ความคิดเห็นที่ 1 หลังจากดูแบบ ฐานราก และเสาแล้ว เราก็จะมาดูในรายละเอียดว่า ฐานรากต้นนี้ มีรายละเอียดอะไรบ้าง จะขอยกตัวอย่าง F3 ซึ่งใช้อยู่เยอะพอสมควร จากรูปสี่เหลี่ยมบน เป็นการมอง Top View แสดงว่า ฐานรากต้นนี้ จะต้องมีขนาด กว้างXยาว = 1.5X1.5 เมตร จากนั้นก็มามองภาพหน้าตัดด้านข้าง ตอม่อนี้จะต้องลึก 1 เมตร (-1) โดยวัดจากระดับอ้างอิง หลุมนี้จะต้อง เททรายหยาบ หนา 5 ซม. หลังจากนั้นต้องเทคอนกรีตหยาบรองพื้น หรือที่ช่างเรียกว่า เทลีน หนา 5 ซม. เช่นกัน ตรง 11-DB12 หมายความว่า DB12 หมายถึงเหล็กข้ออ้อยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 mm 11 หมายถึง ใช้จำนวน 11 เส้น สังเกตุได้จากจุดดำๆ จะนับได้ 11 เส้นพอดี ส่วน 1-RB9 หมายถึง รัดเหล็กข้ออ้อย ด้วยเหล็กเส้น 9mm. ข้างบน จำนวน 1 เส้น จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:06:42

ความคิดเห็นที่ 2 มาดูของจริงกันเลย..... แต่นับอาจไม่ได้ 11 นะเพราะคนละเสาและก็ไม่ได้เทลีนด้วย เพราะก้นหลุมฝังไม้มงคลไว้ แล้วก็ก้นหลุม เป็นดินทรายอยู่แล้ว จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:08:37

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากเทปูน จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:10:41

ความคิดเห็นที่ 4 ทีนี้ก็มาดูแบบเสากัน รหัส C2 จะมี สองแบบ ที่เขียนอยู่ข้างล่าง จากเสา C2 รูปล่าง แสดงแบบเสา จาก ฐานราก -พื้นชั้นล่าง เสานี้จะมีขนาดกว้างยาว 20X20 ซม. 10-DB12 หมายความว่า เสาจาก ฐานราก -พื้นชั้นล่าง ใช้เหล็ก ข้ออ้อย ขนาด 12 มม. จำนวน 10 เส้น (สังเกตุจากจุดดำๆ ) ป-RB6@0.15 ป หมายถึงปลอกรัดเหล็กข้ออ้อย RB6 หมายถึงเหล็กเส้น ขนาด 6 มม. ซึ่งขนาดเหล็กเส้นของปลอก นี้ก็มีหลายขนาดตามแต่ขนาดของเสา บางเสาก็ 9 มม. ส่วน @0.15 ปลอกรัดเสา แต่ละปลอกต้องห่างกัน 15 ซม. ส่วน เสา C2 รูปบนก็จะแสดงแบบเสา จาก พื้นชั้นล่าง ถึงหลังคา วิธีการดูก็เหมือนกัน จะเห็นว่า จำนวนเหล้กเส้นจะลดลงเหลือแค่ 4 เส้น แล้ว จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:11:28

ความคิดเห็นที่ 5 นี้ก็มาดูแบบคานกัน คาน แต่ละแนวจะรับน้ำหนักไม่เท่ากัน จึงมีโครงสร้างไม่เหมือนกัน คานจะใช้ ว่า B1,B2,B3 B=Beam ถ้าดูจากแปลนคาน ทุกแนวคานจะกำหนด รหัสคานบอกไว้ ตามด้วยตัวเลขในวงเล็บ (+0.50) หมายถึงส่วนบนสุดของคานจะสูงจากระดับอ้างอิง 50 ซม. จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:14:23

ความคิดเห็นที่ 6 ทีนี้ก็มาดูรายละเอียดคานกัน คานบางอันรายละเอียดตลอดแนวจะแบบเดียวกันตลอดก็จะดูง่ายหน่อย แต่รูปข้างล่างนี้ เป็นรายละเอียดของ คาน B19 ซึ่งจะมี 2 แบบ สำหรับวิธีการดูเหล็กที่ใช้ก็ใช้หลักการเดียวกันกับ แบบเสา จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:15:48

ความคิดเห็นที่ 7 มาดูรูปจริงกันเลย จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:16:49

