ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าตังเหลือเฟือ 6 ชั้น  ทำตู้ย่อยชั้นล่ะตู้ไปเลยครับ เวลาจะซ่อมไฟ  เดินไฟ  ชั้นไหน  ก็ปิด Breaker ของชั้นนั้นได้เลย ไม่ต้องวิ่งลงมาชั้น 1 ว่าแต่ Breaker แบบกันไฟดูดได้ด้วย   ถ้าไปเดินซื้อเองราคาตัวล่ะ 8-900 บาท จากคุณ : --^ไชโย^-- เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 11:52:34

ความคิดเห็นที่ 2 แหม ไม่ได้ตังค์เหลือเฟือหรอกครับ ผมก็ไม่มีความรู้ืำทำตามช่างแนะนำมา แต่มาขอความเห็นผู้รู้ในห้องนี้ก่อน ตอนนี้ 6 ชั้น  ทุกสองชั้นจะใส่ตู้สแควร์ดีที่มีลูกเซอร์กิตย่อย เท่ากับตอนนี้ใส่ตู้สแควร์ดีพร้อมใส่ลูกเซอร์กิตย่อยไปสามตัวแล้วครับ แต่ตู้เมนยังไม่ได้สั่ง มาขอถามความเห็นก่อนว่าจะติดเซฟทีคัตแบบไหนดี อ่อ เบรคเกอร์กันไฟดูดที่ว่าตัวละ 8-900 บาท ยี่ห้ออะไรครับ และจริงๆต้องใช้ที่ไหนบ้างครับ อย่างชั้นนึงมีน้ำอุ่นน้ำร้อน ชั้นละตัว กับแอร์ชั้นละตัว  แต่มีปลั๊กไฟชั้นนึงหลายตัวอยู่ ปลั๊กไฟก็ต้องใช้ตัวกันดูดแยกไหมครับ สมมติชั้นนึงมีปลั๊ก 10 ชุดก็ต้องติดตัวกันดูด 10 ชุดเลยเปล่า ถ้าใช่คงเปลืองมากๆเลย แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 52 11:57:41 จากคุณ : ไรเฟิล เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 11:55:30

ความคิดเห็นที่ 3 แสดงว่าช่างไฟคงออกแบบให้มีตู้ย่อย 1 ตู้/2 ชั้น ก็ใช้ได้ครับ  เวลาซ่อม+เดินไป  ไม่ต้องวิ่งหลายชั้น คาดว่าช่างคงออกแบบให้แต่ล่ะตู้(2 ชั้น)  ใช้ไฟเฟสนึงไปเลย 3 ตู้ ก็ 3 เฟส  ก็พยายามอยู่อาศัยให้ครบทุกชั้น  จะได้ Balance เฟส ดูสายเมนที่เข้าตู้ย่อยด้วย  น่าจะเบอร์ 10 เป็นอย่างต่ำ แต่ถ้านอกจากแอร์+เครื่องทำน้ำอุ่น   ยังมีเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ เตารีด 2 ชั้นนั้นใช้สายเมนเบอร์ 16 ไปเลย จากคุณ : --^ไชโย^-- เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 12:07:24

ความคิดเห็นที่ 4 ก็ยี่ห้อ Square D นั่นล่ะครับ  ขนาด 15A ตัวล่ะ 800 กว่าบาท แต่ถ้าแอมป์สูง  ราคาก็คงสูงตาม ถ้าจะประหยัด  ผมว่าใส่เฉพาะเครื่องทำน้ำอุ่นก็พอ  ทุกชั้นเลย พวกปลั๊กไฟ+TV ฯลฯ ใช้แบบธรรมดาก็พอ  ตัวล่ะไม่ถึง 100 ดูสายเมนที่เข้าตู้ใหญ่ด้วย   ต้องเดินสายเบอร์ 35 (ทองแดง)  หรือไม่ก็เบอร์ 50 (อลูมิเนียม) แนะนำเดินสายอลูมิเนียม  จะได้ไม่โดนโขมยลักตัดสายไฟไปขาย เพราะแพงมาก  เมตรนึงหลายร้อย จากคุณ : --^ไชโย^-- เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 12:18:58

