ความคิดเห็นที่ 1 อ้อ ไม่เน้น น้ำดื่ม กับ ทำกับข้าว ครับ  คาดว่า เวลาไปบ้านพัก คงหิ้วน้ำถังเข้าไป เฉพาะน้ำ อาบ แปรงฟัน  ผ้าก็ไม่ซักครับ ขนกลับมาซัก บ้าน กทม สภาพบ้าน ห้องน้ำ 2 ห้อง ( อ่างล้างหน้า   ฝักบัว  เครื่องทำน้ำอุ่น ) ซิงค์ในครัว  1 อัน ก๊อกสนาม สอง สามจุด  ( ยังไม่ได้เดิน เพราะบ้านยังไม่เสร็จ )   อันนี้ไม่ผ่านเครื่องกรองก็ได้ ส่วนน้ำใช้ในไร่ ไว้รอดูว่าน้ำแท้งค์จะดันสปริงเกิ้ลได้หรือเปล่า แต่ก็มีแพลนว่าจะ ขุดสระ 15 m x 20 m ลึก 3 m ไว้ใช้ในไร่อยู่แล้วด้วยครับ น้ำในสระคงใช้ปั้มป์ honda ดูดเอา จากคุณ : Dominant_7th เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 21:30:14

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องน้ำไปวิเคราะห์ครับ  พอรู้ว่า มีอะไรละลายอยู่ จึง จัดสารที่จะ กรอง ไปตามสภาพน้ำ ปกติ จะไม่ซื้อเครื่องกรองก่อนครับ มันผิดหลักการ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 22:32:19

ความคิดเห็นที่ 3 1. กรองระบบเปิด ต่อท่อส่งให้สูงขึ้นจากปากถังประมาณ 2 ม. จากนั้นเจาะรูท่อ PVC ให้น้ำสเปรย์เป็นฝอยเล็ก เพื่อให้สัมผัสอากาศมากทีสุด แล้วตกลงมาบนกะบะหิน เพื่อให้เหล็กเกาะที่หิน ก่อนลงถังเก็บก็ให้น้ำที่ผ่านกะบะผ่าน ทรายเขียว หรือ Manganese Green Sand หนาซัก 50 ซม. เพื่อกำจัดเหล็กที่ยังหลงเหลืออยู่ 2. ไม่น่าจะถึงหมื่น ของผมถังกรองขนาด 2.50 ม. ใส่สารกรองสูง 1.20 ม. ใช้กับบ้านราวๆ 80 หลังคาเรือน ค่าทราย 15,000 หากกำจัดเหล็กและเป็นบาดาลน้ำลึก น้ำที่ได้ก็น้องๆ ประปาแล้ว ยิ่งหากดูแลบ่อดีๆ อาจดีกว่าประปาบางแห่งอีก 3. ปั๊ม จขกท. 100 ลิตร/นาที เครื่องกรองมีอัตราการกรองเริ่มต้น(ค่ามากที่สุดก่อนมีอะไรไปอุดแค่ 100ลิตรใน6นาที อัตราการสูบของปั๊มจะ BreakDown ที่ 100 ลิตร/6นาทีเช่นกัน แต่ค่าไฟก็อัตราเดิม กรองเหล็กระบบปิด ก็เตรียมเปลี่ยนสารกรองทุกเดือน เน้อ ป.ล. ถังนั่นสูง 6.4 ม. Diameter ประมาณ 2.00 ม. จุไม่ถึง 20,000 ลิตร หรือ 20 ลบ.ม. แน่ๆ (ใครบอกว่า 28) แรงดันที่หัว Sprinkler อย่างเด็กๆ ก็ 20-25 ม. ถังนี้ให้แรงดันได้แค่ 6 ม. และสระขนาดที่ว่าความจุใช้งานก็คงราวๆ 600 ลบ.ม. รดน้ำไร่นึงก็ราวๆ 12 ลบ.ม.ต่อวัน มันจะพอเหรอ จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 23:34:07

