ความคิดเห็นที่ 1 การใส่บาตรด้วยข้าวสวยที่ร้อนนั้นเป็นบาปค่ะ เนื่องจากบาตรพระนั้นเป็นโลหะ เมื่อใส่ข้าวร้อนๆลงไป พระท่านก็ต้องอุ้มบาตรที่มีความร้อนมาก ด้วยมือเปล่าๆ เดินเป็นระยะไกล ส่วนข้าวนั้นหุงไว้กลางคืน เช้าใส่บาตรก็ได้ค่ะ   อย่างแฟนของคุณก็เจตนาดี แต่วิธีการผิดค่ะ  ให้ดูที่ความเหมาะสมประกอบเจตนาค่ะ เพิ่มเติมเรื่องกรวดน้ำค่ะ เราจะเริ่มที่ อิมินา ปุญญะกัมเมนะ เลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 52 14:32:46 จากคุณ : jira_wik เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 14:31:23

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ อย่าพึ่งตีความว่าบาปไม่บาปเลยครับ(ตีความกันเองทั้งนั้น) ตอนผมบวช ก็ไม่ได้ถือบาตรเปลือยๆ มี....(ไม่รู้ว่าเรียกอะไร) ประคองบาตรและมีสายสะพายด้วย พระก็มีการพัฒนาเหมือนๆ กันครับ(เรื่องความเหมาะสม) จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 14:38:12

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ว่าข้าวใหม่ทุกครั้งหมายถึงเราไม่ควรกินก่อนพระค่ะ ถ้าหุงหม้อเดียวแล้วทั้งใส่บาตรด้วย กินเองด้วย ให้ตักส่วนทีจะใส่บาตรแยกออกมาไว้เลยค่ะ ถ้าคุณหุง 1 หมือ แล้วตั้งใจจะใส่บาตรอย่างเดียว ให้คุณตักแยกไว้เลยค่ะ ตักมาสำหรับใส่วันนี้ แล้วที่เหลือเก็บแช่เย้นไว้ก็ได้ ส่วนข้าวไม่ต้องร้อนมากค่ะ ทรมาณพระ ส่วนเรื่องกรวดน้ำ ใส่เสร้จกรวดทันที อานิสงค์มีเยอะ เพราะจิตใจเรายังอิ่มเอิบ เรียกว่าอิ่มบุญนั่นแหละค่ะ เมื่อจิตใจผ่องใส การอธิฐานก็จะมีพลัง แต่ถ้าคุรคิดว่า เมื่อเวลาคุณจะกรวดน้ำแล้วระลึกถึงบุญที่ทำไว้ แล้วจิตใจปลอดโปร่งได้ ก็จะกรวดน้ำเวลาไหนก็ได้ค่ะ ไม่ต้องขึ้นนะโมก็ได้ค่ะะ ขึ้นบทกรวดน้ำได้เลย จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 14:38:16

ความคิดเห็นที่ 4 คิดเผื่อนิดนึงด้วยว่า ข้าวที่ใส่นั้น พระต้องเก็บไว้ฉันมื้อต่อไปด้วย หากเป็นข้าวค้าง อาจจะบูดเสียก่อนได้ เราจึงเห็นด้วยว่าต้องหุงข้าวใหม่ใส่บาตรเสมอค่ะ จากคุณ : มนอุ๊งอิ๊ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 14:56:04

ความคิดเห็นที่ 5 แฟนคุณ ทำถูกต้องแล้วค่ะ ^^ ถ้าไม่ได้มีเวลา หุงใหม่ทุกวัน ให้หุงข้าวตอนเย็น คดเก็บแยกไว้ในตู้เย็น และอุ่นตอนเช้าค่ะ อาหาร ทุกอย่างก็เหมือนกัน อย่าตักจากหม้อ มาทานก่อนพระ ถ้าไม่ได้แยกไว้ จากคุณ : onlycat เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 15:03:42

