ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าราคาบ้านมันขึ้นเร็วเกินไปจริงๆ หากมีภาษีที่ดินคนจะได้ไม่อมที่ไว้มากๆ อาจพอช่วยได้บ้าง จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 00:59:46

ความคิดเห็นที่ 2 บ้านขึ้นเร็วมากจริง ๆ ตอนนี้เลยสร้างเองแระ จากคุณ : สุภาพบุรุษยุคหิน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 02:41:17

ความคิดเห็นที่ 3 มันขึ้นกันมาเป็นทอดๆนะครับ ปั่นที่ดิน ราคาหิน ปูน ทราย ปั่นราคาบ้าน ดอกเบี้ยเงินกู้ที่แบงค์ปล่อยมาให้สร้าง อีกสารพัด ผมว่าแพงไม่แพง มันอยู่ที่ทำเลมากกว่าครับ ราคามากกว่าครึ่งเป็นของทีดินครับ ถ้าอยากได้ถูกหน่อยก็คงต้องดูชานเมืองแหละครับ แต่เชื่อเหอะอีกหน่อยเมื่องมันก็ขยายไปอยู่ดี จากคุณ : Miracle Boy เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 04:13:23

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยครับ เหมือนพวกโรงแรม รีสอร์ทน่ะ  ก่อนหน้าสองปีที่แล้ว คนไทยไปเที่ยว ยังคิดว่าคนส่งน้ำแข็งแลย  แต่มาวันนี้มาอ้อนวอนคนไทยให้ไปพัก ตลกดีจริงๆ  มาร้องขอความช่วยเหลือ แต่มันดีแต่บริการต่างชาติ คนไทยมันไม่เคยเห็นหัว    เดี๋ยวคอยดูนะ เดี๋ยวเศรษฐกิจดี มันก็กลับมาเป็นแบบเดิมอีก จากคุณ : raik เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 07:43:22

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องราคาบ้านขึ้นราคาผมคิดว่ามันเป็นไปตามกลน่ะครับ ในเมื่อวัสดุขึ้นราคา ที่ดินราคาดี ราคาบ้านจัดสรรก็เลยต้องขึ้นตาม แล้วถ้าอยู่ในยุคฟองสบู่เหมือนช่วงก่อนปี40 ราคามันก็เลยเว่อเกินความเป็นจริงไปน่ะครับ หลีกหนีไม่พ้นหรอกครับที่ราคาบ้านจะแพง ถ้าเรามาทำเอง เราก็คงไม่พ้นที่จะแพงหยั่งเขาเช่นกัน จากคุณ : เหล่านั้งเคียวห่วย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 07:44:28

ความคิดเห็นที่ 6   ส่วนตัวก็เคยเปรียบเทียบระหว่างโครงการกับสร้างเอง ก็จะรู้ว่าสร้างเองได้มากกว่าเห็นๆ ทั้งขนาดและความพอใจ แต่ก็จะไปพบกับปัญหาด้านอื่นอีก ส่วนด้านราคาผมว่าเขามี ขั้นราคาตั้งไว้อยู่แล้วว่าจะเจาะกลุ่มเป้าหมายไหน ตั้งราคาอยู่ที่เท่าไร เช่น จะขายบ้านราคา 3 ล้าน ในขนาดบ้าน และวัสดุเดียวกับ ถ้าต่างกันที่ความใกล้ไกล ถ้าไปไกลหน่อยก็จะได้ที่ดินใหญ่ขึ้นนะ สรุปแล้วราคาไม่แตกต่างกันเลย เพราะถ้าขายแพงกว่าก็คงไม่มีใครซื้อ และที่รัฐบาลช่วยผมว่าเป็นเพราะพลอยได้ เพราะคนงานที่สร้างบ้าน ที่เขาแบกรับอยู่มันมากมายจริง และเป็นแรงงานแท้อีกต่างหาก เพราะถ้าขายบ้านได้ กลไกตลาดจะเดินหน้าไปได้มาก เพราะสิ่งที่จะตามมาคือ เมื่อมีบ้านก็ตั้งมี เฟอร์ฯ ต้นไม้ ต่อเติม ตกแต่ง เศรษฐกิจดีไม่ได้อยู่ที่ รายได้ดีหรอก แต่อยู่ที่มีการซื้อขายกัน เงินมีการหมุนเวียนครับ จากคุณ : มหาเมฆ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 10:11:54 A:112.143.38.201 X: TicketID:183056

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ banyoun คิดแบบผมเลย ดูบ้านใหม่ 3ล้านกว่าบาทได้ประมาณ 50 ตรว ตอนนี้เลย ซื้อบ้านมือสองซะเลย เพราะได้ ตรว เยอะกว่า รู้ว่าเพื่อนบ้าน เป็นยังไง สภาพแวดล้อมรับได้ไหม มีการบริหารจัดการหมู่บ้านยังไง แล้วค่อยมาปรับปรุงซ่อมแซม เอาตามชอบ เสียดายบ้านมือสองเข้า ธนาคารได้ไม่เกิน 70 % ต้องลงเงินเยอะหน่อย + ค่าซ่อม แต่ผมก็ว่ามันคุ้มค่านะถ้าเทียบกับหมู่บ้านใหม่ๆ ที่ไปดูในทำเลเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 10:53:34 จากคุณ : KUDOS-C เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 10:50:38

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยค่ะ เศรษฐกิจตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าบ้านที่ไทยยังขายราคาเท่าเดิม ดอกเบี้ยไม่ได้ลดมากมายอีกต่างหาก ที่อังกฤษตอนนี้ แทบพากันบ้า เพราะเป้นช่วงดีสำหรับคนซื้อบ้านใหม่ first time buyer เนื่องจากดอกเบี้ย เหลือ 1% ดอกเบี้ยนี้สำหรับคนที่ผ่อนบ้านอยู่ก่อนแล้วด้วย อีกอย่างเพื่อนเรา สองปีก่อนซื้อบ้านโครงการใหม่ 2 แสนปอนด์ เดือนที่แล้ว ข้างๆบ้านขายไป 90,000 ปอนด์ ขาดทุนกว่า 50%  แถมบ้านที่โน่นราคาตกกระหน่ำทั้งประเทศ พอเราเห็นที่ไทยก็ยังงงๆ บ้านก็เห็นแต่แพงขึ้นเรื่อยๆ ดอกเบี้ยยังสูงมาก ปีก่อนเราจ่ายดอกเบี้ย 6% ปีนี้บอกเศรษฐกินแย่ เลยลดดอกเบี้ย บอกลดมากมาย สรุปตอนนี้ดอกเบี้ย 5.1% .............ดูแล้วแบบว่า เอ่อ......นี่ลดแล้วเหรอ จริงๆเราว่า....คนไทยนี่รวยนะ.....จริงๆ จากคุณ : ~ k E t S y ~ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 11:07:27

ความคิดเห็นที่ 9 ที่หมู่บ้านก็ขึ้นค่ะ ทำเลก็ติดกัน แต่ราคาขึ้นมาอีก6แสน ในเวลาแค่ปีเดียว ถามเซลล์ว่าทำไม่ขึ้น เค้าบอกว่าตอนนี้ดอกเบี้ยถูก งงจริงๆ แต่ก็ดันขายได้ด้วย เหลือแค่หลังเดียว จากคุณ : lantern (lantern) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 11:36:12

ความคิดเห็นที่ 10 พอจะซื้อบ้านมือสอง เจอเศรษฐิจแบบนี้งงเลย พยายามปั่นราคากันอีก ขายอย่างแพงผมงี้งงเลย เพื่อนซื้อปีที่แล้ว 1.8 ล้าน ผมยังไม่มีปัญญาซื้อเป็นทาวน์เฮ้า 2 ชั้น มาปีนี้คิดว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดีพี่ท่านขายกันที่ 2.4 ล้านปีเดียวไป 6 แสน แถมเป็นมือสองอีกต่างหาก สุดยอดจริงๆ ผมว่าราคาบ้านเมืองไทยมันแพงจริงๆ เพื่อนผมเขารับเหมาก่อสร้างเหมือนกัน และทำบ้านจัดสรรด้วยที่ต่างจังหวัดบอกพูดจริงๆ เลยนะเพื่อนกันไม่รู้เหมือนกันทุกทีหรือเปล่าแต่เพื่อนบอกว่าได้กำไรประมาณ 50% อ่ะ เพราะต้องแบกรับความเสียงด้วย แต่ว่าถ้าเอากำไรน้อยกว่านี้ก็ความเสี่ยงน้อย ก็ตั้งราคาสูงๆไว้จะได้ไม่เสียราคา ถ้ามันขายไม่ดีจริงๆ ค่อยให้ส่วนลด ก็จะได้กำไรน้อยหน่อย แต่ถ้าขายได้ก็กำไรงามเลย เอากะมันสิเฮ้อเพื่อนเราเองยังเป็น จากคุณ : banyoun เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 16:50:31

