ความคิดเห็นที่ 1   ไม่ออกความเห็นดีกว่า อิอิ เขาคงต้องมีข้อดีหลายอย่างแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ทุ่มสุดตัวขนาดนี้ ยินดีด้วยนะคะ กับว่าที่คู่แต่งงานคู่ใหม่ ^ ^ จากคุณ : Noon_rinz เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:01:41

ความคิดเห็นที่ 2   ต่างกันแค่ไหน ถ้ารักกันจริงก็อยู่กันได้นะคะ (เหตุผลนี้ไม่รวมวงศาคณาญาติ) จากคุณ : merit_bee เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:09:22

ความคิดเห็นที่ 3 อืมมมม  หนทางเพิ่งเริ่มต้น จากคุณ : aoh-light เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:18:33

ความคิดเห็นที่ 4   ถ้าแฟนผมเที่ยวบ่นแบบนี้ให้คนอื่นฟัง ผมเลิกดีกว่า คบกันจะแต่งงานกัน แต่มานินทาแฟนแต่เรื่องเงินเรื่องทองอยู่อย่างเดียว ชาวสวน เหมือนจะรวย แต่ไม่รวยหรอกครับ  ถ้ารับเค้าไม่ได้ก็เลิกไปดีกว่ามาบ่นให้คนไม่รู้จักฟัง จากคุณ : FoXnews เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:21:14

ความคิดเห็นที่ 5 เราคิดว่าคุณควรเปิดใจกว้างนะคะ เราก็คล้ายกับคุณแต่แฟนเราเองเค้าก็พยายามทำดีที่สุด ส่วนที่เหลือเนี่ยเราคิดว่าใจล้วน เพราะหากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วคุณต้องให้เกียรติเค้าค่ะและเปิดใจกว้าง ลองเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ลองคิดดูถ้าคุณเป็นเค้าจะทำอย่างไร ถ้าเิริ่มกันแบบนี้คิดแบบนี้จะไม่ทะเลาะกันทุกวันหรือคะ จากคุณ : krgirl เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:39:54

ความคิดเห็นที่ 6   ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อ่านแล้วท้อเลยนะครับ ^-^ แต่ไม่ถอย เล่นเอาตาชั่งมาชั่งฐานะ ความรู้สึกและการให้เกียรติกันสำคัญกว่าครับ จากคุณ : อันใดเอวา เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:40:44

ความคิดเห็นที่ 7 ...ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมแนะนำ ให้เลิกกันดีกว่าครับ... ...อย่าหาคู่ที่ มีความต่างชั้นกันมากนัก ... ... จากคุณ : ซีมาสเตอร์ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:43:25

ความคิดเห็นที่ 8 ฐานะ การศึกษา มันแค่เปลือกครับ ยังไงก็ตามแต่ ขอให้ชีวิตคู่ของจขกท. มีแต่ความสุขนะครับ ได้บ่นแล้วคงสบายใจขึ้นบ้าง ผมเอาใจช่วยครับ ^_^ จากคุณ : ใบไม้ที่ปลายกิ่ง เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:48:12

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าแฟนคุณมาอ่านเจอ เค้าคงคิดหนักว่าจะเป็นแฟนกันต่อดีมั๊ย.... ปัจจับันไม่ใช่ปัญหา แต่อนาคตสิสำคัญ รักกันต้องช่วยเป็นกำลังใจให้กันเพื่อฝันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกันนะคะ จากคุณ : su_k3430 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:53:29

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าซื้อที่ดิน ปลูกบ้านเองดีกว่าครับ จากคุณ : wishsine (wishsine) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:53:37

ความคิดเห็นที่ 11 - จริงแล้วเป็นผม ผมก็อยากให้แฟนพอใจ มีอะไรไม่น้อยหน้าคนอื่นแหละครับ แต่บางครั้งมันไม่ได้ ทำยังไงดี - ผู้ชายเป็นประเภทคิดมากน่ะครับ ห่วงนั่นห่วงนี่ ไหนจะอนาคตต้องกันเงินส่วนตรงนี้ไว้ เดี๋ยวผ่อนบ้านหนักเกินไปส่งไม่ไหวบ้านถูกยึดจะทำอย่างไร คุณคิดว่าไงล่ะ - ผมว่าจริงๆวิธีพูดคุยมีหลายวิธี ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณได้คุยกันบ้างหรือยัง แค่นั้น บ้านที่ไปตะลอนดูมา ผู้ชายถ้าเค๊าไม่อยากมีบ้านเค๊าไปดูได้ แต่ให้ซื้อเค๊าคงไม่เอาหรอกครับ คิดดู หนี้เป็นยี่สิบสามสิบปี เหนื่อยหนักนะนั่น แถมต้องเผื่อทางเลือกเอาไว้หลายอย่าง ถ้ามีลูกทำอย่างไร ถ้าตัวเองทำงานไม่ได้ทำอย่างไร แล้วคุณคิดยังไง - ถ้ามองแล้วชีวิตคู่ คือหน้าที่การงาน โปรไฟล์มาเปรียบเทียบ คุณก็คงไม่เลือกเค๊า แต่เมื่อคุณเลือกเค๊ามาแล้วจะมาพูดเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เพราะคุณยอมรับเค๊าเองนะ ไม่มีคนอื่นมาจับคู่ให้ - ถ้าคุณคิดว่าฐานะดีกว่า แม่จะยกบ้านให้เป็นเรือนหอ ผมว่าก็ดีนะ เงินทองก็ไม่รั่วไหล ไม่ต้องหาบ้านใหม่ แต่ให้ผู้ชายผ่อนเรือนหอแม่คุณแทน ดีจะตาย เงินคุณก็เก็บไว้เอง แต่อาจจะไม่มีดอกเบี้ยนะ ส่งช้าบ้างก็ต้องทำใจ แต่เซนต์สัญญากันไว้ดีๆ เผื่อวิวาห์ล่ม อิอิ แนะนำแค่นี้ อาจดูพูดมากไปนิด แต่ตอนนี้ผมก็พยายามทำชีวิตคู่ให้เข้าที่อยู่เหมือนกัน แต่อย่างนึงที่ต้องรู้ ชีวิตคู่คือการที่ต้องเปิดใจให้กว้าง คุยกันเยอะๆ บางครั้งอาจต้องใช้การเรียนรู้อีกมาก เพราะเวลาเกือบสิบปีที่คบกันมา พอแต่งงานกลายเป็นว่า อ้าวคนที่แต่งด้วยนี่เราแทบไม่รู้จักตัวตนจริงๆของเค๊าเลย สู้ๆครับ ปล1.พ่อแม่เป็นชาวสวน มีพี่น้องกี่คนครับ ถ้าเค๊าลูกชายคนเดียว เท่ากับคุณแต่งกับเศรษฐีที่ดินเลยนะ จะบอกให้ อิอิ ลงทุนครั้งนี้คุ้มนะครับ ฮา ปล.2(มาเพิ่มเติม) รู้รึเปล่า สินสอดมันเรื่องไร้สาระ แค่ให้คนอื่นดูว่าเออ ข้ารวย แต่ไม่ได้เป็นหลักประกันอะไรเลยสำหรับที่จะบอกว่าชีวิตคู่คุณสองคนจะยืนยาวหรือไม่ งานแต่งก็เหมือนกัน ผมเสียเงินถ่ายรูปจัดงานแต่งโรงแรมไปหลาย ตอนนี้ผมกับแฟนมาคิด ถ้าประหยัดตรงนั้นไปได้ ผมเหลือเงินหลายแสนไว้แต่งบ้านเพิ่มอะ .... อันนี้เล่าให้ฟังเล่นๆนะ จากคนแต่งงานแล้ว แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:22:36 จากคุณ : เจ้ากี้ เจ้าการ ? เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:14:05

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อมูลเพิ่มเติม 1. บ้านเขาเป็นชาวสวนค่ะ มีที่สวนเป็นไร่ๆ ผลผลิตส่งขายในจังหวด แต่เขาบอกว่า บ้านเขาไม่มีเงินเก็บเลย มีเท่าไร ก็หมดไปกับค่าใช้จ่ายรายวัน 2. บ้านเราฐานะดีแต่ก็แลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรง และประหยัดอดออมค่ะ เลยมีเงินเก็บและมีบ้านหลายหลัง 3. profile อื่นๆ เรากับแฟนต่างกันมาก ทั้งระดับการศึกษา หน้าที่การงาน แต่ขอไม่สาธยายนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าดูถูกกัน 4. เราเห็นแต่ ญ ที่โชคดี มีสามีแล้วสบายขึ้น แต่เรานี่ เรียกว่า จะมีสามีได้ ต้องมีทุน 5. เงินค่าสินสอด ทางบ้านเขานอกจากไม่ช่วยแล้ว ยังเตือนว่า อย่าให้เรามาก ให้แค่พอสมควร ทางบ้านเขาบอกว่า บ้านนอกแต่งกันแค่หลักหมื่นเอง (แต่เราเป็นคน กทม ตั้งแต่เกิด เพื่อนๆ เราแต่งกันหลักล้าน) *********************************************** ถ้าคิดได้แค่ 5 ข้อนี้แล้ว อย่าแต่งเลยค่ะ เราสงสารผู้ชายคนนั้น ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่พอใจก็ไม่ว่ากันนะ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:25:14 แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:24:50 แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:24:11 แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:23:29 จากคุณ : แค่นี้ก็พอแค่เพียงมีเธอ (อาร์ทตัวแม่) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:19:25

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้ารักเค้าและรับได้ที่เป็นแบบนี้ลุยต่อค่ะ แต่ถ้าทนไม่ไหวรับไม่ได้ นี่มันเพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น เราคนนึงค่ะที่เข้าใจว่าบางที ไม่รู้จะคุยกับใคร มันก็เลยขอมาระบายในนี้สักหน่อย หลังจากระบายแล้วลองคิดดูนะคะ ถ้าแค่เริ่มต้นแล้วคิดว่ามันจะมีปัญหา ให้ตัด ไฟซะแต่ตอนนี้ เพราะนี่ยังไม่ได้แต่งทาง จขกท ก็มีเรื่องให้คิดหนักแล้ว   เลิกซะเถอะค่ะ หรือไม่ก็เปิดใจคุยซะตั่งแต่ตอนนี้ ดีกว่าสะสมไปนาน     เอาใจช่วยให้พ้นปัญหา ไว ไว นะคะ อ้อ อีกอย่างเราเดาว่านี่คงไม่ได้ไม่พอใจแฟน แต่ไม่ชอบใจทางบ้านแฟนใช่ไหมคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นแต่งงานแล้ว แยกออกมาอยู่ต่างหากนะคะ อันนี้จากประสบการณ์ตรง ของเราเอง แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:26:04 จากคุณ : noonoon เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:21:45

ความคิดเห็นที่ 14 เราคิด(เอง)ว่าคุณจขกท. ที่บ่นไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องน้ำใจ และความยินดีที่ทางครอบครัวฝ่ายชามีให้มากกว่า ดูเหมือนฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวจะออกตัวเรื่องเงินมากเกินไป ตามตจว.น่ะสินสอดหลักแสน และหลายแสนด้วยนะคะ เพื่อนเราเก็บเงินหูตูบเลยกว่าจะได้เงินครบไปขอ  ทั้งๆที่เพื่อน(แอบเลว)ยุว่าไม่ต้องรีบเดี๋ยวราคาก็ตกเอง เค้าคงรักของเค้า รุ่นพี่เราตอนแต่งก็ยังต้องเอาเงินตัวเองสบทบให้ครบล้านเพื่อรักษาหน้าทั้งของแฟน และพ่อแม่ตัวเอง แฟนรุ่นพี่ก็ไม่ค่อยมีตังค์ แต่ครอบครัวฝ่ายชายนิสัยดี น่ารัก แล้วดูไม่เค็ม ตอนี้ก็มีความสุขดี แต่เคสของคุณจขกท. ทำใจทนญาติฝ่ายชายได้ไม๊ล่ะคะ  เมื่อเทียบกับข้อดีของคุณแฟน จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:25:48