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นที่ใช้กันตามตจว. ทำเป็นบานเกล็ดหลายชั้นปล่อยให้น้ำไหลผ่านลงมาโดนอากาศแล้วหมดกลิ่นและตกตะกอนไป อาจแยกทำเฉพาะน้ำที่ใช้ในบ้านเก็บเข้าแท๊งค์1-2ลบ.ม.ก็พอ จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 23:39:47

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับ  สำหรับแนวทาง คุณ Waterman ครับ  ถังนั่น Diameter 2.6 m ครับ ตามเว็บของร้านจำหน่ายเขาแจ้ง ไว้ว่า ชั้นหนึ่งเก็บน้ำได้ 3,600 ลิตร ( 8 ชั้นก็ 28,000 ลิตร ) ถังไม่กลมน่ะครับ เป็น 16 เหลี่ยม ( ฐานหนา 20 เซนติเมตร เสริมเหล็ก ) เนื่องจากขณะนี้  มีแค่ปั้มป์ ซับเมิร์ส ฯ ดูดน้ำจากบ่อ ป้อนเข้าด้านบนของแท้งค์ สูง 6.4 เมตร  จากนั้นน้ำก็วิ่งผ่านท่อพีวีซี เข้าบ้านโดยตรงโดยอาศัยแรงดันน้ำ ตามธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีปั้มป์ใดๆ ต่อก่อนเข้าบ้านเลย ดังนั้น ถ้ายังยึดคอนเซปท์เดิมคือ ไม่ต้องการเพิ่มปั้มป์อีก  การกรองระบบเปิด ก็ต้องทำบนแท้งค์ คือส่วนที่สูงเกิน 6.4 เมตรขึ้นไป อย่างนัั้นเข้าใจถูกต้องไหมครับ หรือว่า แนวคิดที่จะ ไม่เพิ่มปั้มป์  นั้นเป็นไปไม่ได้ ต่อมาถ้าเป็นกรองแบบปิด ก็แนวคิดเดิม คือ ไม่เพิ่มปั้มป์ อาศัยแรงดันน้ำจากแท้งค์ ส่งต่อเข้ากรองแบบปิด ( 100 ลิตร ต่อนาที ) และเมื่อออกจากกรองแล้ว ก็ไม่ทำถังพักใดๆ อีก ต่อตรงเข้าบ้านเลย  อย่างนี้ได้ไหมครับ อีกอย่าง 100 ลิตร ต่อ นาที นี่มันแค่ไหน นึกไม่ออกเลยครับ ปรกติประปาแรงๆ นี่มันเท่าไหร่หรือครับ ตรงส่วน ปล  ไม่ค่อยเข้าใจครับ  ที่ว่า สปริงเกิ้ล ต้องการแรงดัน 20 - 25 ม นี่คือค่าแรงดันหรือครับ  รวมทั้งที่ออกจากแท้งค์ ได้แค่ 6 เมตร นี่คืออะไรหรือครับ   ยัง งง อยู่   ลองคำนวณแรงดันที่ก้นแท้งค์ดูเล่นๆ  P = p gh = 1000 x 9.8 x 6.4 (max ) เท่ากับ 62,720 นิวตัน ต่อ ตรม ( ไม่มั่นใจแฮะ ) พอกับสปริงเกิ้ลไหมครับ แล้วก็สระน้ำ 600 ลบม.  ที่แค่ 5 ไร่ จะพอไหมครับ ( ยังไม่ตัดสินเลยว่าจะปลูกอะไรดี ) ระบบน้ำใช้ในบ้านนี่ เรียนตามตรงว่า ถ้าทำได้ ไม่อยากเพิ่มปั้มป์ เพิ่มถ้งพักอะไร อีกแล้วครับ เจาะบาดาล กับทำแท้งค์ สิบหกเหลี่ยมสูงแปดชั้นนี่ ก็หมดไปเยอะ แล้ว  อีกอย่างคือ กลัวโดนงัดด้วยน่ะครับ จากคุณ : Dominant_7th เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 00:54:34

