ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ค่อยทราบรายละเอียดเท่าไหร่....แต่แวะมาให้กำลังใจค่ะ....สู้ สู้ นะคะ ^.^ จากคุณ : คุณหนูจีจี้ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:10:40

ความคิดเห็นที่ 2 เหมือนคคห.ที่ 1 ค่ะ สู้ ๆ นะคะ ต้องดูตัวเราเป็นหลักค่ะ ดูว่าเราไหวไม๊?? เพราะถ้าเราไหว แล้วพยายามจะสู้ ก็ต้องสู้กันต่อไป แต่ถ้าเราไม่ไหว...การยื้อไว้ มันยิ่งทำให้ดิ่ง พึงระลึกไว้เสมอว่าการมีบ้านมันก็ไม่ใช่ทุกอย่าง....ดูองค์ประกอบอื่นด้วย ว่ามีภาระอื่นที่สำคัญกว่าไม๊?? อย่างลูก ๆ และต้องดูแลพ่อแม่อยู่ จากคุณ : NN2704 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:28:51

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณคุณหนูจีจี้ และคุณNN2704 ที่เข้ามาให้กำลังใจค่ะ ตอนนี้บอกตรงๆเลยค่ะ ว่าเราสู้ไม่ไหวแล้ว และไม่คิดจะสู้ด้วย เราไม่ได้ยื้อไว้ค่ะ เราจึงเลือกวิธีในข้อ7 ไงคะ คือ ขอโอนบ้านคืนให้กับสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว โดยเราจะยอมเป็นผู้เช่าแทน เพราะหากอนาคตข้างหน้ามันไม่ไหวจริงๆ เราจะได้ไม่เป็นหนี้ต่อไป เพราะจะแก้ไขด้วยการประกาศขายเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะขายบ้านได้ อีกกี่เดือน กี่ปี...ถ้าขายได้เร็วมันก็ดีสำหรับเราค่ะ... เพียงแต่เราไม่รู้ว่าวิธีในข้อ7 นี้มันทำได้จริงๆรึเปล่า มีข้อเสียอะไรตรงไหน เลยเข้ามาขอคำแนะนำที่นี่ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับกำลังใจ และยังรอคำแนะนำจากท่านผู้รู้อยู่ต่อค่ะ จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:50:06

ความคิดเห็นที่ 4   เป็นกำลังใจให้ครับ อย่าเพิ่งท้อครับ สู้ .. เข้ามาเพื่อจะบอกว่า ข้างบ้านผม เขาเป็นเหมือน ที่คุณเล่าให้ฟังเลย แต่ผม ไม่ทราบรายละเอียดของตัวข้อตกลงครับ เคยได้ยินเขาบอกว่าไปเซ็นบ้าน มอบให้แบงค์ ที่กู้ แล้วจะมาขอซื้อคืน วันหน้า ( ที่แรกผมก็งง ว่าเซ็นคืนบ้านได้ด้วยเหรอ ) พอมาอ่านตรงนี้ พอเข้าใจ บ้าง อาจจะเป็นอย่างที่ ข้างบ้านผมเขาเล่าให้ฟัง เจ้าของบ้านข้าง ๆ ผม เขามี ที่ดิน อีก หลายแปลง แต่ตอนนี้มันขายไม่ได้ เขาเลยรอขายที่แล้วจะเอาเงินมาตัดสด แต่ ตอนนี้ เขาโดน เหมือน จขกท. ครับ บางที เขาอาจจะใช้ กรณี ของข้อ 7 ที่คุณยกตัวอย่างมาก็ได้ครับ ลองไปปรึกษาแบงค์ หรือ ทนายดูดีกว่าครับ ประวัติเราก็ไม่น่าจะเสียนะ ยังไง ขอให้แก้ไขปัญหาตรงนี้ ได้สำเร็จ นะครับ เอาใจช่วยและ เป็นกำลังใจให้ อย่าท้อ .... จากคุณ : เด็กวัด เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:20:28 A:124.121.45.246 X: TicketID:205496

ความคิดเห็นที่ 5   เป็นกำลังใจให้นะครับ ผมก็เคยเป็นเมื่อ5-6ปีก่อน ผมก็ประสบปัญหาไม่มีปัญญาจะผ่อนเหมือนกัน ขาดส่งไปเกือบ2ปีจนดอกเบี้ยขึ้นมาจนเอาไว้ไม่อยู่ ยอมขายขาดทุน(ตอนขายไปไม่ได้อะไรเลยสักบาทจริงๆๆ) แต่ล้างหนี้ ธ.หมด(ยอมตั้งต้นใหม่แบบหมดตัวจริงๆๆ คิดแต่ว่าไปตายเอาดาบหน้าแต่อย่างน้อยก็ไม่เสียเครดิต) จากครอบครัวที่เคยอยู่บ้านเดียวกันต้องออกไปอยู่หอกัน3ห้อง(คนละที่) ผ่านมา 4 ปีน้องเรียนจบ ค่อยหายใจได้หน่อย ตอนนี้ ซื้อบ้าน2หลังละ(หลังละล้านกว่าๆๆนะไม่ได้แพง) ตอนนี้ลองมาย้อนคิดดู คิดว่าทำถูกละที่ปล่อยหลังนั้นไป ไม่อย่างนั้นถ้าโดยฟ้องยึดเครดิตคงเสียเครดิตและคงไม่สามารถขอกู้ ซื้อบ้านได้อีกในอนาคต ปล.ที่เล่าให้ฟังนี้แค่อยากจะบอกว่าขอให้มีกำลังใจนะครับ วันนี้เราอาจจะแย่แต่มันต้องดีขึ้นครับ สู้ๆๆ จากคุณ : เคยเป็น เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:55:51 A:125.25.38.97 X: TicketID:190422

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณค่ะคุณเด็กวัด ที่เข้ามาเล่าเรื่องเพื่อนบ้านและกำลังใจที่มีมาให้ค่ะ พรุ่งนี้จะเข้าไปคุยกับทางแบงค์ค่ะ แต่วันนี้ดิ้นรนด้วยการหาข้อมูล และขอปรึกษาเพื่อนๆไปก่อนว่าจะมีหนทางใดที่ดีที่สุด ขอบคุณมากๆที่มีผู้สนใจจะช่วยซื้อทุกท่านนะคะ แล้วจะส่งรายละเอียดไปให้ค่ะ ขอรวบรวมก่อน เราอยากขายค่ะ หากทำแล้วหมดหนี้หมดสินไป ................... จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 11:02:29

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่งเห็นคำตอบจากคุณเคยเป็น ขอบคุณค่ะ ที่ให้ได้ข้อคิดและมุมมองที่ดี เราคิดเหมือนคุณค่ะ บอกตรงๆว่าเราไม่ยึดติดนะคะ เราอยากขายบ้านไปซะ แต่เราขอหาหนทาง ที่มันเจ็บตัวน้อยที่สุดก่อน ถึงแม้ว่าเราจะรักที่นี่มาก แต่หากว่าของไม่ใช่ของๆเรา เราก็ต้องปล่อยมันไปค่ะ...... จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 11:06:59