ความคิดเห็นที่ 15   20ปีก่อน ผมสู่ขอเมียตามประเพณีจีนๆ44000บาทครับ สี่หมื่นสี่ ไม่ใช่หลักล้านหลักแสนอะไร ฐานะก็ปานกลาง จากคุณ : แบนแล้วแบนอีก จนแบนแต๊ดแต๋ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:28:20 A:125.25.28.12 X: TicketID:164262

ความคิดเห็นที่ 16 ผมชอบความเห็นคุณอาร์ทตัวแม่จัง เอาไปสามกิฟเลย อิอิ อ้าว ลบไปซะแล้ว น่าเสียดายจริงๆ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:31:14 จากคุณ : เจ้ากี้ เจ้าการ ? เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:29:31

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าคุณรักกันจริง เต็มร้อยทั้งคู่ เรื่องที่คุณระบายออกมา  ผมเชื่อว่า มันไม่ใช่ปัญหาในระยะยาว แต่ถ้าความรักของคุณต่อเขา ยังเป็นความรักที่ไม่เต็มร้อย ผมว่าคุณต้องคิดดูให้ดีแล้วหล่ะ เพราะว่าแต่งงานไปแล้ว สิ่งที่คุณระบายวันนี้ อาจจะกลายเป็นปัญหาจริงๆ ในวันหน้า พื้นเพของแ่ต่ละคน เติบโตมาต่างกันไป สำหรับ ผู้ชาย ที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง(หรือค่อนข้างยากจน) มา่่อ่าน คคห ของ จขกท ส่วนใหญ่คงจะคิดเหมือส คคห 4 หรือ 7 (คือเลิกซะเถอะ) พื้นเพของ จขกท อาจเป็นคนที่อยู่ในสังคมที่ค่อนข้างมี หรือมีฐานะ (จากข้อความในวงเล็บข้อ 5 ของ จขกท) จึงได้มีความคิดในเรื่องของการเปรียบเทียบบางอย่างขึ้นมา ซึ่งจะไปว่า จขกท ก็ไม่ถูกซ่ะทีเดียว ทั้งนั้น ทั้งนี้ ผมยังยืนยันตาม ย่อหน้าแรกของผมข้างบน คุณควรนึกดูให้ดี ว่าคุณรักเขา เต็มร้อยหรือเปล่า (ผมใช้คำว่า นึก มากกว่าจะใช้คำว่า คิด  เพราะ ความรักที่บริสุทธิ์ เป็นเรื่องของ อารมณ์ มากกว่าเหตุผล) ถ้าคุณลองได้รักใครสักคนด้วยใจเต็มร้อย (และเขาก็รักคุณด้วยใจเต็มร้อย) ผมมั่นใจว่า ไม่มีทางที่จะมีปัญหาเรื่องที่คุณกำลังระบายหรอกครับ เพราะคุณจะไม่สนใจสิ่งภายนอกที่มารบกวนเหล่านี้ จากคุณ : Branburi 2549 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:38:05

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าบ่นก็คงจะบอกว่าเลือกเองครับ มีเวลาให้คิดให้ตัดสินใจมานาน ตั้งแต่จีบ คบ คบลึกซึ้ง จนวางแผนจะแต่งงาน มันน่าจะพิสูจน์อะไรได้บ้าง ว่า ทำไมเราถึงจะแต่งกับคนนี้ หรือ ไม่รู้อะไรเลย จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:00:31

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจฝ่ายชายมากกว่า  ....   ทรัพย์สินซื้อความสุขไม่ได้   และทรัพย์สินแม้ไม่มีก็ยังหาได้  ถ้าช่วยกัน สินสอดก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย  หากฝ่ายชายรักฝ่ายหญิงจริง  และทำทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตหลังแต่งงานมีความสุขไปตลอด  (อันนี้ผมเพิ่งทรายเหมือนกันหลังแต่งงาน  เพราะฝ่ายหญิงคืนเงินทั้งหมดที่เอาไปสู่ขอมาตั้งตัวกัน  เขาไม่ได้บอกอะไรแต่ก็รู้ว่าเขาคิดอะไร) เวลาเราแต่งงานกัน เราไม่ได้ร่วมชีวิตกันแค่ 2 คน ยังมี พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติๆ เขาที่เราต้องรักและรับรู้ถึง สุข ทุกข์ ด้วย   ประมาณว่า Love me Love my dog     ผู้ชายถึงแม้ไม่ค่อยมีอะไรเลย (ธรรมดาของผู้ชายต่างจังหวัดทำงานในเมืองกรุง)   แต่สิ่งหนึ่งที่มีไม่น้อยกว่าคนอื่นๆ เลยก็คือศักดิ์ศรี คนที่มีเกียรติ ย่อมจะนึกถึง เกิยรติของคนอื่นเสมอ ไม่มีอะไรมาก  เขียนให้เจ้าของกระทู้อ่าน ฝ่ายชายอาจจะมีส่วนที่ทำไม่ถูก  แต่ความรักจะเป็นคำตอบที่แก้ปัญหาได้เสมอสำหรับชีวิตคู่ จากคุณ : Control.A เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:01:39

ความคิดเห็นที่ 20 .... ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 22:03:52 จากคุณ : Control.A เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:02:37

ความคิดเห็นที่ 21 ใครหนอ โชคร้าย มาเป็นแฟน จขกท อ่านจากที่คุณเขียนมาเนี่ย ขอบอกว่าสงสารแฟนคุณมากๆ จากคุณ : Moody-Angle เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:08:21

ความคิดเห็นที่ 22 1. ถ้ามีหญิงคนหนึ่ง ที่ฐานะเธอ ปึ๊กกว่าผมมาก สิ่งหนึ่งที่ผม ทำคือ อยู่ห่างๆ  ไม่ใช่เพราะว่า เกรงว่าเธอจะดูถูกดอก แต่เกรงว่า  ครอบครัวเธอ จะนำผมไปเปรียบเทียบ ว่า ผมเป็นหมามองเครื่องบิน 2. ถ้ามีหญิงคนหนึ่ง ที่ฐานะเธอ ด้อยกว่าผมมาก แต่เธอเป็นคนดี จิตใจงาม แม้นผิวจะดำไปบ้าง หน้าแม้มีฝ้า และมีกระอยู่ทั่วไป ผมจะมองเธอ แล้วเก็บเธอไปฝัน ฝันว่าสักวันหนึ่ง อยากมีแม่ของลูกผมเป็นคนที่จิตใจงามอย่างเธอ 3. คนเรานั้น แม้นเคยเกื้อกูลกันมาแต่ปางก่อน วันเวลานี้ ก็อาจได้อยู่เป็นคู่กัน หรือ หากเคยเกื้อกูลมาในชาตินี้ วันหนึ่งคงต้องได้ตกแต่งกันเป็นคู่ หากพ้นจาก สองอย่างนี้เห็นทีจะอยาก ปล. ก็ได้แต่หวังว่า คนเราคงคิดได้ว่า การได้ตกแต่งกันนั้น เราตกแต่งกับคน ไม่ได้ตกแต่งกับเงิน หรือฐานะ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:16:00

ความคิดเห็นที่ 23 บางทีเขาก็มีเงิน แต่ไม่อยากให้ลูกแต่งด้วยก็ได้ ใครจะรู้ และผมว่า มีสิทธิ์เป็นไปได้สูง เท่าที่ดูข้อมูล จากคุณ : dib2000 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:32:28

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่า ถ้า บ้านจขกท. ไม่รวย  ได้แต่ง แน่ ครับ เพราะ อย่างน้อย ทางแฟน สามารถหาอะไร ที่ สมฐานะ ได้ง่ายๆ แต่นี้ จขกท. ถือว่ามีเงิน ครั้นจะหาบ้าน ก้ต้องหาบ้าน ที่ดูดี ให้สมฐานะ กับคุณ ด้วย เลยอาจจะมีปัญหา ได้ ผมดีใจนะ ที่ แม่ จขกท.ไม่มีท่าทีรังเกียจ แฟนของ จขกท. อีกทั้ง จะยกอาคารพานิชย์ ให้อีก ผมกลับรู้สึกว่าจขกท. ซะอีกที่ รู้สึกไม่ดีกับแฟน ทั้งเรื่องฐานะ การศึกษา  แต่นั้น เพราะ อาจจะ รู้สึกน้อยใจ อยู่ ก็เป็นไปได้   ยังไง ก็ หายไวๆ รักจะอยู่ด้วยกัน  ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ เป็นกันและกัน ครับ จากคุณ : บ้านนี้มีแต่รัก เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:46:18

ความคิดเห็นที่ 25 เราเข้าใจความรู้สึกคุณนะ แต่คุณต้องถามตัวเองให้ชัดเจน ว่าคุณแต่งงานกับเค้า แล้วคุณจะรับกับสิ่งที่เค้าสามารถหามาให้คุณได้หรือเปล่า เค้ามาจากครอบครัวฐานะปานกลาง  เป็นธรรมดาที่ไม่ฟุ่ยเฟือย หรือจะเรียกว่า ขี้เหนียวก็ได้ เพราะเงินมีไม่เยอะเท่าคนรวยแบบครอบครัวคุณ  ต่อไปเมื่อแต่งงานกันแล้ว คุณจะรู้สึกน้อยอกน้อยใจหรือเปล่า จะอายญาติพี่น้องหรือเปล่าที่มีแฟนด้อยกว่า ..ถ้าคุณคิดว่ารับไม่ได้ ก็ถอยออกมาเถอะ คุณไม่เหมาะจะเป็นคู่ชีวิต ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเค้าหรอก ปล.แฟนเราก็มีฐานะทางครอบครัวด้อยกว่า แต่มีความขยัน อดทน เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีมาก จนดิฉันลืมเรื่องฐานะไปเลย แทบไม่มีความหมายจริงๆค่ะ  ..ตอนจัดงานแต่งงาน ก็จัดง่ายๆ ทั้งๆที่รู้ว่าพ่อแม่ดิฉันก็อายเพื่อน เพราะพ่อแม่มีหน้ามีตาในสังคมพอสมควร แต่ทำไงได้ เราไม่มีเงินมาก (เราไม่ขอเงินพ่อแม่มาจัดงานนะคะ) เราคิดแต่ว่าเสียดายเงิน เอาเงินมาซื้อบ้านดีกว่า พอแต่งงานกัน ชีวิตคู่ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ช่วยกันเป็นกำลังใจให้กันและกัน จนทุกวันนี้ บอกตัวเองตลอดว่า โชคดีมาก ที่ไม่เลือกสามีเพราะเงิน แต่เลือกที่ความดี จากคุณ : เรื่องเล็กนิดเดียว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:24:59

ความคิดเห็นที่ 26 เลิกเหอะ ถ้าไม่อยากมาเสียใจอีกสิบปัให้หลัง เรื่องครอบครัวอย่าคิดอะไรโรแมนติคมากนัก มองโลกตามความเป็นจริงจะได้ไม่เสียใจ จากคุณ : Messoforte เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:27:46

