ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยกับคุณคะ จากคุณ : สาวชนบท เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 16:29:56

ความคิดเห็นที่ 2 ผมก็คิดแบบคุณเลย และอธิบายให้แฟน แฟนก็เห็นด้วย แต่ตอนนี้ผ่อนไปปีนึงแล้วคิดว่าถ้าผ่อนบ้านน้อยกว่านี้หน่อยก็จะดีนะ พอได้บ้านเดี๋ยวก็จะอยากได้นู่นนี่นั่น ตามมา เงินเหลือเดือนละ 8,000 บาท ค่อนข้างน้อยถ้าเกิดกิเลศแบบผม ถ้าให้เลือกใหม่ผมขอผ่อนสบายๆ เหลือเงินไว้เก็บ ลงทุน หรือสนองกิเลศดีกว่า ความเห็นส่วนตัวนะครับ จากคุณ : oohahh เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 16:50:14

ความคิดเห็นที่ 3 คนส่วนใหญ่จะคิดว่า ซื้อบ้านเป็นการซื้อทรัพย์สิน แต่สำหรับผม ถ้าซื้อบ้านเกินกำลัง เป็นการสร้างหนี้สินระยะยาว ซื้อบ้านแล้วต้องผ่อนชำระยาวเกือบชั่วชีวิต คุณต้องใช้เงินเดือนละ 8000 บาทไปอีก 30 ปี แล้วอะไรบอกคุณว่าการทำงานเป็นลูกจ้างจะมั่นคง มันเป็นสิ่งที่ลูกจ้างควบคุมไม่ได้ แต่ถ้ามีความจำเป็นจะซื้อจริงๆ หรือในปัจจุบันเช่าอยู่ ผมแนะนำให้ซื้อให้ราคาเหมาะสมกับฐานะ ดูจากเงินเดือน และเงินเก็บที่มี ผ่อนไม่เกิน 20% ของรายได้ และมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะจ่ายค่าบ้านได้สัก 1 ปี เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต ซื้อบ้าน ขนาดพออยู่กำลังดีครับ ผมมีพี่คนนึง แต่งงานอยู่กันสองคน ซื้อบ้าน 7 ล้านกว่า ตกแต่งอีก 3 ล้าน ผ่านไป 2 ปี พี่เค้าบอกเลยว่าถ้าย้อนเวลาได้จะไม่ซื้อ การดูแลก็ยาก เนื่องจากบ้านหลังใหญ่ ตัดหญ้าวันนึงไม่เสร็จนะครับ ไอ้บ้านที่สวยตอนซื้อ ผ่านไปสองปี ก็เริ่มโทรมแล้ว ลองคิดหลายๆด้านดูนะครับ อนาคตไม่มีไรที่แน่นอน ลูกจ้างทุกวันนี้ อายุเกิน 30 ปี บางที่ไม่รับแล้ว สำหรับผม บ้านคือหนี้สินของผู้กู้ แต่คือทรัพย์สินของธนาคาร ไม่เชื่อคุณลองเอาค่างวดทั้งหมด คูณด้วยจำนวนเดือน จำนวนปีที่ต้องผ่อน ไม่ได้กล่าวให้งานเสียนะครับ แต่เอาไว้เป็นอีกทางเลือก โชคดีกับการวางแผนอนาคตครับ จากคุณ : golfUIH_166 เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 17:07:26

ความคิดเห็นที่ 4 นกน้อยทำรังพอตัวค่ะ บ้านถูกก็ใช่จะมีปัญหามากกว่าบ้านแพงเท่าไหร่ สุดท้ายพออยู่ไปมันก็ต้องแต่งต้องซ่อมไปเหมือนกัน เหลือแปดพันต่อเดือนไม่พอหรอกค่ะ เกิดฉุกเฉินจะลำบากตึงหน้าตึงหลังจะเครียดจนนอนไม่หลับในบ้านหลังแพงนะคะ เลือกที่ไว้ใจได้ ตรวจรับบ้านให้เขี้ยวไว้ก่อน ปัญหาที่ตามมาจะได้น้อยหน่อย แล้วอยู่ไปขยายไป ค่อยๆแต่งก็มีความสุขได้ค่ะ เกิดเก็บหอมรอมริบไว้พอซื้อหลังใหม่ค่อยขายหลังเก่าต่อทุน เพลย์เซฟค่ะ จากคุณ : จิ๊บ (cupid_jib) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 17:12:15

ความคิดเห็นที่ 5 โบราณว่าไว้ ชินแสว่า..ว่า.. ซื้อบ้านให้ซื้อใหญ่เกินตัว ซื้อรถให้ซื้อพอดีตัว บ้านใหญ่จะนำพาแต่ความเจริญ นำทรัพย์เข้ามา อยู่เย็นเป็นสุข ไม่อึดอัดคับแคบ(ไม่เชื่ออย่าเถียง^^) จากคุณ : WolfJeep เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 17:19:29

ความคิดเห็นที่ 6 นกน้อยสร้างรังแต่พอตัวจ้ะ จากคุณ : คนหัวฟู เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 17:20:51