ความคิดเห็นที่ 6 คำถามแรก ทำถังกรองบนแท้งค์ แม่นแล้ว ให้น้ำที่กรองลงถังเก็บเลย คำถามที่สอง หากจะใช้ปั๊มตัวเดียว ก็ต้องติดกรองก่อนเข้าถังเก็บ  ทำแบบนี้จะสามารถใช้น้ำจากถังเก็บล้างย้อนถังกรองได้ (แต่หากกรองสนิมเหล็ก ตัวเหล็กมันเกาะกับสารกรอง ล้างยังไงก็ไม่ออก) จากนั้นก็ใช้ระดับน้ำในถังส่งเข้าบ้าน สาม น้ำจากก๊อกแรงพอประมาณ จะมีอัตราการไหลราวๆ 12-15 ลิตรต่อนาที ซึ่งทางวิศวกรรมสุขาภิบาล เขาเรียกว่า 1 หน่วยการใช้ (Fixture Unit) สี่ แรงดันที่ผมว่า หมายถึงความสูงของน้ำเหนือจุดนั้น นิวต้งนิวตัน ขี้เกียจจำครับ ผมชอบอะไรง่ายๆ น้ำสูง 10 มง ก็มีแรง 1 กิโลกรัมต่อตารางเซ็นติเมตร และเกือบเท่าแรงดัน 1 บรรยากาศ แต่เพื่อง่ายผมให้มันเท่ากับ 1 บาร์ซะเลย แถม อันที่จริงน่าจะทำหอถังจะดีกว่า คร่อมปากหลุมไปเลย จะได้ทำลูกกรงปิดปากบ่อบาดาล และมีที่ยืนสาวปั๊มสูงๆ เวลาปั๊มเสีย น่าจะราวๆ 2-36 หมื่นสำหรับความจุถังขนาด 3,000-5,000 ลิตร ครับ (กำลังเขียนขนาด 1.00 x 1.00 ม.อยู่ ความกว้างฐาน ) จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 01:37:38

ความคิดเห็นที่ 7 ในปั๊มทั่วๆไป จะมีระบบสั่งปิดน้ำเปิดน้ำอยู่ ด้วยสวิทช์แรงดัน สวิทช์จะสั่งทำงานของปั๊มขนาด ๓๐๐ว. ที่แรงดัน ๒.๑ กก./ตร.ซม.(ดูตารางแนบ) นั่นหมายถึงน้ำสูง ประมาณ ๒๑ เมตร เชียวนา นี่ถังคุณ แค่ ๖.๔ เมตรเอง ที่ดูๆ น้ำไหลได้แรงดี นั่นไม่ใช่แรงดันที่แท้จริง มันคืออัตราไหลที่สูง เนื่องจากคุณใช้ท่อออกจากถังมาขนาด ๒ นิ้ว แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 52 07:39:47 จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 07:37:38

