ความคิดเห็นที่ 1 วิธีที่จะผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน ที่ดีที่สุด คือ การยิ้ม  และกล่าวคำว่า สวัสดีครับ ตามไป...                   หากเลือกได้...อย่าเป็นศัตรูกับเพื่อนบ้านโดยเด็ดขาด หาโอกาสดีดีให้ผลไม้ หรือ ขนมแปลกๆ เป็นของกำนัลบ้าง ไม่ต้องมีราคาแพง หรือ ปรุงอาหารแบ่งกันทาน...แค่นี้ก็จะได้เพื่อนบ้านที่ดีกลับคืนมาแล้ว จากคุณ : ป.ปาแปง เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:00:47

ความคิดเห็นที่ 2 เราจะพยายาม deal กับทุกปัญหาที่เจอด้วยความไม่รุนแรงค่ะ เราเชื่อว่าความรุนแรงย่อมตามมาด้วยความรุนแรงเสมอ แต่ทุกปัญหาก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เราก็จะหาทางออกอื่น ๆ แทนค่ะ เช่นตอนนี้บ้านใหม่เรา หน้าบ้านเป็นน้องหมาผมบ็อบที่เห่าเกือบตลอดเวลา เรียกว่าเช้ามาเธอมานั่งรอเห่าเราอยู่บ้านทีเดียวเชียว (เราย้ายไปทีหลังบ้านหลังนั้น) เจ้าของเค้าก็ไม่เคยห้ามปรามน้องหมาผมบ็อบสักที เราเลยเลือกใช้วิธีซื้อขนมไปฝากมันบ่อย ๆค่ะ มันก็ยังไม่เลิกเห่าเด็ดขาดหรอกนะคะ แต่ก็น้อยลงมาก คิดว่าสักวันเราคงผูกมิตรกะมันได้มากขึ้น ด้านหลังบ้านเราเค้าก็ต่อเติมครัวมาจนชิดกำแพงแถมมีรางน้ำฝนล้ำมาในเขตบ้านเราอีก เราก็ทำหยวนๆไป หาต้นไม้มาบัง เราก็อยู่บ้านแบบมีความสุขแล้วค่ะ จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:07:06

ความคิดเห็นที่ 3 ... ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก พูดคุย - บอกกล่าวกันซะก่อน พูดไม่รู้จักฟัง..ก็ออกค่อยฤิทธ์ ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:21:45

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านแล้วก็หยุดคิด หันมาดูตัวเอง.. ตัดหลักธรรมประจำตัว ศีลธรรมที่ถูกสั่งสอน  ขอยืนยันและจะปกปป้องสิทธิ์ของตัวเอง เพราะจะเห้นมาตลอดว่า คนดีมักถูกเอาเปรียบเสมอ..  เพราะคนดีเมื่อพบคนดีด้วยกันจะไม่เอาเปรียบ และจะเกรงใจกันและกัน  จึงมั๊ยครับ... จากคุณ : กำนันสิงห์ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:23:05

ความคิดเห็นที่ 6 คำตอบดูได้ จากการเผาบ้านเผาเมืองปล้นสดมภ์ที่ผ่านมาครับ มีแต่การสูญเสีย  แล้วใครเล่าที่เสีย  ถ้าไม่ใช่ตัวเรา หากให้อารมณ์ชั่ววูบ อยู่เหนือการมีสติ.............ที่สำคัญ หลายคน บอกให้ยอม ๆ หยวน ๆ  หลายคน บอกให้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน  แต่..............คนที่ตอบได้ที่สุดคือ ตัวเราเองครับ  คิดจะทำอะไรไป  ให้มองผล ที่จะเกิดขึ้นมา 2 ด้าน - ด้านบวก  เป็นอย่างที่เราต้องการ เพื่อนบ้าน ปรับปรุงตัวเอง อย่างที่เราคิด  ซึ่งน้อยมากที่จะเป็นไปได้ -ด้านลบ  อยู่กันอย่างไม่สงบสุข  ในบ้าน  ซึ่งเป็นบ้านของเรา  บ้านที่จะต้องเป็นสวรรค์  ก็จะกลายเป็นนรก ต้องอยุ่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรือร้ายแรงถึงขั้นต้องทิ้งบ้านเราไปในที่สุด   เพราะ  คนบางคน เค้าเลวกว่าที่เราคิด  ไม่งั้น คงไม่มีคนฆ่ากันตายมากมายในสังคม หลายคนบอกให้แรงกลับไป  ใช่ครับ เราแรงกลับไปได้  ตามที่เค้าบอก  แต่อย่าลืมว่า คนพวกนั่น ไม่ใช่เรา  เค้ารับผิดชอบชีวิตเราไม่ได้ เป็นแค่ทัศนคติ ในแง่มุมของเค้า..... สรุปเราเท่านั่น ที่รู้ตัวเองดีที่สุดครับ...........หากเรามองถึงผลที่จะตามมาในอนาคต จากการกระทำของเราครับผม แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 13:26:29 จากคุณ : น่ารักม่ะเหมียวผม เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:23:45

