PANTIP.COM : R8491446 รบกวนผู้รู้อีกครั้งค่ะ เรื่องโครงสร้าง +ต่อเติม และ ห้องน้ำ plsssssssss [เฟอร์นิเจอร์-ตกแต่ง]

ความคิดเห็นที่ 11

หากเป็นงานเเก้ไขพื้นที่เดิมทําห้องน้ำเพิ่มเตืมคามอาคารบ้านพักทั่วๆไป

โจทย์คุณคือ

- พื้นเป็นเเบบคอนกรีตหล่อกับที่

- ห้องน้ำที่จะทําใหม่เป็นเเบบทั่วๆไป ไม่มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่

- ท่อน้ำดี เเละ ท่อน้ำเสีย เเละ ท่อส้วม มีอยู่เเล้ว( เพราะท่อทั้งหมดเดินไปใช้งานห้องน้ำชั้น 4 ( ถ้าคาดไม่ผืดบ้านคุณเป็นตึกเเถวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เเละ มีฃั้นลอยเเน่ๆ )

คําเเนะนํา

1. งานของคุณเนื่องจากพื้นเป็นเเบบหล่อกับที่ การเจาะท่อน้ำทิ้ง,ท่อประปา เเละ ท่อส้วม เพื่อเดินไปบรรจบกับท่อเมนเดิม ใข้การเจาะสกัดด้วยสกัดไฟฟ้าขนาดเล็ก-กลาง เเละ สว่านเจาะกระเเทกเเบบ โรคารี่ขนาดใหญ่ก็เหลือๆเเล้วครับ ( ในส่วนท่อ 4 นิ้ว อย่าลืมกรีดตัดส่วนที่จะเจาะด้วยใบตัดเพชรด้วยหินเจียรไฟฟ้า )เพราะท่อใหญสุดก็คือท่อส้วม PVC ขนาด 4 นิ้ว ( 114 ม.ม. ) ท่อน้ำทิ้งจากอ่างล้างหน้า เเละ จุดท่อน้ำทิ้งจุดอาบน้ำ ขนาดโต 1 1/2 นิ้ว-2 นิ้ว ท่อประปาก้โตขนาดเเค่ 1 นิ้วกว่าๆเอง

งานพวกนี้ไม่จําเป็นต้องใช้การเจาะคอร์ริ่ง ให้เปลืองเงินครับ งานเจาะคอร์ริ่งมันเหมาะกับงานเเก้ไขพวกงานพิเศษๆ หากเป็นพวกงานเดินท่อประปา,ท่อไฟฟ้า ลท่อน้ำทิ้ง-ท่อส้วม,ช่องชาร์ป หากงานจํานวนไม่เยอะ สกัดไม่ยาก เเละ ไม่เเคร์เรื่องเสียงดังจากการสกัด จ้างมาไม่คุ้มครับ( ขั้นต่ำก็ล่อไป 3,500 บาท เเล้วครับ )

ข้อดีของการเจาะคอร์ริ่งตือ เจาะรูได้เร็ว เเละ เงียบ ( เเบบว่าข้างบ้านจอมวุ่นวายใจเเคบยังไม่รู้เลยว่าบ้านนี้เค้าเจาะรุท่อผ่านพื้นอาคารไปเเล้วเป้นสิบจุด ) ข้อด้อยก็มีคือ มันเลอะเทอะจากน้ำที่ต้องเลี้ยงดอกเจาะใบเพชร เเละ มีราคาเเพง

2. การก่อกําเเพงผนังห้องน้ำไม่มีผลเท่าไรครับ ถ้าไม่มั่นใจก็ให้ช่างทําคานเหล็กพวก I BEAM ขนาด??? ( ไม่มีเวลาประเมิณให้...ง่วงนอนเเล้ว )+ เเผ่นเพลทหนา 8 ม.ม. ยึดพุ๊กเหล็ก 5/8 นิ้ว ฝั่งละ 4 ตัวที่คานใต้พื้นชั้น 3 ไปครับ จริงๆถึงเเม้จะก่อเป็นผนังอิฐมอญ 2 ชั้น ( เดินท่อประปา เเละ ท่อน้ำทิ้ง 1นิ้วครึ่ง ฝังในผนัง เช่น จุดโถฉี่ชาย( ถ้ามี ) ผมเฉยๆนะ เป็นผมไม่ทําคานเหล้กให้วุ่นวายครับ( ความคิดเห็นส่วนตัว ป