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณไชโยว่าช่างออกแบบตามที่คุณไชโยว่าหรือไม่ ยังไงจะไปลองถามดู ส่วนสายเมนแกสั่งให้ผมผมซื้อเบอร์ 16 กับเบอร์ 35 ครับ ไม่แน่ใจว่าเบอร์ 35 ใช้เดินเข้าสายเมนหรือเปล่า อ้อ ตู้ย่อย 1  ตู้ ต่อ 2 ชั้น เป็นตู้แสควร์ดีครับ ตัวหนึง ห้าพันกว่าบาท เปิดดูเห็นมีเบรคเกอร์ 1 ตัว และมีที่ใส่ลูกเซอร์กิตย่อยครับ  ลูกเซอรกิตย่อยซื้อมาแล้วของสแควร์ดี ลูกละ 88 บาทครับช่างสั่งลูกเซอร์กิตย่อยขนาด 16,20,32A มาอย่างละสิบลูกครับ มาเข้าเรื่องก่อน สรุปว่าผมควรเลือกใช้เซฟทีคัต หรือ ตัวกันดูด (ลูกเซอร์กิตกันดูด) ที่ช่างว่าดีกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 52 12:24:28 จากคุณ : ไรเฟิล เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 12:22:13

ความคิดเห็นที่ 6 ตัวเมนเบรคเกอร์ใช้แบบธรรมดาก็พอครับ หมายถึง MCCB 3P 100A ส่วนตัวลูกย่อย แยกเป็น 2 แบบ แบบ A) สำหรับระบบ Air + Lighting ใช้ MCB ธรรมดา แบบ B) สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น + Receptacle ใช้ ELCB กันดูด คราวนี้ ก็จัดการแยก Bar Neutral ของแบบ A กับ B เป็นอันจบเรื่อง เข้ามาตรฐาน IEC ที่วิศวกรไฟฟ้าเค้าอ้างอิงกันเลยครับ อีกจุดสำคัญคือ ที่ MDB ให้ Jump Neutral ลง ground ก่อนเพื่อ set 0 ให้กับระบบ ส่วนสายไฟฟ้าแนะนำให้ใช้ทองแดงดีกว่าครับ นอกบ้าน จะใช้ CV หรือ NYY ก็ว่ากันไป ในบ้าน ก็ THW แต่คิดเรื่อง Free Air ใน conduit หรือ wireway ดีๆ ลองให้ช่างเค้าคิดให้ดูพวกนี้ส่วนใหญ่คิดเป็นกันหมดแต่มักไม่ค่อยบอก ลงทุนขนาดนี้ทำดีไปเลยดีกว่าครับ ติดตั้งเสร็จก็เทส Phase Rotation หน่อยเป็นอันจบพิธี จากคุณ : Daimon in the rough เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 13:01:56

ความคิดเห็นที่ 7 ลืมบอกไปที่ผมแนะนำ   หมายถึงใช้กับมิเตอร์ไฟ 3 เฟส  ขนาด 30/100 นะครับ สายเมนควรเป็นทองแดงขนาด 35 ครับ ถ้าซื้อสายอลูมิเนียมต้องเป็นเบอร์ 50 (อันนี้ดูตามใบคำขอติดตั้งมิเตอร์ของการไฟฟ้าครับ) ผมว่าน่าจะใช้ตัวกันดูดดีกว่า เพราะเซฟทีคัท  ถ้าไฟรั่วจุดใดจุดหนึ่งก็จะตัดบ่อย บ้าน 6 ชั้น เครื่องใช้ไฟฟ้ามากมาย จากคุณ : --^ไชโย^-- เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 13:30:38

ความคิดเห็นที่ 8 เอารูปมาใ้ีห้ดูครับ ตู้สแควร์ดีแบบที่ช่างติดให้ ที่บ้านใช้สามใบครับ สองชั้น ต่อ 1 ใบ จากคุณ : ไรเฟิล เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 13:50:52

ความคิดเห็นที่ 9 ด้านในตู้สแควร์ดี ใส่ลูกเซอร์กิตย่อยครับ เจ้าลูกเซอร์กิตกันดูดที่ช่างว่า ใส่ในตู้นี้ใช่ไหมครับ แล้วสรุปว่าใส่แค่เครื่องทำน้ำร้อน น้ำอุ่นพอใช่ไหมครับ จากคุณ : ไรเฟิล เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 13:52:19

