 |
ความคิดเห็นที่ 4 |
|
ต้องขอยกนิ้วให้กับ คห.3 ครับขนาดไม่ใช่ผู้เชี่ยงชาญ ยังมีองค์ความรู้เรียกว่าใช้ได้เลยทีเดียว การทดสอบหรือการแยกเกรดของสเตนเลส เกรด 304 ซึ่งอยู่ในตระกูล 300 เรียกว่าตัวเลขตัวเลขขึ้นด้วยเลข 3 ทั้งหมด สามารถตรวจสอบได้โดยใช้การตรวจสอบชนิด Spectrometer ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ Emussion Spectrometer เป็นแบบบการยิงทำลายผิวสเตนเลส เพื่อหาค่าองค์ประกอบของธาตุผสม การทดสอบแบบนี้ผลที่ได้ค่าความคาดเคลื่อนน้อยมาก 0.02 % ส่วนอีกแบบหนึ่ง คือการใช้ Portable Spectrometer ซึ่งเป็นปืนยิงรังสีผ่านสเตนเลส เพื่อวัดปริมาณธาตุผสม แต่ความคาดเคลื่อนอยู่ประมาณ 0.2 % ครับ สเตนเลสเกรด 304 หรือเรียกอีกแบบว่า 18-8 นั่นคือ ปริมาณธาตุโครเมี่ยมที่ผสมอยู่ 18% และ ธาตุนิเกิลอยู่ 8 % นั่นคือค่ามาตราฐาน แต่โดยบางสถาบันในต่างประเทศจะกำหนดค่า Minnimum อยู่ที่ 7.5 % และ Maximum อยู่ที่ 10.5 % ขึ้นอยู่กับการแยกประเภทการใช้งาน เช่น 304 ธรรมดา จะอยู่ระหว่าง 7.5 -8.5% แตถ้า 304D ถ้าต้องการนำไปขึ้นรูปต่าง ๆ 304DDQ ถ้าต้องการนำไปขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ลึก ๆ (D = Deep, DDQ = Deep Draw Quality) นั่นคือการแบ่งตามการใช้งาน แต่ถ้าเบ่งตามส่วนผสม ของคาร์บอน 304 ธรรมดา คาร์บอนจะน้อยว่า 0.1% ประมาณ 0.08% และ 304L คาร์บอนจะน้อยกว่า 0.03% ครับ ส่วนการใช้น้ำยาทดสอบ (ภาพต่อไป) ที่ช่างสเตนเลสใช้อยู่ หรือร้านซื้อของเก่าใช้นั้น จะใช้ตรวจสอบส่วนผสมของธาตุแมงกานิสเป็นหลัก เมื่อหยดน้ำยาลงไปและใช้ถ่านไฟฉาย 9 V เป็นตัวเร่งปฏิกริยา ถ้าน้ำยาเปลี่ยนสีเป็นสีแดง หรือชมพู แสดงว่าไม่ใช่ ตระกูล 300 (301,302,303,304,304L,308,309,316,316L,317,321 ฯลฯ) เพราะธาตุผสมแมงกานิสมีอยู่น่อยมาก ซึ่งจะแสดงผลออกมาเป็นสีเหลื่องอ่อน ๆ หนือไม่มีสีเลย แล้วสีแดงซึ่งแสดงว่ามีธาตแมงกานิส 3.5-7.5 % คืออะไร คือ สเตนเลส ตระกูล 200 ใช้ทำฟอร์นิเจอร์เท่านั้น เช่น 201,201Modify, 202,204,204Cu) ครับ ซึ่งราคาจะถูกกว่า 304 ครับ ลงเปรียบเทียบระหว่าง 304 กับ 201,202 ได้จาก ชามสเตนเลสที่ขายกันบนห้าง ยี่ห้อดัง ๆ หลายยี่ห้อ ขนาดใกล้เคียงกัน 304 จะอยู่ประมาณ 300 - 400 บาท แต่ถ้าไปดูตามตลาดนัดทั่วไป ซึ่งใช้ 201,202 จะตกประมาณ 39 - 99 บาท ซึ่งสเตนเลสชนิดดังกล่าวไม่สมควรจะนำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับอาหาร ซึ่งสถาบันในต่างประเทศทางยุโรประบุว่า สามารถทำให้เกิดการก่อตัวของเซลมะเร็ง โดยสเตนเลสพวกนี้ต้องระวังในการนำไปใส่ของเปรี้ยว เค็ม กรดน้ำส้มสายชู ซึ่งส่วนมากผลิตภัณฑ์สเตนเลสกลุ่มนี้ จะมาจาก จีน และอินเดีย (อาจจะเอาใช้ลดประชากรในประเทศหรือเปล่าไม่รู้) มาเอีกเรื่องหนึ่งการใช้แม่เหล็กเป็นตัวแยกเกรดนั้นไม่ได้ผล ครับ เพราะถ้าเราเข้าใจด้านกายภาพและคุณสมบัติของสเตนเลสแล้ว สเตนเลสทุกเกรดแม่เหล็กดูดติดหมด ตัวอย่างเช่น รอยเชื่อม รอยพับ รอยเจาะ จะดูดติดครับ ส่วนตัวที่ดูดติดจริง ๆ จะอยู่ในตระกูล 400 ขึ้นต้นด้วยเลข 4 แต่ก็ใช่ว่าไม่ดี บางตัวคุณใช้มานานกว่า 20-30 ปียังไม่เห็นสนิมเลยแม้แตน้อย เช่นช้อนแกง เพราะคุณใช้แล้วคุณล้างทำความสะอาดทุกครั้ง เป็นร้อยปีก็ไม่เป็นสนิม แต่ถ้าคุณต้องการให้เกิดสนิมคุณแค่ตัดออกซิเจนไม่ให้ทำปฏิกริยากับผิวสเตนเลส ก็จะเห็นสนิมแล้ว เช่นนำไปจุ่มหรือเคลือบน้ำมันเป็นต้น บางตัวซึ่งดูดติดและแพงมาก ๆ ก็มีเช่นมีดหมอผ่าตัด นั่นก็อยู่ในกลุ่ม 400 คือ 420J1,420J2 เป็นต้น เพราะฉะนั้นวิธีทดสอบช่างสเตนเลสว่าเขาหลอกคุณหรือไม่ ดดย คุณถามเขาว่าสเตนเลสที่มาติดตั้งแม่เหล็กดูดติดไหม ถ้าบอกไม่ติดแสดงว่าเขาไม่รู้และไม่เข้าใจสเตนเลสเลย หรือคุณถามว่าสเตนเลสนี้ ซีรี่ห์อะไร แล้วดูคำตอบว่าตอบอย่างมั่นใจหรือไม่ ช่างสเตนเลสมีอยู่ 2 แบบ คือ ทำได้ และทำเป็น ประเภททำได้น่ากลัวครับ เพราะทำตามที่ต้องการตามแบบได้ แต่ทำแบบไม่เข้าใจ ส่วนช่างที่ทำเป็น คือช่างที่ทำตามหลักการตามแบบและคำนึงถึงความต้องการใช้งานที่ถูกต้องครับ จริง ๆ แล้วถ้าเป็นคนที่ชอบและสนใจในสเตนเลส เพื่อป้องการการโดนหลอก เสียรู้ ให้พิมพ์ " กนก ไร้สนิม " ที่ Google แล้วเข้าไปดูที่วารสารเพื่อนสเตนเลส เพื่อ Download หนังสือออกมา ในคอลัมห์ "สเตนเลสต้มยำ" รับรองช่างก็ช่างเถอะกินคุณไม่ลง เรื่องสเตนเลสครับ
จากคุณ |
:
อ.กนก ไร้สนิม
|
เขียนเมื่อ |
:
3 มิ.ย. 53 07:21:27
|
|
|
|
 |