ความคิดเห็นที่ 8 หมดแล้วค่ะ ผิดถูกยังไงแนะนำได้ค่ะ เพราะบ้านกำลังสร้างอยู่จะได้เอาไปใช้งาน สำหรับรายละเอียดการสร้างบ้านเรา ดูได้จาก BLOG ค่ะ จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:19:03

ความคิดเห็นที่ 9 คห๒ ปล่อยให้เหล็กฐานรากด้านมุมตรงข้าม ติดกับดิน เหล็กฐานราก จะต้องมีคอนกรีตหุ้ม ๕ ซม.ทั้งด้านล่าง และด้านข้าง (ตามแบบแสดงระยะด้านล่าง ไม่แสดงระยะด้านข้าง) ป้องกันไม่ให้เหล็กเสริมเป็นสนิมเนื่องจากความชื้นในดิน และการไม่เทลีน จะทำให้คอนกรีตปนเปื้อนกับดินทรายได้ ควรตอกไม่มงคล แล้วปรับเทลีนให้สูงเสมอไม้มงคล ขอบฐานราก ควรมีไม้แบบด้านข้าง ไม่ควรใช้ดินเป็นแบบหล่อ นอกจากนี้ การหนุนเหล็ก ดูรูปไม่ชัด ว่าใช้ไม้หนุนหรือเปล่า ควรใช้ก้อนปูนทรายที่ใช้ปูนตราช้างผสม 1:2.5 หนา 5 ซม. ตามแบบ หนุนเหล็ก แต่การไม่เทลีน ก็จะทำให้ก้อนปูนจมทราย ระยะหุ้มเหล็กจะไม่ได้ตามแบบ จากคุณ : KittySP เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:38:14

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณค่ะ แต่ของเราคงแก้ไม่ทันแล้ว คงต้องให้เป็นบทเรียนกับคนอื่น จากคุณ : พันวสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:47:48

ความคิดเห็นที่ 11 เก็บความรู้ไปแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : durian to go เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 16:37:22

ความคิดเห็นที่ 12 ใช้พลาสติกแทนลีนก็น่าจะแทนได้... จากคุณ : tudtui64 เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:43:33

ความคิดเห็นที่ 13 #12 แทนไม่ได้ครับ จากคุณ : สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 20:47:04

ความคิดเห็นที่ 14 ตอม่อ คือ เสาที่อยู่เหนือฐานราก และอยู่ใต้พื้นชั้นล่างสุดครับ จากคุณ : สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 20:53:07

ความคิดเห็นที่ 15 ใน คห#1 จขกท.อ่านแบบได้ถูกต้องแล้วว่า... "....ตอม่อนี้จะต้องลึก 1 เมตร (-1) โดยวัดจากระดับอ้างอิง หลุมนี้จะต้อง เททรายหยาบ หนา 5 ซม. หลังจากนั้นต้องเทคอนกรีตหยาบรองพื้น หรือที่ช่างเรียกว่า เทลีน หนา 5 ซม. เช่นกัน" แต่รูปใน คห#2 ไม่ได้ทำตามที่ได้อ่านจากแบบใน คห#1 เลยครับ..จริงๆมันซีเรียสนะนั่น รูปตาม คห#7 ถ้าเข้าแบบท้องคานไม่ได้ ก็ควรเทคอนกรีตลีนเป็นท้องคานแทนนะครับ และที่สำคัญต้องหนุนลูกปูนที่เหล็กล่างคาน และหนุนลูกปูนกับเหล็กปลอกที่ข้างคานด้วยครับ ถ้า จขกท อ่านแล้วไม่สบายใจต้องขอโทษด้วยครับ แต่จากรูปที่เห็น  คุณภาพงานค่อนข้างต้องแก้ไขปรับปรุงเยอะเลยครับ จากคุณ : สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 21:11:20

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ความรู้มากครับ จะเข้ามาอ่านอีกนะ จากคุณ : ASA by BBS เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 21:37:17

ความคิดเห็นที่ 17 แบบนี้ออกโดยวิศวกรหรือเปล่าครับ ออกแบบไม่ประหยัดเลย คานมี Point Load ลงตั้ง 2 จุด ยังใช้คานเบอร์เดียวกับคานช่วงสั้น เหล็กเสา C3 ตึก 5 ชั้นยังรับได้เลยครับ แต่ฐานรากจะฉีกหรือทรุดซะก่อน คายเสริมเหล็กซะเยอะ แต่คิด Shear รึเปล่า จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 02:01:53