ความคิดเห็นที่ 10 สเปคตู้เดิมที่ช่างออกมามาให้ 1 ตู้ตามแบบ ขนาด 130*95*25 cm รวมบัสบาร์ + wiring ชุดมิเตอร์ 2 safe-t-cut 3 P 100 A  จำนวน 1 ตัว 3 ตู้โหลด sq-d 12 ช่อง เมน 100 A  จำนวน 1 ตัว 4 breaker EZD250H3125 36 kA  จำนวน 1 ตัว 5 breaker EZD100H3100 30 kA  จำนวน 4 ตัว 6 ชุดมิเตอร์หน้าตู้ รวมทั้งชุดร้านตีราคามาสามหมื่นต้นๆเกือบกลางครับ ปล.เช็คราคาเซอร์กิตกันดูดมาแล้ว ราคาประมาณ ตัวละ 1,300 บาทครับ แพงกว่าที่คุณไชโยบอกแฮะ ไม่รู้ต่างกันยังไง อืมม์ แล้วเอาไงดีครับระหว่างติดเซอร์กิตกันดูดเฉพาะเครื่องทำน้ำร้อนน้ำอุ่น 6 ตัว กับติดเซฟทีคัตตัวเดียว แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 52 14:24:23 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 52 14:18:13 จากคุณ : ไรเฟิล เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 13:56:45

ความคิดเห็นที่ 11 อืมม  น่าจะ รวมๆ แล้วใช้กันดูด เฉพาะที่จำเป็นน่ะ ปลั๊ก ปั๊มน้ำ เครื่องซักผ้า เครื่อทำน้ำอุ่น  น่าจะพอ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 17:06:36

ความคิดเห็นที่ 12 จริง ๆ ทั้งเซฟทีคัท กับ Square D ELCB ก้อคือเอามากันไฟรั่วทั้งคู่อ่ะครับ เพียงแต่ข้อมูลที่ จขกท.บอกมา คือ ถ้าติดเซฟทีคัท จะติดที่เมน ซึ่งเป็นการป้องกันไฟรั่วโดยจะจับทั้งบ้าน ซึ่งถ้าเป็นบ้านเก่า ระบบไม่ค่อยดี อาจมีทริปกระจาย ปกติ กันดูด ผมว่าเอามาติดเฉพาะอุปกรณ์ดีกว่า ส่วนใหญ่จะใช้กับเครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ ประมาณเนี้ย ถ้าบ้าน จขกท มีตู้ Load Center เป็นของ Sqare D อยู่แล้ว ก็แค่ซื้อตัวลูกที่เป็นกันดูดมาติดเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการก็พอครับ แต่ว่าตอนติดให้ดูคู่มือดี ๆ ว่าสายไหนให้ต่อเข้าตรงไหน เพราะมันจะต่อไม่เหมือนกันเบรคเกอร์ธรรมดา จากคุณ : Remember the Titans เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 17:17:54

ความคิดเห็นที่ 13 จริง ๆ ทั้งเซฟทีคัท กับ Square D ELCB ก้อคือเอามากันไฟรั่วทั้งคู่อ่ะครับ เพียง แต่ข้อมูลที่ จขกท.บอกมา คือ ถ้าติดเซฟทีคัท จะติดที่เมน ซึ่งเป็นการป้องกันไฟรั่วโดยจะจับทั้งบ้าน ซึ่งถ้าเป็นบ้านเก่า ระบบไม่ค่อยดี อาจมีทริปกระจาย เป็นบ้านเก่าแต่เดินสายไฟใหม่หมดทั้งบ้านครับ จะมีปัญหาทิปกระจายหรือเปล่าครับ จากคุณ : ไรเฟิล เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 18:13:08