ความคิดเห็นที่ 11 มันก็ขึ้นอยู่กับทำเลส่วนนึงครับ อีกอย่างปีนึ้กรมที่ดินเพิ่งประกาศราคาที่ดินใหม่ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าขึ้นกัน 30-40% ครับ สำหรับใครที่พร้อมจะซื้อก็ซื้อเลยดีกว่าครับบ้านยังไงก็แพงขึ้น เดี๋ยวนี้แค่บางบัวทอง รังสิต ยัง 2 ล้านต้นๆ กันแล้ว ขืนรอมีหวังได้ไปซื้อกันแถว นครปฐม อยุธยา โน่น จากคุณ : Rasbora เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 17:52:43

ความคิดเห็นที่ 12 อยากมีบ้าน ทำงานครับ ทำงาน ทำงาน อดออม อดออม อดออม อดออม อดออม บ่นไปก็ไม่มีหรอกครับ บ้านอ่ะ ทุกคนอยู่ในวังวนนี้หมดล่ะครับ ไม่ใช่คุณคนเดียวที่กำลังไม่พอซื้อบ้านครับ ทำงาน ทำงาน อดออม อดออม อดออม จากคุณ : blue label เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 22:19:18

ความคิดเห็นที่ 13 แถมหน่อย ใครจะเป็นไงช่างเค้าครับ อย่าไปสนใจ โตได้แล้ว อย่ามัวเอาแต่นั่งร้องไห้ จะเอา จะเอา จะเอา โตซะทีครับ.... จากคุณ : blue label เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 22:21:58

ความคิดเห็นที่ 14 ในฐานนะที่วนเวียนในแวดวง อสังหา มาบ้าง จะบอกว่า ส่วนใหญ่ ผู้บริหารอยากจะขายให้ถูกที่สุดและคุณภาพดีกว่าคุ่แข่งอยู่แล้วล่ะค่ะ เพราะถ้าทำได้ ของก็ขายดี สภาพคล่องก็มาก เสียดอกเบี้ยน้อย สารพัดค่ะ สังเกตบางโครงการ ยิ่งนานยิ่งแพง เพราะโครงการขายได้ช้า ค่าใช้จ่ายก็เยอะตามมา ทำให้ต้องขายแพงขึ้น  ส่วนใหญ่เขาจะวางแผนการขายมาแล้วว่า โครงการนี้จะขายกี่ปี หากเกินเวลาที่กำหนด ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นก็จะถูก แอดเข้าไปในราคาบ้านที่เหลือ ปัจจัยที่ทำให้บ้านแพง ที่สำคัญที่สุดคือค่าที่ดิน ค่ะ อีกอย่างก็พวก ฟาซิลิตี้ ต่างๆที่เขาให้ มันถูกแอดเข้าไปในราคาบ้านคุณอยู่แล้ว จากคุณ : esanud เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 09:39:53

ความคิดเห็นที่ 15 บางคน.. ทำงาน ทำงาน ทำงาน อดออม อดออม อดออม ใช้เวลาน้อย 1 ปี 2 ปี 3 ปี ว่ากันไป บางคนเค้าก็.. ทำงาน ทำงาน ทำงาน อดออม อดออม อดออม กันทั้งชีวิต  แต่คนเรา"ผล"ที่ได้ไม่เหมือนกัน เพราะโอกาสของคนมันไม่เหมือนกัน เพราะเงื่อนไขของสังคม ... การศึกษา อาชีพ ความก้าวหน้า สิทธิ ภาระ ฐานะ สมบัติเก่า ...บลา บลา อย่าว่า บางคนอยู่จนผมเปลี่ยนสีแล้วก็เพิ่งจะมี ถมไป ในเมื่อวันนี้ยังอยู่ในฐานะผู้บริโภค ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับท่านๆผู้ผลิตทั้งหลาย ในเมื่ออาชีพเขาคือ ธุรกิจ เขาก็ย่อมจะหวังผลกำไรตามสมควรแก่อาชีพ เข้าใจว่า จขกท.ไม่ได้คิดจะเรียกร้องอะไร กับใคร แต่ระบายเฉยๆ ชิม่ะ จากคุณ : บานบุรีหอม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 10:18:35

ความคิดเห็นที่ 16   เมืองไทย มี2อย่างที่ ต่อให้ห่วย และแพงยังไงก็ขายได้คือ ..บ้าน กับ..รถยนต์.... จากคุณ : หนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 10:25:37 A:124.122.228.47 X: TicketID:090948

ความคิดเห็นที่ 17 ปกติ อาชีพกลุ่มนี้ ก็มีนักการเป็นเป็นกลุ่มหลักอยู่แล้วครับ จากคุณ : dib2000 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 14:48:35

ความคิดเห็นที่ 18 จขกท.พูดถูกเผงเลย ผมเห็นด้วยคร้าบบบบ..โหวตคร้าบ จากคุณ : pae_get เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 15:10:06

ความคิดเห็นที่ 19 ความเห็นของผม.. ผมคิดว่าราคาสินค้าไม่ว่าบ้าน หรืออะไรก็ตาม.. มันก็เหมาะสมตามแต่ปัจจัยของมันอยู่แล้วครับ.. ถ้าไม่ไช่สินค้าผูกขาด.. เพราะถ้าตั้งราคาสูงไปก็ขายไม่ได้.. ตั้งต่ำไปบางทีคนซื้อจะคิดว่าไม่มีคุณภาพเสียอีก.. แต่สิ่งที่สำคัญกว่าราคาคือ คุณธรรมของเจ้าของกิจการ.. ถ้าบ้านสวยงามน่าอยู่.. ราคาถูกมากมาย.. แต่หมกเม็ดไปด้วยคุณภาพงานสร้างที่ไม่ดี.. น้ำท่วม.. ไม่ปลอดภัย.. ทรุด แตกร้าว.. แบบนี้ราคาไม่กี่แสนยังว่าแพงเลยครับ.. ผมว่าเรามองเงินไปสิ่งสมมุติมันจะทำให้เราปล่อยวางมากขึ้นนะครับ.. ซื้อบ้านตามกำลังที่เรามี.. ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น.. มีเงินเก็บออมเพื่อความมั่นคงของชีวิต.. (ของแต่ละคนไม่เท่ากัน).. แบบนี้น่าจะดีกับชีวิตเรานะครับ.. เอาใจช่วยให้ได้บ้านที่ถูกใจนะครับ.. ประเทศเรายังมีอะไรดีๆ อีกมากมายที่เรามักจะมองข้ามไป... ... จากคุณ : นายแว่นธรรมดา เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 15:15:59

ความคิดเห็นที่ 20   ที่ดินมันแพงเกิน บ้านผมซื้อเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แถวแจ้งวัฒนะ บ้านมือสอง ตอนนั้นราคาเฉลี่ยแถวนั้น ตรว ละ 30,000 บาท บ้านผมมือสอง 60 ตารางวา ซื้อมาราคา 2.5 ล้านบาท (ตอนนั้นผมอายุ 25 เงินเดือน 18,000 บาท ผ่อนหน้ามืด) มาตอนนี้ ที่ดินแถวบ้านผม ขายเฉลี่ย ราคา ตรว ละ 35,000-38,000 บาท ทั้งๆ ที่เซ็นทรัลก็สร้างใหม่ ศูนย์ราชการอีก รถก็ติดมากขึ้น ถ้าึคิดว่า 60 ตารางวา ก็ราคาขึ้นมาแล้ว 300,000-480,000 บาท ก็ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ทำไมราคามันขึ้นเอาๆ ก็ไม่รู้ จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 15:51:19 A:116.14.90.249 X:220.255.7.103 TicketID:228896

ความคิดเห็นที่ 21 เรามีสิทธิ์ที่จะ เลือกซื้อ ได้ไม่ใช่เหรอครับ  -*- จากคุณ : babyfresh เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 16:20:25

