|
แนวโน้มดอกเบี้ยกู้บ้าน 2010 - 2012
|
|
ขณะนี้ต้องถือว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดแล้ว ถ้าท่านมีความพร้อมก็น่าจะเลือกซื้อบ้านที่ท่านต้องการและกู้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังต่ำอยู่ในช่วงนี้
หากเราอยู่ในวงการธุรกิจ ปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจมีกำไรขาดทุน หรือ สภาพธุรกิจมีความคล่องตัวหรือไม่ คงหนีไม่พ้นเรื่องของอัตราดอกเบี้ยทั้งในแง่ผู้ฝากเงินกินดอกเบี้ย หรือผู้กู้เงินไปลงทุนในธุรกิจ หรือใช้ในวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลก็ตาม ล้วนมีส่วนสัมพันธ์กับดอกเบี้ยทั้งสิ้น และคงหนีไม่พ้นวงจรหรือวัฏจักรของดอกเบี้ยที่มีทั้งขึ้นและลงสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามสภาวะเศรษฐกิจและสภาพคล่องของเงินในระบบ
ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตให้ดีจะเห็นว่า วัฎจักรของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันสั้นลงและมีความผันผวนมาก เช่น ในปี 2551 ที่ผ่านมาตอนต้นปีบอกแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แต่พอปลายปี 2551 บอกว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง พอมาถึงกลางปี 2552 อัตราดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว พอเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 เริ่มพยากรณ์ได้แล้วว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงได้สิ้นสุดลงแล้ว มีแต่ทรงตัวไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ปี 2553 แล้วก็มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกต่างๆ ของระบบเศรษฐกิจเสรี
สับสนไหมครับ เดี๋ยวก็แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น เดี๋ยวก็บอกว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงอีกแล้ว อย่างในอดีตอัตราดอกเบี้ยไม่ผันผวนแบบนี้หรอกครับ เท่าที่ผมจำได้ดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มรอบละประมาณ 3 ปี คือ ขึ้นไป 3 ปีก็กลับมาลงอีก 3 ปี แล้วก็ขึ้นกลับไปใหม่เป็นวัฎจักรแบบนี้ ซึ่งสามารถคาดเดาได้ง่ายกว่าทุกวันนี้
ผมบอกท่านคงไม่มีน้ำหนักพอ ก็เลยขออ้างอิงจากบทวิเคราะห์ซึ่งทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิเคราะห์ไว้เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางที่เป็นแกนหลักของโลก ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED, ธนาคารกลางยุโรป, ธนาคารกลางญี่ปุ่น และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า FED หรือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย FED Funds Rate ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ปี 2553
ส่วนการกลับสู่ระดับปกติของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่นนั้นน่าจะใช้เวลานานกว่า โดยพิจารณาจากกราฟการพยากรณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2009 2010
จะเห็นว่า FED Funds Rate จะมีแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากระดับ 0.00% 0.25% ไปอยู่ที่ 1.25%, 3.25%, และ 4.00% ในปี 2010 2012 ตามลำดับ
ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย R/P 1 - Day Rate ของไทย มีแนวโน้มขยับตามจาก 1.25% ในปัจจุบันไปเป็น 2.00% , 4.00% และ 4.00 4.50% ในปี 2010 2012 ตามลำดับ ซึ่งอัตราดอกเบี้ย R/P 1 Day Rate จะเป็นตัวชี้นำทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มขยับขึ้นไปด้วยในปี 2010 หรือ ประมาณกลางปีหน้าก็มีโอกาสเห็นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นได้ ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านจะดีใจหรือเสียใจดี ที่อัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ผมเชื่อว่าจะมีทั้งผู้ที่ดีใจและผู้ที่เสียใจ เพราะถ้าท่านเป็นลูกค้าที่เงินฝาก ท่านก็จะได้รับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่วนบางท่านที่เป็นลูกค้าเงินกู้ ก็คงต้องมีต้นทุนที่สูงขึ้นไปอีก
แต่ในความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมอยากให้อัตราดอกเบี้ยต่ำอยู่กับเราไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี มีผู้ลงทุนที่กล้าจะลงทุนเพราะดอกเบี้ยต่ำ จุดคุ้มทุนก็เร็ว ส่วนคนที่จะซื้อบ้านก็กล้าตัดสินใจซื้อและมีอำนาจซื้อที่สูงขึ้นด้วย เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำก็หมายถึงยอดผ่อนชำระต่อเดือนที่น้อยลงตามไปด้วย
มีหลายท่านถามผมว่า ช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำแบบนี้น่าจะตัดสินใจซื้อบ้านได้หรือยัง ผมขอเรียนว่าการตัดสินใจซื้อบ้านนั้น อัตราดอกเบี้ยเป็นเพียงปัจจัยเดียวในการตัดสินใจเท่านั้น ผมอยากให้ท่านพิจารณาองค์ประกอบอื่นด้วยเริ่มต้นจาก สำรวจรายได้ของตัวท่านเองก่อนว่ามีรายได้เพียงพอ แน่นอน และสม่ำเสมอหรือไม่ เพราะการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านเป็นการผ่อนส่งระยะยาวถึง 20 30 ปี
ดังนั้น หากรายได้ของท่านไม่แน่นอน เพียงพอก็อาจจะสะดุดได้ ทำให้ท่านมีโอกาสเป็น NPL และเสียประวัติทางการเงิน สู้รอให้พร้อมก่อนจะดีกว่า แต่อย่างไรถึงจะเรียกว่าพร้อม ก็คือ ท่านควรผ่อนไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน เช่น มีรายได้ 20,000 บาท / เดือน ก็ไม่ควรผ่อนเกิน 8,000 บาท (40%) ซึ่งจะกู้ได้ประมาณ 1.0 ล้านบาท (ระยะเวลาผ่อนชำระประมาณ 20 ปี)
หากรายได้เพียงพอแล้วค่อยมาพิจารณาเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเป็นลำดับต่อไป ซึ่งผมขอบอกว่าในขณะนี้ต้องถือว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดแล้ว ถ้าท่านมีความพร้อมก็น่าจะเลือกซื้อบ้านที่ท่านต้องการ และกู้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังต่ำอยู่ในช่วงนี้ครับ
โดย...ชาติชาย พยุหนาวีชัย http://www.posttoday.com/บ้าน-คอนโด/กู้ให้ได้บ้าน/8776/แนวโน้มดอกเบี้ยกู้บ้าน-2010-2012
จากคุณ |
:
ขอบฟ้าบูรพา
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.พ. 53 18:08:27
|
|
|
| |