ความคิดเห็นที่ 7   ที่เหลือ 8 พันนี่ส่วนตัวของผมคนเดียวที่เหลือเป็นเงินเดือนคุณแฟนเธอถ้าทุกท่านคิดว่ามันไม่น่าจะพอก็คงต้องทำใจแล้วล่ะมั่งเนี่ยเห้ออออออออออ จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 17:21:04 A:10.0.220.207 X:203.170.177.161 TicketID:246077

ความคิดเห็นที่ 8   เป็นเราคิดแบบแฟนคุณแหะ นกน้อยทำรังแต่พอตัวดีกว่า เพราะถ้าเกินตัวแล้วเราว่าเหนื่อย คุณมองเป็นทรัพย์สินก็ไช่ แต่ตราบใดที่มันยังติดอยู่กับธนาคาร มันคือหนี้สินนะคะ แล้ว อนาคตไม่แน่นอน อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ควรมีเงินเก็บสำรอง เพราะบ้านเป็นสินทรัพย์ แต่ก็ขายยาก ไม่เหมือนทอง จากคุณ : ชอบออกกำลัง เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 17:49:48 A:58.10.64.74 X: TicketID:004573

ความคิดเห็นที่ 9 ลองมองหาบ้านที่ดี น่าอยู่ ทำเลดี และขายต่อได้ง่าย ถ้าอยากขยับขยาย ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่เป็นภาระ กับเรา จนเกินไป อย่าลืม ลูกจ้าง ก็คือลูกจ้าง อนาคตไม่แน่นอน เพราะฉะนั้น สัดส่วนการผ่อนชำระไม่น่าเกิน 30-40% ของเงินเดือนคุณ เพราะคุณยังต้องมีภาระอื่นๆ หรือจำเป็นต้องมีเงินเก็บเพื่อยามฉุกเฉินอีกครับ จากคุณ : SurasakMan เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 18:34:04

ความคิดเห็นที่ 10 สนับสนุน "นกน้อยทำรังแต่พอตัว" จ๊ะ มีหนี้นิดหน่อย เหลือเงินเยอะหน่อย ทำงานก็เหนื่อยแล้วเอาเงินเหลือๆ มาซื้อความสุขบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เงินไปผ่อนหนี้ ตั้ง 30 ปี นะ ลองคิดดู ว่ามันนานแค่ไหน... หากช่วงที่ผ่อนบ้านหลังเล็ก มีเงินเหลือเก็บมาก อีกหน่อยก็เปลี่ยนจากหลังเล็กไปหลังใหญ่ไม่ยากเลยค่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่า "คิดการเล็กทำจนสำเร็จแล้ว เรื่องคิดการใหญ่มันก็ง่ายขึ้น" โชคดีในการตัดสินใจนะคะ จากคุณ : noyne เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 18:36:32

ความคิดเห็นที่ 11   มาสวนกระแสครับ เชียร์ให้ซื้อบ้านดีทีเดียวไปเลย ถ้าไม่เป็นภาระอันใหญ่หลวง เหตุผลเพราะ บ้านคือวิมานของเรา เปลี่ยนบ้านไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ กว่าจะหาบ้านใหม่ได้อีกเพราะราคาก็คงขึ้นไปอีก และกว่าจะขายบ้านเก่าได้อีก กว่าจะย้ายของ กว่าจะตกแต่งใหม่อีก ค่าโอน ค่าเงินดาวน์ใหม่อีก เหนื่อยน่าดูครับ และตอนซื้อบ้านใหม่ถ้าซื้อช้าโครงการมันก็จะห่างออกนอกเมืองไปเรื่อยๆแถมแพงขึ้นอีก ถ้าบ้านดีทำเลดีจะขายง่ายและได้ราคาอีกด้วย ประสบการณ์เปลี่ยนบ้านมาแล้ว 4 หลังครับ จากหลังเล็กไปใหญ่ บ้านที่ไม่ถูกใจอยู่ได้ไม่กี่ปีก็อยากย้ายออกแล้ว บ้านปัจจุบันอยู่สบาย 10 กว่าปีแล้วยังไม่คิดจะย้ายไปไหน แต่บ้านเก่าก็ยังขายไม่ออกเลย  บ้านที่ไม่ถูกใจอยู่ได้ 3 วันก็อยากย้ายออกแล้ว แต่กว่าจะย้ายออกได้ก็ 3 ปี แล้วคิดดูว่า 3 ปีนั้นมีความสุขไหม แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 19:03:52 จากคุณ : <SportivO> เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:02:53

ความคิดเห็นที่ 12 อันนี้ของเราเองนะคะ เราเลือกพอดีๆ กับตัวเองค่ะ  พอดีเป็นคนขี้กลัว ขี้กังวล และนี่เป็นหนี้ครั้งแรกในชีวิต บ้านเราถึงแม้จะหลังเล็ก แต่เราก็ว่าเหมาะสมกับเราแล้ว และเราก็พอใจและรักมันมากๆ ด้วย เรื่องอนาคตการผ่อนก็แอบกังวลเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่ากลัว เพราะสามีเป็นข้าราชการยังไงก็ไม่มีปัญหาเรื่องถูกเลิกจ้าง หรือบ.เจ๊ง อยู่แล้ว ต่อไปอนาคตเกิดรวยขึ้นมา (เราทำธุรกิจ) ก็อาจจะซื้อหลังใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้ขอเอาสบายตัวไว้ก่อนค่ะ นี่ก็ตั้งเป้าว่า จะพยายามผ่อนให้หมดใน 3 ปีค่ะ จากคุณ : Pat_Girl เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:16:00