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าขายแพงแล้วไม่มีคนซื้อ มันก็ขายถูกเอง แต่ทำไมมีคนซื้อ !!!!!! นั่นแหละคือคำถาม ... แถมซื้ออยู่ด้วย ไม่ได้ซื้อไว้ขายต่อแบบเมื่อก่อน (อาจมีเป็นคอนโด แต่ก็รับความเสี่ยงไป) บ้างที เรามองเรื่องเมืองหลวงมากไป หากเราซื้อไม่ได้ ตจว. คือคำตอบ ประเทศไทย ไม่ได้มีแค่ กทม.นะครับ ยังไง เราก็เปลี่ยนแปลงทุนนิยม หรือ การที่มีคนหาเงินเก่งกว่าเราไม่ได้หรอก สิ่งที่ต้องค้นหาคือ สิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับความสามารถของเราต่างหาก จากคุณ : KENG76 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 16:22:27

ความคิดเห็นที่ 23 ดังสุภาษิตว่า  "น้ำขึ้นให้รีบตัก" พี่ท่านก็รีบตักโดยไม่ได้ใช้ขันใส่ตุ่ม  แต่เล่นเครื่องสูบน้ำสูบเข้าเขื่อนกันเลย จากคุณ : BubbleJazz เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 16:28:21

ความคิดเห็นที่ 24 ราคาวัสดุก็ไม่ได้ขึ้นด้วยนะครับ กำไรเห็นๆ จากคุณ : Truss_me เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 17:03:23

ความคิดเห็นที่ 25   เห็นใจแต่ไม่เห็นด้วยครับ อย่างแรกบ้านนับเป็นการลงทุนที่ทันกับอัตราเงินเฟ้อ หากวางดาวน์เหมาะสม ดอกเบี้ยที่จ่ายไป จะยังคุ้มกับราคาบ้านและที่ดินที่จะสูงขึ้นทุกปี อย่างที่สองเรามีทางเลือกพอสมควรในการซื้อ หากแพงมากมันก็จะมีเหตุผลของมัน เช่นทำเล ชื่อเสียงคนขาย ฯลฯ เราก็ต้องหาทางเลือกที่เหมาะกับเรา ต้องทำการบ้านเยอะทีเดียวจะซื้อบ้านหรือที่ดินและต้องให้เวลาค้นหาพอสมควร กว่าผมจะหาซื้อที่ดินได้นี่ผมหาล่วงหน้าตั้งสองปี คือพอเรายืดหยุ่นได้ระดับนึง เราก็จะมีทางเลือกมากขึ้น เช่น ยอมออกไปชานเมืองได้ เราอยู่ในสังคมทุนนิยม จะให้คนขายเขาขายในราคาที่กำไรน้อยคงเป็นไปไม่ได้ แต่หากส่งเสริมให้มีการแข่งขัน รับรองราคาลดแน่ ทีนี้พอจะให้รัฐเข้ามาสร้างแข่งขันก็เจอโกงกินอีก นี่ละต้นเหตุจริงๆของปัญหา จากคุณ : Impedance เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 17:55:38

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยค่ะ อสังหาขึ้นกันเป็นดอกเห็ด ถ้าล้มขึ้นมารัฐต้องมาช่วยหรือเปล่า หรือไม่ก็ต้องมีกฎหมายควบคุมปริมาณหรือเปล่าคะ จากคุณ : miracle_the_city เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 18:46:28

ความคิดเห็นที่ 27   กระผมว่าทั้ง บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ ธนาคาร ก็เอาเปรียบในลักษณะเดียวกันแหละครับ ถ้าถามคนที่อยู่ในทุนนิยมก็จะบอกว่ามันเป็น ปรกติ สมเหตุ สมผล กลไกราคา แต่ขอย้อนถามกลับไปว่า มันเป็นความคิดที่ถูกจริงหรือเปล่าครับ กลไกราคาที่เทิดทูนนั้น ทำให้คนกลุ่มน้อยรวยขึ้น ขณะที่คนกลุ่มใหญ่ของประเทศจนลงหรือเปล่าครับ อสังหาริมทรัพย์ที่บอกว่า ราคาแพงขึ้นเพราะค่าวัสดุนั้น ผมเชื่อว่าถูกแค่ส่วนเดียวครับ เพราะ ต้นทุนส่วนใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์ คือ ต้นทุนแรงงานไม่ใช่หรือครับ ในเมื่อเกือบทุกที่ก็ใช้แรงงงานต่างด้าว แล้วต้นทุนแรงงานจะขึ้นได้อย่างไร ที่บอกวัสดุแพงนั้น ก็เห็นแทบทุกที่ก็พยายามลดแบบ ลดวัสดุ ลดโครงสร้างให้เบาลง เสาเข็มต้นเล็กลง หลายๆ แห่งยังมีเงินเหลือพอให้ ผรม.โกงกินวัสดุกันได้อีกบานตะเกียง ธนาคารก็เหมือนกันครับ ดอกเบี้ยฝากต่ำติดดิน ดอกเบี้ยกู้สูงกว่าเงินฝาก 5% กว่า บอกว่าเป็นกลไกราคาที่ต้องรับความเสี่ยง แต่มีกำไรกันปีละหลายหมื่นล้านบาท อยากจะบอกว่าในโลกมีไม่กี่ประเทศหรอกครับที่ ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ได้ถึง 5% ประเทศไทยนี่เฉพาะกิจจริงๆครับ ผมว่าคนไทยอย่างเราๆ ชินชากับการถูกเอาเปรียบมาหลายสิบปีแล้วครับ ของแพงกว่าความเป็นจริง นายทุนรวย เอาเงินอุดหนุนพรรคการเมือง พอเจ๊งก็ให้รัฐบาลอุ้ม พอรอดก็เปรียบคนจนต่อ.....รูปแบบนี้มั่นหยั่งรากลึกเสียแล้วในสังคมไทย..... เมื่อไหร่ระบบการเงินจะเสรีเสียที ธนาคารต่างประเทศปล่อยดอกเบี้ยกู้แค่ 2-3% จะได้เข้ามาล้างระบบเอาเปรียบของธนาคารเสียที เมื่อไหร่ ภาษีถือครองที่ดินที่โปร่งใสจะออกมา เพื่อล้างระบบเก็งกำไรที่ดิน สงสารครับคนไทย..... จากคุณ : ต้นไม้ใบหยัก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 19:34:21

ความคิดเห็นที่ 28 ก็เค้าพวกเดียวกันนี่ครับ - การเมืองย่อมเอื้อประโยชน์นายทุน จากคุณ : นายตุ๋ง เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 19:44:58

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นด้วย 30%   และไม่เห็นด้วย 70% เห็นใจจขกท.น่ะ  แต่โลกของธุรกิจมันก็โหดร้ายอย่างงี้แหละ   ต้องยอมรับมันให้ได้   แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 52 20:12:34 จากคุณ : JADE&GUY เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 20:00:39

ความคิดเห็นที่ 30 ถูกต้องแบบขาวสะอาด จากคุณ : ASA by BBS เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 20:24:11

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 27 ค่ะ ทำไมดอกเบี้ยเงินฝาก กับ ดอกเบี้ยเงินกู้มันถึงห่างงงงงงงงงงงงงงงงงซะขนาดนั้น จากคุณ : believe เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 20:38:39

ความคิดเห็นที่ 32 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 21:06:46

ความคิดเห็นที่ 33 .. จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 21:50:45

ความคิดเห็นที่ 34 มันเป็นเรื่องของ demand กับ supply มีความการซื้อ มันก็ขายได้ ถ้าไม่มีคนซื้อ ราคามันก็ลดมาเอง ตามกลไกของตลาด ที่เป็นอย่างนี้มันบอกเป็นนัยๆว่า ช่องว่างระหว่างฐานะของคนรวยกับคยจนจะค่อยๆห่างขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : I am fine thank you เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 21:52:15

ความคิดเห็นที่ 35   ราคามันเวอร์มากๆ ตั้งแต่ผ่านพ้นวิกฤตปี40 เห็นราคาบ้าน แล้วเว๋อเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนบ้านจัดสรร ไม่มีบ้านราคา 20-30 ล้านหรอกนะ มันเป็นคฤหาสน์ของเศรษฐี แต่เดี๋ยวนี้มีบ้านจัดสรรราคา20-100กว่าล้านขาย ส่วนบ้านจัดสรรราคา 4-5ล้านเนี่ย ธรรมดาสุดๆ จากคุณ : antonio_o เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 23:12:41

ความคิดเห็นที่ 36   อ่านกระทู้บ้านมือ 2 ในอเมริกา บ้านหลังใหญ่ กว่าราคาถูกกว่าบ้านในเมืองไทย.. กลายเป็นว่าตอนนี้คนไทยซื้อบ้านราคาแพงกว่าฝรั่งที่เมืองนอกซะอีกค่ะ จากคุณ : กลับบ้านเร็วๆนะจ๊ะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 00:30:21 A:125.25.55.105 X: TicketID:225174