ความคิดเห็นที่ 8   เป็นกำลังใจให้ ครับสู้ๆ ผมเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ ค่อยๆคิดน่ะครับ จากคุณ : วงแหวนสีขาว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 11:21:48

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณค่ะคุณวงแหวนสีขาว เราจะค่อยๆคิดนะคะ จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 11:23:45

ความคิดเห็นที่ 10   เข้ามาเป็นกำลังใจให้ จขกท ค่ะ จากคุณ : หมวยโหด เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 11:53:02 A:202.151.6.30 X: TicketID:231493

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณค่ะคุณหมวยโหด จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:29:36

ความคิดเห็นที่ 12 เฮ่อ คนที่ยังไม่เคยผ่อน ก็ อยากเข้าไป เป็นหนี้ผ่อน ของเราจะเป็นแบบนี้มั๊ยหนอ ? จากคุณ : ระยิบระยับ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 14:16:13

ความคิดเห็นที่ 13 ให้คนอื่นเช่าไปก่อนได้ไหมล่ะจะได้มีรายเดือนผ่อน ยังไงก็สู้ๆนะคะ จากคุณ : GetCha เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 15:18:05

ความคิดเห็นที่ 14 มีเรื่องน่าฟังมาเตือนสติครับ เคยได้ยินเรื่องลิงกำถั่วมั้ยครับ เวลาคนเค้าจะจับลิง เค้าก็จะหากล่องใบนึงใส่ถั่วไว้ข้างใน เจาะรูพอดีมือลิงลอดได้ แต่พอกำถั่วแล้วมันก็จะใหญ่กว่ารู และไม่สามารถเอามือออกมาได้ แล้วไอ้นิสัยของลิงมันจะไม่ยอมปล่อยอาหาร แม้ว่าคนจะมาจับมันแล้วก็ตาม สุดท้ายถั่วก็ไม่ได้กิน แถมโดยจับ ผมมีบ้านมีรถ แต่ช่วง6-7เดือนก่อนประสพปัญหา ชักหน้าไม่ถึงหลังครับ ก็ลองยื้อดู จะก่อหนี้เพิ่มขึ้นเพราะไม่ยอมขายนี่แหล่ะครับ จนต้องยอมขายรถไปเมื่อเดือนก่อน เพื่อบ้านครับ ตอนแรกก็รู้สึกว่าแย่แน่ จะไปไหนมาไหนยังไง แต่พอไม่มีรถก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ค่าบำรุงรักษาก็ไม่เสีย ประหยัดไปเดือนนึงเป็นหมื่นครับ ส่วนจขกท. ถ้าไม่มีอะไรที่ทิ้งเพื่อบ้านได้ ก็คงต้องยอมขายบ้านไป อาจจะขายแบบพอดีหนี้ที่ติดะนาคารก็ได้ แล้วเริ่มนับ 1 ใหม่เมื่อพร้อมครับ ลองดูครับ อย่ารอให้โดยยึดเลยครับ จากคุณ : kapolo_club เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 15:43:09

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณค่ะที่เข้ามาให้คำแนะนำ ข้อมูลที่เราทิ้งไว้ความคิดเห็นบนๆ นั้น เราไม่ได้บอกเลยนะคะว่าเราจะไม่ขายมัน หรือยื้อเอาไว้ เราไม่แน่ใจว่าคุณอ่านละเอียดหรือไม่ เราอยากขายค่ะ แต่ เราไม่รู้ว่าหากประกาศขายออกไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะขายได้ อาจเป็นปี  2ปี  3ปี หรืออาจขายไม่ได้ก็ได้ค่ะ แล้วถ้าหากว่าการประกาศขายบ้านทิ้งไปมันแก้ปัญหาได้แต่แรก วันนี้เราคงไม่ถูกหมายศาลหรอกค่ะ เพราะเราเคยประกาศขายเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่มีคนสนใจมาดูบ้านน้อยมาก เรายอมขายในราคาที่ขาดทุน ยอมไม่เอาเงินดาวน์ด้วย แต่มันก็ยังขายไม่ได้ซักที และตอนนี้ เราไม่มีรถนะคะ ขายทิ้งไปนานแล้วค่ะ สิ่งที่เราอยากรู้คือ วิธีแก้ไขในข้อที่ 7.  ขอโอนบ้านให้กับสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว มันมีจริงรึเปล่า มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร เท่านั้นค่ะ เพราะมันน่าจะแก้ปัญหาได้เร็วกว่าการขายบ้าน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะขายได้ ยังไงก็ต้องขอบคุณที่เตือนสติมานะคะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 17:26:04 จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 16:32:12

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : เมื่อไรจะมีฯ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 18:12:02

ความคิดเห็นที่ 17 ปรึกษากับทางสถาบันการเงินเลยค่ะ ในเรื่องที่สงสัย ถามหลายๆที่ เอาใจช่วยค่ะ  สู้สู้ จากคุณ : เอ๋ (disposable) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 18:41:58

ความคิดเห็นที่ 18 ลองเข้าไปคุยกับธนาคารเจ้าของเรื่องเลยครับ อย่าปล่อยไว้นานดอกเบี้ยจะกินหมด ปล.ผมเคยเจอปัญหานี้เมื่อนานมากแล้ว (ราวปี 42) รู้เลยว่ามันกดดันแล้วก็หดหู่หมดกำลังใจมาก แต่ในที่สุดก็ผ่านมาได้ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : นกไฟ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 20:24:55

ความคิดเห็นที่ 19 โอนทรัพยชำระหนี้ครับ ลองถาม จนท.แบงค์ ว่าโอนแล้วหนี้ปิดหมดไม๊(ไม่ต้องผ่อนอะไรอีก) กับมีสิทธิซื้อคืนได้ วงเงินเท่าไหร่ ในเวลาเท่าไหร่ ถ้าโอเค ไปเจอที่ดิน โอนให้เรียบร้อย ใช่ไม๊ ลองถามดูก่อนนะครับ จากคุณ : ต้นes เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 20:46:37

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : I am fine thank you เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 21:52:28

ความคิดเห็นที่ 21 คุยกับ แบ้งค์เลย เขาต้องมีทางออกให้ บ้างแหละ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 22:05:46

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกๆคำแนะนำ และกำลังใจค่ะ จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 07:16:56

ความคิดเห็นที่ 23 อยากให้เข้าไปคุยกับแบงค์ค่ะ เขาน่าจะมีทางออกให้กับเราหรือประนอมหนี้อะไรแบบนี้ เพราะจริง ๆ แบงค์ถ้ามีทางออกที่เราก็รับได้เขาไม่อยากยึดหรอกค่ะ มันเป็นหนี้เสียต้องรอขายรอประมูลอะไรแบบนี้ แต่นี่ในกรณีที่มีกำลังที่จะผ่อนต่อในสัดส่วนที่น้อยลงนะคะ แต่ว่าถ้าไม่มีกำลังที่จะผ่อนแล้วให้ไปคุยกับแบงค์ว่าจะทำอย่างไร พร้อมกับประกาศขายบ้านไปด้วยค่ะ ขายให้เท่ากับจำนวนหนี้ที่ติดอยู่ก็น่าจะมีคนซื้อถ้าทำเลดี ยังไงแล้วทำหลาย ๆ ทางค่ะ หรือไม่ก็ถ่ายรูปบ้านมาลงในนี้คิดว่าถ้าราคาไม่แพงคงขายได้แน่นอนค่ะ ค่อย ๆ คิดนะคะ ของที่ไม่ใช่ของเรามันก็ไม่ใช่ อนาคตคุณอาจมีมันมากกว่านี้ หลังใหญ่กว่านี้ก็ได้ค่ะ ล้มแล้วต้องลุกค่ะ สู้ ๆ นะคะ จากคุณ : tugsinat เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 15:02:17