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่น่ารีบร้อน ใจเย็นๆดูๆไปก่อน จากคุณ : alfajet เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:16:06

ความคิดเห็นที่ 14   เข้ามาอ่านแล้วได้แง่คิดดีๆหลายอย่างเลย อย่างน้อยก็ได้คำพูดดีๆมา 1 ประโยคละ "นกน้อยทำรังแต่พอตัว" ส่วนผม"สุขที่คุณภาพ ใช่ที่ปริมาณครับ" เคยไปกินกาแฟ หรือ ร้านอาหารที่บรรยากาศดีๆไม๊ครับ ไม่ต้องเนื้อที่ใหญ่โตกว้างขวาง นั่งแล้วแบบว่าไม่อยากกลับเลย แต่กาแฟหรืออาหารก็แพงใช่ย่อย เปรียบเหมือนบ้านครับ ไม่ต้องใหญ่มากพอดีแก่ความต้องการที่จะใช้งาน แล้วเอาเงินทื่เหลือมาตบแต่งเฟอร์นิเจอร์หรืออื่นๆให้สวยน่าอยู่ดีกว่าครับ เป็นอีกหนึ่งความคิดเห็นนะครับ... สุดท้ายคติระจำใจผมเลยครับ "เชื่อเมียแล้วจะรวยครับ" อิอิอิอิอิอิ จากคุณ : พ่ออะอ๊ะ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:37:24

ความคิดเห็นที่ 15 เคยว่าคนใกล้ตัว แบบที่จขกท.โดนว่าเลย รู้กผิดเหมือนกัน T T แต่อยากให้คิดว่าเราผ่อนมัน 30 ปี ไม่ใช่ 3 ปี อยู่บ้านเล็ก แค่พอตัวก็มีความสุขได้ จากคุณ : littleP-loan เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 20:11:58

ความคิดเห็นที่ 16 เชื่อตัวเองครับ จะผิดจะถูกเราก็เป็นคนกำหนดครับ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง จะถูกจะแพงแต่อยู่แล้วต้องปลอดภัยครับ จากคุณ : GASP!!! เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 20:57:22

ความคิดเห็นที่ 17   ผมอยากให้มองสภาพแวดล้อมของบ้านด้วยนะครับ หากได้บ้านราคาถูกและสภาพแวดล้อมดีก็โชคดีมากจนหลายคนอิจฉา แต่หากซื้อราคาถูกและเป็นแหล่งที่ไม่ดีก็ทำให้อึดอัดและปวดหัวกับหนี้ก้อนโตและย้ายไปไหนก็ไม่ได้ ทุกข์มากครับ สำหรับผมหากต้องจ่ายเพิ่มเพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีและโอกาสการขายต่อ ให้เช่า ได้ด้วยจะดีมาก แต่ครับแต่ต้อไม่ให้เงินเหลือจากการผ่อนต่ำเกินไป ชีวิตก็จะเครียดไม่มีเงินใช้เติมความสุขให้ชีวิต แบบนี้ผมก็ไม่เอาครับ รอดีกว่า รอให้ได้ของที่ดีที่เหมาะสมกับเราดีกว่าครับ คิดดี ดี ก่อนเป็นหนี้ครับ เป็นแล้วไม่สามารถถอนออกมาหรือหันลังวิ่งหนีไปได้นะครับ ดีไม่ดีแฟนหนีนะครับ จากคุณ : Benelux เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 21:05:51

ความคิดเห็นที่ 18   ธุรกิจหรือบริษัทยังค่อยๆ พัฒนาเลยจากเล็กไปใหญ่เลย เพราะฉะนั้น บ้านก็ต้องค่อยๆ พัฒนาจากหลังเล็กๆ ไปหลังใหญ่ จากคุณ : เด็กอนามัย เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 21:35:49

ความคิดเห็นที่ 19 ซื้อเท่าที่ตัวเองผ่อนไหว และเมื่อจ่ายค่าผ่อนบ้านแล้วควรมีเงินเหลือเก็บ ตอนนี้คุณมีงานทำจริง แต่อนาคตใครจะรับประกันได้ ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้าเราซื้อบ้านที่เราผ่อนไหว ในทำเลที่ดี ถูกใจ กับโครงการที่ไว้ใจได้ บ้านหลังนี้ถือเป็นทรัพย์สิน ต่อไปถ้าคุณมีเงินมากขึ้น ก็ค่อยซื้อหลังที่แพงกว่าขึ้นไป ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ อย่าลืมว่าการซื้อบ้านไม่ใช่แค่มีเงินผ่อนบ้าน เพราะยังต้องมีค่าใช้จ่ายอื่่น ๆ ค่าตกแต่งอย่างน้อยก็ต้องห้าแสนแล้วค่ะ ไหนจะต้องทำครัวอีก เลือกที่คุ้มค่าเงิน และ ดูคุณภาพบ้าน, ความปลอดภัย ฯลฯ ประกอบกันไป โครงการที่มีชื่อเสียงไม่ได้หมายความว่าบ้านจะมีคุณภาพเสมอไป ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มีอะไรก็ฟังกันอย่างมีเหตุผลนะคะ จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 21:50:46