ความคิดเห็นที่ 27 ยังไม่แต่งแล้วคุณมองเห็นข้อเสียมากขนาดนี้ อย่าแต่งเลยครับ เห็นเจ้าของกระทู้พูดซะขนาดนี้ ข้อดีของแฟนเค้ามีมั้ยเนี่ย เพราะไม่เห็นพูดข้อดีเลย จากคุณ : rose4you เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:28:33

ความคิดเห็นที่ 28 " (แต่เราเป็นคน กทม ตั้งแต่เกิด เพื่อนๆ เราแต่งกันหลักล้าน)" "4. เราเห็นแต่ ญ ที่โชคดี มีสามีแล้วสบายขึ้น แต่เรา นี่ เรียกว่า จะมีสามีได้ ต้องมีทุน" ผู้ชายนะครับ เค้ามี ทิฐิ ครับความภูมิใจที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองโดยที่ไม่ไดต้องพึ่ง พ่อแม่ แต่ผมอ่านแล้วคุณแค่ สนใจแต่หน้าตาตัวคุณเอง สนใจแต่ภาพพจน์ตัวเอง คุณเกิดมารวยแต่เกิดเพราะพ่อแม่ แต่ผู้ชายเค้าคงออกแนวท่าทางว่า อยากยืนด้วยลำแข้งตัวเอง อยากดูแลตัวเองและตัวคุณให้ได้ แต่คุณกลับคิด "ได้แค่นี้" ผมเป็นผู้ชายมาอ่านเจอก็ เลิกละครับ จากคุณ : หนังสือที่คุณอ่านแล้ววางไม่ลง เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:28:58

ความคิดเห็นที่ 29 รวยกว่าแล้วไง? ถ้าไม่ชอบใจไปหาแฟนที่ฐานะเท่าๆกันดีกว่ามั้ง ดีกว่ามานั่งบ่นอย่างนี้ ตลกจริงๆ จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:30:57

ความคิดเห็นที่ 30   ผมคิดว่าคุณ จขกท. ลองถามตัวเองใหม่ดีมั๊ยครับ ว่าจริงๆ แล้วรักเค้าพอที่จะอยู่กับเค้า แล้วยอมรับบางข้อที่คุณบ่นเกี่ยวกับเค้าไปตลอดชีวิตหรือเปล่า ถ้าคิดดีแล้วว่ารัก ก็อย่าคิดมากครับ บางอย่างเค้าอาจจะมีเหตุผลส่วนตัว แต่คุณไม่ได้ถาม เค้าก็อาจจะไม่กล้าบอกเหตุผลนั้น บางอย่าง ทนไม่ได้ ก็ต้องบอกเค้าว่า รับตรงนี้ไม่ได้ ให้ปรับหน่อย คนถ้ารักกันปรับได้อยู่แล้วครับ แต่ถ้าตรองดูแล้ว รับไม่ไหวเลย ก็คุยกะแฟนเลยครับ อย่าปล่อยให้ยึดไปจนกลายเป็นผูกพันธ์และคุ้นเคย อาจไม่ได้รักแต่ผูกพันธ์ และคุ้นเคยจนไม่อยากหาใหม่ นาน ๆ ไปมันจะไม่ดีครับ อย่าทนเลยดีกว่า แนะนำเฉย ๆ นะครับ จากคุณ : BeeTheRed (BEE_WAT) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:44:02

ความคิดเห็นที่ 31   เงินเค้าหามาได้ลำบาก การซื้อบ้านมันก้อต้องคิดดีๆก่อนสิครับ แต่ผมว่าคุณเลิกกับแฟนคนนี้ซะเถอะนะครับ เพราะดูๆแล้ว คุณคำนึงถึงฐานะหน้าตาค่อนข้างมากเลยทีเดียวซึ้งแฟนคุณคนนี้ตอนนี้คงหาให้คุณไม่ได้แน่ๆ ตอนผมแต่งรวมๆกันเสียเงินแค่1แสนกว่าๆเอง ผมก้อคนกรุงเทพ เพื่อนๆผมก้อแต่งแพงๆกัน แต่ผมไม่เห็นจำเป็น ของพันธ์นี้มันอยู่ที่ใจของเราอย่าไปคำนึงขี้ปากคนอื่นเลย จากคุณ : ผมว่านะ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:55:11 A:117.47.63.181 X: TicketID:207237

ความคิดเห็นที่ 32   ลองค้นหาดูไหมว่าสิ่งที่ทำให้ตัว จขกท มีความสุขคืออะไร แล้วเลือกแบบนั้นครับ แฟน หรือ หน้าตาสังคม หรืออะไร ต้องอยู่กันอีกหลายสิบปีนะครับ ผมก็รู้จักคนรวยถึงรวยมากเยอะอยู่สุดท้าย ความสุขของชีวิตคู่ไม่ได้เกี่ยวกะที่เขียนมาเลยอะครับ จากคุณ : kimhuang (kimhuang) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 01:26:47

ความคิดเห็นที่ 33 ตกลงแล้ว จขกท รักเค้ารึป่าวคะเนี้ยะ เหมือนจำใจยังไงบอกไม่ถูก จากคุณ : solensen เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 01:41:26

ความคิดเห็นที่ 34 อย่าแต่งเลยค่ะ...แค่จะเริ่มก็มีเค้าลางมาแล้ว การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคนนะค่ะ แต่เป็นเรื่องของคน 2 ครอบครัวเลยค่ะ เพราะยังไงแต่งงานแล้วก็ไม่มีทางที่จะไม่ยุ่งกันไม่ได้ จากคุณ : emychin เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 02:37:55

ความคิดเห็นที่ 35   คนจะแต่งงานกันคิดแบบนี้จะดีหรือ ??? จากคุณ : น้ำซุปมะนาวดอง เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 04:15:59

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านเรื่องของคุณแล้ว อยากถามจังเลยว่าต้องแต่งให้ได้ภายในปีนี้จริง ๆ เหรอคะ ในขณะที่คุณยังลังเลกับอะไร ๆ หลาย ๆ เรื่อง เลื่อนออกไปอีกนิด ดูใจกันต่อไปอีกหน่อยดีมั้ย (เผื่อมีไรเปลี่ยนแปลงจะได้ไม่พลาดป จากเท่าที่อ่านมา คนที่อยากแต่งมากที่สุดเป็นคุณ ส่วนเขาก็เลือกบ้านอยู่นั่นแหละ ถ้าเป็นเรานะคะ ถ้าเราเป็นชายอยากแต่งอยากอยู่กับใคร บ้านนี่เรื่องรองค่ะ (เห็นคุณว่าดูมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำทั้งแบบแพงแบบถูกก็แล้ว ก็ไม่ถูกใจเค้าซักที) จริงอยู่บ้านก็สำคัญ แต่คนที่จะได้อยู่ด้วยกันเราว่าสำคัญกว่า อีกประเด็นเราว่าที่บ้านเค้าไม่ช่วย ทั้ง ๆ ที่เค้าก็อยู่ในฐานะที่ช่วยได้ แถมยุลูกชายอีกแน่ะ เราว่าเค้าไม่ปลื้มเรื่องที่คุณจะมาเป็นลูกสะใภ้เท่าไหร่ เป็นไปได้ว่าคุณกับทางเค้าจูนกันไม่ได้อยู่แล้ว (ไม่ถูกชะตากัน?) หรือเค้าอาจจะมีลูกสะใภ้ที่ชอบ ๆ กันไว้ แต่ขัดลูกชายไม่ได้เพราะลูกชายมาชอบคุณ จะอะไรก็แล้วแต่ อย่าไปคิดให้ปวดหัว แต่เรากลัวค่ะ ว่าขนาดเริ่มต้นคุณยังว้าวุ่น ลังเล คุณเริ่มคิดแล้วเรื่องความต่างทางฐานะ (คุณไม่ผิดที่คิด คนเราไม่เหมือนกัน เราเคารพทัศนคติของคุณค่ะ) ขนาดตอนนี้ยังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า "ความรักยังหวาน" ยังขนาดนี้ แล้วถ้าอยู่ด้วยกันเจอปัญหาอื่น ๆ อีก ปัญหาเก่าปัญหาใหม่มารวมกัน ความรักก็หดหายได้นะคะ ไม่สบายใจอะไรก็บ่น ๆ มาได้เลยค่ะ จะได้สบายใจขึ้น จากคุณ : Schnuckiputz เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 04:30:31

ความคิดเห็นที่ 37   คิดยังไงกันไปโทษแต่ฝ่ายหญิง จากคุณ : เงินจางนางจร เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 08:04:54 A:58.8.191.219 X: TicketID:253582

ความคิดเห็นที่ 38 สิ่งที่คุณคิด ถ้าฝ่ายชาย สามารถจัดหามาให้่ได้ และถ้าแต่งงานกันแล้ว คุณจะเลิกคิดได้มั๊ยคะ ถ้าไม่ได้ ก็อย่าแต่งเลยค่ะ เพราะ ความคิดคุณจะบั่นทอนชีวิตคู่ของคุณเอง ที่เค้ายังตัดสินใจเลือกบ้านไมไ่ด้ เพราะ เขาเป็นฝ่ายซื้อ เขาเป็นคนผ่อนรึปล่าวคะ   หรือเพราะเค้ามีน้อยกว่า  ทำไมไม่ลองเริ่มต้นแบบ 2 คน 4 มือ ดูละคะ คุณจะภูมิใจในบ้านหลังนั้นเพราะแฟนเป็นคนซื้อ หรือ เพราะเราสองคนช่วยกันสร้าง มากกว่ากันคะ จากคุณ : ตากล้อง ท้องผูก เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 08:15:59

ความคิดเห็นที่ 39 คุณสมบัติฝ่ายชายที่ดีๆไม่มีมาหักล้างเลยหรือครับ เช่นการศึกษา นิสัยใจคอ พื้นฐานครอบครัว ถ้ามันแย่มากผมว่าหาคนใหม่ที่เหมาะสมจะดีกว่า ถ้าจนแล้วยังนิสัยไม่ดี การศึกษาไม่ดีพอคุณจะไปแต่งงานด้วยทำไม เรื่องบ้านเป็นเรื่องเล็กครับ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นคงมีไม่กี่คนที่สามารถจะแต่งงานแล้วมีบ้านพร้อมก่อนแต่งล่ะครับ จากคุณ : Bugmao (บั๊กเม่า) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 08:17:26