ความคิดเห็นที่ 7   สำหรับตัวเอง ที่ผ่านมา ที่เป็นอยู่ มานับ สิบปี คือปล่อยวาง 1. ขี้หมาหน้าบ้าน รอแห้งแล้วโกยทิ้ง 2. แมว ของบ้านอีก 2หลังถัดไป ข่วนรถเป็นรอยยาว เคยบอกให้ดูแลแมวดีๆเขาก็อ้างว่า ไม่ใช่แมวเขา ขณะที่กำลังคุยกับเรา แมวเจ้ากรรมที่เขาอุ้มอยู่กระโดดจากมือเขาขึ้นรถเราต่อหน้าต่อตา เขาทำเฉยๆ อืม บอกแล้ว  เห็นกับตาก็แล้ว ปล่อยไป ...ถ้าไร้สำนึก 3.รถจอดขวางหน้าบ้าน ตอนที่จะออกจากบ้านพอดี เอ้า..รอให้เขาไปก่อน เราค่อยออกก็ได้ฟร่ะ 4.จอดรถอยู่ในชายคาบ้านตัวเอง (ตึกแถว) พายุมา กันสาดข้างบ้านโค่นลง เหล็กแป๊ป อย่างหนาหักแยงลง ครูดกระโปรง บีเอ็มของเรายาวราวๆฟุตนึง เขารู้เห็นก่อนเรา แต่เงียบ ...ทำเฉย เราเคยบอกเจ้าของบ้าน (เจ้านายตัวจริง)ว่า ต้องเอารถไปทำสี เขาบอกว่า เท่าไหร่ให้บอก แต่สุดท้าย... วันที่เจอตัวเจ้านาย เราเอ่ยปากไปว่า ทำสีมาแล้ว 4พัน เขาฟังแล้วทำเฉย ๆเหมือนว่าเรา ไปบอกเขาทำไม เฮ้อ ...เรามันไม่อยากมีปัญหากับใครเล้ย...เงิน 4พันออกเองก็ได้ฟร่ะ ทั้งๆที่ เขาเป็นเจ้าของหมู่บ้าน เจ้าของปั๊มน้ำมัน แต่สุดท้ายมารู้จาก คนอื่น ว่าเพื่อนบ้านเรา เที่ยวไปเล่าคนอื่นว่า เราเอารถไปจอดล้ำบ้านเขา พูดดักไว้ก่อน คงกลัวต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่เราก็ต้องจอดในเขตบ้านเราสิ ทั้งเสา ทั้งผ้าใบก็แยกกันชัดเจน ทั้งๆที่เราตั้งใจจะคิดเขาแค่2พัน เพราะเราคิดแบบแฟร์ๆว่ามันเป็นภัยธรรมชาติ เราก็จะร่วมรับผิดชอบด้วย แต่เขายังไม่แฟร์กับเรา ไม่เคยถามถึงจนบัดนี้ ล่าสุด สัปดาห์ที่แล้ว บ้านเดิม ทำกันสาดผ้าใบใหม่ ทำครั้งแรกไม่แข็งแรง รื้อใหม่ ทำท่า ทำทาง จะเอาเหล็กมามัดรวมกับเหล็กบ้านเราที่แข็งแรงกว่า คราวนี้ เราไม่ยอม ออกไปยืนดู และพูดไปว่า "ถ้ามัดรวมกันมันจะทำให้ผ้าใบบ้านเรารับน้ำหนักมากขึ้นนะ" เท่านี้แหละ งานเข้าเลย โดนตวาดกลับมาว่า "ไม่เอารวมกันหรอกน่า" (นี่ถ้าชั้นไม่พูด เธอจะคงทำไปแล้ว ก็เห็นอยู่) หลังจากนั้น รู้เลยว่า ออกอาการห่างเหิน ไม่ทัก ไม่คุยเล่น เฮ้อ.....เรายอมไปก็เยอะ พอไม่ยอมนี่ กลายเป็นเสียคนในสายตาคนอื่น เดาว่า คงเอาเราไปเมาท์ ว่ามากเรื่อง จุกจิก ทำไงได้ เรา ไม่มีสังคมนินทาแบบพวกเขา โดนอยู่แล้ว ทั้งขึ้นทั้งล่อง บางทีก็อยากเป็น นางมารร้ายเหมือนกันนะ ยอมก็ถูกเอาเปรียบ ร่ำไป จากคุณ : เอื้องราตรี เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:28:48

ความคิดเห็นที่ 8 ผมปล่อยวางนะ ไม่เคยไปว่าใครเรื่องที่เขาล้ำสิทธิ อยู่ไปวันๆ ไม่ยุ่งกะใคร หมาข้างบ้านทางซ้ายเห่า ผมมักจะเล่นขว้างหินกันมันบ่อยๆ ตอนเจ้าของเผลอ ตอนนี้สนิทกันแล้ว ผมถึงบ้านปุ๊บ มันจะวิ่งไปต้อนรับที่หลังบ้านมันด้วยความดีใจ หมาแถวบ้านหอนบ่อยๆ ก็มีคนใจดีแถวบ้านเอาเนื้อไปให้กิน มันก็หยุดหอน คนข้างบ้านทางขวาชอบเครื่องเสียงดังๆ เข้าใจครับว่าเปิดเครื่องเสียงนานๆมันเปลืองไฟ ผมก็ช่วยเปิดในเวลาที่เขาปิดเพื่อประหยัดไฟ ตอนนี้เมียเขาด่าลูกตอนเช้าทุกวัน ยังคิดๆอยู่ว่าจะหาเมียสักคนมาด่าตอนหัวค่ำมั่ง กลัวเขาจะเหงาหู แมวบ้านตรงข้ามหง่าวกันทั้งคืน ดูแล้วเจ้าของคงหมดปัญญาจัดการ ก็ช่วยเอาหินปาหลังคาบ้านเขาให้แมวมันตกใจจะได้เลิกหง่าว จากคุณ : ฟักแฟงแตงไทย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:34:37