ความคิดเห็นที่ 6 ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ ผมก็เคยบวชเรียนมา จำได้ว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้บอกว่าทำอย่างที่จขกท.บอกแล้วจะบาป การตักบาตรทำบุญจะได้บุญหรือไม่ขึ้นอยู่ที่เจตนาครับ ถ้าถือกันอย่างนั้นแล้วเรา ไปซื้อข้าวที่ร้านแล้วใส่บาตรก็เป็นบาปซิครับ เพราะร้านขายข้าวคนก็ซื้อไปกินก่อนพระเสียอีก ผมว่าทำอะไรก็แล้วแต่หากทำด้วยเจตนาบริสุทธิก็ได้บุญแล้วครับ จากคุณ : prasong9 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 15:21:01

ความคิดเห็นที่ 7   ขอบคุณมากๆค่ะ เขาทำกันอย่างนี้นี่เอง ที่แล้วมาคดข้าวก่อนพระไปแล้ว ท่านคงให้อภัย ตั้งใจจะตักบาตร 21 วันค่ะ ขอให้ทุกๆคนมีความสุขความเจริญกันทั่วหน้านะคะ จากคุณ : คนไกลวัด (แต้มดาว) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 15:23:19

ความคิดเห็นที่ 8 ใส่ถุง จะสะดวกกับ พระมากกว่าครับ ตักข้าวใสบาตร ไม่ร้อนเท่าไหร่ครับ สบายๆ แต่พระ จะต้องเดินไปรับบิณฑบาตรอีก อาจต้องมีการถ่ายมาใส่ย่าม เพื่อนให้บาตรว่างรับของได้อีก แล้วคนเราก็มีของใส่บาตร หลายแบบ เช่น - นมกล่อง/น้ำแก้ว อาจลงไปคลุกข้าวอยู่ - แบงค์ ไปซุกอยู่ในข้าว - แอปเปิ้ล ไปกลิ้งไปมา จนข้าวแบนแต๋ ถุงกับข้าว นมกล่อง แบงค์ ฯลฯ ก่อนจะมาอยู่ในบาตร ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมาบ้าง แต่ตอนนี้มันแทรกอยู่ในข้าวครับ ^_^ พระจะไม่ว่าอะไรหรอกครับ มีคนให้ ก็ต้องกินไป เผื่อใครยังไม่เคยบวช หรือบวชไม่ได้ จะได้เข้าใจพระ ^_^ จากคุณ : O-Omega เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 15:36:57

ความคิดเห็นที่ 9 โยมทานได้อาตมาก็ฉันได้นะโยม ปลาหนึ่งตัวด้านหนึ่งทำไว้เพื่อใส่บาตร อีกด้านหนึ่งเหลือไว้ให้เราทานเองก็ได้ ย้อนไปดูตอนที่พระพุทธเจ้าออกบิณฑบาท (หมายถึงหาหนังสืออ่านครับ) คห.ที่ 6 จริงครับผมเห็นตักขายใส่ถุง ตักราดให้คนทาน ตักถุงรอใส่บาตรยังทำได้เลย ตักถุงรอใส่ แล้ววนชุดใส่บาตรตอนเช้ายังเห็นเลย เจตนาดีก็ไม่มีอะไรครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 52 15:45:35 จากคุณ : ฐากร เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 15:39:59

ความคิดเห็นที่ 10 ที่บ้านเป็นมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หุงข้าวใหม่ใส่บาตรทุกเช้า ของที่จะทำบุญจะต้องเลือกเอาแต่ของดี ๆ ยายบอกว่าเกิดชาติหน้าจะได้พบแต่สิ่งดี ๆ. กรณีหุงข้าวแล้วตักแบ่งใส่ตู้เย็นไว้สำหรับใส่บาตรหลาย ๆ วัน แล้วมาอุ่นใส่บาตร ถ้าพระฉันท์มื้อเดียวก็ดี แต่ถ้าฉันท์สองมื้อตอนเพล ข้าวจะไม่บูดเหรอ ถ้าเกิดบูดขึ้นมาพระท่านอาจจะท้องเสีย เพราะบางวัด เช่น วัดญาณสังวราราม พระท่านฉันท์ในบาตร ตักอาหารใส่ลงไปในบาตรรวมกับข้าวแล้วฉันท์ แต่วัดนี้ฉันท์มื้อเดียว หมายเหตุ:  ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา เราแค่ต้องการจะแบ่งปันสิ่งที่ได้ประสบมา จากคุณ : เกาะเป็ด เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 15:45:28