3. ท่อประปา เเละ ท่อน้ำทิ้ง กับ ท่อส้วม ที่จะต้องตัดต่อบรรจบกับท่อเดิม โดยเฉพาะท่อน้ำทิ้ง เเละ ท่อส้วม คุณจะต้องให้ช่างที่มาทําดูว่า เป็นท่อเเบบไหน ท่อกระเบื้องปุน หรือ ท่อเหล้ก หรือ เก่าสุดเเต่ดีโคดๆคือ ท่อเหล็กหล่อ ดูว่าสมารถตัดต่อบรรจบได้มั้ย หรือ ด้วยความเก่าจะต้องรื้อเปลี่ยนใหม่ตั้งเเต่ชั้น 3 ที่จะทําห้องน้ำใหม่,ห้องน้ำชั้น 2 โดยรื้อตัดต่อบรรจบท่อใหม่ ( PVC ชั้น 8.5 )อาจจะทํางานง่ายกว่า

การเดินท่อน้ำทิ้ง,ท่อส้วม ในห้องน้ำชั้น 3 อันใหม่ เราจะต้องเดินอยูใต้พื้นชั้น 3 หรือ บนฝ้าเพดานชั้น 2 การลาดเทของท่อส้วมควรมีอย่างน้อย 5 องศา ชันมากไปก็ไม่ดี,ชั้นน้อยไปก็ไม่ถูกต้อง.....อย่าลืมเรื่องจุดท่อ
อากาศ ในท่อส้วม เเละ ท่อน้ำทิ้ง ขนาดไม่น้อยกว่า 1 นิ้ว

ตําเเหน่งท่อน้ำทิ้ง,ท่อส้วมของจุดชักโครก ควรกําหนดจุดให้ชัดเจน โดยเผื่อความหนาของกระเบื้องผนังที่ปูผนังห้องน้ำ จุดก็อกน้ำต่างๆก็ต้องกําหนดจุด ให้เข้ากับความสูงของพื้น ที่จะต้องมีการลาดเทเล็กน้อย เเละ ตดลงร่วมกันในบ้านเเล้วว่าไม่มีการเเก้ไขเปลี่ยนเเปลงจุดชักโครก,จุดอ่างล้างหน้า เเละ จุดท่อน้ำทิ้งของจุดฝักบัวอาบน้ำ เพราะมันมีผลต่อจุดท่อเดรนฯน้ำครับ การเเขวนท่อ เเละ ยึดซัพพอร์ทท่อในจุดต่างๆ ต้องเเข็งเเรง เเละ ควรคํานึงการเซอร์วิสในงานท่อ เช่นมีจุด พี-เเพรฟ เเละ ท่อสั้นฝาปิดเกลียว ที่ปลายท่อในจุดท่อน้ำทิ้ง,ท่อส้วม ก็จะดีมากครับ

4. ในงานเดินท่อประปา ในจุดห้องน้ำคุหากท่อเมนบ้านคุณเป็นขนาดท่อ 1 นิ้ว ก็ควรเดินท่อประปาทั้งหมดในห้องน้ำเป็นขนาด 3/4 นิ้ว หรือ ท่อเมนประปาเป็นขนาดท่อ 3/4 น้ว ก็เดินท่อประปาใหม่เท่ากับท่อเมนประปาบ้านคุณ ทุกจุดในห้องน้ำ หากอยากจะใช้ก้อกน้ำเป็นขนาดเกลียว 1/2 นิ้ว ก็หาซื้อลดเหลี่ยม พีอี สีดํา( PE )3/4>1/2 นิ้ว มาต่อใส่ไครับ ท่อประปาทุกจุดต้องควรเป็นท่อประปา ชั้นความหนา 13.5 เท่านั้น,จุดก็อกน้ำทุกจุดเป็นข้อต่อเกลียวในพีวีซี เกลียวเป็นเเบบ ทองเหลือง เท่านั้น

ในระดับพื้นส่วนเเห้ง ส่วนเปียก ผมเเนะนําให้พื้นมีการยกระดับต่างกันเล็กน้อย ( 3.5 เซนติเมตร ) เพื่อตัดปัญหาน้ที่คุณอาบฝจากจุดฝักบัว ไหลเอ่อย้อนขึ้นไปหาส่วนเเห้ง เเละ สะดวดในการทําความสะอาดห้องน้ำ

