|
ความคิดเห็นที่ 25 |
|
ขอเป็น กำลังใจให้ครับ ส่วนความคิดเห็นส่วนตัวของผม เรื่อง ต่อเติมอาคารล้ำเขตพื้นที่ เข้ามาที่ ของเรา ,ไม่มีรางน้ำ น้ำไหลเข้ามาในเขตบ้านเรา การรวมถึงการใช้รั้วที่ใช้ร่วมกัน เป็นที่รับน้ำหนักอาคารนั้น ถื่อว่าเข้าข่ายผิด พรบ.ควบคุมอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้มีการขออนุญาตต่อเติมอาคาร
การต่อเติม เพิ่มลักษณะ ลด ขยายอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาต มีความผิดตามพรบ.ควบคุมอาคาร ม.22 และกม.ได้กำหนดโทษไว้ใน ม.65
ซึ่งมิใช่เป็นการก่อสร้างขึ้นก่อน พรบ.ควบคุมการก่อสร้างในเขตเพลิตไหม้ พ.ศ.2476 และพรบ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2475 ซึ่งสามารถก่อสร้างแก้ไขดัดแปลงต่อเติมอาคารได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
ทั้งนี้อาคารที่ต่อเติม ดัดแปลง แก้ไขนี้จะมีความผิดสำเร็จนับตั้งแต่ขณะต่อเติมอาคารเสร็จ
ส่วนเรื่อง ระยะเวลาร้องเรียน และ โทษในเรื่องนี้ แบ่งได้เป็น โทษทางแพ่ง และโทษทางอาญา
ซึ่งสภาพบังคับทางแพ่ง คือ จพง.มีอำนาจสั่งให้ระงับการก่อสร้าง , ระงับการใช้อาคาร , รื้อถอนอาคารทั้งหมดหรือบางส่วน จนท.มีอำนาจนั้นตลอดอยู่เมื่อเห็นว่าการกระทำเป็นความผิด
แม้ตามกฎหมายจะมิได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ โดยปกติหากไม่ได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะจะให้ถือตามหลักกฎหมายจะให้นำปพพ.มาใช้บังคับ แต่ในกรณีนี้ไม่สามารถนำปพพ.ที่ว่าอายุความ 10 ปีมาใช้ได้ เนื่องจากว่ากฎหมายพรบ.ควบคุมอาคารนี้เป็นกฎหมายที่มีลักษณะเป็นกฎหมายปกครองอยู่ในตัว เป็นการที่รัฐเข้ามาแทรกแซงอำนาจของปชช.เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ส่วนปพพ. อายุความ 10 ปีนั้นเป็นกม.เอกชน-เอกชน หากนำปพพ.มาใช้จะถือว่าเป็นการปรับบทกฎหมายที่ผิด เนื่องจากศักดิ์ของกฎหมายต่างชั้นกัน
ถ้าเป็นกรณีที่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ ก็สั่งให้เจ้าของอาคารยื่นคำขออนุญาตหรือแก้ไขให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน
หรือถ้าเป็นกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ หรือเจ้าของอาคารไม่ยอมแก้ไขตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ก็จะถูกสั่งให้รื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมดหรือบางส่วน
ซึ่งแม้เจ้าของอาคารได้กระทำตามที่เจ้าพนักงานแนะนำแล้ว แต่โทษทางอาญาก็ยังมีอยู่ (ผู้กระทำผิดมีโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และยังต้องถูกโทษปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง)
ส่วนสภาพบังคับทางอาญา คือ จำคุกและปรับนั้น มีอายุความ 5 ปี
ซึ่งกรณีความผิดตามมาตรานี้จนท.มีอำนาจเปรียบเทียบคดีได้ โดย"คณะกรรมการเปรียบเทียบคดี" หากพนักงานสอบสวนพบว่ามีการกระทำความผิดตามที่สำนักงานเขตแจ้งความไว้ ถ้าเจ้าของอาคารยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ ก็ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีภายใน 7 วัน ถ้าคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีเห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรถูกฟ้องร้องหรือได้รับโทษถึงจำคุก ก็ให้กำหนดค่าปรับ ถ้าผู้ต้องหายินยอมให้ปรับและได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายใน 30 วัน ให้ถือว่าคดีเลิกกัน แต่ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้ปรับก็ให้ดำเนินคดีต่อไป
ซึ่งความผิดในเรื่องนี้ หากเจ้าของอาคารปฏิบัติตามคำสั่งของจพง.แล้ว คดีก็"มักจะ"จบลงในส่วนแพ่งและการเปรียบเทียบคดี เพราะจพง.มิได้ต้องการให้เจ้าของอาคารต้องติดคุกติดตาราง แต่ในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจพง.จำต้องฟ้องคดีต่อศาล เรื่องนี้ก็ต้องสู้กันในทางศาลต่อไป
ลอง ถ่ายสำเนา ไปให้ คนที่เดือนร้อนรอบบ้านเขา สิ ครับ เพื่อจะได้รวมตัวกันหาทางแก้ที่ ถูกต้องตามหลักกฎหมาย
จากคุณ |
:
ผู้ใหญ่ ช่วย
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ก.ย. 52 18:14:48
|
|
|
|
|