ความคิดเห็นที่ 1 สีขาวแพงสุด  สีเงินถูกสุด สีเงินเป็นรอยยากสุด เพราะเป็นสีธรรมชาิติอลูมินั่ม ปล. ถ้าแยกตามสี อลูมิเนียมมี 3 แบบ 1. สีธรรมชาิติหรือสีเงิน NA1 มายังไง ไปยังงั้น 2. แบบอะโนไดส์ คือเคลือบสีด้วยไฟฟ้า โดยจุ่มอะลูมิเนียมลงไปในสารละลาย ทำปฏิกิริยากับผิวจนมีสี มีสีดำ สีชาเข้ม สีชาทอง Adodized  518, 517,514 3. แบบเคลือบสีอบแข็ง หรือ powder coat คือ เอาอลูมิเนียมไปพ่นสีฝุ่นแล้วเข้าตู้อบความร้อน ทำได้ทุกสีแต่ที่ฮิตๆคือสีขาว จากคุณ : หมาร่า (DiowMara) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 02:37:52

ความคิดเห็นที่ 2 ขออนุญาตเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ ที่เราเห็นเป็นสีธรรมชาตินั้น จริงๆแล้วก็ผ่านกระบวนการ anodized เช่นกัน เป็นส่วนมาก ไม่เช่นนั้น คุณสมบัติ การป้องกันการขีดข่วนจะต่ำมาก (รวมถึงความแข็งแรงด้วย) และไม่สวย (สีธรรมชาติเหมือนกันแต่ไม่นวล) สาเหตุที่ราคาอะโนไดซ์สีธรรมชาติถูกกว่า อะโนไดซ์สีอื่นๆ ก็เนื่องจากไม่ต้องมีต้นทุนเม็ดสี pigment ส่วนแบบสีธรรมชาติที่ไม่ผ่านกระบวนการอะโนไดซ์ เค้าเรียกว่า mill-finish หรือที่คุณหมาร่าเรียกว่า มายังไงไปยังงั้น นั่นเอง แต่ทั้งนี้ สีธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านกระบวนการ อะโนไดซ์ใดๆเลย ก็มีขายเช่นกัน แต่ส่วนมากจะมีทำเฉพาะ หน้าตัดที่ลักษณะการใช้งานไม่ต้องรับแรงมากนัก หรือซ่อนอยู่ด้านใน ไม่โชว์ผิว หรือ ต้องสั่งพิเศษจากโรงรีด ก็สามารถจะทำกับหน้าตัดใดก็ได้ ถ้าสั่งปริมาณมาก แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 53 08:21:34 จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 07:49:22

ความคิดเห็นที่ 3 เพิ่มเติมอีกประเด็น ที่บอกว่าสีอบขาวราคาแพงกว่าอะโนไดซ์นั้น เป็นความจริง แต่ก็คงอีกไม่นานนับจากนี้ไป สถานะการณ์น่าจะเปลี่ยนเป็นตรงข้าม เพราะจริงๆแล้ว ต้นทุนการผลิตของอบขาวนั้นต่ำกว่า สาเหตุที่ราคาแพงกว่า เป็นเพราะมีความนิยม จึงมีค่า "การตลาด" แฝงอยู่ ในราคาขาย ตอนนี้บางโรงรีดเริ่มจะตั้งราคาขายส่งของอบขาว ต่ำกว่าแล้ว แต่ราคาที่ตัวแทนจำหน่าย (ร้านขายปลีก) อาจจะยังสูงกว่าอยู่ ก็น่าเป็นเพราะขายสินค้าในสต๊อคเก่า อบขาว (powder coat) จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เพิ่งมีผู้นำมาใช้กับวัสดุอลูมิเนียมเส้นใช้กับงานอาคารมาเมื่อไม่นานนี้ ที่บอกว่า ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าอะโนไดซ์ เหตุผลง่ายๆที่สนับสนุนก็คือ ขั้นตอนการผลิตของอบขาวไม่มีอะไรยุ่งยาก มีแค่ บูธพ่น, เครื่องพ่น, ผงสี, ตู้อบ ฯลฯ ลงทุนไม่กี่ล้านก็ทำได้ อุตสาหกรรมห้องแถวก็ยังทำได้ แต่ facility ของอะโนไดซ์  ต้องลงทุนสูงกว่านั้นมาก ต้องสร้างบ่อ ซึ่งมีความลึก(หรือความยาวด้านใดด้านหนึ่ง)มากเท่าความยาวของเส้นอลูมิเนียม (6.4 เมตร) หรือใหญ่และลึกกว่าบ่อที่ใช้จุ่มรถยนต์ในกระบวนการ EDP และต้องมีหลายๆบ่อ (มากกว่า 10) เพราะมีหลากหลายกระบวนการย่อย การลงทุนระดับสิบๆล้านหรือร้อยล้านจึงต้องเป็นโรงรีดใหญ่ๆเท่านั้น ถึงจะทำได้ จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 08:18:44