5. หมวดไฟฟ้า ทุกจุดของเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องควรมีสายกราวน์ ( ขนาดไม่น้อยกว่า 2.5-4.0 ตารางมิลลิเมตร ) ในจุดปลั๊กไฟที่อาจมีเดินไว้ที่เคาน์เตอร์เเละ จุดเครื่องทําน้ำอุ่น อย่าลืมในจุดพัดลมดูดอากาศ (ถ้ามี ) เดินสวิทช์ไฟใช้ร่วมกับโคมไฟโปะห้องน้ำ จะได้ไม่ลืมปิด ให้เปลืองไฟไม่จัเป็น

6.การเทพื้นคอนกรีต เเละ เทหล่อปิดช่วงท่อส้วม,ท่อน้ำทิ้ง,ท่อประปา ควรเทคอนกรีตที่ผสมน้ำยากันซึม หน้พื้นปุนเก่าควรที่จะสกัดทําหน้าลาย เเละ ใช้พวกน้ำยาเคมีงานก่อสร้างทาพื้นปูนเก่าก่อนที่เทปุนใหม่เพื่อปรับระดับพื้น

การก่อผนังปูกระเบื้อง คุณตวรกําหนดให้ก่อกําเเพงปั้นฉาบให้ห้องได้มุมฉาก เเละ ตวามกว้างของห้องควรลงตัวกับขนาดกระเบื้อง จะได้ไม่เสียเศษ เวลาปูผนังกระเบื้อง เเละ มีการใส่บล็อคเเก้ว หรือ มีช่องหน้าต่างบานเกล้ดหรือไม่???? เพื่อให้เเสงเเดดเข้ามาในห้องน้ำ เพื่อให้ถูกหลักความสะอาดอนามัย เเละ ป้องกันไม่ให้ห้องน้ำมีความชื้นมากเกินไปจนมีการขึ้นของราตามขอบกระจก,ผ้าม่านอาบน้ำ( ถ้ามี )

ชนิดของกระเบื้องควรเน้นในเรื่อง จะต้องไม่ลื่นจนเกินไป เเละ ไม่ดักเก็บคราบสกปรกง่ายเกินไป

จริงๆยังมีอีกเยอะเเต่ขอเเค่นี้ก่อน ช่วงนี้งานตรึมวิ่งรอกไปหลายจังหวัดรอบๆกรุงเทพ

สุดท้ายอยากจะบอกว่า งานของคุณไม่จําเป็นต้องใช้การเจาะคอร์ริ่งเลยนะครับ มันเหมาะกับงานก่อสร้างพิเศษเช่น เคสปัญหาเร็วๆนี้บ้านเป็นผนังคอนกรีตหล่อ จะเจาะช่องท่อดูดควันที่โตกว่า 6 นิ้ว ส่วนครัวก็น่าทําการตกเเต่งเเล้วจึงเเนะนําเป็นทางเลือกไป ( เราไม่รุ้ว่าคนที่ใช้เงินเค้าเหลือๆเเค่ไหน รู้อะไรก็เเนะนําไป )

รูปที่เเนบก็เป็นการเจาะคอร์ริ่ง ท่อส้วม อาคารหลังหนึ่งที่เเก้ไขย้ายจุดห้องน้ำทุกขั้นใหม่ทั้งหมด อย่างนี้เรียกมาเจาะคุ้มครับเเต่ถ้าจุดเดียวอย่างบ้านคุณไม่คุ้มครับ
แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 23:19:04

จากคุณ : pinhead2000

เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 23:11:00

ความคิดเห็นที่ 22

1. โดยทั่วไปแล้ว การออกแบบพื้นโดยวิศวกรจะกำหนดน้ำหนักบรรทุกที่ 200 กก./ตร.ม. ในลัษณะแผ่เต็มพื้นที่ ซึ่งหมายถึงว่าทุกๆ ตารางเมตรมีน้ำหนักบรรทุกขนาด 200 กก. วางอยู่ ซึ่งหากเป็นพื้นห้องทั่วไป น้ำหนักบรรทุกที่ว่านี่ก็คือ น้ำหนัก ตู้ เตียง ตั่งโต๊ะ เก้าอี้ หรืออะไรที่เคลื่อนย้านเอามาวางหลังสร้างเสร็จ แม้แต่คนที่เดินไป มา หรือกระโดดโลดเต้นบนแผ่นพื้นนี้