ความคิดเห็นที่ 40 อืมเราว่า ป่านนี้ จขกท คงอึ้ง ๆ อยู่ เจอหลายท่านแนะให้เลิกซะเลย เราว่า เราเข้าใจคุณนะคะ ว่าสังคมหน้าตา ตอนนี้เป็นเรื่องจำเป็น แต่เราจะบอกว่า หัวใจของคนที่เรารัก ก็เป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน ถามกลับ 1. ครอบครัวคุณเคยพูดกับคุณไม๊ แบบว่าไม่ค่อยชอบ หรือดูถูกว่าที่ลูกเขยคนนี้ 2.ตัวคุณเอง เคยถามตัวเองไม๊ว่ารักแฟนคุณเพราะอะไร ถ้าข้อ1 คุณตอบว่าเคย และครอบครัวก็กลัวคุณลำบาก เลยคิดจะยกตึกแถวให้ เราว่า  คุณอย่าแต่งเลย เพราะแน่นอน เขยคนนี้ จะต้องเป็นที่ดูหมิ่นตลอดเวลาในครอบครัวคุณ เพราะอะไร เพราะ บ้านที่อยู่ก็ของครอบครัวคุณ  ความภูมิใจของผู้ชายจะอยู่ตรงไหนคะ 2. ถ้าคุณว่าเค้าแค่เป็นคนดี  เราว่า มันไม่มากพอ ที่คุณจะฝ่าฟัน ปัญหาต่าง ๆ ได้ นอกจากคุณจะตอบ คิดว่าชีวิตนี้ คงขาดเค้าไม่ได้ และคิดว่าเค้าดีพอที่จะดูแลคุณได้ กรุณาเลิกคิดถึงเรื่องหน้าตา งานแต่ง  ถ้าคุณห่วงเรื่องหน้าตา ตัวเอง ก็เอาเงินตัวเองมาเป็นสินสอดซะ ให้ดูมีหน้ามีตา เสร็จงานก็คืนกันไป  (แต่อันนี้เชื่อได้ ว่าผู้ชายรู้สึกไม่ดีแน่ ) ส่วนงานคุณก็ควรจัดแต่พอดี เรื่องของเรา ก็เริ่มต้นจากทั้งคู่ไม่มีอะไรเลยเหมือนกันคะ หาบ้านด้วย กันสองคน หาในกำลังที่เราสองคนช่วยกันผ่อนไหว สินสอดไม่ได้มากมายแค่แสนนิด ๆ งานแต่งก็หาที่เอง จัดเอง ซองก็เก็บเอง เหมือนกัน แน่นอน ผู้หญิงย่อมอยากได้คนที่ดีมีฐานะ แต่ใครจะมีไปซะทุกอย่างละคะ วันนี้ เราได้อยู่กับคนที่เรารัก แม้ว่า วันนี้เงินทอง ไม่มากมาย มีหนี้บ้างเป็นบางครั้งแต่เราก็มีความสุข เพราะฉะนั้น คุณถามตัวคุณเองก่อน คะ ก่อนที่ชีวิต คู่คุณจะเริ่มต้น และจบลงเร็วกว่าที่คุณคิด ชีวิต คุณ  คุณเลือกเอง  จำเอาไว้นะคะ เพราะงั้นก็ควรเคารพศักดิ์และศรี ของคนที่คุณเลือกด้วย จากคุณ : Many Name เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 08:21:12

ความคิดเห็นที่ 41 แนะ จขกท ไปดูกระทู้นี้ครับ มีน้อยแต่มีความสุข http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R9404265/R9404265.html จากคุณ : แข็งเปล่า เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 08:36:50

ความคิดเห็นที่ 42 จขกท  ทำงานรึยังครับ? จขกท  ลอง มานั่งนึกว่า ถ้าไม่มีที่บ้านช่วยเลย  จะอยู่ในสภาพไหน ทำงานกินเงินเดือน / ต้องส่งเงินกลับบ้าน / เช่าห้องอยู่ / ซื้อรถเอง จขกท  จะมีเงินเหลือ เดือนละเท่าไหร่? แล้วถ้าแฟน จขกท บังคับให้คุณ ต้องซื้อบ้าน ราคาเป็นล้านๆ  ผ่อน 20-30ปี ลองนึก แล้ว ตอบ มา ครับ จากคุณ : BOPI เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 09:36:03

ความคิดเห็นที่ 43   สรุปว่าผู้หญิงรวย การศึกษาดีกว่า จะแต่งกับผู้ชายที่จน การศึกษาต่ำกว่า ผู้หญิงกลัวว่าจะแต่งงานกันโดยที่ตัวผู้หญิงจะเสียเปรียบเพราะฝ่ายชายออกเงินให้น้อยกว่า ผู้ชายเลือกบ้านนานเพราะเขามีเงินน้อยไงครับ จะซื้อบ้านแพงก็ไม่ไหว จะซื้อถูกไปก็กลัวไม่สมเกียรติฝ่ายหญิง ผมว่าถ้าความคิดคุณเปลี่ยนไม่ได้อย่าแต่งงานกับเขาเลยครับ สงสารผู้ชาย ไปแต่งงานกับคนรวยๆ การศึกษาใกล้เคียงกันดีกว่าครับ จะได้ไม่มาคิดได้เปรียบเสียเปรียบกันทีหลัง หรืออยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตก็ดีครับ เงินทองจะได้ไม่รั่วไหล จากคุณ : doctorit เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 09:44:47

ความคิดเห็นที่ 44 อย่าแต่งเลยค่ะ  ถ้าคุณคิดได้แค่นี้  สงสารฝ่ายชายค่ะ  ให้เขาได้มีโอกาสไปเจอ ผู้หญิงที่มีความคิดดีๆ คิดร่วมทุกข์ร่วมสุขและจริงใจกับเขาดีกว่า จากคุณ : ป้าผักชี เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 10:00:20

ความคิดเห็นที่ 45 อยากจะแชร์นะคะ แฟนเราเค้ามีพี่น้อง 2 คน พ่อแม่เค้าเสียตั้งแต่เค้าวัยรุ่น  มีหน้ามีตาในจังหวัดชีวิตในอดีตเค้าเละเทะมาก ติดเพื่อน ติดหญิง ติดยา เล่นการพนัน เรียนก็ไม่จบ ชีวิตเค้าติดลบมาก หนี้สินล้นตัว แต่ตอนนี้เลิกหมดแล้ว หรือแต่หนี้สินที่ต้องเคลียร์ ทำงานหนัก เก็บเงินทะยอยใช้หนี้ที่ตัวเค้าก่อไว้  แบ่งส่วนหนึ่งเก็บเงินเตรียมซื้อบ้านเป็นเรือนหอ แค่เราเห็นเค้ากลับเนื้อกลับตัวเพื่อเราได้ เราก็ดีใจมากแล้วค่ะ เราก็คอยให้กำลังใจเค้า จะช่วยเหลือเท่าไรที่เราช่วยได้ เพราะเราก็ไม่ได้มีฐานะดีอะไร พี่น้องเราก็ไม่มีใครเห็นด้วยที่เราคบกับคนนี้ แต่ก็เค้าพิสูทธ์ได้ว่าเค้ากลับตัวแล้วจริงๆ ตอนนี้ทุกคนในบ้านยอมรับเค้าค่ะ บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องไปผูกติดกับอะไร ไม่ว่าฐานะเงินทอง หน้าตาทางสังคม รือว่าการศึกษา แค่เราเข้าใจกัน แค่นี้ก็น่าจะเพียงนะสำหรับเรา จขทก.ดีกว่าเราเยอะนะคะ แค่นี้จิ๊บๆ ค่ะ จากคุณ : Hey VEE เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 10:05:40

ความคิดเห็นที่ 46 เท่าที่เห็นพูดแต่เงินเก็บเก่า (เงินพ่อเงินแม่) ไม่มีเงินที่สร้างด้วยกันขึ้นมาเลยหรอคะ จขกท. ทำงานรึเปล่า ทำงานอะไร ไม่เห็นเล่าเลย แฟนทำงานอะไรก็ไม่บอก งานแต่งเรา ไปกวนพ่อ กวนแม่ทำไม เราอยากอยู่กับคนที่เรารัก ยังต้องไปรบกวนท่านอีกหรอคะ จากคุณ : ,,บลูเบอรี่เค้กพาย,, เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 10:11:38

ความคิดเห็นที่ 47 ส่วนตัว สงสารทั้งสองคนค่ะ แต่ไม่ว่ายังไงก็แอบหวังว่าคุณสองคนจะสามารถรักกันต่อไปได้แม้จะแตกต่างกันนะ จากคุณ : coji เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 10:35:34

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้านับถือวัตถุมากกว่าจิตใจก็ไม่ควรแต่งครับ จากคุณ : -อุ่นอารี- เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 10:41:20

ความคิดเห็นที่ 49 จากที่ฟังความข้างเดียวนะ ผู้ชายอยากมีเมีย แต่ไม่อยากลงทุน เพราะฝ่ายหญิงมีเยอะแล้ว ญาติฝ่ายชายไม่เต็มใจที่จะรับฝ่ายหญิงเป็นสะใภ้ จขกท. เป็นฝ่ายหญิงแต่ออกหน้าออกตามากไป ฝ่ายชายเขาก็นึกว่าอยากได้เขามาก เขาก็เล่นตัวแบบที่เห็น จากคุณ : ฟักแฟงแตงไทย เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 10:57:54

ความคิดเห็นที่ 50   .......... สามีเรามาสู่ขอเราด้วยเงิน 5 แสน ทอง 15 บาท แหวนเพชร 1 วง ก็ถือว่ามากพอควรตามมาตรฐาน ตวจ และสร้างบ้านอีก 7 ล้านกว่าบาท ( เงินสด) เราก็ออกค่าตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ไป สามี ไม่ยอมรับไม้สัก ไม้มะค่าที่ทางบ้านเรายกให้เลย เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเอาของฝ่ายหญิงมา .........สามีทำงานหาได้ด้วยตัวเองค่ะ ทางบ้านเขาช่วยแค่เงินรับไหว้ 30000 บาทแค่นั้น สามีพื้นฐานก็ลูกชาวนา แต่สามีขยันตั้งใจเรียนจนได้ทำงานที่ดีมาก คือเป็นอาชีพที่สาวๆอยากได้เป็นสามีกัน ..........เรามาคิด เออเรานี่โชคดีเหมือนกันนะ ได้สามีที่ขยันเรียนจนได้ทำงานดีๆ ทั้งที่สมัยก่อนฐานะยากจน จนมาสร้างตัวได้ ความคิดอ่านดี แถมยังรักและดูแลเราดีมากๆ ตรงนี้สำคัญค่ะ จขกท มีส่วนร่วมในการสร้างบ้านกับแฟนคุณบ้างไหมคะ ทำไมโยนให้แฟนคุณรับคนเดียว ไหนว่าทำงานดี เงินเก็บน่าจะมี จริงๆแล้ว จะแต่งงานกันก็ไม่น่าไปรบกวนผู้ใหญ่ คุณรักแฟนไหมคะ ถ้ารักเขาก็ไม่ต้องไปยึดติดเรื่องหน้าตาอะไร แต่เราว่า จขกท รักแฟนไม่มากพอค่ะ ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ หาคนที่เหมาะกับคุณดีกว่า จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 11:08:17 A:10.0.3.250 X:115.87.81.31 TicketID:239212

ความคิดเห็นที่ 51 ภรรยารวย สามีจน ไปกันไม่รอดหลายรายแล้วนะครับ   อยู่ไปอยู่มาภรรยาเกิดลำเลิกดูถูกสามีภายหลัง ว่าแทบจะมีแต่ตัว ไม่มีผู้ชายที่ไหนทนได้หรอกครับ คิดให้ดีนะครับ จากคุณ : อืม (DUSITA) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 11:25:52

ความคิดเห็นที่ 52 คิดให้ดีครับ ความสุขของคุณอยู่ตรงไหน พอใจได้อยู่กับคนที่คุณรักหรือเปล่า ต้องแค่ไหนถึงจะมีความสุข แล้วก็มองว่าแฟนเค้าคิดกับคุณยังงัย ที่คุณคิดกับเค้าแบบนี้ เข้าใจนะครับว่าคนเราอยู่ในสังคม ต้องมีหน้ามีตา มีฐานะ มีการศึกษา ฯลฯ อย่าคาดหวังสูงครับ ไม่มีใครได้ในสิ่งที่เราต้องการครบทุกอย่าง เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : รัก แฟน (CAPTON) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 11:47:45