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าบาปคงไม่บาปหรอกครับ สมัยพุทธกาล มีคนถวายดอกไม้บ้าง ผ้านุ่งเก่าๆ ที่ตนเองมีอยู่ผืนเดียวสลับภรรยาเวลาออกนอกบ้าน ใครไม่ออกจากบ้านก็เปลือยๆในบ้าน พอถวายพระพุทธเจ้าก็ได้อานิสงส์มหาศาล บางคนก็มีข้าวปั้นเล็กๆ มันอยู่ที่การเสียสละครับ ได้บุญทั้งนั้นแหล่ะครับ แต่ถ้าทำได้ การถวายสิ่งที่ดีที่สุดก็ควรทำครับ จากคุณ : เออ นะ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 17:29:03

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเป็นผมใส่บาตรผมจะไม่ตึงเรื่องหุงข้าวเก่า/ข้าวใหม่ ถ้าเรามีเจตนาดี และข้าวนั้นไม่บูดเน่า ก็ได้บุญทั้งนั้นแหละครับ ทำอะไรก็ทำไปเถิด หากว่าทำแล้วเราสบายใจและคนอื่นไม่เดือดร้อนครับ จากคุณ : Dr.Manta เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 18:14:04

ความคิดเห็นที่ 13 เราใส่บาตรทุกเช้า หุงข้าวใหม่ทุกครั้ง นอกจากบางครั้งหุงไว้ตอนเย็นแล้วไม่ได้แตะ (ไม่ได้กิน) ตอนเช้าก็เอามาอุ่นใส่บาตรได้ ไม่รู้สิ เราคิดว่าถ้าหุงข้าวใหม่ใส่บาตรจะดีกว่า ของใส่บาตรควรเป็นของใหม่และดี ไม่ใช่ของเหลือ นอกจากจะแบ่งไว้ต่างหาก ที่เหลือเราค่อยกิน ขนาดของไหว้เจ้าแล้วเขายังไม่ให้เอามาใส่บาตรเลย จากคุณ : ฟ้าใสวันใหม่ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 21:31:15

ความคิดเห็นที่ 14 เพิ่มเติมค่ะ เรื่องกรวดน้ำ แรก ๆ เราก็กรวดน้ำ กล่าว อิทังเม ....  แต่ตอนหลัง ด้วยความที่ใส่บาตรทุกวัน บางวันก็กรวดน้ำ บางวันก็ลืม ถามผู้รู้ที่ศึกษาธรรมะก็บอกว่า การกรวดน้ำเป็นแค่พิธีการ จริง ๆ อยู่ที่การอธิษฐานจิต ถ้าคุณตั้งจิตอธิษฐานแผ่ส่วนบุญกุศลให้กับใคร โดยเฉพาะไม่เจาะจง กลับจะได้บุญมากกว่า เฉกเช่นเดียวกับการถวายสังฆทาน (ไม่เจาะจงผู้รับ) ฉันใดก็ฉันนั้น ตั้งแต่นั้น เราก็เลยใส่บาตรอย่างเดียว ไม่ได้กรวดน้ำอีกเลย จากคุณ : ฟ้าใสวันใหม่ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 21:42:01