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมากๆค่ะคุณtugsinat จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:02:10

ความคิดเห็นที่ 25 ใช่เลยครับ จากที่เจอมา ขายถูก ขายเอง เพื่อให้หนี้หมด วันหน้ามีโอกาสซื้อใหม่ได้อยู่ครับ   ยิ่งถ้าไม่ได้พักอาศัย   รีบประกาศขายเลยครับ ลงรูปสวยๆ ทำความสะอาดเยอะๆ เน้นจุดขายเข้าไป ใกล้ห้างใกล้ทางด่วนอะไร ใส่ไป ดูพวกบ้านใหม่ๆ แถวหลังเรา เค้าโม้อะไร จัดตามไปเลยครับ แจ้งแบงค์ด้วยครับ ว่ากำลัง process แบบนี้นี่นั่นนู่นแล้ว จากคุณ : ต้นes เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:16:38

ความคิดเห็นที่ 26 หาคนมาผ่อนต่อเลยค่ะ เงินที่เราส่งมาถือว่ายอมขาดทุน แลกกับความสบายใจหาใหม่ได้ มันเป็นของนอกกาย................เราเองก็ประสบปัญหาแบบคุณ ก็ประกาศขายโดยให้คนมาผ่อนต่อ ...ตอนนี้บ้านยังเป็นชื่อเราอยู่เลย เค้าผ่อนในนามเรา เพราะมีหลายคนที่อยากได้บ้าน แต่ไม่สามารถกู้ได้ จากคุณ : ปุ๊ก (playboyrama) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 16:09:49

ความคิดเห็นที่ 27 จะบอกว่าขนาดยอมขายขาดทุน ก็ยังไม่ค่อยมีคนซื้อเลยหล่ะครับ เข้าใจเพราะเจอมากับตัว จากคุณ : Athlons เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 17:00:03

ความคิดเห็นที่ 28 อยู่แถวไหนคะ ถ้าแถบมีนบุรี สุวินทวงศ์ หลังไมค์มานะคะ จะถามเพื่อนๆให้ค่ะ เพราะเค้ากำลังหาบ้านอยู่ค่ะ จากคุณ : condojung เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:22:21

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นกำลังใจ ให้อีกแรงนะคะ ไม่ลองหาคนเช่า แล้วลองเอาเงินค่าเช่า มาจ่ายแบงค์หละคะ พอไหวมั้ย จากคุณ : onlycat เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:37:03

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาให้กำลังใจอยู่นะคะ ตอนนี้กำลังดิ้นสุดเฮือกอยู่ค่ะ.... จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:42:09

ความคิดเห็นที่ 31 ที่ผ่อนไม่ไหว นี่ก็เคยเจอเหมือนกันนะคะ คือสมัยก่อนเรียนจบมาทำงานปีแรก ก็กู้เลย เงินเดือน 7600 บาท แต่มีค่าอาหาร 1200(ที่เจ้าหนี้ที่ไหน จะมาหักค่าอาหารไม่ได้) มีค่าวิชา 3000 บาท แล้วช่วงนั้นก็โบนัสอีก 6 เดือนค่ะ ก็ผ่อนเดือนละสองพันบาท ผู้จัดการก็ว่าเราบอกต่อไปกู้เงินแล้วจะเอาที่ไหนกิน(ข้าว) โห เคืองเลย แต่มานึกดูทุกคนก็พูดด้วยความหวังดีและเป็นห่วงนะคะ ตอนนั้นก็เริ่มเรียนปริญญาโทต่อด้วย โบนัสนี่ จ่ายค่าเทอมก็หมดพอดี แทบไม่รู้จักกันกับน้องโบนัสเลย เห็นแว๊บๆ เข้าบัญชีมา ไม่ทันข้ามวันก็โอนไปจ่ายค่าเทอมเสียแล้ว ตอนหลังก็ไป re-finance ทำให้ต้องจ่ายเงินต้นเป็นสามพันบาท แต่ดีที่โอนมาใช้สวัสดิการ ดอกเบี้ยถูกลง เวลามีคนบอกว่าผ่อนบ้านไม่ไหว แล้วนึกถึงตัวเองตอนนั้น แทบอ๊วกเป็นเลือด ตอนนี้เงินต้นเหลือสามหมื่นกว่า ก็รู้สึกอยากเป็นหนี้อีกแล้ว เขาเรียกว่า รสชาติของชีวิตค่ะ มีหวานมีชื่นมีขื่นมีขม พร้อมดอกเบี้ยบานฉ่ำ เพราะตอนนั้นเศรษฐกิจไม่ดี ค่าผ่อนบ้านสามพัน ยังไม่อยากจะผ่อนเลยค่ะ มาตอนนี้ แค่จิ๊บๆ ตอนนั้นก็หวั่นใจมาก คิดว่าจะผ่อนไม่ไหว แต่ก็ผ่านมาได้ เจ้าของกระทู้ลองสู้ดูนะคะ สักวันก็จะผ่านไปได้ พอเศรษฐกิจดี เงินเดือนเพิ่มขึ้น อะไรมันก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี จากคุณ : อยู่แก็งค์ไหนหัวหน้าตายหมด (เด็กเกาะสมุย) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 19:28:19

ความคิดเห็นที่ 32 แวะเข้ามาให้กำลังใจ จขกท และอยากจะบอกว่าชีวิตคนเรามันมีขึ้นและลงตลอดเวลา  ตอนนี้เราอาจจะเจอเรื่องหนักๆที่คิดว่ามันแย่อยากแนะนำว่าเราถอยมาตั้งหลักเพื่อจะเดินหน้าใหม่ก็ยังไม่สายขอเป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งกำลังใจนะคะ  และก็ลองดูคำแนะนำเพื่อนๆผู้รู้ในห้องนี้ดูเพื่อจะได้เป็นทางออก จากคุณ : dlite เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 21:01:55

ความคิดเห็นที่ 33 จากคุณ : GoodAhey เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 22:12:07

ความคิดเห็นที่ 34 ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาดีที่สุด ขอให้คุณทำดีที่สุดนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พร้อมรับด้วยความไม่สะเทือนใดๆ ของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ครับ สู้ๆนะ จากคุณ : BOYZ_AMAKUSA เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 22:38:41

ความคิดเห็นที่ 35 เอาใจช่วยครับ วันนี้คงทราบเรื่องหลังจากคุยกับทางแบงค์แล้ว มาแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ จากคุณ : Dr.GTO เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 09:14:32