ความคิดเห็นที่ 9 ก็อยู่ที่วิธีการคิดของแต่ละคนล่ะค่ะ ว่า "แหย" หรือ "ปล่อยวาง" สำหรับเรา มีบ้างที่ไม่พอใจเพื่อนบ้านในบางครั้ง เช่น ทำไมจอดรถยังงี้ฟระ แล้วตรูจะเข้าบ้านยังไง บ้านเราหลังในสุด บ้านตรงข้ามเอารถ 2 คันจอดคู่กันเลย ก็จอดรอค่ะ ไม่เรียก แต่ไปเปิดประตูบ้านให้เค้ารู้ว่า เรามาแล้ว เค้าก็ถอยให้นะ แต่ช้ามาก และ ไม่มีคำ "ขอโทษ" แต่ก็หยวนนะ แบกไปก็หนัก ปล่อยไว้สบายกว่ากันเยอะ กับบางคนเค้าอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "ชั้นทำอะไรผิดหรอ" ป่วยการปล่าวๆ จากคุณ : โฉมงามกะคู่หูตัวป่วน เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:41:32

ความคิดเห็นที่ 10   1. การปล่อยวาง ถ้ามองจากสายตาของผู้ใหญ่ - เป็นคนมีวุฒิภาวะ,ใจเย็น,มีเหตุมีผล ถ้ามองจากสายตาของวัยรุ่นหรือหนุ่มสาว(บางคน) - แหย,ไม่กล้าสู้คน,ยอมคน 2. การตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ถ้ามองจากสายตาของผู้ใหญ่ - ใจร้อน,วู่วาม,บุ่มบ่าม,ไม่รู้จักอดทนแก้ปัญหา ถ้ามองจากสายตาของวัยรุ่นหรือนหนุ่มสาว(บางคน) - เป็นคนกล้า,ไม่ยอมใคร ผมเองก็ .. เป็นทั้ง 2 แบบแหละครับ แล้วแต่อารมณ์และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นน้อ แต่กับเพื่อนบ้าน ถ้าไม่จำเป็นสุดๆ จริงๆ ก็ไม่มีใครอยากมีเรื่องด้วยหรอก มันอยู่แล้วอึดอัดใจนะ จากคุณ : ผมชื่อเป้ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 13:53:19

ความคิดเห็นที่ 11 ตามมาตอบปัญหาหนักอก มั้ง ปัญหาที่ หลายคนเจอเราก้อเจอมาหมด ไหนๆ เคยแจม กระทู้ก่อน ขอแจมอีกกระทู้นะคะ นอกจากปัญหาเรื่อง เอารถ เข้า -ออก บ้านไม่ได้แล้ว ก้อยังมีปัญหาเรื่อง ข้างบ้าน เป็นคนใจดีมาก ชอบเก็บ หมา แมว มาเลี้ยง ปกติส่วนตัวเป็นคนรักสัตว์นะคะ ก้อมีเลี้ยง หมา 3 ตัว แมว 1 ตัว (จริงๆ แมวเป็นของข้างบ้านนั่นแหละ แต่มันมาอยู่เลยรับเลี้ยงไว้ ให้อยู่แต่ในบ้าน เพราะกลัวไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น )แต่บังเอิญอยู่บ้านคนเดียว กลัวจะไปสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้าน เลยหอบน้องหมาไปฝากแม่ที่ ตจว.  เวลาคิดถึงก้อกลับไปหา ไปดูแลน้องหมาค่ะ แต่ขณะเดียวกัน ข้างบ้านที่แสนใจดี ไม่ยักคิดแบบเรา ข้างบ้านอยู่กัน 6 คน ใจดีหมด ชอบเก็บหมา เก็บ แมว มาเลี้ยง ทั้งๆ ที่บ้านคนก้อเยอะ ก้อเลยเลี้ยงแบบปล่อยๆ ออกมาข้างนอก เอาที่จอดรถเป็นลานซักล้าง (เคยเจอมั้ยล่ะ ที่จอดรถมี ซิ๊งล้างจาน กะเครื่องซักผ้า แถมด้วย แท้งค์น้ำขนาดใหญ่ไว้ด้วย ) ปัญหาคือ เราปลูกต้นเข็มลงดินเป็นแนวริมรั้ว และ ประตูรั้วเป็นซี่ห่างๆๆ หมารอดมาได้ ไอ้ที่ทำให้เราโมโหสุดๆๆ คือ หมาเข้ามา ขุดๆๆๆๆๆ ต้นเข็ม ตายไม่ใช่ต้น 2 ต้น มันตายยกแผง บางวันก้อมาขโมยรองเท้าไป เคยมีรองเท้าหนังหายไป 1 ข้าง (ขโมยคงไม่เอาไปข้างเดียว )แรกๆๆ ไปบอก ว่า ช่วยดูแลหมา ด้วยเข้ามาทำลายข้างของเรา  ข้างบ้านเค้าก้อพูดดีนะ บอกจะให้ทำยังไง เราก้อบอก ขังหมา ซิค่ะ เค้าตอบว่าไง ขังไม่ได้หรอก เด๋วมันเครียด เราก้อเลยปี๊ดแตกบอก แต่ทำแบบนี้ หนูเครียดค่ะ สุดท้าย ตึงๆๆ ไปพักนึง เราก้อหาวิธีแก้ได้ (ดูจาก สารคดี true) ก้อเลยไปซื้อตะแกรงลวด มาขึงประตู ไม่ให้หมารอดเข้ามาอีก และก้อรื้อต้นเข็มออก ซื้อต้นเฟื่อฟ้าเป็นกระถางๆ มาลงแทนแล้วเอาตะแกรงปูตรงดินปลูกต้นไม้  พอมันมาขุดเจอตะแกรง มันก้อเลิกขุด สบายใจไปเปราะนึง นี่ยังดีนะที่มันไม่มาถ่ายหน้าบ้าน แต่เคยได้ยินว่ามันไปถ่ายที่อื่น เจอเจ้าของบ้าน เขียนด่าใส่ในกล่องจดหมาย เค้าก้อมาบ่นๆ ให้เราฟัง เราได้ทีเลยบอกว่า ลุงถ้าลุงใจดี รักสัตว์ แบบนี้ ก้อต้องรับผิดชอบด้วยซิค่ะ ถ้ารับผิดชอบไม่ได้ก้ออย่าเลี้ยงดีกว่านะคะ เค้าเลยไม่มาบ่นให้เราฟัง เพราะเราไม่เออ ออ ตามเค้า ต่อมา แมวค่ะ แมว เค้าเอาเลี้ยงจะ 10 ตัวแล้ว ด้วยบ้านเราเงียบเพราะกลางวันไปทำงานไม่มีคนอยู่ พวกมันเลยมายืดทั้งสนามหญ้า ทั้งแนวต้นไม้ แล้วถ่าย ค่ะ พอไปบอกเค้าอีกว่า แมวคุณลุงมาถ่ายบ้านหนูเหม็นมาก คุณลุง คุณป้า ก้อบอกว่า เออ นิสัยแมวมันก้อเป็นแบบนี้รักความสะอาดหนะ บ้านไหนมีที่กินที่นอน มันจะไม่ถ่าย จะไปถ่ายบ้านอื่น อ้าวววววววว ทำไมเป็นแบบนี้อ้ะ เครียดอีก แมวก้อกระโดดได้ด้วย ทำไงดีหละ จะล้างก้อไม่ได้ เพราะเป็นสนามหญ้า กะแนวต้นไม้ สุดท้าย เราลงทุน ซื้อกระบะ ทรายค่ะ สร้างส้วมให้มันเลย 3 กระบะ ตอนนี้ ก้อพอจะ happy ไปได้เปราะนึง  อย่างน้อยก้อไม่เหม็นเวลาลมพัดโชยกลิ่นมาและก้อไม่ต้องเผลอไปเหยียบด้วย ข้างบ้าน ก้อ โอเค (จริงๆๆ เราก้อไม่อยาก โอเค ด้วยหรอก แต่เป็นเพราะเราอยู่คนเดียว ไม่อยากมีปัญหา อีกอย่าง ปัญหาแบบนี้ มันแก้ที่เค้าไม่ได้ เราก้อเลยแก้และป้องกันที่เราค่ะ เสียเงินนิดหน่อย แต่ซื้อความสบายใจนะคะ ไหนเมื่อหนีไปไหนไม่ได้ ทะเลาะกันไปรังแต่จะทำให้อึดอัด เสียสุขภาพจิตค่ะ เพราะยังไงก้อต้องอยู่ร่วมกันต่อไป ปล. อธิบายยาวววว เชียว ไว้มีปัญหาใหม่ ค่อยวางกันไป จากคุณ : soluna เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 14:01:24