ความคิดเห็นที่ 20 นกน้อยทำรังแต่พอตัวค่ะ ซื้อบ้าน ใช่ว่าจบแค่ผ่อนรายเดือนนะคะ ไหนจะค่าดูแลรักษา ค่าต้นไม้ ค่าสี ค่าฉีดปลวก ค่าตกแต่ง ค่าซ่อมแซม ฯลฯ .... จากคุณ : อาซิ่ม เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 21:50:47

ความคิดเห็นที่ 21   เงินเหลือ 8000 บาทระวังแฟนทิ้งนะ จากคุณ : kitisak1970 เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 22:10:14

ความคิดเห็นที่ 22 ซื้อแบบพอดีๆ ครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 22:33:32

ความคิดเห็นที่ 23   บ้านดีๆ ไม่ใช่ปัจจัยอย่างเดียวที่ทำให้มีความสุขนะ ถ้าเป็นผม จะซื้อแบบพอดีๆ ครับ เผื่อไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง ที่อาจจะมีในอนาคตดีกว่า จากคุณ : ton-pon555 เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 23:37:00

ความคิดเห็นที่ 24 เราคิดว่าซื้อดีๆไปเลยดีกว่าค่ะ เห็นคุณบอกว่าของคุณเหลือ 8000 แต่ว่าของแฟนไม่ได้มาผ่อนด้วยใช่รึเปล่าคะ บางทีซื้อแพง เราได้สิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าด้วยค่ะ จากคุณ : นู๋กำไร เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:46:10

ความคิดเห็นที่ 25 Buy the best that you can afford. Is she your girlfriend or your wife?  If she is your wife or wife to be, how come she doesn't plan to share the expenses?  If she is just a girlfriend, you should not ask her to co-signed the loan. If you have to pay for everything by yourself, the decision is yours.  Consult your parents is also a good idea. จากคุณ : Intania (BenzSiam) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 01:38:11

ความคิดเห็นที่ 26 ฮือๆๆ ผมซื้อทาวน์เฮาท์มา 1 ล้าน คิดว่าจะได้ผ่อนสบาย ก็ผ่อนสบายๆ จริง เดินทางสะดวก แต่เพื่อนบ้านไม่ดีเลย เปิดเพลงเสียงดัง กินเหล้าเมายา แง้ๆ อยากย้อนเวลาไปซื้อบ้านเดี่ยวจริงๆ ครับ ตอนนี้อายุคุณแม่เยอะแล้ว ท่านก็ไม่อยากไปที่ไหน ผมจึงต้องนั่งทนฟังเสียงข้างบ้านเปิดเพลง เปิดทีวี เสียงดัง กินเหล้า กันต่อไปครับ เลือกสิ่งแวดล้อมให้ดีๆ ด้วยนะครับ จากคุณ : ชัยยงค์ เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 08:46:17

ความคิดเห็นที่ 27 เพิ่งซื้อทาวน์เฮ้าส์ไปหนึ่งหลังราคา 750,000 เป็นมือหนึ่งที่เค้า renovate ทำใหม่ สภาพความสวยงามของหมูบ้านให้ 5 คะแนนจาก 10   เพราะเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ไฮโซอะไร ขายของตามตลาด บ้าง แม่ค้าพ่อค้า ทั่วๆไป แต่ทุกคนอัธยาศัยดี มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน อันนี้ให้คะแนนเต็ม10 ไปเลย มีความสุขค่ะ ตกแต่งบ้านเราให้สวยเพราะเราใช้ชีวิตในบ้าน ไม่ใช่นอกบ้าน อยากให้บ้านสวยยังไงก็แต่งอย่างนั้น ^^    เมื่อก่อนหาบ้านเดี่ยวราคาแพง เคยจองแต่ไม่ได้เอา ยอมเสยเงินฟรี (แอบเสียดายเหมือนกัน) เนื่องจากเดินทางไกลและกลัวผ่อนไม่ไหว และตอนนี้คิดว่า คิดถูกแล้วที่ไม่เอาบ้านเดี่ยวหลังนั้น เพราะเดือนๆต้องมานั่งเครียดกับเงินที่จะผ่อนบ้าน กระดิกตัวไม่ได้เลยตึงเครียด ยามเจ็บป่วยจะเอาที่ไหนรักษา ไหนจะส่งให้ทางบ้านอีก ทุกวันนี้ส่งเดือนละ 5,000 ไม่รู้สึกสะเทือนอะไรเลยทั้งๆที่เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอ่ะไร คิดเสียว่าดีกว่าเช่าหอพักซึ่งราคาพอๆกัน   บ้านยังไงก็คือบ้านของเราค่ะ อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอนอย่าไปมองเกินตัวมาก จะเหนื่อย เพราะคุณอาจอยู่ไม่ถึงวันนั้นก็ได้ (อนาคต) แล้วใครจะเป็นคนส่งบ้านแพงๆหลังนี้หล่ะ เคยคิดไหม?  ยังไงลองไตรตรองดูค่ะ ให้กำลังใจละกัน ^^ จากคุณ : กะทิสีชา (กะทิสีชา) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 09:46:18