ความคิดเห็นที่ 36 ช่วยอะไรไม่ได้ โหวตให้แล้วกัน จากคุณ : varada เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 10:33:11

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามาเป็นกำลังใจให้ครับ... ทุกอย่างต้องมีทางออกครับ... จากคุณ : nay2k เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 10:36:26

ความคิดเห็นที่ 38 มาให้กำลังใจ สู้ๆนะครับ จากคุณ : FREE_OFFICER เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 11:25:13

ความคิดเห็นที่ 39 สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้ ผมรู้ว่าคุณต้องผ่านมันไปให้ได้ จากคุณ : pae_get เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 12:11:26

ความคิดเห็นที่ 40 เคยอ่านเจอประกาศคนยกบ้านให้ไปผ่อนต่อฟรี ๆ เลยค่ะ แบบว่าไม่เอาเงินดาวน์อะไรทั้งสิ้น เข้าใจว่าคงไม่อยากโดนฟ้องร้องมั้ง ลองพยายามหาหลาย ๆ ทางออกดูนะคะ จากคุณ : wecha เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 12:18:59

ความคิดเห็นที่ 41 วิธีโอนให้ธนาคารสามารถทำได้ครับ กรณีที่ 1 (Buy Back) คุณอาจจะตกลงกับธนาคารว่า ขอโอนทรัพย์ชำระหนี้ (ไม่เกิน 90%ของราคาประเมินธนาคาร) และจะขอซื้อคืนภายใน 3 ปี 5 ปี ก็ได้ ปกติแล้วธนาคารจะถือได้ไม่เกิน 5 ปี ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเมื่อคุณจะซื้อคืน ธนาคารจะขายคืนในราคาที่รับโอน บวกด้วย ต้นทุนการรับโอน (อาจจะรวมดอกเบี้ยก็อาจเป็นได้) กรณีที่ 2 คุณอาจจะโอนทรัพย์ชำระหนี้ไปเลย โดยไม่ขอซื้อคืนก็ได้ จะไม่มีหนี้สินซึ่งกันและกันอีก ซึ่งวิธีนี้ธนาคารจะพิจารณาว่า ถ้ารับโอนแล้ว (เรียกว่า NPA) จะนำออกขายได้ราคาเท่าไร อาจจะรับโอนที่ 70%ของราคาประเมินธนาคารก็ได้ แต่ในระหว่างนี้ คุณอาจจะประกาศขายเท่ากับหนี้ที่มีอยู่กับธนาคารก็ได้ แต่ผมแนะนำว่า ให้คุณดูในคำพิพากษาว่า ธนาคารมีทุนทรัพย์ฟ้องจำนวนเท่าไร และต้นเงินกู้ที่คิดเท่าไร คุณอาจจะขายเท่ากับจำนวนดังกล่าวก็ได้ และถ้าขายได้ คุณค่อยไปเจรจากับธนาคารเพื่อขอชำระหนี้เท่ากับที่ขายได้จริง แม้ว่าจะชำระหนี้ได้ไม่ทั้งหมด แต่ถ้าเป็นราคาที่ซื้อขายอย่างสมเหตุสมผล และธนาคารรับชำระหนี้ได้ไม่น้อยกว่า Book Value (ศัพท์ธนาคาร) ผมว่ามันสามารถทำได้ ปล.ผมทำงานที่เกี่ยวข้องกับเงินๆทองๆ แนะนำในส่วนที่เป็นไปได้ จากคุณ : b_samart เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 12:33:14

ความคิดเห็นที่ 42 เป็นกำลังใจให้ครับ.... บางทีการมีรถก็ดีกว่ามีบ้านในบางกรณี เพราะผมเองก็เคยเจอเหตุการณ์เเบบนี้ เพราะตอนที่อยากขายบ้านก้ขายยากมากเลยครับ รอเเล้วรอเล่า สุดท้ายราคาก็ไม่ได้ดั่งใจ แต่เวลาผมขายรถถ้าไม่เกี่ยงราคามากกว่าราคากลางของตลาด ผมเคยขายได้เร็วสุดที่ 5 นาที มีผู้ใหญ่หลายคนบอกว่าให้ซื้อบ้านดีกว่าซื้อรถ มันก็ไม่จริงเสมอไป นอกเรื่องมาเยอะเเล้ว ยังไงๆก็ลองคุยกับเเบงค์ดีที่สุดครับ... จากคุณ : aeshey เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 12:39:52

ความคิดเห็นที่ 43 เอาใจช่วยค่ะ ทางออกที่ดีที่สุด เข้าไปเจรจากับแบงค์ดูค่ะ ว่าเค้าจะมีทางออกอะไรให้ได้บ้าง ถ้าผ่อนไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องลองเจรจา โอนทรัพย์ชำระหนี้ดู และดูว่าทรัพย์คุ้มหนี้รึป่าว? ถ้ามูลค่า + ที่ผ่อนไปบ้างแล้ว หักลบกลบหนี้ได้ก็ถือว่าจบไปค่ะ แต่ส่วนใหญ่ แบงค์ไม่ค่อยยอมเรื่องตัวดอกเบี้ย....ซึ่งตัวนี้ทำให้ตัวทรัพย์ไม่ค่อยจะคุ้มหนี้ค่ะ ก็อาจจะต้องผ่อนเพิ่มไป....จนกว่าหนี้จะหมด สู้ๆ นะคะ ภาวะแบบนี้ คงมีคนเจอแบบ จขกท. หลายท่านค่ะ แต่ทุกปัญหามีทางออกค่ะ จากคุณ : wiswis เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 12:56:53

ความคิดเห็นที่ 44 ช่วยแนะนำอะไรไม่ได้เลย .. เข้ามาให้กำลังใจนะคะ ทุกปัญหามีทางออกค่ะ จากคุณ : antanoy เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:32:27

ความคิดเห็นที่ 45 ถึง คห. 42 ถ้าไม่ต้องประกอบอาชีพที่ต้องใช้รถเป็นเครื่องมือทำมาหากิน (รวมพวก Support / sales) แล้วยังไม่มีทั้งบ้านและรถ  (ไม่นับบุคคลรวย หรือ มีทรัพย์สมบัติพอที่จะซื้อได้ 2 อย่างพร้อมกัน) การเลือกบ้านที่เป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์ก่อนรถ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว หลายคนซื้อรถแค่เพียงความต้องการความสะดวกสบาย ความโก้หรู ไม่อยากนั่งรถเมล์ ความมีหน้ามีตาในสังคม หลายๆคนทนไม่ได้ที่เวลาไปติดต่อตามที่ต่างๆแล้ว คนถามว่า "ขับรถมาเองเหรอคะ/ปั๊มตราจอดรถไม๊" แล้วจะบอกว่า ผมไม่มีรถครับ สิ่งที่ตามมาคือ ค่าน้ำมัน ค่าประกัน ค่าอื่นๆ ที่รวมๆแล้ว แพงกว่านั่งแท๊กซี่ไปกลับจากทำงานทุกวันซะอีก (ไม่รวมค่ารถ) นานาจิตตังครับ แต่ที่ผู้ใหญ่พูดๆไว้น่ะถูกแล้ว จากคุณ : Mennie เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 14:15:57