ความคิดเห็นที่ 8 จะขุดสระน้ำแถวนั้นต้องทำใจ เพราะที่แถวปากช่อง ข้างใต้มีลักษณะเป็นหินปูน จึงไม่ค่อยกักเก็บน้ำ ปกติการขุดบ่อ จะให้เก็บน้ำดี ตามธรรมชาติจะต้องใช้เวลา ๓-๕ปี แต่มีวิธีเร่งอยู่ คือขุดเสร็จ ให้โรยมูลวัวหรือปุ๋ยยูเรียให้ทั่วบ่อก่อนฝนตก เพื่อเร่งให้พืชเซลล์เดียวพวกสาหร่าย,ตะไคร่น้ำเจริญเติบโตได้ดี ไปอุดช่องว่างของดินและหินปูน ไม่ให้น้ำซึมออกเร็วไปนัก ทำแบบนี้ จะทำให้บ่อกักเก็บน้ำอยู่ภายใน ๑-๒ ปี น้ำบาดาลที่ไม่ผ่านการบำบัด ไม่เหมาะกับการเอามารดน้ำต้นไม้ เพราะหินปูน และแร่ธาตุอื่นๆนั้น จะไปอุดตันตามรูตามช่องต่างๆในต้นไม้ ทำให้ต้นไม้ไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร เรามีปสก.ตรง เราเพาะเมล็ดพันธ์ด้วยน้ำบาดาล เปอร์เซนต์งอกต่ำมาก แต่พอมาเพาะด้วยน้ำฝน เมล็ดพันธ์งอกเกือบ ๑๐๐% ถ้าไม่ติดปั๊มน้ำเพิ่ม การกรองก็ไม่ได้เรื่อง สปริงเกอร์ ก็จะใช้ไม่ได้ ต้องใช้ระบบน้ำหยดแทน น้ำดื่มน้ำทำกับข้าว ซื้อน้ำถังเอาก็ดี ไม่ต้องลงทุนปั๊มอีก ลงทุนอื่นมาได้ตั้งมาก แบบน่าเสียดายตัง ที่ตั้งมากมาย หากทำถังแบบปลอกส้วมเส้นผ่าศก. ๑.๕ - ๒ เมตรมาวางบนดิน ไม่ต้องสูงมากขนาดนี้ ทำให้หลายถัง มีความจุเท่าๆกันคือ ๒๘๐๐๐ ลิตร ใช้เงินเพียงหลักหมื่นต้นๆเท่านั้นเอง ถ้ามีใครมาบอกว่าไม่ทน ให้ท่านไปดูตามวัดตจว. บางแห่งทำมา ๓๐ - ๔๐ ปี ยังไม่รั่วไม่ซึมก็มีเยอะแยะ ก็คงต้องลงทุนอีกแน่นอน หากจะทำระบบกรอง ระบบกรอง ยังไงก็ต้องมีปั๊ม มีถังเพิ่ม ไม่เพิ่ม อาจจะได้ แต่ต้องใช้ระบบกรองแบบปิด ที่แพง และสิ้นเปลืองสารกรอง ยังไงๆ เอาน้ำไปตรวจสภาพก่อนดีกว่า แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 52 08:15:43 จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 08:13:18

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเข้ามาโม้ด้วยคน ผมทำสวนที่กบินทร์บุรี น้ำซึมมาจากคลองใกล้ๆ ผ่านชั้นทรายระยะทางราวห้าร้อยเมตร ไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพ สูบจากบ่อเปิดจ่ายรดน้ำต้นไม้ และสูบจากบ่อปิดเก็บเข้าโอ่งใหญ่ สูบด้วย home pump เข้าบ้าน ตอนหลังมีประปา เลยหยุด home pump แต่ช่วงนี้ น้ำประปาขุ่น เปรี้ยวจากสารส้ม ผมให้ลูกน้องเอาปั๊มชักไปติด สูบน้ำจากบ่อปิดมาใช้ในบ้านแทนช่วงนี้ ส่วนจะทำหรือไม่ แล้วแต่ความขยัน เพราะผมจะไปอีกที ก็เดือนตุลาคม ตอนนั้น น้ำประปาไม่ขุ่นแล้ว http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kittikul&month=31-05-2009&group=3&gblog=19 ผมเลือกใช้ปั๊ม เพราะต้นทุนต่ำกว่า ต้นกำลังใช้ของที่มีอยู่แล้ว แม้จะมีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าพลังงานที่ใช้ แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่น้ำดี จ่ายค่าน้ำมันราวสองสามร้อยบาทต่อเดือน ผมเคยออกแบบระบบน้ำให้สวนเพื่อนที่ไทรโยค ตั้งถังโดยใช้ปลอกบ่อส้วม ที่ลาดชันต่างระดับมาก น้ำสูบจากลำห้วยข้างล่าง ต้องทำบ่อพักตรงกลาง เพื่อลดแรงดันในท่อ ถ้ามีปัญหาเรื่องน้ำที่ใช้อาบมีกลิ่น แนะนำให้คิดถึงการติดรางน้ำฝน เก็บในโอ่งหรือถังปลอกบ่อ แล้วติด home pump จ่ายเข้าบ้าน หรือทำแบบที่ คห๓ แนะนำ ซึ่งผมว่าลงทุนสูงไปสำหรับใช้ในบ้าน (ไม่ทุกวันด้วย) หากทำระบบประปาจ่ายหมู่บ้าน ค่อยคุ้มหน่อย อีกอย่าง สวนผมมีสองมิเตอร์ ขอไว้หนึ่ง ได้มิเตอร์ช่วยภัยแล้งอีกหนึ่ง บ้านอื่นโดนยึดคืนเพราะไม่ใช้ ส่วนผมใช้ทั้งสองหม้อ ตอนนี้ สูบน้ำฟรีถึงสิ้นปีแน่นอน คาดว่าปีหน้า ได้ใช้ฟรีต่ออีก ผมเสียค่าน้ำมันเฉพาะจ่ายแปลงที่อยู่ไกล ส่วนรอบบ้านพื้นที่ห้าไร่ ปลูกไม้ผล สูบจ่ายด้วยปั๊มหอยโข่งมิตซู ขนาดครึ่งแรง จากคุณ : KittySP เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 08:43:00