ความคิดเห็นที่ 28   อยากซื้อ LH เพื่อซื้อบ้านดีๆ ไว้อยู่ยาว ผมมองว่าคุณคิดถูกนะ ...แต่ถ้าซื้อแล้ว เงินเหลือใช้แค่เดือนละ 8000 บาท คุณคิดผิดครับ เพราะคุณจะได้อยู่บ้านสวยแต่มีเงินใช้แบบประหยัดสุดๆไปเกือบ 10 ปีแรกของการผ่อน  เพราะการผ่อนบ้าน 10 ปีแรก เงินค้นแทบไม่ลดเลยนะ สมมุติว่าคุณผ่อนเดือนละ 25000 บาท เมื่อคุณผ่อนไปแล้ว คุณเห็นดอกเบี้ยกับการลดลงของเงินต้นแล้วจะรู้สึกเสียดายและเสียใจ ที่ชีวิตเหมือนเป็นทาสของนายธนาคาร ถ้าคุณมีกำลังผ่อนเดือนละ 25000 บาท แล้วอยากได้บ้าน LH อยู่ ทำไมไม่ลองทำแบบนี้หละครับ 1. สะสมเงินดาวน์ก้อนใหญ่ โดบการซื้อคอนโด  - ด้วยการไปซื้อคอนโดห้องเล็กๆแต่อยู่ในทำเลที่ดี สามารถปล่อยเช่าได้ราคาที่ดีในอนาคต ...เช่น คอนโดแถวรัชดา ใกล้ทางรถไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท (เช่น regent condo - จะซื้อคอนโด เพื่อปล่อยเช่าอย่าซื้อคอนโดที่แพงเกินไป ..เช่นหวังค่าเช่าเดือนละ 7000 บาท คอนโด ไม่ควรเกิน 1 ล้านบาท  ) วางดาวน์ไปสัก 2-3 แสนบาท (เงินเก็บคุณคงมี) แล้วผ่อนเดือนละ 5000 บาทแบบสบายๆ  ...เก็บเงินไว้เดือนละ 20000 บาท( เงินที่คุณจะต้องไปจ่ายเป็นดอกเบี้ยในแต่ละเดือน ถ้าคุณซื้อ LH ) เหลือเงินใช้เดือนละ 8000 เหมือนเดิม แต่เป็น 8000 ที่มีชีวิตแบบมั่นใจเพราะเงินเก็บเดือนละ 20,000 บาท 2. สะสมเงินดาวน์โดยการซื้อหุ้นดีๆไว้ เช่น หุ้นของ ศุภาลัย - ในเงินออมเดือนละ 20000 แบ่งออกไปเดือนละ 5000 เพื่อซื้อหุ้นศุภาลัยแบบมองล่วงหน้า 3 ปี สะสมไปเรื่อยๆ อย่าไปสนใจราคามากมาย เมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณจะได้ทั้งราคาและเงินปันผล กว่า 2-3 เท่าของเงินลงมุนทั้งหมด ....เหมือนเพื่อนของผม อยากได้ วิลลา ราชเทวี คอนโดกลางเมือง แต่มันแพงมาก...ก็ใช้วิธีซื้อหุ้นของรถไฟฟ้า ( BMCL) วัดดวงด้วยเงินลงทุน 2 ล้าน แบบมองยาว 5 ปี ...ถ้าห้นตัวนี้ราคาวิ่งไป 2 เท่า เงินจะกลายเป็น 4 ล้าน ...ถ้าวิ่ง 3 เท่าก็จะกลายเป็น 6 ล้าน ซื้อวิลลาราชเทวีได้เลย ...แต่ถ้าราคาไม่ไปตามที่คิด ราคาลดลงกว่าเดิม ก็ไม่คิดมาก ซื้อสะสมเพิ่มไปเรื่อยๆ เพราะรู้ว่ารถไฟฟ้าไม่มีวันเจ๊ง ...สะสมไปเรื่อยเหมือนภูเขาไฟ เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดดอกผลให้เองและเป็นทางลัดในการซื้อบ้านแบบไม่ต้องเหนื่อยมาก ( แต่เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ ผมคิดว่าเพื่อนของผมไม่ขายหรอก เก็บเงินปันผลกินดีกว่า ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่หรู แต่สบายไปชั่วชีวิต อยากกินก็กินไป อยากไปเที่ยวไหนก็ไป เพื่อนของผมมันอารมร์ติสมาก เดินสายเที่ยวเป็นเดือนๆ ในจังหวัดที่มันอยากจะไป ประมาณว่าเที่ยวจังหวัดละ 1 เดือน ไปเรื่อยๆ ไม่สนใจโลก ไม่สนใจใคร ชีวิตสนุกสนานแบบพอเพียง รอนเร่ไปทั่วประเทศ ในทุกเมืองท่องเที่ยว  ...แต่มันทำได้ เพราะมันมีความสามารถที่จะทำงานอิสระ ใน internet ได้ ) ...ยังดีกว่าที่จะรีบซื้อผ่อนดอกเบี้ยไป 5 ปี เงินต้นยังไม่ลดเลย ...สู้วางแผน 5 ปี ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่คิดมาก แล้วได้ห้องชุดห้องบะเริ่มเทิ่ม โดยไม่ต้องผ่อน 3.เมื่อคุณมีเงินสะสม ( เดือนละ 20000 ที่ต้องจ่ายเป็นดอกเบี้ย แล้วทำไมต้องจ่าย ) พร้อมหน้าที่การงานที่โตขึ้น รายได้มากขึ้น คุณค่อยตัดสินใจซื้อ LH ...ถ้าคุณตัดสินใจแบบนี้คุณจะไม่เหนื่อย ส่วนคอนโดกลางเมือง คุณก็ปล่อยเช่าไปสิ เดือนละ  7000-8000 บาท นำเงินค่าเช่าไปผ่อนบ้าน... ก็ลองเก็บไปคิด ทำไมจะต้องนำชีวิตทั้งชีวิตไปเป็นทาสธนาคาร ...ถ้าคุณซื้อในวันนี้ คุณจะเหนื่อยมาก และ 5-10 ปีแรก ชีวิตของคุณแทบกระดิกไม่ได้ พลาดไม่ได้ ตกงานไม่ได้ ...มีอะไรรับประกันว่าชีวิตของคุณจะไม่พลาด จะไม่ตกงาน ...ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 10:04:37 จากคุณ : mrsathorn เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 09:48:28