ความคิดเห็นที่ 53   อ่านแล้วนึกถึงตัวเองค่ะ เราฐานะปานกลาง แต่อาศัยใจสู้ พยายามด้วยตัวเอง ตอนนี้ก้อถือว่าโอเคค่ะ หน้าที่การงานใช้ได้ เงินทองถือว่าไม่ลำบาก แฟน เคยเละเทะมาก่อน หลายอย่างค่ะ จนมาเจอกัน เค้าถึงคิดที่จะเริ่มต้นทำชีวิตใหม่ให้ดี ตอนนี้แฟนทำงานรับจ้าง ลำบาก แต่เค้าก้อพยายามเต็มที่กับสิ่งที่เค้าทำได้ คบกันมาสักระยะแล้วค่ะ อยากแต่งงาน แต่เปนไปได้ยากมากค่ะ เพราะเรื่องแต่งงาน เปนเรื่องของทางบ้านด้วย ทางบ้านแฟนก้อฐานะไม่ดี ทางบ้านเราฐานะปานกลาง แต่เราเปนลูกสาวที่พ่อแม่ค่อนข้างภูมิใจ จะแต่งงานอยากบอกว่าสินสอดสำคัญค่ะ ไม่ใช่เพราะตัวเองแต่เราอยากให้พ่อแม่ภูมิใจ ลูกสาวแต่งงานทั้งทีสินสอดน้อยเหลือเกิน เรารู้ว่าพ่อแม่เราจะต้องรู้สึกไม่ดี โดยรวมแล้ว เกบเงินแต่งงาน ซื้อบ้าน ซื้อรถ ช่วยกันกับแฟนค่ะ เงินเดือนที่เราได้มากกว่าที่แฟนหาได้เกือบ 3 เท่า หน้าที่การงาน อะไรต่อมิอะไร เรียกได้ว่าเราเหนือกว่าแทบจะทุกอย่าง บางครั้งก้อน้อยใจตัวเอง และก้อกดดันเหมือนกันค่ะ แต่เมื่อมองเค้า เหนความพยายามของเค้า เหนความรักของเค้า ที่เค้ามีให้เรา บอกได้อย่างเดียวว่า จะต้องพยายามด้วยกันต่อไปค่ะ อยากบอกว่าเราอิจฉา จขกท มากค่ะ อย่างน้อยๆ คุณทั้งคู่ก้อไม่ได้ลำบากมาก และมี support จากครอบครัว ถ้าคิดว่าคนๆ นี้ คือคนที่คุณรัก อยากให้มั่นใจในตัวเค้า จูนกันค่ะว่าเค้าคิดอะไรอยู่ รู้สึกยังไง ทำอะไรอยู่ และคุณคิดยังไง อะไรที่คุณอยากได้จากเค้า คุยกันแล้วอาจจะเข้าใจกันมากขึ้นก้อได้ค่ะ ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้ขึ้นนะคะ จากคุณ : The Ex เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:00:12

ความคิดเห็นที่ 54   สวัสดีค่ะ กลับเข้ามาอ่านอีกครั้ง มีผู้สละเวลาเข้ามาแสดงความเห็นมากมาย ต้องขอขอบคุณมานะที่นี่ และขอตอบข้อซักถามของบาง คห. ดังนี้ค่ะ 1. ญาติฝ่ายชาย ถูกใจดิฉันมาก เพราะทางบ้านเขามีพี่น้องท้องเดียวร่วม 10 คนค่ะ และลุกแต่ละคนได้คู่ครองเป็นพ่อหม้าย แม่หม้าย ลุกติด จบ ป. 4 มั่ง ไม่จบอะไรเลยมั่ง ได้แฟนเป็นนักพนันก็มี ลูกบางคน หนีเตลิดไปเลยก็มีเพราะแม่เขาไม่ยอมรับสะใภ้ ซึ่งตรงนี้ แฟนเคยเล่าว่า แม่เขาเสียใจมากว่าทำไมลุกๆ แต่ละคน ได้คู่ครองแบบนี้ พอมาลูกคนที่เป็นแฟนเรา มาได้ว่าที่สะใภ้คือเรา ทางบ้านเขาปลาบปลื้มมาก คุยทั่วตลาดจังหวัดเลยว่า ได้สะใภ้ น.ร. นอก และเป็นคน กทม. (อันนี้ ทั้งแฟนและแม่เขาก็ปลื้มแบบออกหน้าออกตา) แต่แฟนบอกว่า บ้านเขาไม่มีจะช่วย เรารุ้สึกแปลกใจว่า มีด้วยเหรอที่ลูกทั้งคนจะแต่ง แต่แม่ไม่ช่วยเลย ย้ำว่า ไม่ช่วยเลย ถ้าช่วยน้อยก็ว่าไปอย่าง ดังนั้น แฟนเราต้องออกเงินเองทั้งหมด 2. เราเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวที่เราก่อตั้งขึ้นเองค่ะ ส่วนคุณพ่อคุณแม่เราก็มีกิจการส่วนตัวของท่าน รายได้สุทธิของเราคนเดียวปีละ 7 หลัก ส่วนแฟน ก็เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว รายได้สุทธิปีละ 3 แสนบาท เราเด็กกว่า 5 ปีค่ะ เรา 35 เขา 40 3. แฟนเราเป็นลูกคนที่โดดเด่นที่สุดในพี่น้องของเขาแล้วค่ะ คือเรียนจบ ป.ตรี แต่พี่น้องคนอื่นๆ ก็มีจบบ้าง ไม่จบบ้าง และส่วนมากยังเป็นลุกจ้าง ยอมรับค่ะว่า เรารุ้สึกน้อยใจว่าในชีวิตคู่ของเรา บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า อยุ๋เป็นโสด เราจะสุขสบายกว่าค่ะ ก็ดูอย่าง ทุกวันนี้ที่เรายังไม่ได้แต่ง คุณแม่เราท่านมีบ้านช่องตั้งหลายหลัง เราจะเอาหลังไหน แม่เราก็ยกให้ได้ แต่พอจะมาแต่งกับเขา สไตล์บ้านคนจีนทั้งเขาและเรา เราก็ต้องแต่งออกค่ะ ฝ่าย ช. ก็ไม่มีบ้านของตัวเอง รายได้ก็น้อย เราก็วิ่งตะลอนหาบ้านกับเขามา ก็ไม่ถูกใจ เพิ่งมารู้เหมือนกันว่า เงินเขามีไม่พอซื้อ และเขาเองไม่อยากผ่อนด้วย เราไม่เกี่ยงเรื่องทำเล แบบบ้านหรือขนาดบ้านใดๆ ทั้งสิ้น แต่ขอว่า เขาต้องหามา ถ้าจะผ่อน เขาต้องผ่อนคนเดียว แต่เม่เราก็ไม่เคยรังเกียจว่าที่เขยคนนี้นะคะ แม่เราสงสารเราที่ต้องออกวิ่งตะลอนหาบ้านก็เลยตัดสินใจยกอาคารพาณิชย์ให้เรากับเขาเป็นเรือนหอ คือ ก็น่าอายใช่ไหมคะ ยกลุกสาวให้ ยังต้องยกบ้านให้อีก จริงๆ แล้ว ก็มีผู้ใหญ่มาเลียบๆ เคียงๆ ติดต่อแม่เราว่ากำลังหาแฟนให้ลูกชาย ซึ่งแต่ละท่านก็ฐานะดีๆ ทั้งนั้น แต่ติดว่า เรารุ้จักกับแฟนอยุ๋ก่อน เราเลยบอกคุณแม่ให้ปฏิเสธทางนั้นไปให้หมด เราไม่นอกใจค่ะ แต่เราก็น้อยใจในโชคชะตาตัวเองค่ะ จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:00:42 A:124.122.35.139 X: TicketID:227260

ความคิดเห็นที่ 55 เรื่องของคนสองคน ต้องลองชั่งน้ำหนักดูค่ะ   ไม่โทษใคร มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ นานาจิตตัง เอาแค่ว่าคุณกับเค้า โอเคกันแค่ไหน ตรงนั้นสำคัญกว่าค่ะ  ^.^ เอาใจช่วยให้ได้บ้าน เรือนหอที่ตั้งใจนะค่ะ (ไม่อยากจะบอกว่าทางบ้านเราปัญหาก็เหมือนจขกท.ค่ะ แต่ไม่สนใจญาติ เราอยู่กันแค่สองคน เห็นใจกันไว้ค่ะ แต่ปัญหาก็ยังต้องมีมาให้เจอเรื่อยๆ ต้องถามว่าจะอยู่ได้ไหม เราอยู่เพราะเห็นใจเค้า เพราะมองที่เค้าดี) จากคุณ : แม่โกลเดนค่ะ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:06:11

ความคิดเห็นที่ 56 ต่างกันมากไป ทัศนะคติ สังคม ดูกันไปอีกหน่อยดีกว่ามั้ง เปิดโอกาสให้ตัวเองได้มองคนอื่นบ้าง จากคุณ : ฟักแฟงแตงไทย เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:21:28

ความคิดเห็นที่ 57 อืม กลับมาอ่านอีกรอบ ได้เห็นคห จขกท เพิ่ม ถ้ายังน้อยใจอยู่ เราว่าคุณบอกเค้าว่า อย่าเพิ่งแต่งกันดีกว่า สร้างเนื้อสร้างตัวอีกสักหน่อย ในเมื่อเค้าไม่อยากผ่อน แสดงว่าอยากซื้อสดเลยเหรอคะ ถามกลับ อีกครั้ง เรื่องที่คุณเล่า เรื่องทางบ้านเค้า คุณยอมรับได้ใช่ไม๊คะ คือว่า เรากลัวคุณ เก็บมาเป็นปมในใจอะคะ คือ ถ้าเผื่อมีใคร มาพูดว่า ครอบครัวทางบ้านแฟนคุณไม่ดีแบบนี้อะคะ ในอนาคต  ก็อาจมีปัญหาได้ คบกันอีกสักปี 2 ปีดีกว่าคะ  สมัยนี้แต่งเร็วแต่งช้า ไม่สำคัญแล้ว ผญ สมัยนี้เก่ง ๆ ดูแลตัวเองได้ทั้งนั้น จากคุณ : Many Name เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:40:14

ความคิดเห็นที่ 58 เราเข้าใจจขกท.เลยค่ะ คงบอกได้แค่ว่า จงมีความสุขในแบบที่ตัวเองมี มองแต่ข้อดีของเค้า และอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับใครๆ เพราะถ้ายิ่งเปรียบเทียบ ก็จะยิ่งรู้สึกแย่ จงภูมิใจที่อย่างน้อยที่สุด เค้าก็เป็นคนดี ซึ่งเดี๋ยวนี้ผู้ชายดีๆหายากกว่าผู้ชายรวยๆมากนะคะ จากคุณ : TRK 5 เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:48:52

ความคิดเห็นที่ 59 เห็นใจ จขกท  ถ้าไม่คบหากันนานพอ หรือรักมั่นจริงใจ น่าจะบอกเลิกดีกว่า เรื่องอนาคต ที่ตามมาโดยเฉพาะฝั่งสามี ญาติิพี่น้อง จะมาทำให้ชีวิตคู่วุ่นวายทีเดียว  เท่าที่ได้ข้อมูลจาก จขกท ทนได้ไหม กับการขอความช่วยเหลือแบบไม่รู้จักจบสิ้น ด้านการเงินผ่านทางสามี โดยที่สามีปฏิเสธไม่ได้เพราะความกตัญญู และพี่น้อง สถานะการณ์นี้ถ้าเกิดขึ้น จขกท รับได้ไหม ก็ลองคิดดู จากคุณ : loi เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:51:58