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นด้วยกับคุณคนที่ 27 เกิดเป็นคนไทยที่ตัวเล็กๆไม่มีสิทธิ์มีเสียง จะอีกกี่ปีกี่ชาติก็คงอยู่กันอย่างนี้จนชิน และอย่างคนข้างบนว่า บ้านที่อเมริกาตอนนี้ถูกมาก และทุกครั้งที่อเมริกาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ สิ่งที่จะได้รับผลกระทบระดับแรกเลยคือ เรื่องอสังหาริมทรัพย์ ราคาจะตกฮวบฮาบ แต่ที่เมืองไทยไม่ว่าเศรษฐกิจจะแย่แค่ไหน ราคาบ้าน ที่ดินไม่เคยตก อาจจะขายได้ช้าหน่อยแต่ไม่ยอมลดราคา (นอกจากเมื่อปีสี่สิบ) เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าคนไทยซื้อบ้านแพงกว่าฝรั่งที่ใช้เงินดอลล่า บอกได้คำเดียวว่าเห็นใจมาก พวกนายทุน พ่อค้า นักการเมือง เขาคงไม่เข้าใจ เพราะวงจรเป็นแบบนี้มาเนิ่นนานจนเคยชิน มาคิดๆดู คนเราไขว่ค้าหาสิ่งสะดวกสบาย เพื่อหวังว่าชีวิตจะอยู่ดีมีสุขขึ้น แต่...จริงหรือ? หาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ซะก่อน หนทางก็จะสว่างขึ้น จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 04:17:40

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยอย่างแรงเลยค่ะ เป็นอีกคนที่ตอนซื้อบ้าน เจ็บช้ำใจนิดหน่อย ที่พลาดบ้านในฝันหลังแรกไป เพราะราคาบ้าน มันเยอะเกินกว่าวงเงินที่เราสามารถกู้ได้  พาลให้รู้สึกว่า ทำไมบ้านมันราคาแพงเว่อร์ขนาดนี้ ขนาดเรากู้คนเดียว คิดว่า เงินเดือนตัวเองก็ไม่ได้น้อยๆ ยังยากขนาดนี้ แล้วคนอื่นที่เงินเดือนน้อยกว่าเราล่ะ จะหืดขึ้นคอขนาดไหน เห็นด้วยค่ะ เรื่องนกน้อยทำรังแต่พอตัว แต่คิดดูก่อนเหอะค่ะ ว่าจะทำรังกันทั้งที ใครๆ  ก็อยากได้บ้านสวยๆ ดีๆ บรรยากาศดี คุณภาพชีวิตดีๆ ทั้งนั้นแหล่ะ ในเมื่อราคาบ้านมันช่วยแบ่งเกรดได้ในระดับนึง คุณจะไม่ไขว้คว้าให้สุดกำลังเหรอคะ สังคมไทย ไม่ได้ย้ายบ้าน เปลี่ยนบ้านบ่อยๆ ตามขนาดครอบครัวเหมือนฝรั่งเค้านะคะ ซื้อทีก็อยู่กันยาวยันลูกโต ขอโทษที่ตอบยาวไปนิด กระทู้มันโดนใจจริงๆ ค่ะ ให้ 3give เลย จากคุณ : amuro4ever เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 07:22:24

ความคิดเห็นที่ 39   โหวตไม่ได้ แต่เห็นด้วยครับ ราคาแพงมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนคนทำงานทั่วไป ผู้ขายเห็นว่าบ้านเป็นปัจจัยสี่ แพงอย่างไรก็มีคนซื้อ ทุกคนซื้อบ้านแล้ว แทนที่จะได้มีเวลากล้ับบ้านมาอยู่กับครอบครัวตอนเย็นๆ ก็ต้องอยู่ที่ทำงานจนดึก เพื่อหาสตางค์มาผ่อนบ้านอีกเป็นสิบปี จากคุณ : ton-pon555 เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 08:56:31

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นด้วยครับ ราคาบ้านทุกวันนี้แพงแบบก้าวกระโดดจริงๆ แต่ก่อนไม่ถึง 1 ล้านยังพอมีให้เห็น ตอนนี้หาไม่ได้แล้ว และคาดว่ามันจะแพงขึ้นเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนคนระดับล่างกับระดับกลาง ต้องไปอยู่นอกเมืองแน่นอน จากคุณ : pdon (pdon) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 09:42:53

ความคิดเห็นที่ 41 คนออกกฏหมาย คือเจ้าของบริษัทไงครับ รู้มั๊ย บริษัท เอา vat ซื้อ หัก vat ขายได้ เวลาเสียภาษี แต่คนทำงานเนี่ย ซื้อ vat แต่หักไม่ได้ แถมเสียภาษีเต็มๆ จากคุณ : QDora เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 09:43:42

ความคิดเห็นที่ 42 พูดแล้วเสร้า ของม๋าฟ้าดีดขึ้นมาเป็นเท่าตัว กัดฟันสู้ส่งกันไป จากคุณ : djangel เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 10:34:44

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างประเทศญี่ปุ่น ถ้าคุณไม่ใช่คนมีตำแหน่งใหญ่ๆจริง คุณซื้อบ้านไม่ได้หรอกครับ ขนาดเจ้าของบริษัทขนาดเล็กยังมีปัญญาซื้อบ้านได้แค่หลักเล็กๆเอง และก็ถ้าคุณไม่มีที่จอดรถเป็นของตัวเองก็อย่าหวังว่าจะซื้อรถมาขับได้ง่ายๆเหมือนพี่ไทย สังเกตุดูสิว่าทำไม เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง คนที่ทำงานบริษัทในเมืองถึงมีปัญญาซื้อได้แค่ คอนโด  ก็เพราะที่ดินมันแพงไงครับ ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่งถ้าได้ทำเลดีๆจะประกอบธุรกิจอะไรก็อาจจะมีกินไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ เค้าเลยซื้อคอนโดไว้เพื่อเดินนทางทำมาหาเลี้ยงชีพไว้ก่อนไง ถ้ามัวแต่รอดจะซื้อบ้านมีหวังอดตาย ต้องโทษรัฐบาลไม่รู้จักกระจายความเจริญสู่ชนบท และโทษพวกข้าราชการที่เค้าให้เงินไปพัฒนาบ้านเมืองแต่ชอบเอาไปใช้เที่ยวต่างประเทศ  บางหมู่บ้านเงินเหลือ พาสมาชิกในหมู่บ้าน 1 คนต่อ 1 ครัวเรือน ไปเที่ยวฟรีกินฟรี ภาษีของผมทั้งนั้น เซ็งชิบ ทีนี้รู้รึยังว่ามันแพงเพราะที่ดิน ไม่ได้แพงเพราะตัวบ้าน อิอิ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย จากคุณ : Rapter เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 10:35:21

ความคิดเห็นที่ 44 "คนออกกฏหมาย คือเจ้าของบริษัทไงครับ รู้มั๊ย บริษัท เอา vat ซื้อ หัก vat ขายได้ เวลาเสียภาษี แต่คนทำงานเนี่ย ซื้อ vat แต่หักไม่ได้ แถมเสียภาษีเต็มๆ " จริงค่ะ ของเรา  เดิมบริษัทจัดการจ่ายค่าโทรมือถือให้  ต่อมาเปลี่ยนเป็นให้เบิกโดยบริษัทให้ค่าโทรศัพท์ 1500 บาท  เจอหักภาษีไป 30% = 450 บาท  เหลือ 1050 บาท  พอเราไปจ่ายค่าโทรให้ AIS 1500 บาท  เราต้องเสีย VAT อีก 105 รวมเป็น 1605 บาท  สรุปรับค่าโทรมา 1500 ต้องจ่ายภาษีไป 555 บาท(เข้าเนื้อตัวเอง)  ขอคืนอะไรก็ไม่ได้อ่ะ เรื่องนโยบายลดหย่อนภาษีเมื่อซื้อบ้านใหม่ 3 แสนบาทนี่ก้อเหมือนกัน  ช่วยเหลือแต่ผู้ประกอบการบ้านจัดสรร  โดยเราต้องซื้อบ้านใหม่จัดสรรเท่านั้นจึงจะใช้สิทธิได้  คนที่อยากมีบ้านแต่ซื้อบ้านมือสองก็อด  อย่างนี้ไม่เรียกว่าช่วยประชาชน  ถ้าช่วยประชาชนก็ควรให้ลดหย่อนได้ทุกกรณีสิ จากคุณ : ttmsuper เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 11:02:23