ความคิดเห็นที่ 29 นาย A และ B อายุเท่ากัน 25 ปี เป็นลูกจ้างเอกชน นาย A เงินเดือน 40000 บาท ซื้อบ้านราคา สามล้านบาท ต้องส่งบ้านเดือนละ 25000 บาท หักค่ากิน 5000 บาท ค่าน้ำมันรถค่าเดินทาง 4000 บาท ให้เงินพ่อแม่ 3000 บาท เหลือเดือนละ 3000 บาท ยังไม่หักค่าใช้จ่ายฟุ่มฟือย นาย B เงินเดือนเท่านาย A 40000 บาท ซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท ต้องส่งบ้านเดือนละ 8500 บาท หักค่ากิน 5000 บาท ค่าน้ำมันรถค่าเดินทาง 4000 บาท ให้เงินพ่อแม่ 3000 บาท เหลือเดือนละ 19500 บาท ยังไม่หักค่าใช้จ่ายฟุ่มฟือย นาย A ใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อผ่อนบ้านราคาแพง มีเงินเก็บน้อย ลงทุนทำอย่างอื่นไม่ได้ วันหยุดอยู่แต่บ้าน ทำงานอย่างหวาดหวั่นกลัวถูกเลิกจ้าง จนผ่อนบ้านครบ 30 ปี ตอนนั้นนาย A อายุ 55 ปี พอดีกับการเกษียนตลอดชีวิตการทำงาน มีบ้านราคาสามล้านบาทหนึ่งหลัง เงินเก็บเล็กน้อย ใช้ชีวิตในวัยเกษียนในบ้าน  คิดแต่ว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร ต่อไปจะทำอย่างไร ใจอยากจะปล่อยบ้านให้เช่า แต่หาคนเช่ายาก เนื่องจากบ้านราคาแพง อยากไปทำกิจการแต่ไม่มีเงินทุน นาย B มีเงินเหลือเดือนละเกือบสองหมื่นบาท ปีนึงร่วมสองแสนกว่าบาท ในเวลาห้าปี นายB มีเงินเก็บ หนึ่งล้านบาท นายฺB ทำการโปะบ้าน ไปเก้าแสนบาท เหลือเงิน หนึ่งแสนบาท หลังจากนั้นนาย B มีเงินเก็บเดือนละ 28000 บาท อีกห้าปี มีเงินเก็บ ร่วม หนึ่งล้านแปดแสนบาทตอนอายุ 35 ปี ถ้านาย B เก็บเงินไปจนเกษียน จะมีเงิน แปดล้านกว่าบาท ตลอดชีวิตการทำงาน นายฺ B ไม่รู้สึกกดดัน เพราะมีเงินเก็บหลายล้าน สามารถนำไปลงทุนทำกิจการ ส่วนตัวได้เมื่อถูกเลิกจ้าง นายB ใช้ชีวิตวัยเกษียนโดยทำกิจการส่วนตัวอยู่ต่างจังหวัด มีเรื่องให้คิดทั้งวัน ส่วนบ้านปล่อยให้คนเช่า หาคนเช่าได้ง่ายเนื่องจากบ้านราคาไม่แพง เลือกเอาครับ จะเป็นแบบไหน นี่เอาเรื่องเกือบจริงมาเล่าให้ฟัง จากที่คุยกับ พี่ๆผู้ใหญ่หลายคนมา คนเงินเดือนเท่ากัน แต่ใช้ชีวิตต่างกัน แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 10:59:45 จากคุณ : Cogen เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 10:55:29