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วแต่ความพร้อมของเราด้วยอ่ะครับ ถ้าพร้อมมีเรื่องกันยาว ๆ อยากทำอะไรก็ทำตามใจชอบเลย ทุกวันนี้ข้างบ้านที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ได้ยินผมจุดประทัดหลังบ้านยังนึกว่าผมซ้อมยิงปืนต้องรีบโทรไปฟ้องพ่อผมให้มาดูเลยเชียว จากคุณ : Jump.Jr เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 14:24:21

ความคิดเห็นที่ 13 ทางสายกลาง อะไรควรหย่อน ก็หย่อน อะไรควรตึง ก็ตึง มันอยู่ที่ความรู้สึกเราน่ะ ถ้าเราไม่ไหว เราก็ต้องตึงนะ ไว้มาเล่าให้ฟัง   เค้าก็เคยมีวีรกรรมนางยักษ์เหมือนกัน จากคุณ : ป้าแมงฯ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 14:24:58

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าเป็นคน...ใจแข็ง อัตตาสูง ไม่แคร์สื่อ ตัวเองเป็นศูนย์กลาง ห้าวหาญทรนง ไม่มีที่ให้อารมณ์อ่อนไหว ไม่ยอมใคร แนะนำ - ตาต่อตาฟันต่อฟัน เพราะโดยนิสัยก็มักไม่ยอมใครอยู่แล้ว ไปยอมมากๆมันจะอกแตกตายเอา แถมถ้ามีเรื่องโกรธเกลียดกัน ก็ไม่สนใจ ความคิด อารมณ์ใครสักเท่าไร ก็ลุยให้จบๆกันไปเลยดีกว่า ถ้าเป็นคน...ใจดี ขี้สงสาร แคร์ชาวบ้าน ไม่กล้าหักหาญ เกรงใจคนรอบข้าง ไม่พาลพยาบาท แนะนำ - หยวนๆแหยๆ เพราะ โดยนิสัย มีความอดทนเป็นทุนอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนมุมมองให้ใจที่รุ่มร้อน มันเย็นลงก็อยู่ได้ ถ้าจะใช้วิธีรุก ก็ต้องเป็นแนวประนีประนอม เพราะถ้าใช้วิธีรุนแนงไป...พาลจะรู้สึกผิดไปตลอด และจะระแวงรอบข้างไปทั่ว ว่าใครจะนินทาอย่างไร จะโกรธจะเกลียดเรามั้ย ฯลฯ และความรู้สึกของตัวเองนี่แหละ...จะทำร้ายตัวเองในที่สุด จากคุณ : ผ่านมาแซว (ไผ่แผ่วพริ้ว) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 14:25:35

