ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าไม่มีใบเสร็จคงยากนิดนึงค่ะ หรือไม่ถ้าตอนซื้อรูดบัตรเครดิตไป ลองไปค้นๆดูว่ายังเก็บ slip หรือว่า statement อยู่รึเปล่าคะ แล้วก็เอาไปถามเค้าใหม่ค่ะ แต่ว่าถ้าหลายปีผ่านไป records ต่างๆไม่น่าจะเหลืออยู่แล้วอ่ะค่ะ เมื่อก่อนตู้เราก็เคยขึ้นรานะ เราใช้ Alcohol เช็ดทั้งตู้ แล้วก็เอากล่องดูดความชื้นวางในตู้อ้ะค่ะ มันก็หายไปนะคะ จากคุณ : หมูแหนม เขียนเมื่อ : 23 ต.ค. 52 14:01:45

ความคิดเห็นที่ 2 ของเราเป็น koncept ก็ขึ้นราเหมือนกัน เปลี่ยนหรือคืนได้หรือคะ ของเรามีเอกสารครบ จากคุณ : saijaik เขียนเมื่อ : 23 ต.ค. 52 19:08:21

ความคิดเห็นที่ 3   ถ้ามีห้องน้ำ ในห้องนอน ตู้มักมีราขึ้น จากคุณ : อืมมม เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:50:30 A:124.121.58.248 X: TicketID:136377

ความคิดเห็นที่ 4   ไม่เชิงหรอกค่ะ เข้าใจว่าคงหมดอายุ เพราะตู้ติดกัน เป้นตู้ built-in ที่ใช้ mdf ทำ ราไม่ขึ้นเลย และ แสงส่องถึงตู้เสื้อผ้ามากกว่าด้วย ห้องก็ลม flow มาก เข้าใจว่าช่วงปีนี้ อากาสชื้นมากและเสื้อผ้าเยอะมาก ตู้เลยดูดความชื้นไว้เยอะ และเท่าที่ดูใช้ไม้ปาร์ ค่ะ เลยทนน้อยกว่า แต่ราคา อืม แพงกว่าตู้ built-in อีก ว่าจะรื้อตู้ทิ้ง เก็น FITTING ไว้ แล้วทำใหม่เป้นตู้ built-in ดีกว่า ทนอะค่ะ เพราะใช้วัสดุที่เราเลือกเอง อิอิ.....เข็ดกับตู้ สำเร็จละอะ สี่หมื่นกว่าบาท 2.40 m ใช้ได้ไม่ทนเหมือนที่บ้านเอง.... คิดแค่ติดตั้งง่ายก้เงี่ย จากคุณ : PARRY เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 13:41:09

ความคิดเห็นที่ 5 เรียน คุณ PARRY  และ saijaik พร้อม ๆ กันเลยนะครับ กรณีสินค้าขึ้นรานั้น คุณ PARRY และ คุณ saijaik สามารถติดต่อมาที่ ฝ่ายบริการหลังการขาย เพื่อที่ทีมงานจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาต่อไปครับ หรือเพียงแค่ แจ้ง ชื่อ - สกุล ที่ใช้ เปิดบิล หลังไมค์มาที่นาย SKY ได้ครับ (หากใบเสร็จรับเงินสูญหาย) หรือหากท่านใดต้องการที่จะแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองก่อน นาย SKY มีวิธีการจัดการง่ายๆ มาแนะนำดังนี้ครับ 1. จัดเตรียมอุปกรณ์    - ถุงดำ หนังยาง (ไว้รัดปากถุง)    - กระดาษทิชชู่ (เยอะๆ หน่อยนะครับ)    - เอธิล แอลกอฮอล (Alcohol 70%) สีฟ้า ๆ มีขายตามร้านขายยา    - กระบอกฉีดน้ำ 2. คลุมผ้า ปกปิดส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อย 3. เปิด ประตู หน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเทได้ดี 4. นำเสื้อผ้าข้าวของออกจากตู้ให้หมดเพื่อนำไปซักใหม่ครับ และหลีกเลี่ยง    การนำเสื้อผ้าที่ยังไม่แห้งสนิทดีเข้าไปเก็บในตู้ 5. นำ เอธิล แอลกอฮอล ใส่กระบอกฉีด แล้วฉีดไปที่เชื้อรา หลังฉีดแล้ว    รีบใช้กระดาษทิชชู่ที่เตรียมไว้ เช็ดออกทันที ห้ามทิ้งไว้ เพราะตู้จะบวม    วิธีการเช็ด ห้ามช็ดแบบถูไปถูมา ให้เช็ดแบบปื้ดเดียว แล้วทิ้งลงถุงดำ    อาจจะเปลืองนิดหน่อยแต่วิธีการนี้จะทำให้ เชื้อราไม่ฟุ้งกระจายครับ    ระยะเวลาการเช็ดคือ หลังจากเช็ดปื้ดลงไปแล้ว ทิ้งไว้ 30 วินาที แล้ว    ค่อยทำใหม่ เพื่อให้แอลกอฮอล ระเหยไปก่อนเพื่อป้องกันตู้บวม 6. ทำซ้ำได้จนกว่า เชื้อราจะหมด 7. ข้อระวัง คือ ห้ามใช้ผ้าแห้ง หรือ ทิชชู่แห้ง สัมผัสกับรา เพราะจะทำให้    เชื้อรายิ่งฟุ้งกระจายออกไปอีก และ ห้ามนำ ผ้า หรือ ทิชชู่ ที่ใช้เช็ดรา    กลับมาใช้อีก 8. หลังจากเช็ดสะอาดดีแล้ว ให้มัดปากถุง และ ทำลายด้วยการเผาทำลาย   หรือ หากไม่สะดวกที่จะเผา ต้องไม่ทิ้งขยะไว้ในบ้าน เพราะเชื้อราจะยังอยู่ 9. หลังจากจัดการในตู้หมดแล้ว ให้ฉีดแอลกอฮอล ไปในอากาศ (เหมือน   ฉีดยากันยุง) เพื่อให้แอลกอฮอลไปจับเชื้อราที่ยังมีอยู่ในอากาศให้ตกลง   บนพื้น หลังจากนั้น ให้รีบทำความสะอาดด้วยการเช็ดถูพื้นด้วยน้ำยาฆ่า   เชื้อโรค เพื่อเก็บงานเป็นครั้งสุดท้าย 10. ปล่อยให้ห้องระบายอากาศประมาณ 15-30 นาที แล้วจึงปิดตามปกติ    ถ้าเป็นไปได้ควรเปิดให้ห้องระบายอากาศอยู่เสมอ 11. กรณี ทำครั้งแรกไม่หาย ให้ทำต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะดีขึ้น แต่ทั้งนี้ ก็ต้อง    ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศภายในบ้าน หรือ ในห้องว่ามีความชื้นมากน้อยแค่    ไหน หากชื้นมาก เชื้อราก็มีโอกาสกลับมาอีก สาเหตุที่ทำให้เกิดราคือ โดยปรกติ แล้วเชื้อรามีอยู่ทุกหนทุกแห่งในอากาศ แต่จะสามารถเจริญเติบโตได้ดี ในที่ที่มีความอับชื้น สูง ดังนั้น เพื่อเป็นการ แก้ไขปัญหา ระยะยาว ควรระบายอากาศในบ้านอยู่อย่างสม่ำเสมอ จากคุณ : S.B. FURNITURE (SB_CustomerService) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 09:34:58

ความคิดเห็นที่ 6   มีประโยชน์มากเลยค่ะ จากคุณ : to_am เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 14:49:01