ความคิดเห็นที่ 14 เคยมีโอกาสได้ดูการนำเสนอสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าดูด ไฟฟ้ารั่วยี่ห้อหนึ่งหลายปีมาแล้ว  ผมยืนอ่านเอกสารที่เซลล์ยื่นให้เพื่อการนำเสนอสินค้าและแนะนำสรรพคุณอย่างมั่นใจมาก ผมก็ยืนฟังด้วยความสนใจอยากจะดูการทดสอบสินค้าชิ้นนี้สักที   พอถึงช่วงการสาธิตสินค้าเขาก็ต่อไฟเข้าที่ด้านบนของอุปกรณ์ชิ้นนั้น(เป็นระบบ 1 เฟส 2 สาย) แล้วก็ต่อสายไฟด้านล่างออกมาสองเส้นเช่นกัน จัดการสับสวิทช์ขึ้นจ่ายไฟออกมาได้ 220 Volt พอดี แล้วเขาก็นำสายไฟที่ปอกปลายสองเส้นนั้น(สายเฟสกับสายนิวตรอน)มาแตะกันผลคืออุปกรณ์ชิ้นนั้นทริปตัดไฟทันทีครับ เยื่ยมมาก แต่   ผมขอลองให้เขาทดสอบใหม่อีกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าหากเราซื้ออุปกรณ์ตัดไฟชิ้นนี้ไปแล้ว เราจะปลอดภัยจริงๆ โดยนำกล่องพลาสติกมาใส่น้ำลงไปประมาณคะเนแล้วว่าท่วมหลังเท้า แล้วผมขอให้เซลล์ขายสินค้าลงไปยืนในกล่องที่ใส่น้ำนั้น  แล้วผมก็จะเอาสายไฟจุ่มลงไปเส้นเดียวเพื่อทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ตัดไฟยี่ห้อนั้น ผล เขาไม่กล้าครับ และในการทำงานประจำที่เกี่ยวกับการบริการแก้ไขกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ก็เคยได้พบปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ชนิดนี้ทำงานไม่สมบูรณ์อยู่บ่อยๆ เช่น สาย PVC คู่ภายในบ้านที่วางอยู่บนฝ้าเพดานถูกหนูแทะจนสายทองแดงด้านในนั้นแตะกันจนละลายขาด แต่อุปกรณ์ป้องกันชนิดนี้ก็ไม่ตัดการทำงานทั้งๆที่ตั้งค่าไว้ที่เลข 5 เอง จากคุณ : พ่อน้องดิว เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 22:00:18

ความคิดเห็นที่ 15 อยากให้คุณไรเฟิลไปศึกษาเรื่อง Safe-T-Cut กับ ELCB ก่อนนะครับว่าแตกต่างกันอย่างไรเท่าที่ผมรับทราบข้อมูลมานะครับ Safe-T-Cut ก็คือ ELCB นั้นแหละครับ บ้านผมติด ELCB ควบคุมที่ Main ตัวเดียวครับ ยี่ห้อดัง ๆ ตัวใหญ่ ๆ หน่อยครับ หาก ELCB ทริปก็จะไล่เบรกเกอร์ย่อย ๆ ปิดเปิดสลับกันไปหากเปิดแล้วทริปก็เป็นตัวนั้น บ้านผมเบรกเกอร์มันแยกกันหมดนะครับ (จริง ๆ ผมได้ฟรีนะครับมูลเรย์อะไรนี่แหละครับก็เลยติดใหญ่เลยทีเดียว ประหยัดเงินดี) ผมไม่แนะนำให้เชื่อผมนะครับ ผมและเพื่อน ๆ เป็นเพียงผู้ให้ข้อมูลเท่าที่ทราบเท่านั้น คุณควรนำข้อมูลที่รับมาไปวิเคราะห์และนำไปตัดสินใจด้วยตัวคุณเองเพราะเวลาบ้านคุณมีปัญหานั้นจะไม่สามารถมาโทษใครได้ครับ (ผมตรงและจริงใจครับ) จากคุณ : ลิงเพชรบุรี เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 08:19:02

ความคิดเห็นที่ 16 Safe-T-Cut  ก็คือ ELCB หรือ RCBO ของ Square-D ก่อนที่จะมียี่ห้อ Safe-T-Cut เราเรียกตัวพวกนี้ว่า "Safety Cut" พอคนไทยมาผลิตขายเองก็ตั้งชื่อให้เรียกง่ายๆ ว่า "Safe-T-Cut" เจ้าของกระทู้ใช้แผง Load Center 3 สาย จะไปใช้ ตัวกันไฟดูด 2 สายคงจะยุ่งยาก ในเมื่อเป็นตู้โหลดของ Square-D อยู่แล้วก็ใช้ RCBO แบบ 1P ของ Square-D เครื่องใช้ไฟฟ้าตัวไหน หรือวงจรไหนต้องการป้องกันไฟดูดก็ใช้ RCBO แทนลูกเซอร์กิต ราคาตามตารางข้างล่างมีส่วนลดประมาณ 40% ครับ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 10:51:34

ความคิดเห็นที่ 17 ความรู้แน่นเลยครับคุณสันทัด แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 52 11:04:39 จากคุณ : wut3616 เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 11:02:48