ความคิดเห็นที่ 10 Submersible Pump หรือปั๊มบาดาลน้ำลึก มักจะไม่ใช้การควบคุมการปิดเปิดโดยใช้สวิทช์แรงดัน ทั้งนี้เพราะอัตราการสูบมักจะมีค่าไม่คงที่ เนื่องจาก Drawdown ของบ่อสูบอาจมีค่ามาก ซึ่งจะส่งผลให้แรงดันที่ปั๊มจ่ายออกมีค่าไม่คงที่ ความสูงของน้ำ 6 ม.กว่าๆ ไม่ใช่ปัญหา หากว่าระดับห้องน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำในถังตั้งแต่ 3 ม. เครื่องทำน้ำอุ่นก็ทำงานแล้ว แม้ว่าน้ำจะอ่อนไปหน่อย สำหรับแรงดันในปั๊มอัตโนมัติ 21 ม. น่ะ บางครั้งมันก็ไม่ถึงหากเปิดหลายๆ จุดแล้วใช้เกินที่กำหนดในช่องอัตราการไหล (ใช้ท่อส่งใหญ่กว่าที่แนะนำ) มันเป็นแค่ตัวที่บอกว่าปั๊มจะเริ่มทำงานเมื่อแรงดันที่สวิทช์แรงดันมีค่าน้อยกว่านี้ ถังทำไปแล้วก็ใช้ให้มันได้ประโยชน์ให้คุ้มกับเงินที่จ่ายเถอะครับ สำหรับถังใบนี้หากมันได้ดิ่ง เปลือกถังมันยังรับน้ำหนักได้อีกเยอะ ผมถึงแนะนำให้ทำถังกรองเปิดข้างบน แบบง่ายๆ ก็ใช้ถังไฟเบอร์หรือถังสเตนเลส วางบนท่อเหล็กที่พาดปากถัง Dia ถังกรองซัก 40-50 ซม. สูงราวๆ เมตรนึง กับทรายแมงกานีสหนาซัก 40-50 ซม. ก็คงไม่กี่ตังค์หรอก ยากอีตอนเอาขึ้นไปเท่านั้น (ผมไม่ค่อยชอบทำอะไร ที่มี Operating กับ Maintanant Cost สูง) เพิ่มเติม ท่อที่วางพาดก็เพื่อให้มันเป็นคานรับน้ำหนักถังกรองถ่ายมาที่เปลือกถัง ครับ สำหรับปั๊มลูกสูบประสิทธิภาพมันอยู่ที่ราวๆ 45-50% ดังนั้นหากเทียบที่อัตราสูบกับแรงดันที่เท่ากัน ค่าพลังงานมันมากกว่าร่วมๆ 2 เท่า การนำเครื่องยนต์มาใช้แม้จะดูเหมือนประหยัด แต่เครื่องดีเซลเล็กๆ มันให้กำลังประมาณ 2-7 แรงม้า มาขับปั๊ม2-3 แรง ซึ่งถ้าใช้มอเตอร์ก้เผื่อแค่ 20-25% ก็เหลือเฟือแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 52 11:39:20 จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 09:46:34

ความคิดเห็นที่ 11 แหมท่าน มาขัดกันเองซะอีกแล้ว ก็บอกอยู่ตามนี้ """สวิทช์จะสั่งทำงาน""" สวิทช์จะสั่งทำงานของปั๊มขนาด ๓๐๐ว. ที่แรงดัน ๒.๑ กก./ตร.ซม.(ดูตารางแนบ) ยกตัวอย่างเฉยๆ ไม่ได้พูดถึงการใช้งานจริง ช่วยกันช่วยเหลือจขกท.ดีกว่า อย่ามาขัดกันเองเลย จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 10:10:02