ความคิดเห็นที่ 60 "เราก็วิ่งตะลอนหาบ้านกับเขามา ก็ไม่ถูกใจ เพิ่งมารู้เหมือนกันว่า เงินเขามีไม่พอซื้อ และเขาเองไม่อยากผ่อนด้วย เราไม่เกี่ยงเรื่องทำเล แบบบ้านหรือขนาดบ้านใดๆ ทั้งสิ้น แต่ขอว่า เขาต้องหามา ถ้าจะผ่อน เขาต้องผ่อนคนเดียว " แต่ขอว่า "เขาต้องหามา ถ้าจะผ่อน เขาต้องผ่อนคนเดียว"  คำนี้เห็นแล้วเศร้าใจค่ะ เราว่าจขกท.  ไปหาคนอื่นที่มีฐานะที่เชิดหน้าชูตาดีกว่าค่ะ รายได้ของคุณก้อไม่น้อย ถ้ารักกันจริงน่าจะช่วยกันออก ช่วยกันสร้างครอบครัวมากกว่านะ เราทำงานบริษัท เงินเดือน สองหมื่นนิด ๆ แฟนเป็นข้าราชการเงินเดือนไม่ถึง หมื่น วางแผนกันว่าปีหน้าจะแต่งงาน แต่ว่าสินสอด เงิน บ้านเราต้องหากันเอง  เพราะทางบ้านเราทั้งสองฐานะปานกลาง ไม่มีเงินเก็บ เราไม่เคยเกี่ยงงอนว่าค่าใช้จ่ายจะต้องเป็นฝ่ายชายออกนะ  เพราะเราเข้าใจว่าเค้าเงินเดือนน้อย กว่าเรา เกือบ 3 เท่า ทุกวันนี้เค้าใช้บัตรเครดิตเรารูดเติมน้ำมันไปเรียนป. โท เดือนละประมาณ 5 พัน เพื่อมาปรับฐานเงินเดือน เราก้อใช้หนี้บัตรเอง เพราะเราถือว่า เราตกลงใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน สุขทุกข์ด้วยกัน เรื่องเงินจึงไม่สำคัญกับเราเท่าไร คิดว่า เก็บได้เท่าไรปีหน้าก้อแต่งเท่านั้น เพราะน้องเราเพิ่งแต่งไปเมื่อวันที่ 20 มิย. แต่งตามประเพณี ไม่ใช่แต่เอาหน้าเอาตา แล้วน้องเราก้อแต่ง 200000 ทอง 5 บาท เราคงหาไม่ทันหรอก เงินตั้งมาก จขกท ไปคิดดูนะคะ  ถ้าจะแต่งกับเงิน ก้อไปหาคนรวย ๆ กว่าคนนี้เถอะนะ จากคุณ : moopoo_1008 เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 13:07:06

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านความเห็นเจ้าของกระทู้แล้วก็  เฮ้อ.... ถ้าคุณมีทัศนคติแบบนี้  เค้าก็ไม่เหมาะกับคุณ  คุณกับไม่เหมาะกับเค้า คุณคงต้องหาคนที่เป็นนักเรียนนอก..เหมือนกัน  รวยเหมือนกัน  และถ้าจะให้ดีต้องมีทัศนคติตรงกับ จขกท (ชีวิตคู่จะได้ไปรอด)  จริงๆ  น่าจะหาไม่ยากค่ะ  ที่ทำงานเก่าแฟนเราเป็นแหล่งรวมของเด็กจบนอก  พ่อแม่รวย  ทัศนคติคล้ายๆ  จขกท เลยค่ะ บางครั้งคนที่มีการศึกษาสูง  มีเงินล้นเหลือ  ใช่ว่าจะมีความสุข  ถ้าไม่รู้จักที่จะเรียนรู้ว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร  มัวแต่หลงคิดว่าความสวยงามภายนอก  วัตถุสิ่งของเงินทอง  หน้าตาทางสังคมคือความสุข   คนเราเปลี่ยนวิธีคิด  ชีวิตก็เปลี่ยน ขอโทษที่ตรงและแรงไปนะคะ...  โชคดีค่ะ จากคุณ : Luckyrose เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 13:55:39

ความคิดเห็นที่ 62 ระหว่างความรัก กับ ความเหมาะสมหรือ คู่ควร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร ขึ้นอยู่กับคุณทั้ง2คน และ คนคนนั้นจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต ลองนั่งเขียนระหว่างข้อดีกับข้อเสียดูครับแล้วชั่งน้ำหนักดูว่าจะเลือกอะไร ใครก็ตอบแทนตัว จขกท ไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : gamaga เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 14:00:34

ความคิดเห็นที่ 63 ทุกข์ของคนรวย พอแม่เขาคงเห็นว่ารวยแล้ว จะเอาเงินไปทำไมอีก (คิดแบบนี้ก็มีจริงๆ) คบกันไปก็ไม่สบายใจก็อย่าคบต่อเลย ลองดูที่คุยแล้วสบายใจดีกว่า ผมคิดแบบนี้จะ ก็เลยจะเลข 3 แล้วยังหาเมียจริงจังไม่ได้ อิอิ จากคุณ : dib2000 เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 14:05:18

ความคิดเห็นที่ 64 ประมวลผลแล้ว.... รีบแต่งออกมา มีบ้านหลังเล็กๆ-กลางๆ แล้วมีลูก โดยด่วน แล้วค่อยขยับขยาย คิดว่าคงไม่ถึงกะกัดก้อนเกลือ ตกระกำลำบากใช่มั้ย...??? ไม่ต้องแคร์อะไรทั้งสิ้น อย่างอื่นช่วยกันสร้างไม่นานครับ ญาติๆของทั้งสองฝ่ายและเราทั้งคู่ จะภูมิใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าคุณไม่พร้อมที่จะออกมาร่วมทุกข์ร่วมสุข หยุดเสียแต่เดี๋ยวนี้ ไปหาคนที่มีพร้อมทุกๆสิ่ง อย่าเหนี่ยวรั้งอีกฝ่ายนึงไว้ จงเป็นผู้เสียสละเสียเอง อยู่คนเดียวไปเรื่อยๆ่ก่อนยังไม่เลือกใครทั้งสิ้น จากคุณ : พฤหัสที่12 เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 14:08:55

ความคิดเห็นที่ 65 น่าเห็นใจนะคะ ที่เจ้าของกระทู้ ถึงทางที่ต้องคิดหนัก ว่าจะเลือกตามใจตัวเอง ผู้หญิง รักใครแล้ว ก็ปักใจ ว่าจะรักเค้าตลอดไป นี่แหละคู่ครอง ...หรือเลือกความจริง จากคุณ : หมีไจแอ้นท์ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 14:19:13

ความคิดเห็นที่ 66 ชีวิตแต่งงานมันแค่เริ่มต้นถ้าคุณคิดอยากนี้ไม่ต้องเริ่มค่ะ มีปัญหาแน่ๆ ในอนาคต จากคุณ : เมี่ยงหวาน เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 14:55:59

ความคิดเห็นที่ 67 ติดใจอยู่  3 - 4 ประโยค เพราะแม่สงสารเราที่ต้องตะลอนดูบ้านซะจนหน้าคล้ำ ผิวเสียหมดค่ะ  >> คุณจขกท กลัวไม่สวยเหรอคะ แต่แฟนบอกว่า บ้านเขาไม่มีจะช่วย เรารุ้สึกแปลกใจว่า มีด้วยเหรอที่ลูกทั้งคนจะแต่ง แต่แม่ไม่ช่วยเลย ย้ำว่า ไม่ช่วยเลย ถ้าช่วยน้อยก็ว่าไปอย่าง ดังนั้น แฟนเราต้องออกเงินเองทั้งหมด  >>  มีหลายบ้านเลยค่ะ  ที่ลูกแต่งงานแล้วไม่ช่วย  น้องสาวเราเอง  ตอนแต่งงาน  พ่อแม่เจ้าบ่าวก็ไม่ช่วยเลยนะคะ  เพราะพ่อแม่เค้าไม่มีเงินเก็บ ไม่ร่ำไม่รวย ทุกอย่าง แฟนน้องสาวเราต้องเก็บเงินเองทั้งหมด แต่ขอว่า เขาต้องหามา ถ้าจะผ่อน เขาต้องผ่อนคนเดียว  >> คุณก็ทราบว่า แฟนคุณไม่มีเงินพอจะซื้อบ้าน  แล้วยังจะเหมาให้เค้าจ่ายเองทั้งหมด  แบบนี้ถ้าแต่งกันไป ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าใช้จ่ายเรื่องลูกๆ จะต้องให้เค้าจ่ายให้ทั้งหมดหรือเปล่าคะ   ก็น่าอายใช่ไหมคะ ยกลุกสาวให้ ยังต้องยกบ้านให้อีก  >> ทำไมต้องอายคะ  คิดซะว่า ยกให้ลูกสาวไปเป็นของขวัญรับไหว้งานแต่งงานสิคะ ถ้าคุณจขกท คิดได้แบบนี้  เลิกเลยดีกว่าค่ะ  เปิดโอกาสให้ผู้ชายไปมีแฟนใหม่ดีกว่า   คุณคิดแต่หน้าตาของคุณเอง  ไม่คิดเลยว่า  แฟนคุณพยายามตามใจคุณแล้ว จากคุณ : ไอศครีมรสช็อกโกแลตชิป เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 15:22:46

ความคิดเห็นที่ 68 อยากให้แฟน จขกท มาอ่านเจอจริงๆ จะดูซิว่าเค้าจะรู้สึกยังไง คิดกลับกันถ้าคุณเป็นฝ่ายชายคุณจะรู้สึกยังไง หัดเอาใจเขามาใส่ใจเรามั่งสิครับ จากคุณ : ใจเอ๋ยใจจ๋า เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 15:52:08

ความคิดเห็นที่ 69 อาการน่าเป็นห่วงจริงครับ พอแต่งแล้ว  จะมีเรื่องอื่นเข้ามาอีกเยอะ ความคิด ความอ่าน  หรือทัศคติ  ปรับกันไม่ลงตัว  เป็นเรื่องใหญ่ ที่เคยรักมากก็รักน้อย   ที่รักน้อยก็ไม่เลือเลย แต่ยังไงก็เอาใจช่วย  ให้ฝ่าฟันไปให้ได้นะครับ จากคุณ : samr เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 16:08:14

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้ายังไม่มั่นใจ ให้เลื่อนวันแต่งไปก่อนดีกว่าครับ คิดให้ดีๆ ใช้สติให้มาก ว่าชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่ เอาให้ความคิดตกผลึกก่อนนะครับ ถ้ายังมีทัศนคติแบบนี้ ยังไม่สมควรใช้ชีวิตร่วมกัน ชีวิตคู่มันไม่ง่ายเลยนะครับ ถ้าคุณยังไม่เลิกคิดแบบนี้รับรองว่าอยู่ด้วยกันก็ไม่มีความสุขหรอก ทะเลาะกันตาย ถามใจตัวเองให้ดี  อายุ 35 แล้ว อีก 35 ปีที่เหลือ เราต้องการอะไรในชีวิต จากคุณ : คอบอล เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 16:08:56

ความคิดเห็นที่ 71 ดูแล้วขอถามเรื่องเดียว ง่ายๆ คุณมาคบกับเค๊าทำไม ทั้งที่เค๊าและครอบครัวเป็นอย่างที่คุณบอก ตอบให้ได้ และให้ละเอียดด้วยนะ อยากรู้ บางทีถ้าคุณตอบคำถามได้ อาจจะช่วงสางปมในใจคุณให้คลี่คลาย เวลาคบกันนี่คิดบวกเยอะๆครับ แล้วจะมีความสุข โชคดีนะ จากคุณ : เจ้ากี้ เจ้าการ ? เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 16:29:07