แต่กับห้องน้ำ คงไม่ได้มีอะไรไปวางให้มันหนักมาก หรือไม่มีคนไปยืนออ รอหน้าห้องน้ำเป็นสิบๆ คน เพื่อชมโถส้วมทองคำแบบที่ฮ่องกง ดังนั้นน้ำหนักบรรทุกจึงน่สจะลดลงได้มากพอควร

2. สำหรับผม เวลาคำนวณโครงสร้างอาคาร การถ่ายน้ำหนักของอาคาร จะเริ่มจากน้ำหนักบรรทุก ลงพื้น ซึ่งต้องออกแบบให้พื้นนี้รับน้ำหนักบรรทุกทั้งหมดให้ได้ก่อน จากนั้นจึงถ่ายน้ำหนักจากพื้นลงคาน และออกแบบคานให้รับน้ำหนักที่พื้นส่งมา รวมกับน้ำหนักที่วางบนคานในกรณ๊ที่มีซึ่งน้ำหนักส่วนที่ว่านี้ก็คือ ผนัง เสาฝาก หรือคานฝาก แล้วจึงออกแบบเสาให้รับน้ำหนักที่คานจะต้องถ่ายมาทั้งหมด

ดังนั้น หากผนังไม่อยู่เหนือแนวคาน มันก็คือน้ำหนักจรที่ลงสู่พื้นในลักษณะน้ำหนักลงเป็นจุด หรือ Point Load ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีรายละเอียดการเสริมเหล็ก แต่เมื่อทราบความหนาของพื้นโดยประมาณ ก็จะสามารถคำนวณย้อนกลับได้ว่า พื้นดังกล่าวนี้มีปริมาณเหล็กเสริมไม่น้อยกว่าเท่าไหร่ โดยหากให้ปลอดภัยสูงสุด Factor of Safety เอาเป็น 1 ไปเลย

3. และในการออกแบบ แม้จะคำนวณน้ำหนักจรเฉลี่ยเต็มพื้นที่ แต่ในการคำนวณโครงสร้างผู้ออกแบบจะใช้จุดที่มีหน่วยแรงสูงสุดมาพิจารณาเหล็กเสริมในคอนกรีต และมักจะใช้ปริมาณเหล็กนี้เป็นเกณฑ์ ซึ่งตำแหน่งที่ว่านี่ก็คือ ตรงกึ่งกลางแผ่นพื้น และขอบคาน ในหน่วยแรงดัดที่มีทิศทางตรงข้ามกัน กับอีกค่าหนึ่งเป็นหน่วยแรงเฉือนที่เอาไว้เปลี่ยนตำแหน่งเหล็กเสริมซึ่งหากใช้แนวความคิดที่ว่านี่ จุดอื่นที่ไม่ใช่ 3 จุดนี้ จะมีปริมาณเหล็กเสริมที่สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าที่กำหนด

ดังนั้น จากเหตุผลในข้อ 2 และ 3 ผมจึงไม่ตื่นเต้นตกในในเรื่องกำแพงไม่นั่งอยู่บนคาน เพราะหากคำนวณได้ว่าพื้นมันรับน้ำหนักกำแพงได้ ไม่ทะลุ ก็วางได้แล้ว หลังจากนั้นจึงไป Check คานฝากและคานหลักต่อไป

แต่มีสิ่งที่อยากให้ จขกท. ระมัดระวังคือ
1. ตำแหน่งของรูเจาะของท่อส้วม ซึ่งใหญ่พอสมควร คือ 4 นิ้ว และเจาะบริเวณขอบคาน ซึ่งเป็นจุดที่มีหน่วยแรงสูง เหล็กเยอะ เจาะไปรับรองเจอเหล็กแน่ๆ และการเจาะพื้นคอนกรีตเก่า มีโอกาสที่น้ำจะรั่วลงตามรอยเจาะได้ง่าย แม้ว่าจะใช้วัสดุอุดอย่างดี (แต่คนงานที่ทำใช้ไม่เป็น) ซึ่งปัญหาการรั่วลงชั้นล่างนี้เป็นคำถามยอดนิยมในห้องนี้ พอๆ กับหนอนปลอกในหว้ากอเลยนะครับ