ความคิดเห็นที่ 12 เพิ่มเติม ปั๊มลูกสูบขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ผมมี ต้นทุนเป็นศูนย์ เพื่อนยกให้มา ก็เปลี่ยนอะไหล่นิดหน่อยในส่วน piston เท่านั้น วางไว้ปากบ่อปิดห่างบ้านราวห้าหกสิบเมตร โดยไม่ต้องกลัวจะถูกขโมย บ่อปิด เลือกตำแหน่งต้นทางที่น้ำจะซึมผ่านชั้นทรายมาจากคลอง อยู่ก่อนถึงตัวบ้าน ป้องกันน้ำจากส้วม ซึมไปเข้าบ่อ ส่วนจากส้วม อยู่ก่อนถึงบ่อเปิดที่ใช้สูบน้ำจ่ายเข้าสวน ให้น้ำจากส้วม ถ้าซึมผ่านดิน ก็ให้ไปยังบ่อเปิด - คิดมากไปหรือเปล่าไม่รู้ เครื่องดีเซล ใช้เครื่องยนต์เก่าของคูโบต้า ซื้อจากเซียงกงร่วมยี่สิบปีแล้ว  เอามาใช้กับรถไถเดินตาม ตอนนี้ ไม่มีที่ให้ไถ ซื้อ super pump มาติด (ชื่อมันอย่างนั้น) ไม่งั้นก็ต้องคอย warm up เครื่องเรื่อยๆ พอเอามาใช้สูบน้ำ ทำงานบ่อยๆ เครื่องก็ทำงานดี ต้นทุนมีแต่ super pump ส่วนปั๊มมิตซู ซื้อมาเปลี่ยนแทนปั๊มราคาถูกจากตลาดโรงเกลือที่เสีย ราคามันถูกราวครึ่งหนึ่งของปั๊มที่ขายแถวคลองถม แต่ของตลาดโรงเกลือ ใช้งานได้ราวหนึ่งปี ใบพัดพลาสติคก็เสียไม่มีอะไหล่ โยนทิ้งไป หาซื้อของดีบ้านเราใช้ดีกว่า ใช้มานานหลายปีแล้ว สิ่งที่ลืมคิดคือ ประสิทธิภาพป๊มมิตซู เหนือกว่าปั๊มตลาดโรงเกลือแน่นอน มีตารางประสิทธิภาพปั๊มให้ด้วย จากคุณ : KittySP เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 10:30:28

