 |
ความคิดเห็นที่ 5 |
|
เอาแบบบ้านไปคุยกับผู้ออกแบบดูครับ ผู้ออกแบบควรจะสามารถประมาณค่าตกแต่งได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งก็จะแปรไปเป็นค่าออกแบบ เช่นประมาณไว้ที่ 1,000,000 ค่าออกแบบ ไม่เกิน 100,000
ผู้ออกแบบต้องออกแบบให้อยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะขอใช้วัสดุตกแต่งที่มีราคาแพงกว่าปกติตามความชอบ ซึ่งอาจทำให้ราคางานตกแต่งแพงขึ้น(แต่ดีไซน์ต้องไม่เปลี่ยนนะครับ) เช่นผู้ออกแบบสั่งทำสีพ่นปกติ แต่เจ้าของเกิดอยากได้สีพ่นไฮน์กลอสซึ่งแพงกว่า
อย่างไรก็ตามราคาค่าออกแบบคงไม่ได้เพิ่มตามราคาของงานตกแต่งดังกล่าว เว้นแต่มีการเพิ่มในส่วนที่ต้องออกแบบเพิ่มจริงเท่านั้น
ผู้ออกแบบต้อง - ทำ Perspective (3D) ให้ดู ทุกๆส่วนของงานที่ออกแบบ - นำเสนอวัสดุตกแต่ง สีสัน ต่างๆ ให้เจ้าของพิจารณา - ทำแบบ Drawing พร้อม spec. ให้ผู้รับเหมาตีราคา - ช่วยคัดเลือกผู้รับเหมา (ทำ BOQ ให้เพื่อประกอบการพิจารณา) - เข้ามาตรวจสอบงานระหว่างผู้รับเหมาทำงานเป็นระยะ เพื่อความถูกต้องของงานที่ออกแบบไว้ - แก้ปัญหาในกรณีที่หน้างานจริงไม่ตรงกับแบบ - ตรวจรับมอบงานให้เจ้าของบ้านหลังจากงานแล้วเสร็จ
สโคปงานคร่าวๆประมาณนี้ ค่าออกแบบแบ่งจ่ายเป็นงวดแล้วแต่ตกลง โดยมาถ้าออกแบบเสร็จจนประมูลงานแล้ว ก็ทยอยจ่ายไป 70-80% ของค่าแบบ 20-30 % ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนงานบริการตรวจสอบและควบคุมงาน จ่ายเมื่อ งานตกแต่งจะแล้วเสร็จส่งมอบงานให้เจ้าของบ้าน
ถ้าผู้ออกแบบทำงานให้ตามนี้กรุณาอย่าต่อราคาค่าแบบเลยครับ ค่าออกแบบนั้นรวมค่าใช่จ่ายในการเดินทางไปมาคุยแบบกับเจ้าของงาน เข้ามาควบคุมงานให้ ค่าถ่ายเอกสาร(แบบ) ค่าฝีมือ และประสบการณ์ ฯลฯ ทำงานกว่าจะเสร็จ 2-3 เดือนต่อบ้านหนึ่งหลังเป็นอย่างน้อย หักค่าใช้จ่าย เฉลี่ยต่อเดือนแล้วเหลือไม่เท่าไหร่หรอกครับ
จากคุณ |
:
umibozu
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ม.ค. 53 11:20:29
|
|
|
|
 |