ความคิดเห็นที่ 45 คนออกกฏหมาย คือเจ้าของบริษัทไงครับ รู้มั๊ย บริษัท เอา vat ซื้อ หัก vat ขายได้ เวลาเสียภาษี แต่คนทำงานเนี่ย ซื้อ vat แต่หักไม่ได้ แถมเสียภาษีเต็มๆ โห . . . โดนใจวัยชรา  ทั้งกฏหมาย บ.ลูก ทั้ง ๆ ที่บ.แม่รับทรัพย์เต็ม ๆ เวลาขาดทุนก็ไม่รับผิดชอบ  แค่รู้สึกว่าพวกคนมีเงินเห็นแก่ตัวน้อยลง  สังคมก็น่าอยู่ขึ้นนะครับ จากคุณ : meecom เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 12:30:44

ความคิดเห็นที่ 46   คอนโดริมถนนแถวพัทยากลาง เมื่อต้นปีขึ้นราคาไว้ว่าห้าแสนกว่า ห้องเล็ก ๆ นะครับ  ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น 1.6 ล้าน ขายไม่ค่อยออก เลยปรับเปลี่ยนราคาป้ายทุกต้นปีกลางปี ถ้าคนไม่เคยเห็นก็ไม่เป็นไร แต่ผมอยู่มาสามปี เห็นเปลี่ยนตลอดเลย สรุปต้นทุนพวกนี้ไม่ได้สูงอย่างที่คิด แต่ทีเหลือคือ ตรูอยากฟัน... จากคุณ : SPORTERO เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 12:52:39

ความคิดเห็นที่ 47 ผมเข้าใจในหลายๆ กระทู้ที่บอกว่าให้ทำรังแต่พอตัวอย่าคิดมาก ใจผมแค่อยากระบายออกเท่านั้นครับเพราะไม่รู้จะไปทำอะไรได้ จริงๆแล้วผมมองบ้านมาประมาณ  6 - 7 ปีแล้วครับ แต่ไม่มีปัญญาจะซื้อเพราะบ้านมันขยับหนีเงินเดือนผมไปเรื่อยๆ แล้วพอมาเจอการปั่นราคาที่ดิน การเกร็งกำไรในการซื้อขาย การขายในราคาที่แพงจนเกินไป แต่ก็มีคนซื้อครับ เพราะผมเคยคุยหลายๆคนที่เขาซื้อเพราะตัดใจทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะถ้าไม่ซื้อตอนนี้มันก็จะขึ้นราคาไปอีกเรื่อยๆ ก็เลยต้องจำใจซื้อที่ราคาที่คิดว่ามันน่าที่จะแพงเกินจริง และในปัจจุบันเวลาเลือกซื้อบ้าน สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยครับ เพราะคิดดูสิครับถึงประตูบ้านแล้วมันยังมาดักปล้นทำร้ายเอา หน้าประตูบ้านเรานี่และ ไม่รู้มันจะซ้ำเติมกันไปถึงไหน... จากคุณ : banyoun เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 12:58:55

ความคิดเห็นที่ 48 เราไม่ทราบว่าบ้านแพง แต่เราซื้อบ้าน 4 ห้องนอนเมื่อก่อนสิบปีมาแล้วก็แค่ล้านนิดๆ ก็ดาวน์ แล้วก็ผ่อนเดือนละสามพันบาท ทำงานได้ปีนึงก็กู้เลยค่ะ ตอนนี้เงินมันเฟ้อ ก็ซื้อเพิ่มอีกหลังสองล้าน ขนาด 6 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ เราก็ผ่อนแค่แปดพันบาท ก็ไม่ซื้อบ้านแพงมาก แค่พออยู่ ยังไงเราก็นอนได้แค่ห้องเดียว แต่ดีตรงเวลามีแขกมาพัก เราก็ไม่อายเพื่อน อายญาติ เพราะบ้านเราสี่ชั้น หลังใหญ่ ถ้าอยากได้บ้านหลังใหญ่ เราว่าสร้างบนที่ดินตัวเองดีกว่า ถ้าสามล้านนี่อลังการมาก วัสดุเกรดเอเลย จากคุณ : อนิลฑิตาแห่งอำมฤตาลัย (เด็กเกาะสมุย) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 14:43:47

ความคิดเห็นที่ 49 กินกันเป็นทอด ระหว่าง แบงค์ กับ โครงการ โครงการได้ขายแพง แบงค์ ก็ได้ปล่อยกู้เยอะ ดอกเบี้ยเยอะ แปลกดี เมืองไทย สวนกระแสโลกซะงั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็ ตัวใครตัวมัน จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:28:52

ความคิดเห็นที่ 50 ดิฉันก็ว่าบ้านที่กรุงเทพแพงมากๆ คุณภาพก็ไม่สมราคา เคยคำนวณดูว่าถ้าดิฉันผ่อนบ้าน ตจว ในอเมริกาหมด แล้วเอาเงินไปซื้อคอนโดหรูใจกลางกรุงอยู่ คำนวณแล้ว เงินยังไม่พอเลยค่ะ ขาดอีก 3 ล้านแน่ะ แต่ตรงเปรียบเทียบระหว่างราคาบ้านในไทยกับอเมริกา คุณ ไม่ได้เปรียบ กรุงเทพ ต่อ แมนฮัตตัน นี่คะ คุณไปเปรียบกรุง เทพกับ ต่างจังหวัดของอมริกา ซึ่งแน่นอน บ้านอเมริกาบางหลัง กลายเป็นถูกกว่า   คุณไปดูราคาเรียวเอสเตทในแมนฮัตตันซิคะ ผิดกับราคาบ้านในต่างจังหวัดราวฟ้ากับเหว ยิ่งทำเลดีๆด้วยแล้ว ไม่ต้องฝันว่าจะได้ซื้อ แค่ค่าเช่าก็ฟังดูไม่น่าเชื่อแล้วว่าใครมันมี ปัญญาเช่าอยู่ได้  แล้วเวลาเรียวเอสเตทราคาตก แมนฮัตตันก็ ไม่ได้ตกกับเขาเท่าไร แพงอย่างไรก็ยังแพงอย่างนั้น เพียงแต่ เห็นมีอพาทเม้นท์ให้เช่ามากขึ้น ราคาขายห้องสตูดิโอลดลง จากคุณ : ปรารถนา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 21:40:54

ความคิดเห็นที่ 51 ใช่เลยค่ะคุณ คหที่50 แต่ว่าคนที่มีปัญญาซื้อบ้านที่แมนฮัตตั้นได้คงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาๆแบบเราๆท่านๆหรือจขกท.นี้น่ะค่ะ เราเปรียบเทียบกับในระดับทั่วๆไปเท่านั้นเอง ขอบคุณสำหรับมุมมองอีกด้านนึง จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:26:34

ความคิดเห็นที่ 52 แสดงว่าอนาคตจะมีการไหลของคนฐานะปานกลางในประเทศที่ค่าครองชีพสูง เข้ามาอยู่บ้านเรามากขึ้น แล้วเมื่อเกิดสังคมของเค้าในพื้นที่ใดก็ตามอัตราการขยายตัวจะเพิ่มเป็นเท่าทวี น่ากลัวครับ จากคุณ : Rasia เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 03:28:46

ความคิดเห็นที่ 53 ของราคาขึ้นด้วย น้ำมันก็ขึ้น ชีวิตทำงานอย่างพวกเราๆ น่าสงสารคะ เก็บออมเยอะๆเข้าไว้คะ จากคุณ : Blue Sky Girl เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 10:07:15

ความคิดเห็นที่ 54 รอฟองสบู่แตกอีกรอบ จากคุณ : bedub เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 11:37:04

ความคิดเห็นที่ 55 พูดถึงบ้าน ก็อยากเปรียบเทียบกับคอนโด ผมรู้สึกว่าคอนโดเดี๋ยวนี้แพงเวอร์มากๆ ราคาเกือบๆ จะแตะบ้านเดี่ยวบางที่เข้าไปแล้ว แพงได้ใจจริงๆ -*- จากคุณ : ไอ้วู่ เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 14:54:21

ความคิดเห็นที่ 56 ^ ^ น่าจะมีโอกาส รอจีน...แตก....จะเรียกว่าวิกฤตการณ์ไรดี จากคุณ : motokolf เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 15:00:26

ความคิดเห็นที่ 57 ผมต้องรอกี่ปี ถึงจะได้บ้านครับ เงินเดือนต่อให้ 20000 + อายุเท่าไรผมถึงจะมีบ้านครับ ตอนนี้ 24 จากคุณ : MAXSIM_lot เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 16:22:12