ความคิดเห็นที่ 18 RCBO ของ Square-D ก็คือลูกย่อยกันดูดเอาไปติดแทนลูกเซอร์กิตย่อย แบบในรูปความเห็น 9 ใช่ไหมครับคุณสันทัด และผมก็ไม่ต้องใช้เซฟทีคัตอีกแล้วถูกไหมครับ มาตรฐานก็น่าจะดีกว่าเซฟทีคัตด้วยใช่ไหมครับ ขอถามเพิ่มเติม   อุปกรณ์ไฟฟ้าอะไรบ้างที่ต้องใช้ RCBO ครับ เท่าที่ทราบมีน้ำอุ่นน้ำร้อน (แต่น้ำอุ่น น้ำร้อนรุ่นใหม่มี ELCB ในตัวก็ยังต้องติด RCBO เพิ่มใช่ไหมครับ) ปั๊มน้ำ ปลั๊กไฟ พวกนี้ต้องใช้ด้วยไหมครับ จากคุณ : ไรเฟิล เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 11:05:47

ความคิดเห็นที่ 19 RCBO ของ Square-D ก็คือลูกย่อยกันดูดเอาไปติดแทนลูกเซอร์กิตย่อย แบบในรูปความเห็น 9......ถูกต้องครับ ไม่ต้องใช้ Safe-T-Cut อีก  ส่วนอุปกรณ์ที่จะใช้ RCBO ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ที่น่าใช้ RCBO ก็มี เครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน ถึงจะมี ELCB มาให้ แต่เราสัมผัสโดยตรงป้องกันอีกชั้นปลอดภัยดีกว่า ปลั๊กไฟ ถ้าแยกวงจรต่างหาก ก็ควรใช้....ปั๊มน้ำ-ตู้เย็น อาจจะใช้อีก 1 ตัว หรือใช้ร่วมกับวงจรปลั๊กไฟได้ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ถ้าไม่ได้สัมผัสโดยตรงเป็นประจำ ก็ต่อสายดินครับ เพิ่มเติม....RCBO ใช้รุ่น 6kA ก็พอถูกกว่ากันเยอะ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 52 11:44:18 จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 11:42:57

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากครับ คิดว่าคงใช้ RCBO ของ สแควร์ดีแทน เซฟทีคัตแล้วล่ะครับ แต่จะใช้กี่ตัวเดี๋ยวปรึกษาช่างอีกที อย่างน้อยก็ 6 ตัว สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น น้ำร้อน 6 ตัว ปั๊มน้ำ ตู้เย็นอีกอย่างละ 1 ตัวก็ 8 ตัวแล้ว ส่วนปลั๊กไฟใช้กี่ตัวขึ้นกับการเดินวงจรของช่างเหรอเปล่าครับ อย่างน้อยก็ต้องชั้นละ 1 ตัวหรือเปล่าครับสำหรับปลั๊กไฟ ถ้าใช่ก็เท่ากับ 8+6=14 ตัวเข้าแล้ว   ปล.RCBO ของสแควร์ดี ประสิทธิภาพไม่แตกต่างจากเซฟทีคัตใช่ไหมครับ จะได้ไปชี้แจงให้คุณแม่ฟัง คุณแม่แกกังวลอยากให้ติดเซฟทีคัตทุกชั้นด้วยซ้ำ ซึ่งสิ้นเปลืองมากมาย อ้อ RCBO รุ่น 6kA ต่างกับ 10ka อย่างไรครับ จากคุณ : ไรเฟิล เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 21:14:40

