|
------ห้องหายไป และ เศร้ามาก กับการกระทำของ condo Aspace หรือ บริษัทAreeya Property( ขออนุญาตโพสอีกรอบค่ะ)-----
|
|
ก่อนอื่นเลยเนื่องจากกระทู้ถูกลบไป เข้าใจว่าน่าจะเป็นเหตุจากกระทู้จะถูกปั่น ไม่แน่ใจเหมือนกัน ฉะนั้นขอความกรุณาทุกท่านคอมเมนต์อย่างพอดีและเหมาะสมด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ (ได้เขียนเมล์ไปถามเวปมาสเตอร์แล้วค่ะ รอเมล์ตอบกลับอยู่)
ถ้า คุณเป็นคนนึงที่กำลังมองหาคอนโด ราคาน่ารัก ที่มีโปรโมชั่นดึงดูดน่าสนใจ ดีไซด์แปลกใหม่ เหมาะกับหนุ่มสาวที่เพิ่งจะเริ่มต้อนทำงานหรือมีครอบครัว, ก็คงเหมือนกับเรา ที่ตัดสินใจจองห้องชุด เอ สเปซ อโศก-รัชดา ขนาด 1 ห้องนอน YB0204 ไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2550
จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 40,000 บาท แล้วส่งเงินดาวน์เดือนละ 9,100 บาท เป็นเวลา 25 เดือน โดยพาพี่ที่รู้จักไปซื่อด้วยกัน ซื้อห้องตรงกันแต่คนละชั้น หลังจากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาส่งเรื่อยมาอย่างซื่อสัตย์ ไม่มี late ทั้ง ที่ต้องส่งมาจากต่างประเทศ เนื่องจากไม่ได้ทำงานที่เมืองไทย และแล้วหลังจากส่งไปได้ 19 เดือน คือประมาณ 1 ปีครึ่ง ก็บังเอิญมีเพื่อนส่งเวบเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มาให้อ่าน สรุปเลยก็คือเนื้อหาในเวบนั้น มีลูกค้าท่านอื่นที่ซื้อที่เดียวกันนี้ กำลังระดมสมองหาทางออกเกี่ยวกับการเอาเงินดาวน์คืน เนื่องจากห้องของพวกเรา “หาย “
เรื่องราวคือ ทางคอนโดขออนุญาตก่อสร้างจากผังเมืองไม่ผ่าน เพราะระยะ setback จาก ทางริมรั้วด้านติดคลองไม่พอจากที่ทำไว้ 6 เมตร ต้องเซตเพิ่มเป็น 9 เมตร ผลก็คือห้องพักจะหายไปชั้นละ1 ห้องในทุกชั้นรวมทั้งหมดประมาณ 14-15 ชั้น ซึ่งแปลว่าเรื่องดังกล่าวนั้นนานมาพักนึงแล้ว แต่ไม่ได้มีการแจ้งอย่างเป็นทางการให้ผู้ซื้อทุกท่านทราบ แล้วเราเองรู้จากเวบไซต์ ทุกคนคงจะคิดเหมือนกันว่า โหหหหห ปล่อยให้ฉันส่งเงินมาเพื่อห้องที่ไม่มีแล้วอยู่นั่นโดยไม่คิดจะบอก
จากนั้นเราก็เริ่มโทรทางไกลติดต่อกับโครงการเพื่อถามความจริง ทางโครงการจึงแจ้งว่าเป็นอย่างที่ในเวบคุยกันจริงๆ แต่ไม่ได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะกลัวจะเป็นข่าวแล้วมีผลกระทบต่อ โครงการที่ยังขายไม่หมดและกำลังจะขึ้นใหม่ ( sale ที่โครงการเป็นคนพูด คิดว่าถ้าเป็นคนที่มียศใหญ่กว่านี้คงไม่กล้า) หลัง จากนั้นเราบินกลับมาเพื่อมาคุยกับโครงการ 24 ธ.ค. 2551 เค้ายื่นข้อเสนอ2ทางคือ ทำสัญญายกเลิกห้องแล้วเอาเงินดาวน์คืนหรือเลือกห้องใหม่ ซึ่งเราไม่มีจิตใจที่จะมานั่งเลือกห้องใหม่ กับการกระทำของเค้า จึงตัดสินใจยกเลิกสัญญา แล้วจะ ได้เงินดาวน์คืนภายใน 90วัน คือวันที่ 24 มี.