ความคิดเห็นที่ 4 โว้    ข้อมูลแน่นปึ๊ก ทำให้รู้ไปด้วยขอบคุณค่ะ จากคุณ : ชลภัสส์ เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 08:39:37

ความคิดเห็นที่ 5 ล่าสุดที่เคยคุยที่ร้าน (ค่อนข้างดัง ราคาค่อนข้างสูงกว่าร้านทั่วๆ ไป) ร้านหนึ่ง ขาวไม่ได้แพงสุดครับ จะเป็นสีื่อื่นๆ ซึ่งผิวจะออกด้านๆ (จำไม่ได้จริงๆ ว่าเค้าเรียกว่าอะไร) ผมว่าสวย และดูดีมากๆ เลย (ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะเลือกเป็น UPVC ก็ตาม) จากคุณ : SakSakSak เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 09:42:43

ความคิดเห็นที่ 6 สุดยอดความรู้ใหม่สุดยอดดดดด จากคุณ : azxaaZaa เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 09:44:24

ความคิดเห็นที่ 7 clear มากเรยครับ ทั้งคห1 และ คห 2 ให้ความรู้ดีมาก ขอบคุณครับ จากคุณ : chareeve เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 09:49:50

ความคิดเห็นที่ 8   แล้ว upvc ดีกว่ากรอบอลูมิเนียมตรงไหนครับ เห็นฮิตกันจัง ราคาก็แพงกว่ามาก จากคุณ : doctorit เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 11:18:11

ความคิดเห็นที่ 9 ได้ความรู้ ..ขอบคุณมากครับ จากคุณ : nai_aoum เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 11:31:12

ความคิดเห็นที่ 10 upvc ไม่เห็นสวยเลย..อลูมิเนียมสวยกว่าตั่งเยอะ แต่คนที่เลือก upvc คงต้องการเรื่องการใช้งาน เพราะทนมากๆ ทั้งความชื้น และเรื่องโครงสร้าง เก่ายาก ทำความสะอาดง่าย แต่กระทู้นี้ได้ความรู้จริงๆ จากคุณ : คุณปุ๊ เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 11:54:50

ความคิดเห็นที่ 11 กำลังจะเข้ามาบอกว่า สีไหนต้นทุนก็ไม่ต่างกัน แต่ พี่ คคห.3 ไขข้อกระจ่างไปหมดแล้วครับ จากคุณ : NITBALL เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 13:14:32

ความคิดเห็นที่ 12 UPVC เปรียบเทียบกับอลูมิเนียมก็คล้ายกับ อลูสีอบขาวกับอะโนไดซ์น่ะแหล่ะค่ะ คือ UPVC จะมีค่าการตลาดแฝงอยู่ในราคา ต้นทุนการผลิตของ UPVC ต่ำกว่ามากถ้าเทียบกับอลูมิเนียม อย่าว่าแต่เทียบกัยของมีแบรนด์เลย เทียบกับผลิตภัณฑ์มาตรฐานตลาดบ้านเราทั่วๆไปก็ยังต่ำกว่า คิดดูง่ายๆว่าพลาสติคมันนิ่มกว่าและจุดหลอมเหลวต่ำกว่าโลหะตั้งเยอะ ฉะนั้นเครื่องรีดจึงใช้พลังงานต่ำกว่า และเป็นเครื่องจักรที่ไม่ซับซ้อนอะไรมาก ที่บอกว่ากระบวนอบขาวอลู อุตสาหกรรมห้องแถวก็ทำได้ รีดพลาสติคเส้นก็คล้ายกันค่ะ ยังมีต่อ... จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 23:02:31