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกความเห็นครับ พอมองเห็นภาพคร่าวๆ แล้ว   ฉะนั้น 1) ถ้าจะให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน ซึ่งเท่ากับ มากสุด  52 weekend / ปี     ( ถ้ายังไม่ Early ซะก่อนนะครับ )  และ 2) ใช้ของที่ทำไปแล้ว ให้ได้ประโยชน์สูงสุด 3) น้ำบาดาล ที่ไม่ผ่านการบำบัด ไม่ควรนำไปรดน้ำต้นไม้  ดังนั้นคอนเซทป์ที่    จะบำบัดเฉพาะน้ำเข้าบ้าน ( ซึ่งอาจใช้ระบบปิด ใช้สารกรอง ) ส่วนน้ำในไร่    ให้ต่อตรงจากแท้งค์น้ำไปเลย คงใช้ไม่ได้  คงต้องทำการบำบัดก่อนลงถัง ดังนั้น สิ่งที่ควรทำก็น่าจะเป็น 1)  บำบัดระบบเปิด ทำถังต่อจากยอดแท้งค์ขึ้นไปอีก ( แบบที่คุณ Waterman ว่า )     แล้ว ตัดท่อพีวีซี เดิม ซึ่งต่อลงแท้งค์อยู่  ย้ายไปให้ลงถังบำบัดแทน     แล้วให้น้ำที่ออกจากถังบำบัด ไหลออกมาเข้าแท้งค์ ( ทางเข้าน้ำอันเดิม )     อย่างนี้ใช่ไหมครับ       ที่บอกว่า วางบนท่อเหล็กพาดปากถังนี่นึกภาพไม่ออกครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ แล้วก็ระบบที่ว่านี้ คุยกับร้านที่ทำแท้งค์ ( กลางดง...... ) หรือว่าคุยกับที่ไหนดีครับ 2)  น้ำที่เก็บในแท้งค์ก็จะเป็นน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว  เดินท่อเข้าบ้าน ตอนนี้ใช้ท่อ     2 นิ้วอยู่ น้ำไม่ค่อยแรง แต่ยังไม่ได้เช็คว่า ระดับน้ำในแท้งค์สูงแค่ไหน     ถ้าควบคุมน้ำให้สูงที่ระดับ 3m.  - 6 m.  เราก็ควรได้แรงดันที่พอใช้งานได้    แล้วหรือยังครับ  การเปลี่ยนท่อให้ใหญ่ขึ้น จะช่วยให้ได้น้ำแรงขึ้นอีกหรือไม่    ต่อก๊อกสนาม ด้วย สองสามตัว 3)  แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ   อาจต้องติดปั้มมอเตอร์เพิ่ม เอาไว้ใกล้ๆ ตัวบ้าน     คงต้องสร้างห้องให้ด้วย (กันคนมาถอด ) ตรงนี้พอมีคำแนะนำอะไรไหมครับ 4)  น้ำที่ใช้ในไร่  คงต่อจากแท้งค์ ( แยกกันตั้งแต่ออกจากแท้งค์เลย )  แรงดัน     ถ้าไม่พอ คงต้องเป็นน้ำหยดไป  แต่ถ้ามีทางใช้ปั้มป์ร่วมกับ ข้อ 3 ได้ด้วย     คงจะดี  ( แต่เมื่อเดินปั้มป์แล้ว ระบบในบ้านจะรับได้หรือเปล่า ) ปั้มป์น้ำนั้น ถ้าจำเป็น ก็พอจะเิพิ่มได้  แต่ถ้าถึงกับต้องสร้างแท้งค์ใหม่ ( เหมือนที่คนขายเครื่องกรองบอกมา ) นี่ คงไม่ไหวน่ะครับ ปล  ข้อ 1) นั้น อยากหาคนทำให้ ครับ  เดี๋ยวมีจังหวะจะ PM ไปถามนะครับ จากคุณ : Dominant_7th เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 10:34:12

ความคิดเห็นที่ 14 ขอแชร์ด้วยคนค่ะ อ่านยาวๆ ไม่ไหว ตาลาย ที่บ้านสวนคุณพ่อคุณแม่ เคยเจาะน้ำบาดาลใช้ แล้วเป็นตะกรัน สุขภัณฑ์ก็เป็นคราบ ตอนแรกจะติดเครื่องกรองนี่ล่ะค่ะ แต่ดูแล้วท่าทางจะลงทุนเยอะ ต้องเปลี่ยนตัวกรองเรื่อยๆด้วย สุดท้ายใช้วิธีการสั่งน้ำประปามาส่ง รถละ 450 หรือ 500 ราวๆนี้ เก็บได้ประมาณ 6000 ลิตร ทั้งพ่อแม่ ใช้กินใช้อาบ ล้างจาน ทุกวัน เดือนนึงสั่งมาประมาณสองครั้ง หน้าฝนก็ใช้น้ำฝนแทน ไม่ค่อยได้สั่งน้ำประปาเท่าไหร่ ช่วยอะไรไม่ได้เล๊ยย แค่อยากมาแชร์น่ะค่ะ ^^ จากคุณ : .. (thekay) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 10:51:29