ความคิดเห็นที่ 46 หวัดดีค่ะทุกท่าน ขอบคุณมากๆที่ช่วยให้กำลังใจกัน ถึงแม้เราจะไม่รู้จักกันก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ได้ไปคุยกับทางแบงค์เลยค่ะ เพราะบังเอิญไปขอความ ช่วยเหลือจากผู้ใจบุญท่านนึงให้ช่วยซื้อต่อ ท่านก็ให้เราเอาตัวเลขเข้าไปให้ท่านดู หากท่านตกลงช่วย งานนี้ก็รอดตายค่ะ... เพราะท่านก็ไม่ได้อยากได้บ้านเราหรอกค่ะ แต่หากท่านเห็นว่าตัวเลขที่ต้องช่วยมันมากเกินไป ท่านคงตัดสินใจยาก เราคงต้องเลือกทางออกสุดท้ายคือเจรจาขอโอนทรัพย์คืนให้กับทางแบงค์ไปค่ะ หากมีความคืบหน้าก็จะมารายงานผลให้ทราบนะคะ เผื่อมีคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน จะได้เข้ามาอ่านหาวิธีแก้ไขได้ด้วย ตอบคำถามทุกท่านไม่หมดขออภัยจริงๆเลยนะคะ... ขอบคุณทุกท่านที่เมตตาช่วยโหวตให้ค่ะ จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 14:25:45

ความคิดเห็นที่ 47 แวะมาให้กำลังใจค่ะ  ของเรา 10 กว่าปีที่แล้วเคยซื้อคอนโดเอาไว้ แล้วผ่อนไม่ไหว ราคาคอนโดล้านกว่าค่ะ  เลยต้องปล่อยให้แบงค์ยึดแล้วก็ล้มละลาย ซึ่งทำให้เสียเครคิต ไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ ได้ แต่ยังไงก็อย่าพึ่งท้อนะคะ  เรายังสู้เลย สู้  ๆ ค่ะ จากคุณ : linboom เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:24:23

ความคิดเห็นที่ 48 บ้านอยู่แถวไหนคะ จากคุณ : Desiree เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:26:22

ความคิดเห็นที่ 49 คุณเจ้าของกระทู้ ค่ะ เห็นที่บอกมาแล้วก็ เบาใจไปได้หน่อยเดียวนะค่ะ เพราะ ที่บ้านเคยประสบมากับตัวค่ะ ช่วงนั้นที่บ้านขาดส่งบ้านเป็นเวลานานเหมือนกัน เพราะขาดหัวแรงหนักไป พอดีว่า คุณพ่อโดนบีบให้ออกจากงาน ที่สร้างรายได้เดือนละเกือบแสน กลายเป็น 0 แล้วต้องผ่อนบ้าน 2 หลัง หลังละ 2หมื่นกว่า ๆ ไม่ได้จ่ายนานเข้า จนสุดท้าย ได้งานใหม่ กับเจ้านายคนใหม่ ที่ บอกว่า จะรับซื้อให้ แล้ว อีก 1 ปี จะโอนให้ ทำเอาดีใจมากมาย .. เหมือนมีคนมาช่วยให้หายใจได้ ช่วงนั้น งานการของลูก ๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทางค่ะ ยังไม่สามารถช่วยพ่อแม่ได้นัก และสุดท้าย ท่านผู้ใหญ่ท่านนั้น กลับคำ เรื่องกลายเป็นว่า เราต้องหาเงินไปไถ่บ้านกลับคืนมา งานเข้าเลย .. พี่ชาย เพิ่งลาออกจากงานประจำ ไปทำงานรับเหมา เศรษฐกิจ แย่ จ็อบที่คาดว่าจะมี ก็โดนโกง ตัวเอง ก็เพิ่งเปลี่ยนงาน ฐานเงินเดือนยังไม่ถึง 2 หมื่นด้วยซ้ำ ยื้อ ... จนเหนื่อย เพราะ ท่านผู้ใหญ่ ให้ย้ายออก ไม่งั้นต้องเสียค่าเช่าเดือนละ 2 หมื่นบาท ยอม เสีย ให้ ท่าน ไป 1 เดือน จนสุดท้าย ก็ต้องบอกแม่ ว่า เราอย่ายื้อเลยนะ ไปหาที่ ที่เป็นของเราดีกว่า ... ไม่ถึงเดือนดี ก็ได้ทาวน์เฮ้าส์ 22 ตร.ว. มีที่จอดรถ 2 คัน ตกแต่งแล้ว บ้านอาจจะเก่าไปหน่อย แต่ว่า .. น่าจะลองยื่นกู้ได้ง่ายกว่า จาก บ้านเดี่ยว เกือบ 100 ตร.ว. เหลือ 22 ตร.ว. เป็นความจริง ที่ยอมรับได้ยากเหลือเกิน สำหรับคุณแม่ แต่ประโยคเดียวจาก พ่อ ที่ได้ยินตอนนั้น ขอบคุณนะลูก ขอบคุณมาก เพราะตอนนั้นทำสำเร็จค่ะ .. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นกู้ ต่าง ๆ นานา ยอมหยุดทำ IS ไว้ก่อน เพื่อศึกษาขั้นตอน การกู้แบงค์ให้สำเร็จ เพื่อให้ พ่อกับแม่ สบายใจ ... สุดท้ายก็สำเร็จ ค่ะ ได้ผ่อนบ้าน แทนการจ่ายค่าเช่า เพราะมีช่วงหนึ่งที่ต้องย้ายออกไปเช่าบ้านอยู่ เดือนละ 1 หมื่นบาท แพงเอาการทีเดียว ตอนนี้จ่ายค่าผ่อนบ้านเดือนละไม่ถึง หมื่นบาท และในวันนึงข้างหน้า มันจะเป็นของเราด้วยค่ะ .. .. อยากให้ จขกท. คุยกับคนที่จะมาช่วยให้ดีนะค่ะ หรือ จริง ๆ จะให้ดี ทำเป็นสัญญาดีกว่าค่ะ เราไม่รู้ตัวหรอกนะค่ะ ว่าวันข้างหน้า จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สิ่งที่คิดว่า ใช่ ว่าดี อาจจะไม่ใช่ขึ้นมาก็ได้ค่ะ .. .. เหตุการณ์ในอดีต สอนให้ .. เชื่อใจตัวเอง ดีกว่าเชื่อใจคนอื่นค่ะ .. .. การโดนหมายศาลแล้ว ใช่ว่า เราจะไม่มีทางแก้ ทางอื่นนะค่ะ เราสามารถขอประนอมหนี้ได้ ทางเจ้าหนี้ เค้าจะมียอดหนี้ขั้นต่ำให้ชำระได้ค่ะ หลังจากทำการประนอมหนี้ไปแล้ว ก็ค่อยหาโอกาส ประกาศขายบ้านหลังนี้ เพื่อจะ ไปอยู่บ้านหลังเล็กกว่าเดิม หรือ เช่าบ้าน หรือ เช่าอพาร์ทเม้นท์ วันหนึ่งข้างหน้า พร้อมก็ค่อยสู้ใหม่ ค่ะ ไม่มีคำว่าสาย .. .. เป็นกำลังใจให้นะค่ะ จากคุณ : ฟ้าสีหม่น คืนไร้ดาว เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:39:30