ความคิดเห็นที่ 15 พึ่งสึกไม่นานครับ 1. เอาข้าวแยกไว้ก็ดี จะได้ไม่รู้สึกว่าเอาของเหลือใส่บาตร (แต่พระไม่คิดอะไรหรอก มีแต่คนใส่แหละ ที่คิด) 2. ไม่ต้องใส่ข้าวก็ได้ บางทีบ้านอื่นก็ใส่ข้าวมาเหมือนกัน 3. พระต้องเก็บข้าวไว้ฉันตอนเพลด้วย ใส่ถุงสะดวกดีครับ 4. พวกข้าวมันไก่ ผัดไทย ผัดซีอิ้ว ฯลฯ ฉันร่วมกับอาหารอย่างอื่นลำบาก  (แต่นานๆมาที ก็ ok) เอาเป็นข้าว กับกับข้าวทั่วไปดีกว่า 5. พระสมัยนี้มีส่วนน้อยที่อุ้มบาตรตรงๆ เดี๋ยวนี้ มักจะมีสายสะพายช่วยให้บิณฑบาตรง่ายขึ้น (แต่ก็เห็นบางรูปอุ้มบาตรตรงๆเหมือนกัน) 6. ถ้าเป็นในเมือง มักจะมีคนใส่บาตรเยอะ ถ้ามองๆ ในบาตรจะเห็นว่า คนอื่นใส่อะไรมาบ้าง วันหน้าจะได้เลือกใส่ที่ไม่ค่อยซ้ำได้ครับ 7. น้ำแบบเป็นแก้วพลาสติกแล้วใช้หลอดเจาะด้านบน มีคนนิยมใส่เยอะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยได้ฉันแบบนั้น เพราะน้ำขวดสะดวกกว่า ถ้าใส่บาตรวัดในเมืองไม่แนะนำครับ ที่บอกมา ไม่ได้หมายความว่า พระจะเลือกฉันนะครับ ใส่บาตร จะใส่อะไรมาพระท่านก็รับทั้งนั้นครับ แค่มาให้ข้อมูลครับ จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 08:04:24

ความคิดเห็นที่ 16 ที่บ้านและคนแถวบ้าน หุงข้าวและทำกับข้าวใหม่ใส่บาตรทุกวันครับ อย่างมากสุดก็ทำไว้ก่อนนอนเช้าขึ้นมาอุ่นแล้วใส่ แต่จะไม่ตักกินก่อนพระ มันเป็นความเชื่อที่ว่าของทำบุญควรใช้ของปราณีต ของที่ตั้งใจทำมาอย่างดี แต่ไม่ได้หมายความว่าใช้ของอื่นจะไม่ได้บุญหรือเป็นบาปนะครับ จากคุณ : -=เหมือนจะใช่=- เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 08:10:20

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องข้าวก็ว่ากันไปครับ พระท่านไม่ถือเป็นกังวลหรอกครับ แต่อยากแนะนำในฐานะเคยบวช การถวายน้ำเป็นขวดให้พระเนี่ย สร้างความลำบากให้ท่านมากครับ เพราะน้ำหนักมาก วันๆถ้ามีคนถวายให้ซัก5คนท่านก็แย่แล้ว งั้นน้ำเป็นขวดเนี่ยไปถวายที่วัดดีกว่าครับ อยากรู้เรื่องการกรวดน้ำเหมือนกันครับ กรวดตอนกลางคืนเนี่ยได้ไหมครับ บางทีมันลืมจริงๆ แต่ไม่อยากให้ข้ามวัน จากคุณ : chareeve เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 10:15:44

ความคิดเห็นที่ 18 เอาเรื่องการกรวดน้ำที่รู้มาฝากค่ะ ตามที่ จขกท ถามประมาณว่าควรกรวดน้ำตอนไหนดี ? ควรกรวดน้ำทันทีในขณะที่พระอนุโมทนาหรือหลังทำบุญเสร็จ ? ถ้าไม่สะดวกจะทำตอนหลังก็ได้ แต่ทำในขณะนั้นดีกว่า ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ - ถ้ามีเปรตญาติมารอรับส่วนบุญ ท่านก็ย่อมได้รับในทันที - การรอไปกรวดที่บ้านหรือกรวดภายหลัง บางครั้งก็อาจลืมไป ผู้ที่เขาตั้งใจรับก็อด ผู้ที่เราตั้งใจจะให้ก็ชวดไปด้วย ส่วนบทกรวดน้ำ ควรใช้บทกรวดน้ำที่สั้นๆหรือใช้บทกรวดน้ำย่อก็ได้ เช่น "อิทัง โน ญาตีนังไหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขออุทิศส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่...(ออกชื่อผู้ล่วงลับ) และญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด" หรือจะใช้แต่ภาษาไทยอย่างเดียวก็ได้ว่า "ขออุทิศส่วนบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนี้ จงสำเร็จแก่ พ่อ แม่ ญาติ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอจงได้รับส่วนบุญกุศลครั้งนี้โดยเร็วพลัน และโดยทั่วถึงกันเทอญ" ส่วนบทยาวๆ เราควรเอาไว้กรวดส่วนตัว หรือกรวดในขณะทำวัตรสวดมนต์รวมกันก็ได้ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 52 11:02:29 จากคุณ : nungying เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 11:01:42