ความคิดเห็นที่ 18   คห.7 อ่ะค่ะ คุณเทคานไปรึยังคะ ตีไม้ล็อคคานเพิ่มรึปล่าว ระวังคานแบะนะ แล้วก็ให้ช่างจับระดับดีๆ เทปูนไม่เสมอ แล้ววางแผ่นพื้นมันจะไม่เรียบค่ะ จากคุณ : beach cabin เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 02:58:13

ความคิดเห็นที่ 19 ขออนุญาตแนะนำเพื่อนสมาชิกเรื่องเหล็กเสริมเสา ตัวอย่างจากรูปตัดเสาใน คห๔ รูปล่างขวา มีเหล็กยืนจำนวนมาก (ผู้ออกแบบอาจมีวัตถุประสงค์อื่น) ทั่วไป หน้าตัดเสาที่มีเหล็กยืนจำนวนมาก (ข้อกำหนดไม่เกินร้อยละแปด) ควรมีเหล็กปลอกเสาจำนวนสมดุลกัน ปกติควรจะมีเหล็กปลอกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพิ่มอีกสองตัว ผูกเป็นกากะบาทอยู่ภายในเหล็กปลอกสี่เหลี่ยมจตุรัส เพื่อให้มุมของเหล็กปลอกช่วยยึดเหล็กยืนให้อยู่ตรงตำแหน่งไม่เป๋ไปมา ขนาดและระยะห่างของเหล็กปลอกตามข้อกำหนด วัตถประสงค์คือ เมื่อเหล็กยืนเสาต้องรับแรงทางดิ่งมากๆ เหล็กปลอกต้องมีจำนวนเพียงพอที่จะยึดเหล็กยืนให้อยู่ในตำแหน่ง เหล็กยืนจะได้ไม่ดุ้งงอออกทางข้าง ซึ่งจะดันคอนกรีตเสาให้แตกออก กรณีนี้ ผู้ออกแบบอาจมีเหตุผลอื่น จขกท ควรระวังให้ผู้รับเหมาดูเรื่องเหล็กยืนเสาที่มีจำนวนมาก จะผูกวางเหล็กคานลำบาก แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 08:54:57 จากคุณ : KittySP เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 08:53:18

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าดินแข็ง และรองลูกปูนให้สูงกว่าปกติ ไม่เท lean ได้ไหมครับ จากคุณ : tiger hello เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 15:10:18

ความคิดเห็นที่ 21 ในการออกแบบอาคาร ดสล. ระยะคอนกรีตที่หุ้มเหล็กจำเป็นต้องใช้ทั้ง 2 ด้าน คือ คอนกรีตต้องมีความหนาพอที่จะหุ้มเหล็กดพื่อป้องกันความชื้นและออกซิเจนมาทำให้เหล็กเป็นสนิม ความหนานี้เรียกว่า Covering ส่วนความหนาอีกส่วนนึงมักเรียกว่า ความลึกประสิทธิผล (Effective Depth) ความหนานี้จะเป็นระยะจากเหล็กเสริมมาจนถึงผิวคอนกรีตด้านที่รับแรงอัด ซึ่งหากระยะนี้มีค่ามากกว่า ความลึกคานลบด้วย Covering ละก็ เหล็กเสริมในองค์อาคารนั้นจะต้องช่วยรับแรงอัดบางส่วนด้วย สำหรับการหนุนให้เหล็กเสริมอยู่สูงกว่าระยะที่กำหนดทาง Covering ก็ต้องเพิ่มความหนาของคอนกรีตทางด้านบน เพื่อให้ความหนาของคอนกรีตด้านนี้ได้ตามที่ระบุ เพราะค่าความหนาทางนี้จะเป็นตัวที่ใช้ในการคำนวณขนาดของเหล็กเสริม ซึ่งในรูป คคห.6 กับ คคห.7 จะเห็นเหล็กเสริมพิเศษ 2 เส้นที่อยู่ใต้เหล็กบน อยู่ต่ำลงมา ซึ่งควรอยู่ต่ำเป็นระยะไม่เกิน 1.5 เท่าของขนาดหินที่ใช้ผสมคอนกรีต การอยู่ต่ำลงมามากๆ จะทำให้ช่วยรับแรงดึงในคานได้น้อย (รูปใน คคห. 7 ลงมาประมาณ 1 ใน 3 ความลึกคาน) แต่ที่ไม่ท้วงเพราะดูๆ แล้ว แบบนี้ Over Design ค่อนข้างมาก จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 16:45:02