ความคิดเห็นที่ 15 อยากบอกเจ้าของกระทู้ว่า เรื่องการปล่อยวาง บ้านเราปล่อยวางเรื่องเพื่อนบ้านมาเกือบ 5-6 ปี (และก่อนหน้าที่เราจะแต่งเข้าไป 10 ปี)  เจอปัญหาหลบอยู่แต่ในบ้าน อยู่อย่างสงบ สุภาพ หยิม ๆ  แต่มันยิ่งได้ใจ ทุกวันนี้ไม่ใช่ ตอบโต้มันอย่างมีสติ  พวกมันกลับหลบอยู่แต่ในบ้าน... คนเราไม่เหมือนกันนะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเจอเพื่อนบ้านสันดานแย่ลึกขนาดไหน แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 14:35:45 จากคุณ : Pim_ลภัส เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 14:33:56

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ใช่วีรกรรมเตะถังขยะลอยฟิ๊ววววว ผ่านหัวเพื่อนบ้านหรือเปล่า   จากคุณ : ป้าแมงฯ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 14:40:01

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ว่าปัญหา จะหนักหรือเบาอย่างไร อย่างแรก ก้อต้อง จับเข่าคุยกัน ถ้าคุย กันแล้วปัญหายังเกิดซ้ำ ๆๆ เหมือนเดิม ก้อคงต้อง ทำตาม สร้างความเดือดร้อน ในแบบที่เค้าทำกับเราบ้าง ถ้าไม่เบาลง ก้อคงต้องลงแรง ส่วนแรง จะมากจะน้อยก้อขึ้นอยู่กับ กำลังภายในและภายนอกแหละครับ จากคุณ : mokirup เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 15:07:04

ความคิดเห็นที่ 18 ผมคิดว่ามันไม่มีวิธีเดียวที่เหมาะสม หรือตายตัวนะครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้น และการสื่อสารกลับมานั้นรูปแบบไหน นิยามของคำว่าคนดีนั้น ไม่ใช่พระเอ๊กพระเอก หรือนางเอ๊กนางเอกหรอกครับ ผมคิดว่าคนดีคือคนที่ไม่ทำอะไรเดือดร้อนคนอื่นมากกว่าครับ อยู่อย่างแบ่งปัน อยู่อย่างสงบสุข สังคมนั้นก็เจริญแน่ครับ แต่ถ้าเจอกรณีเจ้าของกระทู้ มันก็ต้องสู้แหละครับ แต่ก็ติดปัญหาเรื่องกฎหมาย  ทีนี้เรามาลองคิดดูนะครับว่า ทางนั้นเค้าเดือดร้อนอะไรมั้ย เวลาที่เราเดือดร้อนอยู่...ก็ไม่...ใช่มั้ยครับ เพราะเค้าเห็นแก่ตัว  ทีนี้เราก็ลองจินตนาการทำอะไรลงไปตามคำแนะนำทั้งหลาย ดูครับ ว่าจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง  ถ้าวิธีการที่ทำลงไปนั้น มันทำให้เค้า กลัว รู้สำนึก  และไม่กล้ามาเบียดเบียนเราอีก ก็แฮปปี้เอนดิ้ง แต่ถ้าไม่...ลองนึกดูนะครับว่าอะไรจะตามมาครับ อยากบอกว่าเราต้องสู้เพื่อปกป้อง สิทธิของเรา เพราะเค้ากำลังละเมิดสิทธิหน้าที่พลเมืองคนหนึ่งที่ต้องการอยู่อย่างแบ่งปัน อยู่อย่างสงบสุขของเราไป ปล.ขณะที่เราเดินอยู่นั้น ปรากฎว่าเจอมูลสุนัข เรา่จะทำอย่างไรครับ หรือ เดินอยู่เจอคนเมา เราจะทำอย่างไรครับ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ลุยครับ  เพียงแต่ต้องคิดให้ดีถึงแผนการ และผลได้ ผลเสียด้วยนะครับ เอาใจช่วยครับ คุณแม่ขวัญข้าว จากคุณ : พ่อน้องโอโซน เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 15:10:45

ความคิดเห็นที่ 19   โดนมาเหมือนกัน http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R9366203/R9366203.html จากคุณ : never say never เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 15:12:27 A:119.42.65.13 X: TicketID:273684

ความคิดเห็นที่ 20 ติดตามมาตั้งแต่กระทู้แรกแล้วค่ะ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เป็นเพราะ 'เอาน่า ไม่เป็นไร/อโหสิให้ไป/ยอมกันไปเหรอ นิสัยเห็นแก่ตัว/เห็นแก่ได้ กลายพันธ์ไปในด้านที่เลวร้ายเพิ่มขึ้น คนดีก็ทำดีไปคนชั่วก็ทำไป อย่าลืม "คนดีสมควรส่งเสริมได้รับการยกย่องชมเชย" แต่คนชั่วก็ต้องถูกลงโทษ ไม่งั้นเราจะอยู่กันได้ไง อยากทำไรก็ทำ   แล้วคนที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบตั้งใจนี่  เป็นคนที่แย่มากๆๆ สมควรที่สุดที่จะได้รับลงโทษเพื่อเป็นบทเรียนบ้าง จากคุณ : aerts (aerts) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 15:17:17

ความคิดเห็นที่ 21 อันไหนยอมได้ก็ยอม อันไหนยอมไม่ได้เดือดร้อนก็ต้องคุยกันละครับ เค้าก็คงไม่อยากมีปัญหากับเราหรอกครับ จากคุณ : ananchai_y เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 15:22:44