ความคิดเห็นที่ 19   แฟนคุณอาจติดแบบความรู้สึกสมัยก่อนๆ มั้ง เวลาใส่บาตรทุกอย่างต้องใหม่สำหรับพระทำนองนี้ แค่ไม่บูดไม่เน่าก็ดีแล้ว ทุกอย่างเกิดที่เจตนาดีทั้งนั้น เราตั้งใจใส่บาตรก็ได้บุญเหมือนกัน ที่บ้านใส่บาตรจะหุงข้าวใหม่ทุกเช้า แล้วตักใส่ถุงให้พระ แล้วเอาข้าวเย็นที่เหลือจากเมื่อคืนมาเทอุ่นทับลงไป เช้ามาเราก็กินข้าวเก่าที่เหลือนั้นแหละ  ส่วนกับข้าวถ้าทำไว้ก็แบ่งไว้ต่างหากตอนกลางคืน เช้ามาก็อุ่นใส่บาตร กรวดน้ำก็จะกรวดกันหลังใส่บาตรตรงนั้นเลย พระท่านสวดให้พร้อมให้พร **แต่กรวดน้ำมีห้ามเวลาด้วยหรือเปล่าไม่รู้ อยากรู้เหมือนกัน เพราะบางทีจะสวดมนต์ยาวๆๆ หน้าพระพุทธรูป ตอนกลางคืน แล้วก็กรวดน้ำเลย จากคุณ : watdeeja เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 13:54:06

ความคิดเห็นที่ 20   ตอนนี้เรามีบทกรวดน้ำ 3 อย่าง อิมินา ปุญญะกัมเม จากคุณ jira_wik อิทังเม ของคุณฟ้าใสวันใหม่ และเราก็ได้ลอกอิทังเมจากในblog หนึ่งมาสวดอิทังเมเหมือนกันค่ะ อิทัง โน ญาตีนังโหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย  ของคุณnungying พี่ทิดคะ บทกรวดน้ำมีหลายแบบหรือเปล่าคะ ส่วนใหญ่คห จากพี่ทิดจะบอกว่าให้ดูที่เจตนา แต่พอมีคนพูดมันก็ทำให้ใจเราคิดค่ะว่าไม่ควรทั้งที่มันขัดแย้งกับความเป็นจริง แล้วสำหรับคุณอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจบอกว่าไม่ต้องตักบาตรให้ข้าวก็ได้เนี่ย ซึ่งเรามักจะได้รับการสั่งสอนมาว่าต้องตักบาตรให้ครบทั้งข้าว กับ และน้ำ เดี๋ยวไม่อย่างนั้นผู้ที่ได้รับผลบุญนี้จะได้กินแค่กับน่ะค่ะ  ความจริงมันควรจะเป็นยังไง แค่ตักบาตรเพื่อให้พระสงฆ์ท่านมีแรงในการปฏิบัติบวชเรียน หรือจริงๆแล้วเราตักบาตรเพราะเราจะให้ผลบุญนี้ไปยังผู้ที่เราจะอธิษฐานให้คะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : แต้มดาว เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 23:04:23

ความคิดเห็นที่ 21   คนเดียวนี้ทำให้พระเสียนิสัยไปเยอะเพราะการปลูกฝั่งมาผิดๆ ศาสนาพุทธ ไม่มีไรจิงๆ ทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อพราหม์มาปน เลยแยกไม่ได้ว่าไหนพราหม์ ไหนพุทธ บวชเผื่ออะไร ถ้ายังยึดติด ก่อนบวชเป็นอย่างไร บวชแล้วไม่ศึกษา ก็เหมือน คนธรรมดาห่มผ้าเหลือง เรื่อง บุญหรือบาป สำหรับผม คือเหตุและผล มีเหตุ จึงจะมีผล  ที่ว่าไปอาจทำให้หลายท่านไมพอใจก็ขอโทษด้วยน่ะครับ ติว่าได้ผมเข้าใจเจตนาท่านๆ จากคุณ : สรดำ (วังไม้ไผ่) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 15:07:46