ความคิดเห็นที่ 58   เป็นความเห็นที่เข้ามาแอบอ่านแล้วได้อะไรดีดี กลับไปนอนคิดเยอะ ขอบคุณจขกทที่ตั้งประเด็น จากคุณ : บัตรผ่านแอบอ่าน เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 16:27:34 A:58.8.154.121 X: TicketID:224973

ความคิดเห็นที่ 59 ยิ่งคอนโดผมว่ายิ่งเวอร์สุดยอดครับ ราคาห้อง 30 กว่า ตรม. แถวบางแค เพื่อนซื้อมา 1.6 ล้าน ผ่านไปไม่เท่าไหร่ขึ้นเป็น 2 ล้าน หรือ 2 กว่าๆ ซะงั้นอะไรมันจะฟันกันขนาดนั้น กลายเป็นว่าปั่นราคาเก็งกำไรกันซะเต็มที่ สุดยอดทั้งคนสร้างคนเก็งกำไร โลกมันคงเป็นอย่างนี้และครับ ผมก็พยายามทำใจครับ โลกของธุรกิจ จองคอนโด จองบ้าน เอาใบจองมาขายวันเดียวได้ 50000 เห็นๆ พี่ที่ บริษัทไปซื้อใบจองมาเพราะไปจองไม่ทัน ซื้อคอนโดมาในราคา 1.6 ล้าน เหมือนเพื่อนคนแรก ผ่านมา 1 ปี พี่เขาบอกว่าตอนนี้ขายกันที่ 2.4 ล้านแล้วอ่ะ นั่งรถเข้าไปตรงสะพานควาย 10 นาที มันขึ้นอยู่ว่าใจคุณจะแข็งพอที่จะหากำไรตรงนี้หรือเปล่าเท่านั้น... จากคุณ : banyoun เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 21:35:12

ความคิดเห็นที่ 60 อย่างว่าน่ะครับ บ้านเมืองไทยก็เหมือนกับราคารถป้ายแดงที่ขายกันอยู่น่ะครับ ยิ่งเป็นรถนำเข้า+ภาษีมหาโหด = บ้านทำเลทอง ทั้งที่เมืองนอกรถคันละไม่เกินล้านก็ได้อย่างหรูเเล้ว... เพื่อนที่ไปเที่ยวลาวเค้ายังบอกว่าคนไทยนี่รวยเนอะ ขนาดคัมรี่คันละล้านกว่าขับกันเต็มเมือง จากคุณ : aeshey เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 03:06:32

ความคิดเห็นที่ 61 เห็นบ่นกันจัง ถ้าผมชวนให้มาทำบ้านจัดสรรด้วยกัน อย่ามาทำนะครับ จากคุณ : กล้ามหนู เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 08:21:25

ความคิดเห็นที่ 62 ยังไม่เคยให้ give ใครเลย ขอประเดิมกระทู้นี้ก่อนเลยนะคะ ^^ จากคุณ : A380 pink เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 10:48:48

ความคิดเห็นที่ 63 พื้นฐานคนไทย โลภ ไม่รู้จักพอ เอาเปรียบกัน มีดีอย่างเดียวยิ้มสยาม จากคุณ : [kv] เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 12:56:17

ความคิดเห็นที่ 64   เอ่อ...... ขอแสดงความเห็นนิดนึงครับ ต้นทุนหลักของการทำโครงการ คือ ทำเลของที่ดินผืนนั้นๆครับ  และราคาที่ดินจะแพงหรือถูก ก็ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นฐานของที่ดินบริเวณนั้น เช่นโครงข่ายการคมนาคม สาธารณูปโภค แหล่งงาน ชุมชนดั้งเดิมฯลฯ ลองนึกดูดีๆนะครับ ทำไมกรุงเทพ ถึงไม่มีย่านสีลมที่สอง รามอินทราสอง ลาดพร้าวสอง ราชพฤกษ์สอง (อย่ายึดติดที่ชื่อนะครับ) สภาพพื้นฐานแต่ละทำเลมันมีความเป็นเอกลักษณ์จะไม่มีทางซ้ำกัน จะเหมือนหรือแค่คล้ายกันแค่บางข้อเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองราคาจึงต่างกันไปตามกลไกของตลาด(ก็มาจากความต้องการจากผู้ซื้อทั้งนั้น) เพราะฉะนั้นที่ดินในทำเลดีๆมีแต่จะถูกจับจอง หรือเปลี่ยนมือเมื่อเวลาเปลี่ยนไป อีกทั้งหากดูอัตราเงินเฟ้อย้อนหลังสัก10ปี เฉลี่ยแล้วน่าจะอยู่ราวๆ3-5%ต่อปี ราคาที่ดินก็ต้องปรับตามเพราะไม่มีใครอยากขายที่ดินแล้วไม่มีกำไรหรือขาดทุนหรอกครับ สรุปหากท่านใดคิดว่าราคาบ้านที่แพงเกินไปในวันนี้(หากเป็นทำเลดีจริง) อีก5-10ปี ท่านคงกลับมาตั้งกระทู้ใหม่ว่า " ซื้อบ้านมาถูกจัง กำไรอื้อเลย" ย้ำอีกที อสังหาฯเป็นสินทรัพย์ที่สภาพคล่องต่ำก็จริงแต่เป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีทางซ้ำกับใครในโลกผืนนี้ครับ....ทำให้นับวันมีแต่มูลค่าที่เพิ่มขึ้น จากคุณ : ก็ว่ากันไป (detalism) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 13:46:55

ความคิดเห็นที่ 65 หลายโครงการราคาขึ้น ในขณะที่บางโครงการราคาลดลงก็มีนะครับ โดยเฉพาะพวกที่จะ เปิด-ปิดโครงการ ต้องดูดีๆ ลดอย่างมาก ก็ 5 แสน โดยหลักทางอสังหาแล้วราคามันจะขึ้นเรื่อยๆ นะครับเพราะที่ดินบริเวณนั้นจะได้รับการพัฒนามากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นต้องตัดสินใจตั้งแต่ต้นถึงจะได้ราคาถูก และคุ้มค่า ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คนอยากได้บ้านทุกคนครับ จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 09:15:56

ความคิดเห็นที่ 66 บริหารจัดการไม่ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่ม --> เลยต้องมาบวกในราคาบ้าน แย่ จากคุณ : som13579 เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 09:31:26

ความคิดเห็นที่ 67 มาซื้อหมู่บ้านเราไม๊ ที่เกือบร้อยตารางวา ติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก ใกล้สนามบิน ใกล้มอเตอร์เวย์ ใกล้แอร์พอร์ตลิ้งค์ เดินทางสะดวก ราคาสิบปีที่แล้วหลังละ สามล้านกว่า ปัจจุบันก็ราคาต่ำกว่านี้นิดหน่อย ที่พูดมาเป็นเรื่องจริง แต่ซื้อแล้วต้องทนฟังเสียงเครื่องบินหน่อยนะ ใครบอกเดี๋ยวสนามบินเปิด เจริญขึ้น ราคาก็ขึ้น ไม่เห็นจริงเลย ฮือ ๆ แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 52 10:14:50 จากคุณ : ยำขนุน53 เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 10:10:42

ความคิดเห็นที่ 68 ลองคิดกลับกันว่าตัวเองเป็นคนขายสิครับ คือสมมุติ ผมมีคอนโดอยู่อาศัยอยู่ห้องนึง ไม่ได้อยากขายเลย  แต่ตั้งราคาแพงๆโหดๆไว้เล่นๆเพราะคิดว่าคงไม่มีใครกล้าซื้อ ถ้ามีคนกล้าซื้อก็กล้าขาย ถ้าขายได้ผมก็คงเอาเงินไปซื้อที่อื่นอยู่ที่มันดีกว่า หรือ อีกกรณี ผมอยากขายเอากำไร และผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินสักเท่าไหร่ เลยตั้งไว้โหดๆ ใครจะซื้อก็ซื้อ ใครไม่ซื้อก็อย่ามาว่ากันสิครับ เพราะผมพอใจที่จะขายราคานี้  ใครคิดว่าแพงก็ไปซื้อที่อื่นสิ ผมขายไม่ได้ก็เรื่องของผม คนที่มาซื้ออาจจะโดนคนอื่นหาว่าโง่ก้ได้ที่มาซื้อแพง แต่ มันก็เป็นสิทธิของทั้งคนขายที่มีสิทธิ์จะขาย และคนซื้อที่มีสิทธิ์จะโง่ซื้อแพงๆไม่ใช่เหรอครับ มันเป็นการกระตุ้นเศรฐกิจ ทำให้เงินหมุนเวียน เพราะผมขายได้กำไรเยอะ ผมก็เอาไปใช้จ่ายเยอะ และรัฐได้ภาษีหลายต่อ    ส่วนคนที่ซื้อเค้าก็คงรวยอยู่แล้ว ก็ถือซะว่าเป็นการกระจายเงินจากคนรวยไปสู่คนจน จากคุณ : Rapter เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 10:33:29