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่เห็นด้วยกับคุณที่จะซื้อบ้านแพง  และไม่เห็นด้วยกับภรรยาคุณที่ซื้อบ้านที่ดูแล้ววัสดุไม่ดี   ลองหาบ้านที่ดี ไม่จำเป็นเป็นต้องดัง และราคาที่พอไหว เมื่อก่อนคนรอบข้างเราก็เชียร์เราซื้อบ้านยี่ห้อแพง แต่เราบอกไม่ไหว เราขอบ้านที่คุณภาพโอเคและราคาที่พอไหวดีกว่า สุดท้ายเราก็หาได้ คนรอบข้างซื้อบ้านแพงเป็นส่วนใหญ่ มีรายหนึ่งอยากขาย แต่ก็ขายไม่ได้ซักที เพราะราคาเขาซื้อมาสูง ขายเท่าตัวก็ไม่มีคนเอา ต้องขาดทุนอย่างเดียว แต่ของเราไม่ได้คิดขาย แต่ราคาเรากลับสูง เพราะของเราต้นทุนราคาไม่สูง เราเห็นด้วยกับ คห 3 และ 29 นะ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถ้าตอนนั้นเราซื้อบ้านตามคนรอบข้างที่เชียร์ เราคงไม่มีความสุข และเหนื่อยมาก คงขยับตัวไม่ได้แน่ จากคุณ : BabyBye เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 11:35:37

ความคิดเห็นที่ 31 เราว่า ไม่พอใช้หรอกคะ 8 พัน สำหรับเมืองหลวงอย่างเราตอนนี้ แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับแฟนคุณ เราว่า คุณน่าจะกำหนดให้อยู่ในกำลังที่คุณผ่อนได้ แต่ หาที่มานดีที่สุดในกำลังนั้น ๆ ไม่ใช่ดีที่สุดตอนนี้ แต่ตกที่นั่งลำบากตอนหน้า อย่าลืมว่าบางครั้งบ้านก็เลือกคน  ไม่ใช่คนเลือกบ้านนะคะ จากคุณ : Many Name เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 12:11:17

ความคิดเห็นที่ 32 สวนกระแสหน่อยละกันค่ะ ของเรา เรามีคติว่าให้เกินตัวแบบตึงๆ ตัวนิดนึงดีกว่า  เพราะเงินเดือนเราเพิ่มขึ้นทุกปีตามประสบการณ์และความรู้ความสามารถของเราจ้ะ ไม่กลัวกับการถูกเลิกจ้าง เพราะรู้ว่าความรู้ความสามารถที่ตัวเองมีสามารถมีงานได้แน่นอน  อย่างตัวอย่างแฟนเรา เมื่อสี่ห้าปีก่อน ทำงานใหม่ๆ เงินเดือนห้าหกหมื่น  แต่ก็ใช้เยอะนะ เอาไว้ซื้อความสุขแบบที่หนุ่มสาววัยทำงานเค้าใช้กันค่ะ กินข้าว เที่ยว ชอบปิ้ง เลยเหลือไม่เยอะ อยากมีบ้านเลยซื้อคอนโดประมาณล้านห้าแต่ระดับกลางค่อนข้างดีเลยหละ  ผ่อนแค่เดือนละหมื่น  ตอนแรกก็ตึงๆ ไม่ค่อยสบายตัวเลยหละ  แต่พอตอนนี้ เงินเดือนแค่ของแฟนเรารวมกับเราคูณสองจุดห้าเข้าไปอีก  ไอ้ที่เคยผ่อนเดือนหมื่นมันสบายมากๆ เลย  ตอนนี้เลยเปลี่ยนมาผ่อนบ้านหลังใหญ่ผ่อนมากขึ้นอีกหลายเท่า ปีที่แล้วก็ตึงๆ ปีนี้เริ่มสบายๆ   เราว่า การซื้อบ้านที่ตึงตัวมันเป็น motivation ของเรานะ ทำให้เราเพิ่มศักยภาพตัวเอง ใช้จ่ายประหยัดมากขึ้นด้วย  ถ้าไม่ผ่อนบ้านก็เอาเงินไปเที่ยวเล่นหมด ไปๆ มาๆ พอมาดูตัวเองตอนอายุสามสิบจะพบว่า ทำไมเงินมันหายไปไหนหมดนะ รู้งี้เก็บตังค์ตั้งแต่แรกดีกว่า การลงทุนในสินทรัพย์มันต้องดูอนาคตของสินทรัพย์ด้วยค่ะ  ทั้งทำเล การจัดการ สภาพแวดล้อม  เคยอ่านหนังสือของ ดร.สุวรรณ เค้าบอกว่าบ้านให้ซื้อแบบที่มีอนาคตดีๆ เอาให้ตึงเปรี๊ยะ แต่พอไหวค่ะ   ของดร. เค้าบอกว่าเมื่อสามสิบปีที่แล้ว เค้าซื้อที่ดินบ้านที่สุขุมวิทแค่สี่ห้าล้าน ตอนนี้มันขึ้นไปจะร้อยล้านแล้ว   ส่วนของบ้านเราที่อยู่ปัจจุบัน  ตอนเปิดโครงการหกล้าน ปีนี้โครงการเดียวกันอีกเฟสนึง ปรับไปสิบล้านแว้วว ฝากไว้อีกแง่มุมนึงแล้วกันนะคะ  แต่ต้องอย่าลืมว่าหากซื้อบ้านตึงตัว ต้องมีเงินสำรองไว้ผ่อนอย่างน้อยก็หกถึงสิบสองงวดนะคะ  เผื่ออนาคตไว้นิดนึง จากคุณ : sastress เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 12:51:01