ความคิดเห็นที่ 21 RCBO  มันก็ทำงานแบบเซพทีคัตนั่นล่ะครับ แต่ขนาดมันเล็กกะทัดรัดตัวนิดเดียว   เชื่อถือได้แน่นอน เพียงแต่พูดแล้วคนรู้จักน้อย พอบอกเซพทีคัตรู้จักมากกว่า ผมเคยโดนไฟจากวงจรของเซพทีคัต  RCBO ของ square D และ ABB  โดนไฟดูดมาทุกระบบแล้ว(อุบัติเหตุไม่ใช่จงใจไปลอง)   บอกได้เลยว่าไม่แตกต่างกัน รู้สึกดูดแบบกระตุกแรงๆ ทีนึงแล้วก็ตัดเลย  จากความรู้สึกตอนโดนไฟดูดไม่สามารถบอกได้เลยว่าระบบตัดไฟยี่ห้อใดตัดเร็วกว่า เพราะมันเสี้ยววินาทีก็ตัดแล้ว โดนส่วนตัวผมไม่ชอบระบบกันดูดแบบที่ปรับเป็นไดเร็คได้  เช่นไฟรั่วตอนฝนตกแล้วมันตัดตลอดก็ปรับไปไดเร็คเพื่อบังคับไม่ให้ตัด แล้วโอกาสโดนไฟดูดมันเลือกได้หรือว่าตอ้งเลี่ยงห้ามโดนในช่วงเวลานี้ ?    พอฝนแห้งไฟไม่รั่วแล้วแต่ลืมปรับกลับแล้วหลังจากนั้นความปลอดภัยจะอยู่ตรงไหน ? ถ้าแบบที่ไดเร็คไม่ได้ก็ต้องปิดการจ่ายไฟไปเลย  โดยไม่ต้องปิดทั้งบ้านแค่ปิดเบรกเกอร์ตัวที่คุมโซนที่มีปัญหาแล้วจ่ายไฟที่เหลือต่อตามปกติ โซนที่มีไฟใช้ก็ยังมีการป้องกันไฟดูดอยู่ตลอด  ผมชอบแบบนี้มากกว่าปลอดภัยดี ไม่ต้องมากังวลว่าระบบมันไดเร็คหรือปกติ หรือใครไปปรับเป็นอะไรในตอนนี้ จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 21:39:11