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณที่ช่วยบ่นแทน  ... จากคุณ : หญ้าแก้ว เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 10:52:15

ความคิดเห็นที่ 70 การขึ้นโครงการสักโครงการ ไม่ใช่ว่าถนนมาค่อยซื้อที่ดิน แต่การซื้อที่ดินซื้อมาตั้งแต่ก่อนถนนจะมาตั้งนานแล้วอย่างเส้นสาทร -ราชพฤกษ์ ผมเคยประเมินที่ดินให้กลุ่มธุรกิจอสังหาเมื่อปี 36 เป็นที่สวนไร่ละ 1 แสน ต้องนั่งเรือเข้าไปดู (พวกนี้เขารู้ว่าจะมีโครงการถนนอะไรบ้างก็ไปซื้อดักก่อนออก ประกาศแล้ว) ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านขายหลังละ 15 ล้าน กำไรเท่าไรก็คิดดูกัน ทุกวันนี้เจ้าของกิจการขายบ้านได้เกิน 40-45 % ของโครงการก็ได้เท่าทุนแล้ว ที่เหลือกำไร แล้วบางหมู่บ้านค่ายดัง ก็เล่นขอจดภารจำยอมจากถนนใหญ่เข้าโครงการ ทำถนนภารจำยอมมีรั้วสวย ซื้อที่ดินที่เป็นโครงการในอนาคตด้านในถูกมากๆ และค่าภารจำยอมก็เอามารวมกับค่าส่วนกลาง (ตอนซื้อต้องตรวจสอบเรื่องทางให้ดีนะครับ) และมาขายบ้านหลังละ 4 - 6 ล้าน กำไรของโครงการ หากเป็นกลุ่มมืออาชีพเขาตั้งไว้ 25-35% ของผลตอบแทนทั้งโครงการ จากคุณ : วินวิน (พ่อน้องหลิน) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 11:11:49

ความคิดเห็นที่ 71 อีกสักหน่อยครับ รู้ไหมสถานการณ์ตอนนี้ คนที่ซื้อบ้านหลังละ 6 ล้าน - 10 ล้านอัพ หลายคนเริ่มเป็นหนี้เสียในระบบแล้วนะครับ ในแบงค์ L เองตอนนี้เริ่มมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปหมู่บ้านแพงๆ จะเหลือคนอยู่สักกี่คน หรืออาจได้บ้านมือสองในทำเลหรูถูกขึ้นก็ได้ จากคุณ : วินวิน (พ่อน้องหลิน) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 11:19:58

ความคิดเห็นที่ 72 ผมว่าประเด็นที่คุณ จขกท พูดไม่ได้หมายถึงเรื่องที่ว่าบ้านมันแพงนั้นไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาด หรืออื่นๆ ซึ่งหลายคนบอกว่ามันเป็นไปตามกลไกตลาดบ้าง คนซื้อมีสิทธิ์เลือกซื้อบ้าง แพงไปก็อย่าซื้อสิ หรืออื่นๆ มันก็จริงเค้ามีสิทธิ์ขาย เรามีสิทธิ์เลือกซื้อ แต่ดูแล้วราคามันไม่ค่อยสมเหตุสมผล และมันเป็นของค่อนข้างจำเป็นในชีวิตที่คนส่วนใหญ่ต้องการมี มันจึงสามารถขายได้เรื่อยๆ ถึงมันจะแพง แต่! ที่เค้าบอกมาหมายถึงว่าการที่พวกโครงการอยากขายแพงๆ ได้กำไรเยอะๆ นั้นมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ เราทำได้ก็แค่มีสิทธิ์เลือกซื้อหรือไม่ซื้อ แต่! ทำไมเวลามันขายไม่ได้ไม่ยอมลดราคาลงมาตามกลไกตลาดบ้างละ ทำไมต้องคอยร้องให้รัฐบาลมาช่วยอุ้ม ในเมื่อกำไรจากโครงการเก่าๆ ก็เยอะแยะ ตอนที่ขายดีก็ว่ามันเป็นเพราะ demand สูงราคานี้ก็ขายได้หรืออื่นๆ ตรงนี้มากกว่าที่ จขกท.จะสื่อ ซึ่งผมก็เห็นด้วยและก็ยังรู้สึกว่ามีกิจการอื่นทำนองเดียวกันกับธุรกิจ ก่อสร้างอสังหานี้ เช่น ธนาคาร ธนาคาร อันนี้ไม่แน่ใจนักว่าใช้รึยังเรื่องกฏหมายรับประกันเงินฝากแค่ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อบัญชีในกรณีที่ธนาคารล้ม ซึ่งถ้าใช้จริง สมมุติว่าเราฝากเงิน 10 ล้านบาทพวกเงินฝากพวกนี้ก็เป็นเงินที่ธนาคารเอาไปทำธุรกิจทางการค้าของธนาคาร เช่น ปล่อยกู้เอาเงินที่พวกเราฝากไว้ไปเป็นงบปล่อยซึ่งได้กำไรจากดอกเบี้ยมาธนาคารก็ได้กำไรไปเต็มๆ แต่พอขาดทุนจากอะไรก็ตามก็จะมาผลักภาระให้ประชาชน เพราะรับประกันแค่ 1 ล้านบาท แต่เค้าเอาเงินฝากของประชาชนที่ฝากเกิน 1 ล้านบาทไปหากำไรได้ จากคุณ : CaTacLysMz เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 12:34:06

ความคิดเห็นที่ 73 โดนใจ ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 14:11:06

ความคิดเห็นที่ 74 มองแง่ตัวเอง ... ประชาชนโดนเอาเปรียบ ของแพง ค่าแรงถูก (อยากให้ไปดูพม่า) ... ให้คิดใหม่เสียว่า เรายังมีโอกาสพัฒนา บ้านมันแพงเฉพาะใน กทม. เท่านั้นจริงๆ มองแง่เศรษฐกิจ .... ทำไมทุกคนต้องโทษธนาคารเอากำไรเกิน แต่ไม่มองว่าหากประเทศเราไม่มีระบบธนาคาร พวกเราคงไม่ได้ทำงานสะดวกสบาย มีเงินเดือนอย่างทุกวันนี้ ธนาคารเป็นระบบหนึ่งที่ช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเดิน ไม่งั้นใครจะไปกู้เงินมาทำร้านค้าขาย ใครจะช่วยระบบเงินหมุนเวียน บลาๆๆๆ เรื่องอสังหา ... ถ้ามันแพงจริง มันคงขายไม่ได้ ที่เราซื้อไม่ได้เพราะมันไม่เหมาะกับเราจริงๆ เราอยู่ในสนามแข่งขันของเมืองใหญ่ๆ ไม่ได้ เพราะมีคนหาเงินเก่งกว่าเรา ... มีหลายคนบอกว่า ซื้อบ้าน 7-8 ล้าน สร้างเอง 3-4 ล้าน ... ทำได้ครับ แต่คุณต้องมีที่ดินเก่าอยู่นะ ... แล้วทำไมคนที่ซื้อบ้าน 7-8 ล้านในบ้านจัดสรรถึงซื้ออยู่ เขามีเหตุผลของเขาก็เท่านั้น ... หากอยากได้บ้านดีๆ ถูกๆ ไปเลยครับ ต่างจังหวัด 3 ล้านนี้อยู่สบายใกล้ตลาด มีโรงพยาบาลประจำอำเภอด้วย ซื้อ vios สักคันก็สบายแล้วฝนตกไม่เปียก ... อย่ามาเลย กทม. จากคุณ : KENG76 เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 16:41:53

ความคิดเห็นที่ 75 พอดีเห็นเรื่อง infrastructure อยากให้ประเทศไทยสร้าง infrastructure ที่เป็นเมกาโปรเจคของคนไทยจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพ ผมอ่ะ เกิดกรุงเทพ แต่ผมรักประเทศมากกว่า คนไทยนี่ครับ เห็นเวียดนามกำลังสร้าง รถไฟหัวกระสุน เนื่องจากภูมิประเทศเป็นแนวยาว เหมือนญี่ปุ่น ซึ่งไทยเอง ผมว่าก็มีส่วนคล้าย ถ้าสร้างรถไฟหัวกระสุนจาก เชียงใหม่ไปหาดใหญ่ เดินทางภายใน 2 ชม ความเร็ว 450 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทาง 2000 กิโลเมตร ก็แค่ 4 ชม เอง ไม่รู้มันติดอะไร ไม่สร้างสักที ขนาดรถไฟฟ้า ดูแผนกว่าจะเสร็จก็ปาไปปี 75 โอย..ไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้วครับ เห็นเกาหลีใต้ ใช้เวลาไม่กีปี ทำโครงข่ายได้มากกว่า เสร็จไปแล้วด้วย เครียด ครับเครียด จากคุณ : shik (shik) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 18:36:53