เลยอยากลองให้พิจารณาว่าผนังด้านนอกของห้องน้ำนี้ด้านซ้ายมือของภาพเป็นห้องอักห้องหรือว่าเป็นผนังนอกอาคาร เพราะหากเป็นผนังนอกอาคารก็สามารถเจาะผนังและใช้โถส้วมแบบที่มีรูท่อด้านข้างทะลุผนังออกไป แล้วเดินท่อเกาะผนังลงไป ซึ่งจะทำงานง่ายและแก้ปัญหาได้หลายๆ อย่าง

2. โดยทั่วไป ห้องน้ำที่ออกแบบตามแบบอาคารเดิม มักจะมีพื้นห้องน้ำที่ต่ำกว่าพื้นทั่วไป และขอบของพื้นนี้จะเป็นคอนกรีตซึ่งมีความทึบน้ำมากกว่าปูนฉาบ แต่ห้องน้ำนี้มาทำทีหลัง ส่วนเปียกด้านหนึ่งติดกับผนังด้านข้าง ซึ่งน่าจะเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่น้ำที่ขังอยู้บริเวณพื้นจะซึมผ่านผนังนี้ไปได้

ดังนั้นส่วนนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำถาดอาบน้ำ และยาแนวส่วนผนังด้านข้างให้ดี เพื่อป้องกันการซึมในอนาคต

3. หาก จขกท. สนใจการวางคานเสริม ในรูป คคห.8 ซึ่งมีความคิดที่ดี ก็ควรจะพิจารณาใน 2 เรื่องคือ
3.1 ตำแหน่งการเสริมคานในคานเสริมรอง ในรูปแนวคานเหล็กที่วิ่งจากซ้ายไปขวา นำไปฝากบนคานนั้น ต้องคำนวณดูด้วยว่าคานนั้นรับได้หรือไม่ เพราะในกรณีพื้นหล่อในที่น้ำหนักที่พื้นถ่ายให้กับคานจะถ่ายไปตลอดแนวคาน แต่การเอาคานมาฝากนั้นจะทำให้คานต้องรับน้ำหนักเป็นจุด ซึ่งหากดันไปวางตรงกลางคานที่จะเกิดหน่วยแรงสูงสุด คานก็อาจจะร้าวและหักได้
หรืออย่างกรณีในรูป คานดังกล่าวเป็นแค่คานยึดเสา ซึ่งหากผมออกแบบก็จะออกแบบให้รับแค่น้ำหนักคานกับน้ำหนักผนังที่จะลงเผื่อไว้เท่านั้น การถ่ายเอาน้ำหนักจากพื้นบางส่วนมาลงจึงค่อนข้างอันตราย

3.2 ในคานหลักในรูป การเสริมคานอยู่ในบริเวณจุดที่คานรับแรงเฉือนมากที่สุด จุดนี้ต้องการหน้าตัดคอนกรีตมากที่สุด เพื่อต้านทานแรงเฉือน จึงไม่สมควร เจาะ ตัด หรือคว้านรู ให้พื้นที่หน้าตัดคอนกรีตหายไป แต่อาจทำรูได้ตอนเทคานโดยใส่ท่อเหล็กที่เรียกว่า Sleeve โดยคำนวณให้หน้าตัดของเหล็กรอบท่อสมมูลย์กับหน้าตัดคอนกรีตที่หายไป

ก็คงมีเท่านี้แหละครับ เทียนก็ใกล้หมดแล้ว เพราะเดี๋ยวก็คงมีท่านผู้เชี่ยวชาญมาแซวว่านั่งเทียนน่ะ

กรอบแนวความคิดที่ใช้ เพราะว่าเวลาผมออกแบบอาคาร อาคารผมชั้นบนมักใหญ่กว่าชั้นล่าง เพราะจะยื่นคานออกนอกเสา เพื่อไม่ต้องล้วงเหล็กลงเสาให้ทำงานยาก เมื่อยื่นไปแล้วก็ต้องใช้ประโยชน์จากมัน ผนังชั้นสองผมก็เลยมักอยู่นอกคานหลักที่วิ่งผ่านหัวเสา ซะเป็นส่วนใหญ่

จากคุณ : Waterman (LN106)

เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 22:07:44