ความคิดเห็นที่ 16 อ้าว คห.๑๕หาย สงสัยระบบลบอัตโนมัติ เพราะลิงก์ที่ยกมา คห.นั้นบอกว่า คุณต้องบำบัดน้ำกระด้างจากหินปูนด้วย วิธีบำบัด มีหลายวิธี หาดูได้จากกูเกิ้ล และมีรูประบบกรองแร่เหล็ก ที่ท่าน waterman บอกมาข้างบน(เดี๋ยวรูปจะลงอีกที่คห.ถัดไป) ขยายความต่อ กรองน้ำให้หายกระด้างแล้ว คุณก็ต้องมีถังใส่น้ำที่บำบัดแล้วอยู่ดี เพราะน้ำไหลออกจากกรองช้า ไม่ทันแกง ถังนี้ ไม่ต้องลงทุนมากมายเหมือนถังเก่า เอาปลอกปูนที่เค้าใช้ฝังทำส้วมน่ะแหละ มาทำ เอาปลอกสัก ๑๕๐ ซม. มาต่อๆกันสัก๗ ชั้้น ก็จะได้ความสูงสองเมตรกว่าแล้ว คิดเป็นปริมาณน้ำน่าจะใกล้เคียง ๕ คิว(คิดเองเน้อ) ต้นทุนทำถังเก็บน้ำบนดินแบบนี้ อยู่ที่หลักพันต้นๆเท่านั้นเอง แล้วยังไงๆก็ต้องมีปั๊มอีกตัว ไว้ปั๊มน้ำจากถังไปใช้งานในบ้าน หรือจะรดน้ำต้นไม้ด้วยก็ตามใจ ปั๊มตัวนี้ ทำห้องครอบถาวรปิดเปิดได้ไว้ หรือไว้ในบ้านก็ได้-ไม่ยาก(แต่ถังเก็บน้ำไม่ควรไกลตัวบ้านนัก ๐-๒๐ม.พอไหว ไกลนัก ขนาดท่อต้องเผื่อไว้ด้วย) รูป ถังปลอกส้วม ไม่ต้องห่วงเรื่องความแข็งแรงทนทาน นอกจากใช้งานบรรจุน้ำแล้ว ถังในรูปยังทำหน้าที่เป็นกำแพงกันดินภูเขาไหลอีกด้วย(ไม่ถูกต้องนัก เค้าไม่ได้ออกแบบมาให้ทำแบบนี้) แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 52 11:39:07 จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 11:26:51

ความคิดเห็นที่ 17 ชุดกรองแร่เหล็ก ที่อ.ปาย แม่ฮ่องสอน ให้ดูเพื่อเป็นแนวทาง ปั๊มบาดาล สูบน้ำขึ้นมาปล่อยตามรูป ลงถัง ๖.๔ม. (ใช้อะไร อย่างใดบ้าง อ่านจากความเห็นของท่าน waterman ได้) จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 11:43:35

ความคิดเห็นที่ 18 ควรคิดถึงขนาดการลงทุน ใช้ปีละ ๕๒ ครั้ง สี่คนพ่อแม่ลูก ใช้น้ำสูงสุดครั้งละ ๑๖๐๐ ลิตร ต่อ ครั้ง (คนละ ๒๐๐ ลิตร ต่อวัน) การลงทุนทำระบบต่างๆ จะคุ้มหรือไม่ แล้วปัญหาเรื่องค่าบำรุงรักษา อีกอย่าง ลูกจะไปด้วยสักกี่ปี เพื่อนที่ไปทำไร่ ทำสวน ทุกคนเจอสภาพนี้หมด พอลูกโต ก็ไม่ยอมไปด้วยแล้ว เมียก็ต้องอยู่ดูแลลูก ผมเอง ตอนแรกไปทุกสัปดาห์ ยกโขยงกันไป ต่อมา ภาระงานของแต่ละคนมากขึ้น ลูกเรียนสูงขึ้น สองเดือนค่อยไปดูที (ไปคนเดียวทุกครั้ง ชวนเพื่อนไปกินอยู่ฟรียังไม่มีใครไปด้วยเลย) คนงานเฝ้าไร่ ก็เป็นเจ้าของไปโดยปริยาย เพื่อนผมคนหนึ่ง แก้ปัญหา โดยหาเมียอีกคน มีลูก ย้ายไปเป็นคนแถวนั้นเลย ที่น่าอิจฉาคือ อายุมากแล้ว ยังขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาล อาจจะทำสถิติ ได้เป็นพ่อเด็กชั้นอนุบาลที่แก่ที่สุด จากคุณ : KittySP เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 09:14:11