ความคิดเห็นที่ 72 ความเห็นส่วนตัวนะคะ เราคิดว่า ปัญหาทุกอย่างไม่น่าเป็นปัญหา ถ้าเราเปิดใจยอมรับมันค่ะ คุณจขกท. เอง รักแฟนมั๊ยคะ ถ้ารักอย่างจริงใจล่ะก็ ช่างมันค่ะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่รู้จะบอกอะไร แต่การเป็นครอบครัวมันต้องเกื้อกูลกันค่ะ  เราและเค้าอยู่ร่วมกันต้องเกื้อกูลกัน ถ้าคุณจขกท.คิดน้อยใจในโชคชะตา  หาคนใหม่เถอะค่ะ  ดิฉันเองแฟนก็การศึกษาน้อยกว่า ทุกวันนี้อยู่ด้วยกันก็ยังไม่ได้ตบแต่งอะไร แต่คุณพ่อคุณแม่ของทั้ง2ฝ่ายรับรู้ และเราสัญญาว่า เราทั้ง 2 คน จะวางทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติหรือมรดกของตัวเองไว้ก่อน แล้วมาเริ่มต้น ตั้งหน้าตั้งตาหาสร้างครอบครัวของเราเอง ความรักถึงแม้เริ่มต้นจากศูนย์ มันก็ยังได้เริ่มค่ะ  เป็นกำลังใจให้จขกทและแฟนนะคะ จากคุณ : บีม (May~Po~Pao) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 16:59:14

ความคิดเห็นที่ 73 Open your mind ^_____^ จากคุณ : ป้าช้อย เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 17:29:09

ความคิดเห็นที่ 74 เหมือนคู่น้องชายเลย  พี่สาวและน้องสาวของน้องสะใภ้แต่งกับคนรวยมาก  ต่อให้น้องชายพยายามแค่ไหนก็ดีไม่พอ ตอนแต่งแม่ยกเงินให้สามล้านลงทุนร้านรองเท้า  เล่นหุ้นหมด  หนีไปอเมริกาทำงานเก็บเงินมาสิบล้านกลับมาเมืองไทยลงทุุนผิดพลาดหายหมดภายในหนึ่งปี  ดีที่ไม่มีลูกด้วยกัน   ก่อนเขาจะแต่งเคยบอกน้องชายให้หาแฟนเรียบง่ายและเงื่อนไขน้อยกว่านี้  แต่ตอนนั้นเขาอยากตกถังข้าวสาร  เลยไม่รู้จะว่ายังไง  น้องชายก็เด็กนักเรียนนอก  บ้านเราก็นักวิชาการทั้งตระกูล  แค่นี้ดีไม่พอแล้วก็ไม่รู้จะพูดยังไง เงื่อนไขชีวิตของใครก็ของมัน  นะ จากคุณ : อาคิคุน (อาคิคุุน) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 18:09:32

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านแล้วก็อยากแนะนำให้เลิกกัน ถ้าต้องให้ผู้ชายรับภาระทั้งหมดแยกกันอยู่เป็นเพื่อนกันจะดีกว่าครับ จากคุณ : Jump.Jr เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 20:56:08

ความคิดเห็นที่ 76 คุณ จขกท คะ เราว่าคุณอย่าแต่งเลยค่ะ ท่าทางแต่งไปจะลำบาก ลำบากกายไม่เท่าไหร่ แต่ลำบากใจนี่อยู่ยากค่ะ หลายๆท่านก็คอมเมนต์และแนะนำไปแล้ว แถวบ้านเรา่ก็มีคู่หนึ่ง แต่งกันมานานแล้วแต่ไม่มีลูกด้วยกัน ฝ่ายหญิงก็นึกว่าฝ่ายชายจะมีเงิน แต่งไปแล้วก็เพิ่งมารู้ว่าไม่มี แม่ของ artiesmartie เคยไปคุยกับคนที่เป็นภรรยาค่ะ เค้าเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนแต่ง อยู่บ้านก็สบาย ไม่เคยทำงานหนักๆอะไรเลย จนแต่งงานแล้วต้องแต่งออกเพราะฝ่ายหญิงเป็นลูกหลานคนจีน ทางบ้านก็เลยไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่แล้ว กลายเป็นแต่งงานแล้วเหนื่อยค่ะ ดีนะคะืที่ยังไม่มีลูก เพราะดูยังไงก็ไม่มีทางพร้อม คุณ จขกท ยังโชคดีนะคะ ที่มีอะไรมายั้งๆให้โอกาสคิดดูอีกรอบ ส่วนตัว artiesmartie ก็เชื่อนะคะ ว่าถ้าแต่งงานไปแล้วความสุขจะลดลง ก็ไม่แต่งดีกว่าค่ะ คนนอกติฉินนินทาว่าบ้านนี้ลูกขายไม่ออก ก็ปล่อยเขาไปค่ะ เลือกรับฟังแค่บางสิ่ง ก็ไม่มีทุกข์แล้ว ถ้าเป็นกรณีได้แต่งออกเหย้าออกเรือน แต่ไปเป็นทุกข์ภายหน้า แก้ไขยาก หย่าขาดได้ แต่เราฝ่ายหญิงนะคะ เสียกว่าฝ่ายชายอีก ลองคิดดูละกันค่ะ บวกลบคูณหารแล้ว จะสุขหรือทุกข์ถ้าเลือกแต่งกับแฟนคนปัจจุบัน จากคุณ : artiesmartie เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 21:05:06

ความคิดเห็นที่ 77 ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า เลิกกันเหอะ  ดูแล้วไม่น่าจะอยู่กันได้นาน  จขกท. ก็นึกถึงแต่ของนอกกาย เงินๆ ทองๆ  การศึกษา อันนี้ผมรับรองเลยว่าถ้าแฟน จขกท.มาอ่านเจอ  เลิกแน่นอน ผมว่าเอาเวลาไปดูแลกิจการตัวเองกอดเงินกอดมรดกดีกว่า  แต่งไปก็มีแต่ปัญหาแน่ๆ  หรือไม่ก็ไปหาคนที่สมน้ำสมเนื้อกับคุณเถอะครับ  จะได้ไม่มาช้ำใจตอนเลิกกัน ชีวิตคนเรานะจะมีความสุขได้ไม่ต้องมานั่งคิดถึงเงิน หรือหน้าตาหรอก  ราได้ 7 หลักก็ถือว่าไม่ได้มมากอะไร  ผมจ่ายภาษีรายได้ปีนึงก็เกือบๆ 7 หลักแล้ว  เงินทองไม่สามารถซื้อความสุขได้หรอกนะ  แนะนำให้ศึกษาธรรมมะบ้างนะครับ  แล้วคุณจะรู้ว่าการมีเงินทองเยอะแยะ ไม่ได้เป็นความสุขที่แท้จริง  การปล่อยวาง การไม่คิดมากต่างหาก ที่จะทำให้คุณมีความสุขในชีวิตมากขึ้น จากคุณ : a cup of coffee เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 21:14:05

ความคิดเห็นที่ 78 มาอ่าน เท่าที่อ่าน มีความรู้สึก คุณอยากแต่งงาน เพราะว่า อยากแต่ง อาจจะคิดว่าตัวเอง อายุมากแล้ว สมควรจะมีครอบครัวแล้ว แต่คุณอาจจะไม่ได้รักเค้ามากมาย อาจจะแค่ถูกใจ แล้วดูๆ แล้วก็อาจจะดีกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง เท่าที่อ่าน คุณ น่าจะเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง แต่แฟนคุณ อาจจะเป็น สไตล์ ผู้ชายไทยหรือเปล่า อายุขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีหลักประกันอะไรให้คุณ และรักสบายมาก สำหรับครอบครัวแฟนคุณ มาบอกว่าไม่ช่วย อันนี้เราคิดว่า เป็นเรื่องทัศนคติของสังคมต่างจังหวัดนะ เค้าคิดว่าคุณมี คุณต้องช่วยเหลือ คุณต้องเกื้อกูล อันนี้ มันฝังรากเลยในความคิดเค้าเลย แบบว่า ถ้าเป็นญาติพี่น้องกัน เกี่ยวดองกัน ถ้าคุณมีฐานะดีกว่า คุณต้องรับผิดชอบทั้งหมด  เราเห็นมาหลายครอบครัวแล้วที่คิดกันแบบนี้ ประเภทที่ใครเก่ง ใครรับผิดชอบ คนนั้นก็ทำคนเดียว ไม่รู้นะ คุณต้องคิดให้ดีก่อน โอเค แต่งงานคราวนี้ เราว่าคุณอยากแต่ง เพราะว่าบอกกับใครๆไปหมดแล้วว่าจะแต่ง แล้วจะให้มาเลิกกัน อันนี้เราต้องบอกว่าต้องใช้ความกล้าอย่างมาก ที่จะแก้ไข แล้วเราคิดว่า คุณคงไม่ทำด้วย ที่จะบอกว่า ยกเลิกการแต่งงาน ทั้งหมดที่อ่านมา เราว่าคุณอาจจะมองอะไรได้หลายอย่าง แต่ไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับใครอีก  อาจจะคิดว่า อายุเป็นตัวกำหนดด้วยก็ได้ แต่อยากจะบอกว่า การแต่งงานเป็นจุดที่พลิกผันที่สุดในชีวิตเลย แต่ถ้าคุณคิดว่า จะควบคุมและรับมือได้ และพร้อมจะรับปัญหาที่เกิดมาได้ เราว่าคุณก็แต่งได้นะ   ประเด็นที่สำคัญคือ เรื่องเงิน  เราว่าคุณต้องเตรียมพร้อมนะ  แนวโน้มอนาคตแต่งงานไป ถ้าคุณไม่ใจแข็ง ไม่แยกแยะ เราว่าคุณต้องโดนทึ้ง แน่ๆๆ   บ้านที่แม่คุณยกให้ ต้องเป็นชื่อของคุณคนเดียว กิจการที่แฟนคุณทำอยู่ คุณห้ามยุ่งให้เค้าพิสูจน์ตัวเอง ช่วยได้นิดหน่อย แต่ห้ามลงเงินเด็ดขาด คุยกับเค้าให้เข้าใจ  ไม่งั้นจะกลายเป็นหน้าที่คุณ กลายเป็นความรับผิดชอบของคุณอีก กิจการของคุณ คุณทำต่อไป ดูแลและเตรียมพร้อมด้วย มองไปอีก ถ้าคุณอยากมีลูก คุณจะดูแลเค้าโดยที่อาจจะปราศจากความช่วยเหลือของสามีคุณได้ไหม และอีกเรื่องหนึ่ง คือ อย่าจดทะเบียนกับเค้าเด็ดขาด มีรุ่นน้องคนหนึ่งเป็นผู้หญิงเก่งเหมือนกัน สามีก็เหมือนเก่งนะ แต่ไม่อดทน ไม่รับผิดชอบ ทำงานอะไรเท่าไหร่  ไม่พอใจที่ทำงานก็ลาออกดื้อๆ อยากทำอะไรก็ทำ คิดแต่มุมของตัวเอง ขนาดตอนลาออก น้องเพิ่งจะคลอดลูก ไม่ได้คิดเลยว่า ลูกเมียจะกินอะไร บางทีอยากซื้อของที่อยากได้ ก็รูดการ์ดเอา เป็นแสนๆ ยังมีเลย แล้วก็มาผ่อนใช้หนี้เอง น้องคนนี้บอกว่า ตอนนี้ทำใจแล้ว เลี้ยงสามีไว้ดูเล่นแล้วกัน  ไม่อยากพึ่งพาอะไรเค้าแล้ว เราว่า เนี่ย อาจจะกลายเป็นรูปแบบของผู้หญิงเก่ง หลายๆครอบครัวที่ต้องยอมรับการมีสามี ไม่ได้เรื่องแต่ยังต้องเลี้ยงดูกันต่อไป  คุณทำใจยอมรับได้ไหม ถ้าทำได้ ก็แต่งไปเลย ฟังเหมือนเรื่องที่เราแนะนำ หลายคนอาจจะคิดว่า ทำไมจะแต่งงานกันแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกัน ยังทำเหมือนไม่ไว้ใจกัน แต่เราบอกได้ว่า การแต่งงานคือการเสียงโชค ยิ่งกว่าการทำธุรกิจ และมีตัวแปรของชีวิตที่จะกระหน่ำเข้ามา ยิ่งกว่าการเป็นโสดอีก ถ้าไม่คิดให้ยาว ไม่คิดให้ไกล คนที่จะเจ็บหนักที่สุด ก็คือผู้หญิงนั่นแหละ จากคุณ : วีทีอาร์ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 21:49:16