ความคิดเห็นที่ 22 เซฟทีคัท กับลูกย่อยกันดูดหรือเมนกันดูด ที่เรียกว่าRCBO หลักการทำงานและการเอาไปใช้งาน เหมือนกันครับ ELCB (EARTH LEAKAGE CIRCUIT BREAKER) เป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด(กันดูด)ตระกูลหนึ่ง ที่มีรูปร่างหน้าตาภายนอก คล้ายคลึงกันกับ เซฟตี้เบรกเกอร์ ที่เรานิยมใช้เป็นเบรกเกอร์เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า จำพวกแอร์หรือเครื่องทำน้ำอุ่น ELCB สามารถปลดวงจร ในกรณี ไฟฟ้าลัดวงจร หรือ มีกระแสไฟฟ้ารั่วลงดิน ตามค่า sensitive ที่เครื่องจะตรวจจับได้ แต่ในกรณีใช้กระแสไฟเกินกว่าขนาดที่ ELCB รองรับได้ ELCB จะไม่ปลดวงจร จึงจำเป็นต้องมีการใช้ควบคู่กับฟิวส์ด้วย ELCB ปัจจุบัน ในบ้านเรา ที่เห็นวางขายกันทั่วไป ผมขอยกตัวอย่างมา2ยี่ห้อ ที่เห็นวางขายกันแพร่หลายมากที่สุดในบ้านเรา นั่นก็คือ ELCB ของ Haco และของ Kyokuto ราคาค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าบาท แตกต่างกันแล้วแต่ร้านผู้จำหน่าย ข้อด้อยของ ELCB ที่ว่า ปลดวงจรในกรณีมีการใช้กระแสไฟเกินพิกัดไม่ได้ และมีค่า IC คือค่าทนกระแสลัดวงจร ที่ทนได้น้อย ประมาณ 1.5 - 2 kA. ทำให้การนำเอา ELCB มาเป็นเครื่องปลดวงจรในส่วนของเมนสวิตช์ ดูไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน แต่ข้อดีที่ราคาถูก จึงดูเหมาะสมที่จะนำมาป้องกันในส่วน เฉพาะอุปกรณ์ อย่างเช่น เครื่องทำน้ำอุ่น ผู้ผลิตบางราย ผลิตเครื่องป้องกันไฟดูด ที่ป้องกันได้ทั้ง ไฟดูด-ไฟรั่ว ไฟลัดวงจร และการใช้กระแสไฟเกินพิกัด แต่ใช้คำเรียก สินค้าตัวนั้นว่า ELCB อาจจะสร้างความสับสนไปบ้าง แต่เมื่อมาดูที่ค่า IC จะพบว่ามันทนทานต่อกระแสลัดวงจรได้เพียงไม่มาก EARTH LEAKAGE CIRCUIT BREAKER แปลออกมาตรงๆ ก็จะได้เป็นคำ ประมาณว่า "อุปกรณ์ปลดวงจรเมื่อมีการรั่วลงดิน" ข้อมูล ELCB เพิ่มเติม ของแนบลิงค์บล็อกของผมให้ก็แล้วกันนะครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kanichikoong&month=10-12-2008&group=17&gblog=3 ในส่วน RCBO อันที่จริงแล้ว RCBO เป็นชื่อเรียก ของเซอร์กิตเบรกเกอร์ ที่ใช้ติดตั้งในตู้คอนซูเมอร์หรือติดราง จะเป็นชนิด 1ขั้ว(ที่ใช้เป็นลูกย่อย) หรือ 2ขั้ว(ที่ใช้เป็นเมนในตู้) หรือจะ 3ขั้ว(ในระบบไฟ 3 เฟส) ซึ่งเซอร์กิตเบรกเกอร์ แบบทั่วไป จะมีหน้ที่ ปลดวงจร ในกรณี ไฟฟ้าลัดวงจรและการใช้กระแสไฟเกินพิกัด จะมีค่า IC ประมาณ 5 - 10 kA RCBO เป็นชื่อเรียกเซอร์กิตเบรกเกอร์ในกลุ่มนี้ แต่มีฟังค์ชั่นการทำงาน เสริม ก็คือการตรวจจับกระแสไฟที่รั่วลงดิน ตามค่า sensitive ที่ระบุไว้ เซฟทีคัท กับ RCBO ก็เหมือนๆกันครับ หลักการทำงานเหมือนๆกัน ต่างกันที่เซฟทีคัท มีปุ่มปรับตั้งค่า sensitive ได้หลายค่า RCBO ที่มีค่า sensitive แบบตายตัว ผู้ผลิตทั้งหลาย ก็ได้ใช้ค่าความไวอยู่ในระดับมาตรฐาน เหมาะสมแก่การใช้งานอยู่แล้ว ถ้ามองในความเป็นกลาง และในทัศนะของช่างไฟ ส่วนตัวกลับไม่แนะนำให้ซื้อตู้เหล็กกันไฟดูด ราคาแพงเวอร์แบบนั้น เพราะเคยแกะวงจรภายในดู ก็พบเพียง ลูกเซอร์กิตเบรกเกอร์ 3ขั้ว วงจรขยายสัญญาณ ชุดปรับค่าขยายสัญญาณ(ปรับความไว) ตัวแกนที่ทำหน้าที่ชักกลไกลเมนเบรกเกอร์ให้ปลดวงจร คอยล์แบบCT ไว้ตรวจจับกระแสไฟในกรณีที่ไหลกลับมาไม่เท่ากัน และตัวต้านทานกับปุ่มช็อต ที่เอาไว้เทสกลไกลของตัวมันเอง บรรจุในตู้เหล็กสุดหรู เพื่ออัพราคา สร้างมูลค่าเพิ่ม ***สมัยเรียน ปวช.1 ก็ยังลองเอาอุปกรณ์ต่างๆ มาประกอบทำเล่น ส่งเป็นโครงงานอยู่เลย หลักการก็แค่ เอาสายไฟ L-N ผ่านตัวหม้อแปลงกระแสหรือตัว CT แล้วเอาสายที่ออกจาก CT ไปเข้าชุดขยายสัญญาณ จะเอาความไวเท่าไหร่ อยู่ที่ชุดขยายสัญญาณ แล้วเอาชุดขยายสัญญาณ ไปต่อกับคันชักให้เมนเบรกเกอร์ตัดวงจร ปุ่มทริป ก็คือการช็อต L-N โดยผ่านตัวต้านทาน 1 ตัว หลักการก็ง่ายๆ คือในเวลาที่ใช้ไฟสภาวะปกติ ไม่มีไฟรั่วออกนอกระบบ กระแสไฟระหว่างสายไฟ L-N เท่ากัน จะหักล้างกันเป็นศูนย์ แต่เมื่อมีไฟรั่ว จะเกิดความแตกต่างในระหว่าง2สาย ตัว CT จะตรวจจับกระแสส่วนที่หายออกไป แล้วส่งไปสู่วงจรขยาย หากไฟรั่วตามค่าความไวที่ตั้งไว้ คันชักก็จะดึงเมนเบรกเกอร์ เบรกเกอร์ก็ตัดไฟ เรียบร้อย จขกท. ลองดูนะครับ ว่าวงจรไหนมีความเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากไฟรั่ว ก็ให้แยกป้องกันเป็นแต่ละวงจร เช่น วงจรของเครื่องทำน้ำอุ่น วงจรของเต้ารับในห้องครัว ส่วนวงจรที่ในการใช้งานปกติ เราเข้าถึงไม่ได้ เช่นพวกวงจรแสงสว่าง หรือวงจรเครื่องปรับอากาศ ที่คอยล์ร้อนแขวนไว้นอกบ้านอยู่ระดับสูง ที่การใช้งานปกติเราเข้าถึงไม่ได้ หรือไม่มีโอกาสไปสัมผัสโดน ก็ไม่ต้องใช้ RCBO มาควบคุม เพราะเวลาไฟดับ จะได้ไม่ดับทั้งบ้าน ระบบไฟฟ้าปัจจุบัน ในอาคารที่มีการออกแบบระบบมาดีๆ   จะไม่นิยมเอาเครื่องป้องกันไฟรั่ว มาควบคุมทั้งระบบแล้ว หมดยุดที่จะจ่ายเงินแพงๆซื้อเครื่องตัดไฟอันใหญ่ๆ มาติดควบคุมระบบไฟของบ้านทั้งหลัง แต่สิ่งที่ได้มาไม่แตกต่างอะไรเลยกับการจ่ายถูกกว่า ยุกนี้ก็รู้กันอยู่ เน้นที่ขนาดเล็ก ใช้พื้นที่น้อย แต่การทำงาน ใหญ่เกินตัว จริงไหมครับ จากคุณ : KanichiKoong เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 02:59:07