ความคิดเห็นที่ 76 ความคิดเห็นที่ 72 โดนใจมากครับ ขอบคุณที่ช่วยขยายความครับ บ้านผมเคยปลูกมะนาวตอนมะนาวถูกมากๆ จนแทบจะให้ฟรีกันเลย ผมไม่เห็นต้องมาร้องให้รัฐบาลช่วยเลย หันไปทำอย่างอื่นคนอื่นๆไม่รู้นะใครจะร้องให้รัฐบาลช่วยก็แล้วไป มันก็เลยกลายเป็นว่าตอนขายดีได้กำไรเงียบฟันกำไรกันตรึม แต่พอขายไม่ดีก็ต้องให้ช่วยแล้วกำไรที่เคยได้ไปเยอะแยะล่ะครับ อย่าบอกนะครับว่าก็ภาษีที่จ่าย ผมว่ามันส่วนน้อยครับ ส่วนที่เยอะน่ะใครเอาไปล่ะ แล้วแต่ใครจะคิดครับเรื่องแบบนี้มันพูดยาก โลกแห่งธุรกิจแค่อยากให้เอาใจเขามาใส่ใจเรากันบ้างก็เท่านั้นครับ... จากคุณ : banyoun เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 22:03:00

ความคิดเห็นที่ 77 ราคาบ้านนี่ก็เข้าใจนะว่าแพง แต่ดอกเบี้ยเนี่ย จะแพงไปไหน จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 52 11:31:00

ความคิดเห็นที่ 78 เห็นด้วยกับคุณ คห 27 มากๆค่ะ จากคุณ : Iceclover เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 52 13:38:15

ความคิดเห็นที่ 79 ใครว่าแพงขึ้น แต่ผมว่าถูกลงนะ 20 ปีกว่าที่แล้ว บ้านผมทาวเฮ้าส์ แถวลาดพร้าว บางกะปิ(ตอนนั้นชานเมืองมากเข้ามาในซอยยังเป็นทุ่งนาเลย) 6 แสนกว่าๆ เมื่อ ราวๆ 3-4ปีที่ผ่านมา ไปชานเมืองรังสิต แถวๆที่เริ่มเป็นทุ่งนา ทาวเฮ้าส์ของหมู่บ้านมียี่ห้อ ในซอยไม่ติดถนนใหญ่เหมือนกัน ก็ประมาณ 6 แสนกว่าเหมือนกัน แถมได้ดูได้วัสดุดีกว่าของผมอีก แบบนี้ผมว่าซื้อได้ถูกลงนะ ถ้าเทียบตำแหน่งเดียวกันแต่คนละเวลา ราคาก็ต่างกันเยอะแล้วครับ จำนวนคนขยายตัวขึ้น ราคาของขึ้น ตำแหน่งของบ้านตำแหน่งเดียวกัน เทียบราคากันไม่ได้หรอก ขนาดเงินถือไว้เฉยๆ ค่ายังลดลงตลอดเวลาเลย ปล.ปัจจุบัน บ้านหกแสนของผมขายได้สองล้านกว่าๆ ครับ จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 52 18:48:42

ความคิดเห็นที่ 80 คิดแล้วเศร้าใจครับ แม่ผมโดนญาติหักคอซื้อต่อบ้านทาวเฮ้าส์ แถวลาดพร้าวในราคาที่ซื้อได้เมื่อ15ปีที่แล้วครับ จากคุณ : โตโต้ซัง เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 52 20:40:30

ความคิดเห็นที่ 81 เข้าไปอ่านกระทู้ Life @ Ratchada-Suthisan ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำแล้วครับ ผมเพิ่งกลับมาถึงห้องก็เข้าไปโหวตมา ดูสิครับคอนโดขนาดไม่เท่าไหร่ ราคา 2 ล้านกว่า 3 ล้านกว่า เขาทำกันอย่างไรบ้างเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างไรบ้าง คิดแล้วก็เศร้าใจที่เห็นนั้น ขอข้ามกระทู้เอาใจช่วยทุกๆท่านที่พบเจอปัญหาด้วยครับ อยากให้ทาง AP ช่วยแก้ไขปัญหาให้ทุกๆท่าน อีกอย่างผมเพิ่งไปงาน Home Buyer Expro มาเมื่อวันก่อนเห็นราคาบ้านแล้วกลับมานั่งคิด เท่าที่ผมรู้จักคนส่วนใหญ่ที่พบเห็นใน กทม. นี่แหละครับ ขอย้ำนะครับว่าคนส่วนใหญ่ฐานเงินเดือนคงอยู่ประมาณ 8,000 - 20,000 แต่เห็นราคาบ้านแล้วมันคงเป็นโอกาสของคนส่วนน้อยในสังคมเราที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง อย่าบอกนะครับว่าถ้าอยู่ในเมืองไม่ไหวก็ไปอยู่ต่างจังหวัดสิ คนที่คิดแบบนั้นผมว่าคิดผิดครับ ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่อยู่ทำงาน ผมก็คิดว่าคนเศรษฐกิจก็คงจะเดินไปไม่ได้เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกคนอื่นกันเลยครับ คนเราโอกาสไม่เหมือนกันครับ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ปากกัดตีนทีบ เพื่อจะหาบ้านเป็นของตัวเองครับ... จากคุณ : banyoun เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 01:04:29

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นด้วยครับ จากคุณ : คนไม่พิเศษ "ซาคุ" เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 09:13:35

ความคิดเห็นที่ 83 ไม่ได้มาป่วนนะครับ แต่บอกตรงๆว่า ราคาที่ซื้อขายกันอยู่นั่น ไม่แพงอย่างที่คิดกัน โดยเฉพาะคอนโดระดับสูง 100k-200k ยังไปได้อีก 15-30% ลองไปคิดๆดูนะครับ ว่าทำไม ที่ดิน prime area ในปัจจุบันถึงไม่มีการซื้อขาดแล้ว มีแต่ให้เช่าระยะยาวเท่านั้น ลองเปรียบเทียบกับเมืองนอกดู คล้ายกันครับ เช่นเดียวกับบ้านรอบเมือง กรุงเทพจะมีโครงข่ายถนนรอบเมืองได้อีกกี่รอบกัน ? ลักษณะทางกายภาพ ทางภูมิศาสตร์มันบอกได้ครับ ถ้ากรุงเทพจะมี downtown ที่ 2 ผมว่าคนจังหวัดอื่นๆไม่ยอมแน่นอน เจริญเกินหน้าเกินตา และที่จริงก็ไม่มีเมืองไหนเขาทำ เค้าเลือกไปพัฒนา เมืองอื่นดีกว่า กระจายความเจริญ นอกจากนี้ ถนนหนทางในกรุงเทพยังมีลักษณะเป็น superblock คือมีถนนใหญ่ 8-10 เลน เป็นสายหลักที่ทุกอย่างทุกคนมาใช้ร่วมกัน แต่ไม่มีถนนสายรอง 2-4 เลน มากเท่าที่ควร มีแต่ตรอกซะเป็นส่วนมาก ริมถนนเป็นตึกสูง แต่ถัดเข้าไปข้างในเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ถนนเข้าไม่ถึง เพราะฉะนั้น ราคาอสังหารอบๆกรุงเทพชั้นนอก+ใน จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะระบบโครงข่ายคมนาคมกระจุกตัว และมีไม่เพียงพอ ทุกคนแย่งกัน ออกถนนหลักกันหมด แล้วก็ไม่มีวี่แววว่ารัฐบาลจะสร้างถนนหนทางเพิ่ม ในอนาคต ลักษณะที่ทุกคนสามารถ"เดา"ได้ว่า ตรงไหนความเจริญ(ถนน)จะเข้าถึง ก็ต้องแย่งกันซื้อ แล้วก็ส่งผ่านไปที่ราคาปลายทางที่ผู้ซื้อ แบบที่เป็นอยู่ หลากหลายเหตุผลที่พล่ามมา จึงสรุปได้ว่า ตอนนี้ไม่ถือว่าแพง และจะแพงยิ่งขึ้นในอนาคต จากคุณ : BugPhu เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 21:43:02