ความคิดเห็นที่ 22 มนุษย์ ทุกคนเกิดมา ก็มีเศษกรรมติดมาด้วยทุกคนละครับ ในศาสนาพุทธก็เลยแบ่งมนุษย์ออกเป็น 5 ประเภท ดูๆ แล้ว คงเป็นการเจอกันของ... มนุสสเปโต - มนุษย์ที่เกิดมาพร้อมเศษกรรมจากภพภูมิที่เป็นเปรตมาก่อน กลุ่มคนประเภทนี้ เอาเปรียบได้-เอา เสียเปรียบไม่ได้ ทำดีใ้ห้ก็ไม่รู้จักพอ มนุสสเทโว - มนุษย์ที่มาเกิด เพราะบุญที่ทำภพที่แล้วเป็น เทวดา-นางฟ้า หมดลง จะเป็นคนที่มีความละอายต่อบาป ต่อกรรม กลัวที่จะทำในสิ่งที่ไม่ดี ดูๆ แล้ว จขกท ก็คงไม่อยากบู๊เป็นหมาบ้า หรอก เพราะ ท่าทาง จขกท เหมาะจะเป็น นางฟ้า ซะมากกว่า ถ้ามีปัญหาอีก ท่องไว้ในใจ "เราเป็นนางฟ้า" ถือซะว่ากำลังทำบุญให้เค้าละครับ ดังนั้น ถ้าให้ผมช่วยเลือก ผมเลือกข้อแรก แบกทำไมให้หนัก จากคุณ : น้องปลาดาว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 15:46:16

ความคิดเห็นที่ 23 ให้มีสติสัมปชัญญะ ในทุกเมื่อ สติ คือความระลึกรู้สึกตัว ว่ากำลังจะทำอะไร สัมปชัญญะ คือความรู้สึกตัว ยับยั้งตัวในการทำสิ่งไม่ดีไม่ควร เย็นๆไว้ แล้วจะสบายเมื่อปลายทาง จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 16:42:46

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านทุกตัวอักษรอย่างตั้งใจค่ะ ขอบคุณในทุกความปรารถนาดี จากใจ จขกท. ค่ะ จากคุณ : แม่ขวัญข้าว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:51:53

ความคิดเห็นที่ 25   พยายามแก้ที่ต้นเหตุ ปรับที่ตัวเรา ข้างบ้านเค้าทำอะไรในรั้วบ้านเค้าเราก็หมดสิทธิ์จะว่ากล่าว พูดไปก็หมางใจกันเปล่าๆ  ทำใจสบายๆ ใส่บาตรแผ่เมตตา ให้เพื่อนบ้านด้วยจะดีมากเราทำบ่อย รู้สึกดีขึ้น จากคุณ : หมวยเล็กกับหมวยใหญ่ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:54:02

ความคิดเห็นที่ 26 บางเรื่องก็จะทำตัวเป็นหมาบ้า แต่บางเรื่องก็เป็นนางฟ้า ไม่มีกฏเกณท์ตายตัวค่ะ ตัวอย่าง   เพื่อนบ้านเอารถมาจอดหน้าบ้านเรา พอมาถึงเราเอารถเข้าบ้านไม่ได้ ครั้งแรกก็เฉยๆ หาที่จอดอื่นก็ได้ ทั้งที่รถเราตอนนั้นป้ายแดง ก็กลัวรถหาย กลัวโดนชน โดนเฉี่ยว โดนขูด บอกตรงๆนอนหลับไม่สนิทเพราะห่วงรถใหม่ ตอ่มามีครั้งสอง และ ครั้งสามอีก เราเขียนแปะหน้ารถเลยว่า "เกรงใจกันบ้าง อย่าจอดรถอย่างนี้"  ตื่นขึ้นมาไปวีนบ้านเขาเลย ตำหนิเขาว่า  ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นคนแบบนี้เลย ไม่อายบ้างหรือ เป็นเราถ้าต้องให้ใครมาว่าอย่างนี้อายตาย  พูดไปใส่อารมณ์ไป ลูกตาเราคงเหลือกเหมือนสุวัจนีในเรื่องไทรโศก ก็อาจเป็นได้ 555 มีภาพประกอบด้วย แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 20:39:10 จากคุณ : แป้งสีฝุ่น เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:37:45

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องเพื่อนบ้านแบ่งเป็น 2 กรณี 1  ยอมมันไปซะ อาจมีเตือนให้เลื่อนรถที่ขวางหน้าบ้านบ้าง ถ้าเข้า-ออกไม่สะดวก ส่วนใหญ่จะรีบขยับรถให้  หรือที่ชอบตากผ้าหน้าบ้านเรา ก็ให้เค้าตากเพราะบ้านเค้าต่อเติมจนไม่มีที่ตาก เป็นหน้าที่ของบ้านเรามั๊งหยวนๆกันไป ขอไว้อย่างเดียวอย่ามีผ้าถุงหรือผ้าขาวม้า  อยากเปิดคอนเสิร์ตก็ปล่อยเค้าไปถิอว่าซะว่าช่วยเฝ้ายามให้  ยังมีอีกเยอะเล่าไม่หมด 2  เป็นจุดยืนที่เรียกว่าถ้าล้ำเส้นคุณตาย จะโหดก็เป็นนะ แถมพวกเยอะนะจ๊ะ อะไรทำนองนั้น เรื่องแบบนี้ต้องทำไม่บ่อย ไม่งั้นจะไม่มีประสิทธิภาพ  ให้เค้ารู้โดยนัยว่าเรื่องอะไรอย่าอย่าแหยม   ทั้งหลายทั้งปวงเราเห็นพ่อ-แม่เราใช้ได้ผลนะ บ้านเราอยู่มา 50ปีไม่เคยมีขโมยขึ้นบ้าน  ไม่ต้องติดเหล็กดัด  มีอยู่หนเดียวที่คนปีนเข้ามาในบ้าน เพราะเรากับน้องชายหลับเพลิน ป้าข้างบ้านที่รับฝากพ่อ-แม่เราไว้(ไปตจว.) คิดว่าป่วยตายแล้วมั๊งเรียกไม่ได้ยิน เลยระดมพลมาครึ่งซอยปีนบ้านเข้ามาเช็คความเรียบร้อย จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:07:54