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณค่ะสำหรับคำเตือนของคุณฟ้าสีหม่น คืนไร้ดาว นะคะ หากไปเจอผู้ใหญ่แบบคุณก็น่าหนักใจเช่นกันค่ะ.. แต่เราตัดใจแล้วนะคะ คือจะยกชื่อให้เป็นของท่านไปเลย จากนั้น หากเรื่องทางแบงค์จบไป เราคิดกันค่ะว่าจะช่วยท่านประกาศขาย ท่านจะได้เงินคืน ที่มั่นใจในเรื่องความช่วยเหลือนี่ก็เพราะแฟนยังมีหนี้สินติดพันนุงนังกับท่านอีกแหละคะ ผ่านมา 3 ปี แล้ว ท่านไม่เคยทวงเลย พอไปเอ่ยปากให้ท่านช่วยอีก ท่านยังจะช่วยเลย แต่ยังไงตัวเลขต้องไม่สูงมากนัก เราตัดใจจากบ้านหลังนี้แล้วค่ะ และหากท่านกลับคำจริงๆ เราก็คงต้องย้ายออกไปอยู่บ้านพี่สาวค่ะ พอจะมีที่ซุกหัวนอน... กระทู้นี้ทำให้ได้รู้ว่ามีคนประสบปัญหาแบบเดียวกันนี้มีเยอะค่ะ หลังไมค์มาจะช่วยซื้อก็เยอะ ให้กำลังใจก็แยะเลยค่ะ ตอบคุณDesiree  อยู่ฝั่งธนค่ะ ............ หากยังมีคนเข้ามาอ่านรบกวนช่วยกดโหวตให้ด้วยนะคะ เผื่อบางท่านที่มีปัญหาแบบเดียวกันจะได้มาอ่านและได้รับความรู้ไปด้วย หรืออาจมีผู้รู้เข้ามาแนะนำเพิ่มเติม อาจจะมีทางออกอื่นๆ อีก ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 18:29:56

ความคิดเห็นที่ 51 มาโหวตค่ะ  ให้กำลังใจค่ะ สู้ๆนะคะ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ จากคุณ : Askimo เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 20:21:46

ความคิดเห็นที่ 52   ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะครับ สู้ๆครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 52 23:26:53 จากคุณ : qzaaqzaa เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 23:26:01

ความคิดเห็นที่ 53 เห็นกระทู้อวดบ้าน กับกระทู้คนที่กำลังกลุ้มเรื่องบ้านอยู่ติดๆกันในกระทู้แนะนำ ช่างเป็นอารมณ์ที่สุดโตกจริงๆครับ เอาใจช่วยนะครับ  พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ นี่คงเป็นแค่บททดสอบหนึ่งของชีวิตเท่านั้นเองครับ "แล้วมันก็จะผ่านไปครับ" จากคุณ : อาจารย์ช้าง (changcp) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 08:27:41

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณค่ะ ท่านอจ. จากพิษเศรษฐกิจ จึงทำให้กลายเป็นแบบนี้ คนที่เอาบ้านสวยๆมาให้ร่วมชื่นชม เราก็ยินดีไปกับเค้าด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 09:17:17

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาให้กำลังใจครับผม จากคุณ : ชาใบเตย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 10:22:56

ความคิดเห็นที่ 56 เข้ามาให้กำลังใจ ทุกข์ได้แต่อย่าอ่อนแอ ค่ะ จากคุณ : ป้าช้อย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 10:44:07

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : thaiMBA เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 10:48:02

ความคิดเห็นที่ 58 เข้ามาให้กำลังใจครับ ตอนนี้ก็กำลังจะโดนเหตุการณ์คล้ายๆกัน กำลังพยายามหาทางแก้ปัญหาอยู่ โดยการหารายได้เพิ่ม หรือไม่คงต้องไปขอลดอัตราการผ่อนต่อเดือนลง เฮ้อ!!! ยังไงก็คงต้องสู้ล่ะครับ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 11:12:39

ความคิดเห็นที่ 59 ผมไม่ค่อยรู้เรื่องครับ แต่มาให้กำลังใจครับ จากคุณ : Jang Woo Young เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 14:57:17

ความคิดเห็นที่ 60 ดีใจด้วยค่ะ ที่ได้คนใจดียื่นมือช่วย เรื่องขายนั้น บ้านบางครั้งมันขายยากจริงๆนะ ในหมู่บ้านที่อยู่เนี่ย เห็นหลายหลังที่ติดประกาศขาย ตั้งแต่ดิฉันย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ(3ปีมาแล้ว) จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นเอาป้ายลงเลย เท่าที่ทราบหลายหลังไม่เอาอะไรเลยสักบาท ขอแค่มาผ่อนต่อก็พอ แต่ก็ยังขายไม่ออกจนเจ้าของบ้าน หนีหายไปใหนแล้วก็ไม่รู้ ที่รู้เพราะในที่ประชุมลูกบ้านเค้าคุยกัน ว่าหลังนั้นหลังนี้ค่าส่วนกลางก็ไม่จ่าย โดนยึดแล้วเจ้าของบ้านหนีไปเลย ฟังแล้วเศร้าจัง จากคุณ : varada เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 17:12:24

ความคิดเห็นที่ 61 ไม่มีคำแนะนำ (เพราะไม่รู้ เหอๆ) เหมือนกันค่ะ มีแต่กำลังใจหอบใหญ่ๆมาฝาก สู้ๆนะคะ จากคุณ : The Field Where I Died เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 19:08:11

ความคิดเห็นที่ 62 ฝั่งธน ไกลไปหน่อย เราหาแถวดอนเมืองอะค่ะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ รีบลงประกาศนะคะ เราก็จะลง TH ของเราเหมือนกันเมื่อโมเสร็จแล้ว เท่าที่รู้ www.pantipmarket.com www.homedd.com http://www.bannayu.com http://www.thaihome.thport.com http://www.baansbuy.com classified.sanook.com www.bamhome.com www.homeandi.com www.ban4u.com www.teedindd.com โชคดีค่ะ จากคุณ : Desiree เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 19:08:38

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณทุกท่านที่ยังเข้ามาให้กำลังใจกันอยู่ ไม่มีอะไรตอบแทนได้ ขอมอบกิฟ ให้แทนนะคะ กรุณาช่วยโหวตให้กระทู้อยู่ต่อได้อีกซักพักนะคะ... จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:58:07

ความคิดเห็นที่ 64 นี่แหละที่เขาเรียกว่า "ชีวิต" ละครับ สู้ต่อไปนะครับ จากคุณ : แป๊ะซะ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:32:53

