Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปีหน้าบ้าน-คอนโดฯแห่ขึ้นราคา10-15% หากรัฐเลิกอุ้ม 3 มาตรการ อ้างต้นทุนที่ดิน-ราคาน้ำมันเพิ่ม  

คาดปี 53 บ้านปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 5-6% หากรัฐเลิก 3 มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ "บ้านกานดา" สต๊อกวัสดุก่อสร้างที่จำเป็น พัฒนาโครงการถึงสิ้นปี ด้านกลุ่มคอนโดมิเนียมเล็งปรับราคาขึ้น 7-10% ตามต้นทุนที่ดินพุ่งและราคาน้ำมันขยับตัวสูง "ศุภาลัย" เตรียมพัฒนาโครงการครึ่งปีหลังอีก 8,000 ล้านบาท ก่อนวัสดุปรับราคา


จากมาตรการกระตุ้นธุรกิจภาคสังหาริมทรัพย์ ในส่วนการลดหย่อนภาษีเงินได้ 3 แสนบาทที่จะหมดลงในสิ้นปีนี้ รวมถึงมาตรการการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01% จาก 2% ค่าจดทะเบียนจำนอง 0.01% จาก 1 % และภาษีธุรกิจเฉพาะ 0.11 % จาก 3.3 % ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคมปี 2553 ด้วยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ได้สำรวจความเห็นจากผู้ประกอบการ พบว่าการสิ้นสุดของมาตรการทั้งหมดจะส่งผลต่อการปรับราคาบ้านขึ้นในปีหน้าอย่างแน่นอน และยังพบว่ามีปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ยังเป็นตัวเร่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสที่จะปรับราคาบ้านสูงขึ้นด้วย


นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และในฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ภายในสิ้นปีนี้ราคาบ้านยังจะไม่ปรับเพิ่มขึ้น เพราะผู้ประกอบการยังคงมีต้นทุนเดิมอยู่ ปัจจุบันราคาบ้านเฉลี่ยต่อยูนิตอยู่ที่ 3.3 ล้านบาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีราคาเฉลี่ย 2.9 ล้านบาทต่อยูนิต แต่เชื่อว่าในช่วงกลางปีหน้าเป็นต้นไปราคาบ้านจะขยับเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5-6% จากต้นทุนที่จะปรับสูงขึ้น อาทิ ราคาน้ำมันที่จะส่งผลต่อราคาวัสดุก่อสร้าง


นอกจากนี้ การที่รัฐบาลมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยโครงการต่างๆ ภายใต้งบประมาณไทยเข้มแข็ง จะมีผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างที่จะปรับเพิ่มขึ้น ตามปริมาณความต้องการของตลาด และผู้บริโภคยังต้องแบกรับภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น จากมาตรการการลดหย่อนภาษีเงินได้ 3 แสนบาท ที่กำลังจะหมดลงในปลายปีนี้ การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2553


"ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อราคาบ้านใหม่ ที่น่าจะมีการพัฒนาออกมาในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีหน้า เพราะปัจจุบันปริมาณที่อยู่อาศัยในตลาดมีเพียงพอที่จะขายไปถึงช่วงกลางปีหน้า ราคาจึงอาจจะคงไม่ปรับเพิ่มมากขึ้นกว่าปัจจุบัน เชื่อว่าปัจจุบันมีสต๊อกบ้านที่จะขายได้อยู่ประมาณ 20,000-30,000 ยูนิต ซึ่งบ้านที่พร้อมจะพัฒนาออกมาขายทั้งระบบน่าจะมีอยู่ 60,000 ยูนิต" นายอิสระ กล่าวและว่า


ในส่วนของบ้านกานดา ได้วางแผนในการบริหารต้นทุนด้วยการสต๊อกวัสดุที่จำเป็น เช่น เหล็กไว้บางส่วน เพื่อให้เพียงพอต่อการพัฒนาโครงการ ขณะที่สินค้าบางรายการ เช่น ปูน หรือหลังคา ได้มีการเจรจาการซื้อขายล่วงหน้าโดยตรงกับโรงงานผู้ผลิต จึงสามารถตรึงราคาปัจจุบันได้จนถึงสิ้นปีนี้


ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กรรมการและรองผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) แสดงความเห็นว่า แนวโน้มการปรับราคาของที่อยู่อาศัยในปีหน้า ไม่น่าจะต่ำกว่า 7% จากต้นทุนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งหากรัฐบาลไม่มีการขยายมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯต่อไปอีก เชื่อว่าจะมีการปรับราคาอย่างแน่นอน เพราะต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะปัญหาราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อราคาวัสดุก่อสร้าง จึงถือเป็นโอกาสที่ดีหากปีนี้ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย และมีความสามารถที่จะซื้อที่อยู่อาศัยได้ เพราะจะได้บ้านที่ต้นทุนต่ำกว่าปีหน้าอย่างแน่นอน


ทั้งนี้ โครงการของศุภาลัยที่เตรียมพัฒนา ในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท อาทิ โครงการศุภาลัย การ์เด้นวิว ประชาอุทิศ โครงการบ้านเดี่ยว มูลค่า 900 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวโครงการในช่วงเดือนกันยายนนี้ โครงการศุภาลัย วิว หลักสี่-ดอนเมือง โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ มูลค่า 1,000 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวโครงการในช่วงเดือนกันยายน รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเปิดตัวอีก 2 โครงการมูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสสุดท้ายด้วย


นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และในฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า แนวโน้มราคาบ้านในปีหน้าอาจจะไม่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคจะต้องแบกรับภาระเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของมาตรการภาครัฐด้านค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองที่ต้องรับภาระ รวมถึงรายการส่งเสริมการขายที่เคยมีในปีนี้ ก็อาจจะลดน้อยลงหรือไม่มี เพราะปีนี้ผู้ประกอบการนำเอาประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐมาช่วยด้านงานขาย ซึ่งหากปีหน้าไม่มีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐเชื่อว่าจะทำให้ตลาดหดตัวลงเล็กน้อยในระยะ 2-3 เดือน แต่หลังจากนั้นคงกลับมาเป็นปกติ แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และสถานการณ์บ้านเมืองด้วยว่าจะเป็นอย่างไร


นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด กล่าวว่า กลุ่มที่อยู่อาศัยในส่วนของคอนโดมิเนียมในปีหน้ามีทิศทางการปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 10-15% ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของโครงการ ปัจจัยสำคัญคือการปรับเพิ่มขึ้นของราคาที่ดิน โดยเฉพาะในพื้นที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ซึ่งนอกเหนือจากราคาของคอนโดมิเนียมจะปรับเพิ่มขึ้นแล้วในปีหน้า โดยปกติภายหลังจากเปิดโครงการแล้วราคาของคอนโดมิเนียมก็จะปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งในอัตราไม่ต่ำกว่า 10% เช่นกัน


นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มของที่อยู่อาศัยจะปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนของราคาวัสดุก่อสร้างในปีหน้านั้น มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลัก 2 ประการ ได้แก่ ความต้องการใช้ และราคาน้ำมัน ซึ่งปีหน้าความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างน่าจะมีมาก จากโครงการภาครัฐ ส่วนราคาน้ำมันหากมีความผันผวนมากก็จะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อย่างปีที่ผ่านมาพบว่ามีหลายบริษัทประสบภาวะขาดทุน เพราะเปิดขายโครงการก่อนที่ราคาต้นทุนจะปรับสูงขึ้น จากผลกระทบของราคาน้ำมัน

ที่มา http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=R3324581&issue=2458

จากคุณ : The Newspaper
เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:09:50 A:61.90.75.250 X: TicketID:226657




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com