ความคิดเห็นที่ 28 อยู่คนเดียวเลือกข้อ 1 ดีกว่าค่ะปลอดภัยดี คนเห็นแก่ตัว ทำยังไงเค้าก็เห็นแก่ตัว ยิ่งแก่ขนาดนี้สอนก็ไม่ได้แล้ว ทน ๆ ไว้ค่ะ เดี๋ยวเค้าก็ตายไปเอง จากคุณ : พยัพหมอก เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:03:56

ความคิดเห็นที่ 29 เรียกพวกมีปมด้อยครับ เห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้ ลองอยู่ให้มีควมสุขครับ เขาจะหงุดหงิดตายไปเอง จากคุณ : Bongza เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 10:55:57

ความคิดเห็นที่ 30 จขกท.ยังแวะมาอ่านเรื่อยๆนะคะ คำตอบของทุกคน ทำให้เราคิดเยอะขึ้น คิดหน้าคิดหลังมากขึ้น ขอบคุณจริงๆ จากคุณ : แม่ขวัญข้าว เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:21:30

ความคิดเห็นที่ 31   เวลาเราจะทำอะไร เราไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะคิดหรือพูดยังไงค่ะ เอาตัวเองเป็นหลัก โดยก่อนทำจะคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาให้รอบด้านที่สุด ตั้งแต่แบบธรรมดาไปจนถึงแบบเลวร้ายที่สุด จากนั้นตัดสินใจว่าถ้าเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะการกระทำของเรา เราจะยอมรับผลนั้นได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ลุยโลด ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนแผน จากคุณ : Sun เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 13:24:40 A:183.89.129.200 X: TicketID:126119

ความคิดเห็นที่ 32 ตามมาให้กำลังใจแม่ขวัญข้าวนะคะ อ่านกระทู้เดิมแล้วก็เข้าอกเข้าใจแม่ขวัญข้าวอยู่มากโข เพราะเราเองก็มีเพื่อนบ้านที่ค่อนข้างจะ... อธิบายความเป็นตัวเค้าไม่ถูกเหมือนกันนะ ทุกวันนี้เราก็ได้แต่ทำใจให้นิ่งๆ เวลาเค้าทำอะไรมา เราก็จะคิดเสมอว่าทำไมเค้าช่างมีมันสมองที่คิดแต่เรื่องเลวร้ายพวกนี้ ทำไมเค้าสามารถจะทำอะไรที่มันบ่งบอกถึงระดับความสูงต่ำของจิตใจเค้าได้ขนาดนี้ เราไม่ได้เป็นคนดีเด่นอะไรหรอกค่ะ แต่เพื่อนบ้านคนนี้ทำให้เรารู้สึกว่า "เราเป็นคนดีดี๊ดี..ดีมากๆๆ" การไม่ตอบโต้ ไม่ได้แปลว่าแม่ขวัญข้าว "แหย" หรอก แต่การอยู่คนเดียว ไม่ปลอดภัยด้วยประการทั้งปวงที่จะมีปัญหากับคนรอบข้างค่ะ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเก็บหอมรอมริบ.. กะว่าถ้าเก็บเงินได้สักก้อนเล็กๆ สักสองสามแสน ก็จะย้ายแล้ว ไปปลูกกระต๊อบอยู่กันสองตายาย เป็นกำลังใจให้นะคะ วันไหนถ้ารู้สึกว่ากำลังจะกลายเป็นนางมารร้าย..ก็แผ่เมตตาให้กับเพื่อนบ้านไป วันไหนถ้ารู้สึกว่าเป็นนางฟ้าน้อยๆ ..ก็แบ่งปันขนมขะแหน๋มให้เค้าก็ดีค่ะ (ป.ล. เราไม่เคยแบ่งปันขนมขะแหน๋มให้เพื่อนบ้านหลังนี้อย่างที่บอกแม่ขวัญข้าว แต่กับเพื่อนบ้านหลังถัดไปจากบ้านเค้า.. เราแบ่งอ่ะค่ะ 5555) ขอให้แม่ขวัญข้าวและเพื่อนๆชาวชายคาที่มีปัญหากับเพื่อนบ้าน.. หลับฝันดีกันทุกคนนะคะ จากคุณ : เฒ่าอนุบาล เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 22:28:28