ความคิดเห็นที่ 65 โอนบ้านคืนให้ ธอส. ได้ค่ะ เพราะในหมู่บ้านเรามีหลังนึง ทำแบบนี้แหละ แล้วเขาก็ซื้อคืนได้ เพราะครั้งแรกเราจะไปซื้อจากแบ็งค์แล้วล่ะ แต่แบ็งค์จะถามเจ้าของเดิมก่อนว่าจะซื้อคืนมั้ย เจ้าของเดิมซื้อคืนเราก็หมดสิทธิ์ และเจ้าของเดิมซื้อคืนในราคาเงินต้นที่เหลือด้วยนะ เขาซื้อได้ถูกกว่าราคาที่เราไปทำเรื่องเสนอซื้อซะอีกแน่ะ แล้วเขาก็ประกาศขายได้เงินเพื่มอีกตั้ง 4 แสน จากคุณ : ยายสุ่ม (ยายสุ่ม) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:37:13

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำของยายสุ่ม คำตอบของคุณเป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ เมื่อวานไปพบท่านผู้ใจดีจะช่วยซื้อบ้านให้แล้วค่ะ ท่านบอกให้เราไปดำเนินการต่อรองมาให้เหลือตัวเลขให้น้อยที่สุด แล้วท่านจะรับซื้อเอาไว้ให้ค่ะ...โดยท่านจะให้เราอยู่ต่อไปฟรีๆ โดยไม่คิดค่าเช่า ระหว่างนั้นหากเราจะดำเนินการขายต่อไป หรือไม่ก็แล้วแต่ ท่านไม่ขัดขวางเลย หรือหากเงยหน้าอ้าปากได้ใหม่ จะขอซื้อคืนก็ย่อมได้... แต่เมื่อวานถูกท่านอบรมยาว (ถูกดุ) เล่นเอาจ๋อยไปเลยค่ะ ต้องก้มหน้ารับฟังโดยดี ท่านสอนถึงหนทางแห่งการไม่ประมาทในชีวิต อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณทุกๆท่านเป็นอย่างสูง จากการที่กระทู้นี้ถูกโหวต กระทู้จึงยังอยู่ได้นานจน เราได้รับคำตอบที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ มาก่อน ว่ามีวิธีการโอนทรัพย์ชำระหนี้ ให้กับทางแบงค์ได้ด้วย และหากถ้ายังมีอีกหลายๆท่าน ที่กำลังเจอปัญหาแบบเดียวกัน หวังว่าคงเข้ามาอ่าน และพลอยได้รับรู้ ถึงวิธีการนี้ ว่ายังมีอีกวิธีนึง ที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องบ้านได้เร็วทีเดียว โดยไม่ต้องรอการขาย ซึ่งก็ไม่เสมอไปที่จะขายได้ทันท่วงที และขอบคุณอย่างสูงสำหรับกำลังใจที่มีให้ สำหรับความเห็นใจจากทุกๆ ท่าน และสำหรับการช่วยโหวตกระทู้ เพื่อให้กระทู้ยังคงอยู่ได้ต่อไป ขอบพระคุณมากๆอีกครั้งค่ะ ปล.รบกวนเพื่อนๆให้ช่วยโหวตต่อให้อีกนะคะ... จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 07:30:49

ความคิดเห็นที่ 67 ดีใจด้วยครับ ที่สามารถแก้ปัญหาได้ ไม่เสียเครดิตด้วย ฝากขอบคุณผู้ใจบุญด้วยนะครับ จากคุณ : ก้องชายแดน เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 08:31:40

ความคิดเห็นที่ 68 คุณจขกท.นับว่าโชคดีมากครับที่มีคนมาช่วยแบบนี้ น้อยนักที่จะได้รับโอกาสหยิบยื่นความช่วยเหลือมาเต็มๆ ขอให้เก็บตรงนี้ไว้เป็นข้อคิดตลอดไปครับ จากคุณ : Athlons เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 08:52:41

ความคิดเห็นที่ 69 ขายบ้าน + ขอประนอมหนี้ ขอคำปรึกษาจากธนาคาร ดีที่สุดค่ะ จากคุณ : ก็ฉันมันเลว ... เลยแซวเล่น เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 13:19:14

ความคิดเห็นที่ 70 คุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคารตรงๆ ไปเลยครับว่าเรามีปัญหายังงัย ใจจิงเค้าก้อไม่อยากยึดหรอกครับ เค้าอยากให้เราได้ไปครอบครองมากกว่า ส่วนเรื่องหมายศาลก็ไม่ต้องตกใจครับ ยังงัยศาลต้องเห็นใจลูกหนึ้อย่างเราๆ ท่านๆ อยู่แล้วครับ หนักหนาสุดก้อแค่ขายทอดตลาดครับ ( แต่ถ้าเราขายเองน่าจะได้มากกว่า ) ช่วงที่เรื่องอยู่ที่ศาลก้อยังมีเวลาคิดอีกครับ  สู้ๆ ครับ ปล.ช่วงนี้คิดไรไม่ออกลองหาหนังสือ พ่อรวยมาอ่าน ให้ข้อคิดดีๆ หลายเรื่องนะครับ จากคุณ : airron_man เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 16:52:39

ความคิดเห็นที่ 71 ดีใจกับจขกท.ที่คลี่คลายปัญหาได้ค่ะ จากคุณ : นินจาน้อย เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:47:10

ความคิดเห็นที่ 72   ยินดีด้วยครับ จากคุณ : worawora เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:13:17

ความคิดเห็นที่ 73 ยังดีนะคะที่คุณเป็นลูกหนี้ ธอส. มีการโอนชำระหนี้ แต่ถ้าเป็นแบ็งค์อื่น ไม่มีนะ เท่าที่ทราบมีแบ็งค์เดียวที่ช่วยลูกหนี้แบบนี้ เพราะเคยคุยกับ 2-3 แบ็งค์ไม่มีกรณีแบบนี้ค่ะ จากคุณ : ยายสุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:32:26

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณยายสุ่มที่เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก เพิ่งจะทราบค่ะ ว่าแบงค์อื่นไม่มีวิธีโอนทรัพย์ชำระหนี้ งั้นเราก็ยังพอมีโชคอยู่เหมือนกันนะคะ.... ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 07:18:29 จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 07:11:25

ความคิดเห็นที่ 75   หมายศาลที่ว่าเป็นหมายอะไรครับหมายให้ชำระหนี้ใช่หรือเปล่าครับ ใจเย็นๆครับ ถ้านี่พึ่งขาดผ่อนชำระ ครั้งแรกๆ เรายังมีโอกาสอีกมากและนาน ที่จะขอเจรจากับแบงค์ ขอปรับโครงสร้างขอลดจำนวนเงินต่อเดือน ถ้ายังไม่ได้ตามที่เราทำไหวก็ไปที่ ขั้นตอนต่อไปครับ ถ้าหมายศาลให้ชำระหนี้ ก็ให้ไปในวันนัด ปรกติศาลจะให้โอกาสเราไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ ขอประนอมหนี้ ลดค่าผ่อนชำระรายเดือนลง ชี้แจงกับศาลไปว่าเราไม่มีเจตนาไม่จ่าย แต่ยอดต่อเดือนสูงเกินไปอะไรพวกนี้ครับ ศาลท่านก็เป็นคนเหมือนเราครับ ชี้แจงกับท่านดีๆ และส่วนใหญ่ท่านไม่อยากให้เป็นคดีความหรอกครับ เผลอๆท่านช่วยเจรจากับแบงค์ให้เราด้วย ถ้าผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้วก็ไปว่าอีกทีครับ รบกวนบอกสถานะมาด้วยครับ ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ทนายแต่เป็นเจ้าของบ้านที่โดนแบงค์ยึดและประกาศขายทอดตลาดมาแล้ว เคยทำทุกอย่างเพื่อยื้อบ้านที่ตัวเองอยู่ทุกวันนี้ครับ จากคุณ : สู้พาลให้ยับกับมือ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 08:55:53 A:110.164.54.26 X: TicketID:235270