ความคิดเห็นที่ 13 UPVC มันดูสวย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูไม่บึกบึนแข็งแรง เหมือนของเล่นมากกว่าวัสดุอาคาร และใครที่คิดว่าพลาสติคเบากว่า เพราะฉะนั้นการใช้งานน่าจะเบาแรง ให้คิดซะใหม่ เพราะข้างในมันมีเหล็ก จึงหนักกว่าอลู ข้อได้เปรียบของ UPVC เหนือกว่าอลู ในทางวิชาการแล้ว มีเพียงอย่างเดียวคือ อัตราการยืดหดตัวเมื่อเจออากาศเปลี่ยนแปลงต่ำกว่า เพราะฉะนั้นจึงเหมาะกับบ้านพักอาศัยหรืออาคาร ที่อยู่ในภูมิอากาศหนาวเย็นสุดๆ (ติดลบหลายๆสิบองศาและยาวนานต่อเนื่องเป็นเดือน) อย่างในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย, ยุโรปเหนือ จีนตอนเหนือ ญี่ปุ่นตอนเหนือ (เช่นฮอกไกโด) พวกนี้ ใส่อลูไม่ได้ บานหน้าต่างประตูจะเสียรูปและทำให้ฟังชั่นผิดพลาด มีต่อ... จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 23:16:27

ความคิดเห็นที่ 14 รอฟังต่อ คุณม่วยถ่าวครับ ถ้าไม่เน้นเรื่องความสวยงาม อลูสีเงิน ดูแลง่ายสุด น่าใช้สุดใช่ไหมครับ จากคุณ : แมวทาโร่ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 02:17:49

ความคิดเห็นที่ 15 ใช่แล้วค่ะ มาว่ากันเรื่องกลไกราคา ถ้าเช่นนั้น มีปัจจัยอะไรที่ทำให้ UPVC ราคายังคงแพงกว่าอลูอยู่ ทั้งๆที่ทุกวันนี้มีผลิตออกมาขายแข่งกันหลายยี่ห้อ ปัจจุบัน แม้ว่าจะมีหลายยี่ห้อ แต่ก็ยังคงถือว่าเป็นตลาดผู้ขายน้อยรายอยู่ เพราะ fabricator และ installer มีน้อย การติดตั้งต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง แต่ละยี่ห้อก็มีเทคนิคและขั้นตอนการติดตั้งของตัวเอง แตกต่างกัน เนื่องจากหน้าตัด (profile) ของแต่ละเส้น แต่ละกรอบแตกต่างกัน ไม่เหมือนผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างแบบพื้นๆ ที่ไม่ว่าโรงรีดไหนทำออกมาก็หน้าตัดเดียวกัน เพราะ drawing เดียวกัน installer ก็เลยทำงานตามขั้นตอนที่คล้ายคลึงกัน แม้ขั้นตอนจะยุ่งยากกว่า แต่คนทำเป็นมีเยอะ เพราะคนสอนก็มีเยอะ มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 13:00:01 จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 08:43:27