ความคิดเห็นที่ 23   ขอคุยด้วยคนไปถามผู้รู้มา ที่บอกว่าควบคุมเป็นบางจุดไม่เห็นด้วยนะครับ เราจะไปเลือกได้อย่างไรว่าจุดไหนจะรั่วจะช๊อต ทุกจุดมีโอกาสทั้งสิ้น คิดแบบนี้ประมาทนะครับ โอกาสไฟดูดอาจจะมีน้อย แต่ถ้าเกิดขึ้นเรียกว่าหมดโอกาสแก้ตัว ถึงแม้บ้านสมัยใหม่มีสายดินก็ไม่ได้หมายความว่าคุมได้ทั่วถึง เพราะอุปกรณ์จะต้องถูกต่อลงดินแบบถูกต้องแน่หนาได้มาตราฐาน เช่นเครื่องทำน้ำร้อนถ้าสายดินหลุดหลวมเราไม่มีทางรู้ใช่ไหมครับ ตายลูกเดียวเลย หรือถ้าลูกๆเด็กๆซน เอามือเอาเหล็กอะไรไปแหย่ปลั๊กไฟ ต่อให้ปลั๊กสามตาสมัยใหม่ที่มีสายดินก็เรียบร้อยเหมือนกัน หรือถ้าสายไฟรั่ว ขาดในจุดที่เดินเราไปโดนเข้าก็เรียบร้อยโรงเรียนจีน สายดินจึงไม่ครอบคุมทั้งบ้าน อย่างที่เราเข้าใจ และเครื่องตัดไฟที่ตั้งค่าได้ เอาไปทำไมเพราะไวตัดบ่อยผู้รู้เขาบอกว่าดังนี้ครับ จริงอยู่มาตราฐานตั้งที่30ma แต่ที่เขามีให้เลือกได้เพราะถ้าเราถูกไฟดูดไม่ถึง30ma เบอร์เกอร์ก็จะไม่ตัดเราอาจจะสบับหลุดได้แต่ก็แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคนและถ้าเป็นเด็กยิ่งไปใหญ่ ถ้าว่าถ้าเราถูกไฟดูดที่6-25maไม่เจ็บหรือครับ ส่วนคุณจะแยกชั้นคุมยังไงก็ลองปรึกษาช่างที่รู้จริงๆดีกว่าครับทำได้ทั้งนั้น เงินอาจจะประหยัดได้นะครับแต่นี่มันเกี่ยวกับชีวิตของคนในบ้าน โทรศัพย์มือถือยังแพงกว่านี้เลยครับ จากคุณ : ผู้หวังดี เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 02:55:09 A:119.31.94.42 X: TicketID:240966