ความคิดเห็นที่ 76 เราผ่อนบ้างไม่ผ่อนบ้างมาเกือบ 2 ปีแล้ว ล่าสุดไม่ได้ผ่อนมาติดต่อกัน3 เดือนรวดเลยค่ะ จริงๆเราไม่ได้อยากประนอมหนี้หรอกค่ะ เพราะรู้แน่ๆว่าถึงผ่อนน้อยกว่านี้ ก็คงไม่ไหวอยู่ดี ถ้าให้ดีที่สุดคือต้องไม่มีหนี้สิน ไม่ต้องผ่อนอะไรทั้งสิ้น เพราะมีรายได้เพียงเอาไว้กินใช้จ่ายค่าน้ำไฟ ค่าโทร ซิ้อของไว้ใช้ในบ้าน เท่านั้นเองค่ะ การค้าของเราตอนนี้ย่ำแย่มากที่สุดเลยค่ะ ดูทีท่าทางเศรษฐกิจนับวันมีแต่จะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ คิดไว้แล้วว่าไม่อยากยื้อ เพราะผ่อนไม่ไหวแล้วค่ะ... จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 09:46:00

ความคิดเห็นที่ 77   เมื่อมีหมายศาลมาแล้วก็ให้ไปนะครับ อย่าพึ่งท้อครับมีลงแล้วจะมีขึ้น เสียอะไรเสียได้ ใจอย่าเสียครับ ระหว่างนี้ก็ติดต่อธนาคารเพื่อดำเนินการตามที่ว่าเอาไว้ ถ้าแบงค์ไม่ยอมจริงๆก็ไปขอที่ศาลเอาอีกที ทำใจให้สบายครับ ทำใจเบาๆหายใจเข้าออก ผมก็เคยผ่านมาเหมือนกัน.... จากคุณ : สู้พาลให้ยับกับมือ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 09:57:25 A:110.164.54.26 X: TicketID:235270

ความคิดเห็นที่ 78 อ่านมาจนถึงบทสรุป   ดึใจด้วยนะคะ สู้ ๆ ค่ะ  เป็นกำลังใจให้ จากคุณ : noo_pizza เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 10:23:27

ความคิดเห็นที่ 79 เรียนจขกท. บ้านคุณอยู่จุดไหนครับ ราคาอย่างไรครับ ผมสนใจครับ จากคุณ : faad (Faad64) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 11:11:37

ความคิดเห็นที่ 80 เข้ามาคุยกับ จขกท ค่ะ ไม่แน่ใจว่า เรื่องไปถึงไหนแล้ว เราก็ไม่ค่อยมีเวลา ในการอ่านกระทู้ด้วย อ่านแต่หัวข้ออย่างเดียวคร่าว ๆ ค่ะ เราก็เคยเกิดกรณีนี้ค่ะ เรื่องถึงหมายศาล มีประกาศขายบ้านของเราผ่านอินเตอร์เน็ต แต่ว่าทุกวันนี้ บ้านก็ยังอยู่ค่ะ แต่เปลี่ยนชื่อจากแม่ เป็นพี่ชายกับเราแทน และเปลี่ยนผ่อนกับธนาคารอื่น  สิ่งที่เราจะแนะนำคือ ให้คุณไปติดต่อธนาคาร เรื่องการประนอมหนี้ หลาย ๆ ท่านดอกเบี้ยมากมายก่ายกอง ลองไปขอผ่อนผัน แจ้งรายได้ของคุณ และกำลังทรัพย์ที่คาดว่าจะผ่อนได้  อาจจะเป็นทางออกอีกทาง หรือไม่ก็ทำการขายบ้านต่อให้กับคนในบ้านที่มีเงินเดือนพอที่จะผ่อนบ้านไหวค่ะ ซึ่งจะเป็นกรณีที่เราเคยทำ จากชื่อแม่ ผ่อนธนาคาร A ขายให้ลูก ใช้ชื่อ 2 คนผ่อน ธนาคาร B   หวังว่าคุณคงมีทางออกที่ดีนะคะ จากคุณ : Blubber เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 12:12:14

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณค่ะคุณสู้พาลให้ยับกับมือ เราจะทำตามคำแนะนำของคุณค่ะ แต่จะพยายามเคลียร์เรื่องให้จบก่อน จะได้ไม่ต้องไปศาล เห็นเค้าว่าถ้าเราแพ้คดี จะต้องโดนจ่ายค่าทนาย และค่าดำเนินการต่างๆ ของทางแบงค์ด้วยนี่คะ กลัวตรงนี้แหละค่ะ คุณnoo_pizza  คุณfaad (Faad64) ขอบคุณนะคะ และอีกท่านคุณBlubber ขอบคุณที่มาแชร์ข้อมูลให้ค่ะ จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 13:06:34

ความคิดเห็นที่ 82   ถ้าจะสู้จริงๆ กว่าเราจะแพ้คดีจนถึงขั้นจ่ายค่าธรรมเนียม อะไรๆก็ไม่ต่ำกว่า 4 ปีครับ (ถึงตอนนั้นเราจะไม่ดีขึ้นเลยรึ?) ไม่ต้องกลัวการเป็นคดีความที่ศาลจนเกินไปครับ.... ใจเย็นๆ คิดช้าๆ อย่างน้อยก็มีคนคอยซื้อให้แล้ว...อย่าเครียดมากครับ นี่ดีกว่าเคสของผมเยอะ....ถ้ามันเลยเถิดไปมากกว่านี้จริงๆ มาโพสต์ในนี้ดูอีกทีครับ จากคุณ : สู้พาลให้ยับกับมือ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 13:59:54 A:110.164.54.26 X: TicketID:235270

ความคิดเห็นที่ 83   บ้านผมพึ่งผ่อนมาปีกว่าๆเองครับ เจอพิษเศรฐกิจเข้าไป จะผ่อนไม่ไหวแล้วครับ อย่างงี้จะทำไงได้ครับ กู้ร้อยเปอร์เซนต์ด้วยครับ เพิ่้งตัดต้นไปนิดเดียวเอง ธนาคารธนชาติ ราคาบ้านหกล้านครับ ผ่อนสี่หมื่นกว่าๆ ช่วยด้วยครับ จากคุณ : ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 01:45:56 A:125.24.39.123 X: TicketID:236446