ความคิดเห็นที่ 33 เหมือนซื้อรถยนต์... ทุกคนอยากขับเบนซ์ อยากขับ BMW แต่ทำไม...เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจซื้อรถยนต์มาใช้สักคัน คนส่วนใหญ่ถึงไม่ยอมซื้อรถเบนซ์หรือ BMW ตามที่ตัวเองอยากขับล่ะ แสดงว่าเขาไม่ได้ใช้ความอยากเป็นที่ตั้ง... แสดงว่ามันมีองค์ประกอบอื่นๆ มากมายในการซื้อรถยนต์สักคัน ใช้กับ จขกท. ได้รึเปล่าก็ไม่รู้นะ.. บังเอิญเราเดินผ่านจุดนี้มาแล้ว จากคุณ : ว่าตามกัน เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 12:55:08

ความคิดเห็นที่ 34 การลงทุนกับบ้าน ในระยะยาว ระหว่างทางที่ผ่อนเราไม่สามารถเก็บเกี่ยวดอกผลหรือทำให้มันเติบโดได้เลยมีแต่ต้องซ่อมบำรุงรักษา  แต่ถ้าเราผ่อนถูกลงมานิด เงินส่วนต่างที่เหลือเราเอามาลงทุนในรูปอื่นมันยังสามารถออกดอกออกผล หรือสามารถเอามาช่วยมาใช้ในยามที่คุณเกิดเหตุฉุกเฉินได้ ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต วันนี้คุณมีงานที่มั่นคงแล้วพรุ่งนี้หล่ะจะมีไหม แล้วถ้าตกงาน คุณจะหางานใหม่ได้เร็วแค่ไหนเพื่อมีรายได้มาชำระหนี้โดยที่คุณเองไม่สะดุด **บางครั้งเราคิดเผื่อไว้บ้างก็ดีนะคะ ก็รู้นี่คนเรามีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ** จากคุณ : แม่ค้าตัวกลม เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:40:35

ความคิดเห็นที่ 35 . แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 15:30:09 จากคุณ : little (at_boyz) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 14:04:05

ความคิดเห็นที่ 36 แค่อยากจะแบ่งปันนะครับ เมื่อสองปีก่อน ผมกับครอบครับ ลองไปดูบ้านตามหมู่บ้านจักสรร พื้นที่ ประมาณ 100 ตารางวา โครงการแถวเส้นปิ่นเกล้านครไชยศรี ราคาประมาณ 4 - 5 ล้านบาท ปัจจุบัน ผมเพิ่งตัดสินใจซื้อ บ้านในโครงการแถว ราชพฤษตัดกับพระราม5 พื้นที่ 96ตารางวา ราคา 8.9ล้าน ลองดูละกันนะครับว่า เพียงแค่ระยะเวลา สอง ถึง สามปี ราคาบ้านโดดไปเกือบเท่าตัว ในความคิดผม ซื้อตอนนี้ ผ่อนรวมดอกเบี้ย 30ปี ราคาก็คงเกือบๆ ทบต้น ราคาคงปนะมาณ 15 ล้านบาท แต่ท้าลองเทียบกับอัตราการขึ้นราคาของที่ดิน กับราคาบ้าน คุณอาจจะต้องจ่าย พอๆกัน หรือแพงกว่า แถมยังต้องออกไปอยู่ไกลกว่าเดิม เพราะพื้นที่ใกล้ๆกทม. คงจะเต็มหมดแล้ว ลองคิดดูละกันนะครับว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มรึเปล่า  สำหรับผม ถือว่าเป็นบ้านหลังแรกของครอบครับ ยังไงผมก็ว่าคุ้ม เพราะบ้านหลังนี้ยังไงมันก็สืบทอดต่อไปถึงลูกถึงหลาน ไม่ใช่แค่รุ่นผมรุ่นเดียว เพราะยังไงอยู่ไป ห้าปีสิบปี มันก็คงต้องมีการซ่อมแซมใหญ่กันอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 15:44:16 จากคุณ : little (at_boyz) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 14:07:01

ความคิดเห็นที่ 37   ถ้าคุณมีเงินเหลือพอที่จะใช้จ่าย ค่าอาหาร ค่ารถ เงินเผื่อฉุกเฉิน ก็ซื้อไปเถอะ ซื้อบ้านยังไงก็คุ้ม แต่ถ้าเหลือ 8,000 มันอยู่ยากนะคะ ใครๆก็อยากได้ของดี ลองดูทำเลเดียวกัน แล้วดูโครงการอื่นดู บางทีเราก็จะไม่ได้ต้องจ่ายค่าการตลาดให้โครงการมากเกินไปก็ได้ บางทีมันก็ไม่ได้จำเป็นว่า ต้องเป็นLH หรือ แสน นะคะ จ่ายต่างกันหลายแสน แต่คุณก็มีเงินใช้ มีเงินเก็บมากขึ้น เผื่อแต่งงาน เผื่่อมีลูกค่ะ แล้วก็มีเงินเผื่อซื้อของเข้าบ้าน มุ้งลวด เหล็กดัด ผ้าม่าน จิปาถะ เป็นกำลังใจค่ะ จากคุณ : แต้มดาว เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 17:51:18