ความคิดเห็นที่ 16 มาว่ากันต่อเรื่องคุณสมบัติด้านอื่นๆ ของ UPVC นั่นก็คือสิ่งที่คนกลัวนักกลัวหนา เกี่ยวกับวัสดุประเภทนี้คือ ใช้ไปนานๆจะเหลือง (Yellowish) จริงๆแล้ว วัสดุอะไรก็ตามที่เป็นสีขาว ไม่ว่าสีขาวนั้นจะมาจากเนื้อวัสดุเอง (UPVC) หรือเกิดจากกระบวนการทำสี (อบขาว, อะโนไดซ์ ในอลูมิเนียม) ก็ย่อมจะต้องเหลืองเป็นธรรมดา เพราะแดดเลีย หรือผ่านการใช้งานมานานหลายๆปี ประเด็นคือ อะไรเหลืองช้าที่สุด โดยหลักการแล้ว เชื่อว่า UPVC เหลืองเร็วสุด 10-12 ปี อลูมิเนียมอบขาว 15-20 ปี อะโนไดซ์ขาว 15-20 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น (แต่แปลกตรงที่ว่า มีโรงรีดน้อยรายมาก ที่ผลิตอะโนไดซ์ขาวออกมา อาจไม่มีเลยด้วยซ้ำ ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น) ผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์ของกลุ่ม UPVC ส่วนมากมักเคลมว่า กรรมวิธีการผลิตสามารถการันตีได้ถึงหลายๆสิบปี เพราะเติมสารป้องกันการทำปฏิกิริยากับ UV ในปริมาณที่เพียงพอ จริงๆแล้วไอ้สารที่ว่านี้ มันก็มีอยู่จริง น่ะแหล่ะ แต่ไม่มีทางที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ จะทราบได้เลยว่า ผู้ผลิตแต่ละราย (โดยเฉพาะพวก no name หรือ รายเล็กๆ หน้าใหม่ๆ ในตลาด) จะเติมในปริมาณที่มากตามที่กล่าวอ้างจริง กว่าจะเหลืองขึ้นมา เค้าก็ทำตลาดได้เงินไปโขแล้ว อย่างที่บอกมาแต่ต้นน่ะแหล่ะค่ะ plastic extrusion มันทำง่ายซะจน มีเมืองบางเมืองในประเทศจีน มีแต่ร้านรับรีดพลาสติคเส้น เป็นห้องแถวเรียงติดกันถี่ แทบจะร้านเว้นร้าน พวกนักพัฒนาผลิตภัณฑ์หน้าใหม่ๆเหล่านี้ ก็แค่ดีไซน์หน้าตัดให้เป็น patent ของตัวเอง แล้วก็ส่ง drawing ไปจ้างรีด (เจ้าของผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อ เคยเดินทางไปดูกระบวนการผลิตที่โรงรีดจริงๆรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย) สรุปก็คือ ถ้าอยากเลือก UPVC ก็แนะนำให้มองแต่แบรนด์ระดับบนๆ ผลิตในประเทศ อย่าง วินเซอร์ เท่านั้นอ่ะค่ะ ถึงจะมั่นใจได้ เพราะเค้าเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ ทำตลาดมายาวนาน พิสูจน์แล้วว่าเหลือง "ช้า" ตามที่กล่าวอ้างจริง มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 21:50:45 จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:18:33

ความคิดเห็นที่ 17   ดำ จากคุณ : sakkava เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:43:23 A:124.121.9.155 X: TicketID:243243

ความคิดเห็นที่ 18   คุณม่วยถ่าวตอบได้ความรู้ดีจริง ขอบคุณมากครับ จากคุณ : doctorit เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:47:52

ความคิดเห็นที่ 19 ก่อนจะไปถึงประเด็นถัดๆไปจากนี้ ต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า ความเห็นทั้งหมดนี้ มาจากมุมมองเดียวของคนในวงการคนหนึ่ง ที่ได้รับการบอกต่อบอกเล่ามาอีกที ข้อเท็จจริงจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ก็เก็บไปพิจารณากันเอาเองละกัน ต่อๆ แต่แม้ว่า ตัดสินใจเลือกวินเซอร์ ซื้อจากตัวแทนเจ้าไหน นี่ก็เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงให้มาก เพราะ การติดตั้งแม้จะไม่ยุ่งยากซับซ้อนเท่าอลูมิเนียมเกรด local ทั่วๆไป แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดเจ้าของบ้านทั่วๆไป หรือแม้แต่ช่างอลูทั่วๆไปจะทำได้ ต้องมีการฝึกอบรมโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์เพียงพอ ทีนี้ มันมีอยู่ช่วงนึง ที่ทางวินเซอร์เค้าโหมทำตลาดแบบ "หน้ามืด" รับตัวแทนจำหน่าย+installer ใหม่ๆ มามากเกินกำลังทรัพยากรด้านฝึกอบรมช่างติดตั้งที่มีอยู่ ผลก็คือ มีช่างของตัวแทนจำหน่ายมากมายที่ไม่ได้ผ่านการเทรน หรือ เทรนไม่เพียงพอ ไปติดตั้งให้ลูกค้าแล้วทำงานเสีย เกิดเป็นเรื่องราวโจษจันกันมากในวงการ ทำเอาชื่อเสียงป่นปี้ ทั้งๆที่ตัว products ของวินเซอร์เองไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย มีต่อ... จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 15:55:30