ค. 2552 ก็รอกันไปค่ะกับพี่อีกคนพี่บอกว่าซื้อด้วยกัน จนหลังจากครบกำหนดก็รออีก1 เดือนให้แน่ใจว่าได้เงินแล้วถึงโทรสอบถามทางสำนักงานขาย และฝ่ายการเงิน ต่างคนต่างโบ๊ยกันไปมาว่ายังไม่ได้รับเรื่อง ส่วนทางเซลล์บอกว่าส่งเรื่องไปแล้ว ในที่สุดก็บอกว่าทำเรื่องยกเลิกห้องของเราหาย ในขณะที่พี่อีกคนนึงได้เงินคืนแล้ว เราก็ใจเย็นเลยตกลงยอมให้เค้าเริ่มทำเอกสารตัวใหม่ เพราะเชื่อใจ ก็ โทรสอบถามทางไกลทุกวัน หรืออย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ก็ยังเหมือนเดิม ตามไปตามมาร่วม2-3 เดือนได้จนเกือบจะได้เงินแล้ว ทางการเงินแจ้งว่าเหลือลายเซ็นของผู้ปริหารอีกคนเดียว และแล้ววันสุดท้ายที่นัดว่ากลางวันนี้ได้แน่ แต่ผิดคาด เค้าแจ้งว่าผู้บริหารบอกเค้าว่า “คุณลองอ่านสัญญาดูดีๆซิ ทำไมผมต้องจ่ายเงินคืน ในสัญญาบอกว่า โครงการมีสิทธิ์เปลี่ยนแบบได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ซื้อ อยากได้ให้ฟ้องเอา” ( คนบอกคือผู้จัดการโครงการ ) แล้ว พอโทรไปถามกับหัวหน้าการเงินสรุปว่าก็ลาออกไปแล้ว ก่อนลาออกเค้าได้แนะนำให้เราไปฟ้องด้วยเพราะแค่เค้าเองก็ต้องรับโทรศัพท์คน โทรมาทวงเงินตลอดเวลา
จาก นั้นวันที่ 1ธ.ค. 2552 เป็นวันขึ้นศาลวันแรก เราบินกลับมาเพื่อการนี้โดยตรง แต่เค้าส่งทนายมาเลื่อนบอกว่าทนายนัดเต็ม และวันนั้นได้คุยกับทนายของอารียา ทนายขอแบ่งจ่ายเป็น 6 งวดเฉพาะเงินต้น ไม่ให้ดอกเบี้ย (กระทั่งต่ำสุดrate ธนาคาร) เราก็ขอประนีประนอมเป็น 3งวดแล้วกัน สรุปว่าอย่าว่าแต่ 3เลย แม้กระทั้ง6 งวดที่ทนายยื่นไป ทางบริษัทยังไม่อนุมัติเลย เราถามว่าบริษัทคุณเป็นตั้งหมาชน เงินแค่ 2 แสนกว่าบาท ทำไมจ่ายทีเดียวไม่ได้ต้องถึงขึ้นโรงขึ้นศาล เค้าตอบว่า cashflow ของเค้าต้องเอาไปลงทุนด้านอื่น เช่น โฆษณาของโครงการต่อไป (โหหหหหหหหหหหหหหหหห เดือดเลย) วัน ศุกร์ที่ 19 ก.พ. 2553 เรากลับจากศาล โดยทนายของอารียามาแล้วบอกเราว่าทางบริษัทยังไม่อนุมัติเรื่องเลย ขอเวลาอีก 20 วันเพื่อรอคำตอบว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติ (ฟังดูเหมือนเราไปขอยืมเงินเค้าเลย ทั้งๆที่เงินนั่นของเรา) ทางทนายบอกว่าอย่าว่าแต่ให้เงินยากเลย รายอื่นๆ มีขอเอาเงินคืนแค่ 70,80 % ก็มี (หมายถึงว่า เอาเงินเราไปดองไว้ หรือใช้ลงทุนอย่างอื่น, หรือเอาใส่ไว้ในธนาคารแล้วได้ดอก แล้วเวลาคืนเจ้าหนี้ก็หักเงินเจ้าหนี้ไว้ 20-30% อย่างนี้หรอคะ) ฟังแล้วเศร้าใจมากเลยค่ะ แล้วถ้าประนีประนอมไม่ได้นะคะ จะต้องยื่นฟ้องต่อเนื่อง ซึ่งระยะเวลาการต่อคิวยื่นฟ้องยาววววนานถึงปีกันทีเดียว เพราะศาลคิวเต็ม ถ้าอย่างนั้นเค้าก็เก็บเงินเราไว้ได้อีกปีนึงเลย ( แต่ถ้าเรารอจนกระบวนการสิ้นสุด เราจะได้เงินต้นและดอกเบี้ย 7.5%และค่าใช้จ่ายนิดหน่อย )แต่มันน้อยมากค่ะ เราอยากให้มันจบๆ เพราะเหนื่อยและไม่มีสมาธิทำงาน เครียดทุกทีที่ไปศาล นี่ก็รอวันที่ 15มี.ค. 53นี้ว่าเค้าจะยอมจ่ายหรือไม่
Ps. ความ โชคร้ายคือ เพราะเราอยู่ไกลได้ข่าวช้าติดต่อกับลูกค้าคนอื่นลำบาก ตอนที่เค้ารวมตัวกันเราเลยไม่ได้ร่วมด้วย เฮ้อ....เหนื่อยใจ( ใครไม่เชื่ออยากเห็นเอกสารบอกเรานะเราจะเอามห้ดู) ช่วยให้คำปรึกษากันหน่อยนะคะ เงินสองแสนกว่าสำหรับคนเพิ่งทำงานมาได้ไม่กี่ปีมันก็เยอะอยู่นะคะ แล้วเราเพิ่งกลับไทยไปตอนตรุษจีนเห็น Aspace โฆษณาโครงการใหม่ มันช่างปวดใจจริงๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ
จากคุณ |
:
yingirl_Jarinya
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ก.พ. 53 09:59:56
|
|
|
| |