพ่อกับแม่เรา(พ่อตาแม่ยายไง)อย่างเดียวเลย (เงินเดือนผ่อนบ้านกะแฟนแล้วเหลือนิดเดียว) ซื้อมา 5 แสนอะ เข้าธนาคาร 333,000 บาท 2540 ปลดหนี้ ผ่อนหมดแล้ว ไชโย 2543 ซื้อบ้านเดี่ยวหลังใหม่ คราวนี้ได้ฝั่งธนฯ สมใจ ราคา ล้านเดียว (ถูกสุด ๆ เศรษฐกิจตกสุด ๆ ไง) ขายบ้านทาวน์เฮ้าส์ตรงนวมินทร์ไป 8.5 แสนบาท 2546 ผ่อนบ้านหมดอีกแล้ว ดีใจจัง (เค้าให้ผ่อน 8 พันต่อเดือน แม่ส่งไปซะหมื่นหก แถมถมบ้านด้วยเงินที่ขายได้จากทาวน์เฮ้าส์ด้วย) ไปเจอบ้านหลังใหม่ ใหญ่กว่าเดิม อยากได้ 2547 ตกลงใจซื้อหลังใหม่ ขายหลังเก่า ได้ตังค์มา ล้านห้า ซื้อหลังใหม่ ล้านเจ็ดห้า เข้าธนาคาร ล้านสอง เค้าให้ผ่อนเดือนละ 9 พันบาท (เงินบางส่วนเอาไปตกแต่งบ้านค่ะ แล้วก็เก็บสำรองด้วย อ้อ ขายบ้านได้หลังจากซื้อน่ะ เลยต้องเข้าธนาคารเยอะหน่อย แต่ไม่เป็นไร ขายหลังเก่าได้ก็เทงวดได้เหมือนกัน) 2550 ผ่อนเดือนละหมื่นแปด ว้าว! ผ่อนหมดอีกแล้ว อิสระเสรีเหนืออื่นใด ตอนนี้ เลยมีนิสัยอยู่ตัว เก็บตังเดือนละหมื่นแปด  เก็บไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะหัดใช้น้อยจนเคยตัวซะแล้ว ทำไงได้ จากคุณ : ลาล่า (arunyach) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 11:07:36

ความคิดเห็นที่ 18 มายกมือเห็นด้วยกับ iamcowboy เก็บเงินให้ได้มาก ๆ ธนาคารมันรวยแล้ว อย่าเอาเงินไปให้มันมากเลย ดีใจที่กู้ได้ 80-90-100% แต่ดอกเบี้ยตามมามากมาย จขกท. คิดแบบนั้นก็ถูก สำหรับคนบังคับให้เก็บเงินลำบาก เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่มีบ้านอยู่แน่ .... จากคุณ : หลังคาแดง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 17:20:38

ความคิดเห็นที่ 19   ทำไมต้องเถียงกันด้วย ผมว่า เจ้าของกระทู้ บอกว่าข้อดีของการซื้อบ้านทำให้มีวินัยทางการเงิน ผมว่า คุณ iamcowboy บอกว่าไม่ควรใช้หนี้บ้านมาแทนการออมเงิน ซึ่งก้อพูดถูกทั้งคู่ แต่ที่ผมคิดไม่เหมือนคุณ iamcowboy ที่ไปตัดสินว่า เจ้าของกระทู้มีปัญหาการออม แล้วแก้ไขโดยการสร้างหนี้ซื้อบ้าน ซึ่งคุณ iamcowboy คิดว่าไม่ถูกต้อง ผมกลับคิดว่าเจ้าของกระทู้ อยากมีบ้านและน่ายินดีที่พบว่าทำให้ ใช้เงินได้คุ้มค่าจึงอยากนำมาแบ่งปัน จึงเถียงกัน  ไม่รู้เถียงไปทำไม ก็พูดกันคนละเรื่อง จากคุณ : OLD DAD เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 21:51:18

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อก่อนเก็บเงินไม่ได้ ใช้เงินเดือนชนเดือน พอมาผ่อนบ้าน เลยลดเงินที่ใช้สุร่ยสุร่ายไปได้เดือนละหลายหมื่นเลย เดิมใช้เงินกับ ของเล่น กับ พวกอบายมุขทั้งนั้น เดี๋ยวนี้ใช้เงินน้อยกว่าเดิมเยอะซื้อเฉพาะของที่จำเป็น ของเล่นเฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น จากคุณ : BEWOLF เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 09:56:22

ความคิดเห็นที่ 21   เหมือนกันเลยครับ เป็นหนี้ครั้งนี้มโหฬาร จากมือเติบกลายเป็นโปลิโอเลย แต่ก็ทำให้เรามีวินัยในการใช้เงินมากขึ้น ยังไงก็ต้องอดทน ไม่ทำอย่างนี้ไม่มีทางได้แน่นอน สู้ๆทุกๆคน เป็ฯกำลังใจให้คนเป็นหนี้ทุกคน(รวมทั้งตัวเองด้วย) จากคุณ : วงแหวนสีขาว เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 19:36:26