ความคิดเห็นที่ 33 รู้สึกว่ากระทู้ที่แล้วผมได้ตอบคุณ  จขกท  ไม่รู้กลับมาตั้งกระทู้ใหม่เผื่อต่อยอดความคิด  เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้เอยถึงประโยคนึง  คือ   "  เรื่องนี้เห็นแนะนำให้ใช้วิธีรุนแรงกันทุกที ผลสุดท้ายก็ไม่กล้าทำหรือทำไปแล้วก็มีปัญหาโดนแกล้งแบบอื่นๆ แรงๆ กลับมาอีก  " ความรู้สึก  แหย๋ย  หรือปล่อยวาง  ขึ้นอยู่กลับว่าเรื่องอะไรควรยอมไม่ควรยอม อย่างผมเรื่องจอดรถขวาง  ผมไม่ยอม  แต่ก็ใช้วิธีจากเบาไปหาหนักตามที่เล่าให้ฟังในกระทู้ที่แล้ว หมาเห่าดัง  ผมไม่ตอบโต้  เพราะเข้าใจธรรมชาติของหมา ปล่อยหมามาขี้หน้าบ้าน  ผมแตะคืนกลับไปหน้าบ้านเค้า  ถ้าหน้าฝน  ก็ปล่อยฝนตกชะลงท่อไป ปล่อยหมามุดรั่วมาขี้ในสวนผม  ผมก็ล้อมตาข่ายกันซะ ชอบปิดหน้าต่างกระแทกดังๆ  ปิดม่านด้านติดกับบ้านผม  เวลาผมกลับถึงบ้าน  เพราะผมจะต้องใช้ครัวซึ่งอยู่ด้านห้องรับแขกเขา  แต่ก็แค่แกะข้าวถุง(แสดงทีท่ารังเกียจ)  อันนี้ผมเฉยครับ  ไม่ตอบโต้  ผมไม่ทุกข์ไม่เดือดร้อน  เค้าทำแบบนี้แสดงว่าเค้าทุกข์  เค้าร้อนใจเอง  เค้าคิดไปเองไม่ปล่อยวาง  ก็ชั่งเค้าครับ ชอบเปิด  VCD  เสียงดัง  ผมก็เปิด  เพลงที่ผมชอบดังเหมือนกันแต่แค่เปิดกลบเสียงเค้า หลังบ้าน  คนละหมู่บ้าน  ต่อเพิ่มห้องด้านหลังบ้าน  ผนังมีช่องหน้าต่างเลื่อน  ห่างรั้วผม  1  เมตร(ตามกฎหมายต้องห่าง 2 เมตร )  ผมก็เฉยๆ  อย่าลำหรือตั้งบนรั้วก็แล้วกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีจุดเหมาะสมของมัน  บางเรื่องเรื่องเล็กๆ  น้อยๆ  ยอมๆบ้าง  ไม่เครียด  ไม่เสียหาย  ปล่อยวางแล้วๆได้ความสบายใจ บางเรื่อง  ควรรักษาสิทธิ  ไม่ให้เค้ามาละเมิด  ละเมิดแล้ว  เราลำบาก  เราเสียหาย  ต้องตอบโต้  แต่ต้อง  ทำแบบเบาไปหาหนัก  มีกุศโลบาย  ถ้าเบาไปแล้วทำไม่ต่อเนื่องเค้าจะคิดว่าเรายอมและได้ใจ  ถ้าตอบโต้หนัก  มักทะเลาะกันและมีปัญหาเรื่องอื่นตามมาไม่จบไม่สิ้น จากคุณ : ใช้วิธีฆ่า แต่ไม่ให้มันตาย (รังสิตแมน) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 17:38:53

ความคิดเห็นที่ 34 จริงๆแล้ว รถเรายังเข้าออกได้นะ แต่ว่า"ลำบาก" วันไหนเป็นนางฟ้า เราก็ปล่อยวาง ถือว่าลำบากเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ไม่เป็นไร ไม่ได้ถึงกับเข้าไม่ได้เลย เราทำไม่รู้ไม่เห็นมาก็เป็นร้อยๆครั้ง ยืนตากแดดรอเขามาเลื่อนรถแบบอ้อยอิ่ง โดนตะคอกตวาดกลับมาก็นับไม่ถ้วน แต่ถ้าเรามองว่าเรารักษาสิทธิ์ เพราะคนบางคน เขา"ขี้เกียจ"เอารถเข้าบ้าน ขี้เกียจกระทั่งถอยเข้าออก ตัวเองจะขับก็สตาร์ทฉิวได้เลย อ้างว่าหน้าบ้านตัวเอง อยู่มาสิบปี จะจอดยังไงก็ได้ เราว่าจะไปซื้อไฮเตอร์มาใส่เกลือรอไว้ ว่างๆจะให้เพื่อนสอนแงะฝาน้ำมันไว้ให้ชำนาญ เผื่อบางวันมันเหลืออด นางฟ้าจะแปลงร่างเป็นหมาบ้าขึ้นมามั่ง ตอนนี้เรากำลังพิจารณาใจของเราเอง ถ้าเราตัดสินใจทำ รับรองได้ว่าไม่ได้ทำเพราะความโกรธ เพราะอารมณ์ชั่ววูบ แล้วคนอย่างเรา ไม่เลือกวิธีขูดรถ โรยตะปู ยืนเถียงกัน เราว่ามันไม่มีประโยชน์ เราไม่ชอบอะไรที่ได้ผล"ช้าๆ" นิสัยเสียแบบนี้แก้ไม่หายจริงๆ จากคุณ : ขอบคุณทุกความเห็นจริงๆนะ (แม่ขวัญข้าว) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 18:29:23

ความคิดเห็นที่ 35   วิธีที่ได้ผลช้า ดีกว่าวิธีที่ไม่ได้ผลน่ะครับ หรือวิธีที่ได้ผลไว ก็ไวจริงๆ แรงด้วย เช่นการทะเลาะเบาะแว้ง ถึงขั้นยิงกันตายก็มี จากคุณ : ใช้วิธีฆ่า เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 15:04:11 A:58.10.235.103 X: TicketID:090613

ความคิดเห็นที่ 36 บางครั้งเวรกรรมมักไม่ค่อยทันใจเราครับ แต่ก็ขอให้ถือหลักเมตตา อย่าไปทำอะไรที่ผิดตามเขา บางทีต้องคิดเสียว่า ชาตินี้เราไม่ได้ทำแล้วชาติก่อนเรารู้ได้ไงว่าเราไม่เคยเบียดเบียนเขา ยึดถือหลักความถูกต้องไว้ คนที่เบียดเบียนคนอื่นก็ควรสำนึกด้วยนะครับ ไม่กลัวบาปกรรมตกถึงลูกหลานมั่งหรือไง เมื่อคุณจากโลกนี้ไปแล้วพร้อมเวรกรรมที่คุณก่อ คิดหรือครับว่าลูกหลานจะอยู่สุขได้ จากคุณ : Xbreeder เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:51:29

ความคิดเห็นที่ 37 ปล่อยวางดีที่สุดแน่นอนครับ จากคุณ : Jaypks เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 53 11:56:19