ความคิดเห็นที่ 20 สีดำจะเพงสุดค่ะ  สีอบขาวจะราคารองลงมา สีชาจะเป็นราคากลางๆ  สีเงินหรือสีธรรมชาติจะถูกสุดค่ะ จากคุณ : เด็กพานใหม่ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 10:24:28

ความคิดเห็นที่ 21   เห็นกระทู้แล้วน่าสนใจคะ ที่บ้านเคยใช้อลูมิเนียมอยู่คะ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ upvc hevta มีสถาปนิกออกแบบ บ้าน แนะนำคะ แล้วก็ไปเดินงานสถาปนิกแล้วเจอ ก็เลยสอบถามดู มีสีให้เลือกด้วยนะคะ ที่บ้านทำ โรงรถไม้ระแนง upvc เป็นสีน้ำตาล ส่วนประตู หน้าต่าง ใช้สีขาว งานบริการต้องขอชมคะว่าดีมาก แต่ราคาก็จะแพงกว่า ยี่ห้ออื่นหน่อยคะ แต่ชอบพวกไม้ระแนง upvc สวยมากคะ สีที่ทำก็ไม่ลอก แต่ข้อเสียคือจะไม่มีลายไม้นะคะ ถ้ามองไกลๆก็จะออกเหมือนไม้นะคะ เป็นอีกความคิดเห็นนะคะ ช่วยกันคิดคะ จากคุณ : ลูกเจียบ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 10:37:36 A:58.136.93.200 X: TicketID:176224

ความคิดเห็นที่ 22 พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเคสมาสนับสนุนทฤษฎีของเราซะแล้ว http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R8761073/R8761073.html ประเด็นต่อจากนี้ จะกลับมาพูดเรื่องอลูมิเนียมมั่ง อลูมิเนียมที่เป็นของมีแบรนด์ในบ้านเราทุกวันนี้ ระดับบนเห็นมีอยู่ 4-5 แบรนด์ มีทั้งค่ายออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, ไทย ขออนุญาตไม่พูดชื่อแบรนด์ แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่ามีบางแบรนด์ เริ่มจะหันมาส่งเสริมการขายด้วย DIY  คือพยายามตัดพ่อค้าคนกลางหรือตัวแทนจำหน่าย ที่รับติดตั้งด้วย ออกไปจากวงจร โดยไปแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ห้างขายสินค้าบ้านแทน หลักการก็คือ เจ้าของบ้านที่วางแผนปลูกบ้าน ก็ให้เหลือขั้นตอนประตูหน้าต่างเอาไว้ แล้วพองานก่อฉาบ,จับเซี้ยมเสร็จ ก็วัดขนาด ไปสั่งซื้อ ห้างพวกนี้ก็รับออเดอร์ (แน่นอน พร้อมเงินมัดจำจำนวนหนึ่ง) จากนั้นก็ส่งตัวเลขที่วัดขนาดโดยเจ้าของบ้าน (หรือช่างของเจ้าของบ้าน) เข้าโรงงาน ทำการ fabricate ออกมา เกือบสำเร็จรูป ส่งถึงบ้านก็ยกกรอบยิงเข้ากรอบปูน ยกบานขึ้นวางได้เลย ฟังดูน่าจะสะดวกดี แต่อีกซักพัก ก็จะรู้กันว่านโยบายนี้มันเวิร์คหรือไม่ ถ้าไม่เวิร์คก็น่าจะเป็นเพราะ ใช้ได้กับเฉพาะบ้านที่เจ้าของบ้านมี ผรม. ที่พร้อมจะรับคำสั่ง, วัดขนาด, รอติดตั้งให้ แต่ถ้าลงมือทำเอง แบบ DIY ก็อาจมีอุปสรรคตรงที่ เครื่องมือบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้ เจ้าของบ้านทั่วๆไป ที่ไม่ได้เป็นช่างลงมือทำอะไรด้วยตัวเองอยู่เสมอ อาจไม่มีไว้ติดบ้าน ยกตัวอย่างเช่น บันได, ปืนยิงซิลิโคน, สว่านกระแทก ฯลฯ น่าจะไม่มีต่อแล้วล่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์เข้ามาอ่าน จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 21:07:09