ความคิดเห็นที่ 79 คู่ชีวิต.....ร่วมทั้งทุกข์ ร่วมทั้งสุข แต่ถ้าร่วมได้แต่สุข  ไม่ร่วมทุกข์ ก็อย่าไปเป็น.....คู่ชีวิตของใคร จากคุณ : nu_aorr เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 22:31:40

ความคิดเห็นที่ 80 โห เพิ่งเข้ามาอ่านเจอ ไปว่าเค้าทำไมขนาดนั้น สงสารเค้า เราคิดว่า อารมณ์ จขกท คงน้อยใจในวาสนานิดๆๆละมั่ง สังคมไทยส่วนใหญ่ บางที่เค้าคิดว่า การที่ผู้หญิงมีสามีรวยคือประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ ญ ที่มีหน้าที่การงานดีมีรายได้ มากกว่าสามี ก็หาว่าเลี้ยงสามี นี่มันเรื่องจริงเลยนะ เพราะพื้นๆสังคมไทยในอดีต ผู้ชายหาเลี้ยงผู้หญิง แต่ตอนนี้ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่ในใจชายที่มีฐานะแย่กว่าผู้หญิงเค้าก็แย่อยู่แล้วแหละ เค้าก็จะร้องเพลงว่า เหนื่อยไหมคนดีมีพี่เป็นแฟน ครองรักบนความขาดแคลน ยากแค้นพี่กลัวเธอท้อ เราเริ่มจากศูนย์ ลงทุนด้วยความไม่พอ ความหวังเทียวพังเทียวก่อ ประคองกันสู้เรื่อยมา บนเส้นทางเดิน ขาดเขินประจำ คลื่นลมชีวิตกระหน่ำ อาจทำให้ใจพี่ล้า บางครั้งบางที ที่พี่ก็สร้างปัญหา ทำให้เธอมีน้ำตา ต้องทนพี่มาเสมอ เก๋งไม่มีขับ ปิคอัพก็ไม่มีขี่ เห็นแฟนคนอื่นได้ดี พี่นี้ยิ่งสงสารเธอ จมอยู่กับพี่ ทั้งที่ไร้สิ่งปรนเปรอ รู้ไหมว่ารอยยิ้มเธอ ช่วยให้ใจพี่มีหวัง พี่ขอขอบคุณที่น้องมีใจ ก่อนนี้ถ้าพี่ผิดไป ต้องขออภัยใจนาง ยิ้มเถิดคนดี วันนี้เริ่มมองเห็นทาง จับมือลุกเดินเคียงข้าง เราจะสร้างพรุ่งนี้ด้วยกัน เอาน่า จขกท คงน้อยใจมังไม่ได้มีเจตนาดูถูกแฟนหรอกมั่ง จากคุณ : noomrangerha เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 22:45:53

ความคิดเห็นที่ 81 อย่าดูที่ตัวเงิน ให้ดูที่น้ำใจ และความรับผิดชอบ คนที่จะมาเป็นสามีเรา สำคัญมากนะคะ ไอ้ความรัก ความหวานชื่นหน่ะ แต่งไปไม่นานก็ไม่เหลือแล้ว ที่นี้เหลือแต่นิสัยล้วน ๆ แล้วค่ะ ได้คนที่มีน้ำใจกับเรา รับผิดชอบ ไม่เหลาะแหละ ถ้าทางบ้านออกตัวว่าไม่ช่วยเงิน เค้ามีน้ำใจด้านอื่นให้หรือเปล่า สามีคุณผ่อนบ้านไม่ไหว เพราะเป็นคนไม่อยากรับผิดชอบอะไร หรือว่ารายได้ยังไม่มั่นคง ต้องดูด้วย จากคุณ : papa mama love u เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 22:58:33

ความคิดเห็นที่ 82 มุมมองของเรานะ  เราว่า ถ้าผู้ชายยังขาดความรับผิดชอบ ยังไม่พร้อมจะเป็นผู้นำ ก็รอไปก่อน ยังไม่ต้องรีบร้อนแต่ง.... จากคุณ : เอื้ออารี เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 23:15:34

ความคิดเห็นที่ 83 ใครมาล่อเป้าห้องนี้  ได้ผลทุกที จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 23:16:02

ความคิดเห็นที่ 84 ไปอ่านกระทู้นึงของห้องโต๊ะเครื่องแป้งเยอะเกินจนโดนสะกดจิตรึเปล่าเนี่ย http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q9379573/Q9379573.html พูดตรงๆนะถ้าผมเป็นแฟนของ จขกท.แล้วมาอ่านเจอแบบนี้เนี่ย คำเดียวสั้นๆครับ  "เลิก" จากคุณ : I believe I can fly เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 23:21:19

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ จขกท ครับ ผมอ่านภูมิหลังครอบครัวแฟนของคุณแล้วไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่มีเงินเก็บ  อีกอย่างชาวไร่ชาวสวนในประเทศไทย มีกี่คนที่รวยนับได้ไม่มากหรอกครับ ส่วนใหญ่จะแค่พอมีพอกินไม่มีหนี้ถือว่าเก่งแล้วครับ ถ้าให้ผมเดา จขกท ตอนนี้คงกำลังลังเลว่าจะแต่งดีหรือเปล่า เมื่อคุณลังเลขนาดนี้ผมว่าลองทบทวนเรื่องแต่งงานอีกทีดีกว่า  ถ้าแต่งแล้วแย่กว่าเดิมก็อย่าแต่งเลย เพราะท่าทางแต่งแล้วมีปัญหากันเรื่องเงินๆทองๆกันแน่ จากคุณ : พุงกาง เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 00:09:21

ความคิดเห็นที่ 86 มุมมองของเรานะ  เราว่า ถ้าผู้ชายยังขาดความรับผิดชอบ ยังไม่พร้อมจะเป็นผู้นำ ก็รอไปก่อน ยังไม่ต้องรีบร้อนแต่ง.... จากคุณ : เอื้ออารี ------------------------ คานทองนิเวศน์ ถามหา ครับ  นี่ก็  35 พรรษาเข้าไปแล้วววว จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 01:07:24

ความคิดเห็นที่ 87 เฮ้อ ผมก็ 40 นิสัยก็พอไปวัดไปวาได้ หน้าตาก็พอดูได้ตอนสลัวๆ เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบ รายได้ต่อปี 7 หลักเหมือนกัน ผ่อนบ้านอยู่ เป็นบ้านเดี่ยวขนาด 90 ตรว พอสนใจมั๊ยครับ อ๊ะ ลืมตัว มีเมียแล้วนี่หว่าตรู ล้อเล่นนะ อย่าซีเรียส ฟิ้ว จากคุณ : เจ้ากี้ เจ้าการ ? เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 09:42:51

ความคิดเห็นที่ 88 กลับมาอ่านที่คุณจขกท.ตอบ เห็นเค้าลางปัญหามาแต่ไกล แบบบ้านเราครอบครัวคนจีนใหญ่มากๆ ประมาณเกือบสองร้อยชีวิต มีทุกฐานะ เวลารวมญาติจะได้ยินเรื่องมากมาย ประมาณญาติเราไปตกถังข้าวสาร หรือคนอื่นมาตกถังญาติเรา ถ้าคุณแฟนดีมากเกินไป เงินจะถูกส่งไปช่วยพี่น้องเค้ามาก เพราะทางโน้นจะมีปัญหามาขอความช่วยเหลือไม่มีที่สิ้นสุด  เพราะพวกเค้ามีปัญหามาตั้งแต่ต้น  อย่างพ่อเรายอมยกมรดกให้กับอาเราหมดเพราะสามีอาติดการพนัน ต้องการเงินไปใช้หนี้ รับญาติเรามาอยู่ด้วยจะได้ไม่ลำบากเรื่องที่อยู่ในกทม. เรียกว่าตอนสมัยเด็กบ้านเรามีญาติมาพักระยะยาวเยอะมาก หรือเกิดญาติทางฝ่ายโน้นมีคดีความทางคุณแฟนก็ต้องให้ความช่วยเหลือ  หรือญาติเอาชื่อเสียงไปเบ่งก็มี  ลุงเรายังปวดหัวกับพ่อ-แม่สะใภ้เลย อย่างญาติเราที่ไปตกถัง แต่เค้าเป็นคนหัวอ่อนอยู่ในโอวาทภรรยา เค้าทำการค้าผิดพลาด คุณภรรยาเค้าและพี่น้องก็ช่วยหาธุรกิจเล็กๆให้เริ่มต้นใหม่  และให้เอากำไรไปใช้หนี้  ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้าน และเรื่องเรียนของลูกๆคุณภรรยาจะดูแลเอง   และยังเอาเวลาว่างมาช่วยธุรกิจใหม่ของสามี  เราก็คิดว่าก็โอเค แต่ป้าเรากลับเอาภรรยาเค้าไปนินทาว่าสะใภ้เค็ม ไหนๆคุณก็รักของคุณแล้ว ลองชั่งนน.ปัญหาที่น่าจะเกิดจากญาติ กับความรัก + ข้อดีของคุณแฟน ว่าจะคุ้มกับปัญหาจุกจิกจากญาติๆได้ไม๊ แต่มีข้อสงสัยเรื่องคุณแฟนไม่อยากผ่อนบ้านเค้าให้เหตุผลว่าอะไร เมคเซนส์ไม๊ หรือเค้าอยากให้คุณช่วยออกด้วย  เพราะในเมื่อไม่เกี่ยงทำเลบ้านราคาก็ไม่น่าจะสูงมาก อย่างถ้าดาวน์เยอะก็จะกู้นิดเดียวเอง  แบบพ่อเราตอนแต่งกับแม่ก็แบบนี้เก็บเงินปลูกบ้านหลังไม่ใหญ่แต่พ่อต้องเป็นคนจ่าย แม่จะอยู่ในส่วนตกแต่งบ้าน ซึ่งมันก็ใช้เงินไม่น้อยเลย ถ้าคุณแม่คุณยกตึกแถวให้คุณแฟนควรจะเป็นฝ่ายออกค่าตกแต่ง   หรือว่าคุณแฟนเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายในงานแต่ง แต่ก็ไม่หน้าใช่เพราะธรรมเนียมจีนแบบไทยๆฝ่ายหญิงเรียกขนม + สินสอด แต่งานเลี้ยงฝ่ายหญิงเป็นคนออกนี่นา  แถมเงินช่วยในงานก็ยกให้บ่าวสาว +กับเงินสินสอดที่ฝ่ายหญิงคืนให้แล้วยังต้องสบทบเงินให้บ่าว-สาวอีก รวมถึงเงิน หรือทองที่ได้จากการรับไหว้ตอน ยกน้ำชาอีก  มีแต่รับทรัพย์ทั้งนั้น คุณจขกท.เป็นฝ่ายแต่งออกนี่ก็ลำบากแล้ว  ยังต้องยุ่งยากใจอีก ยังไงขออวยพรให้ผ่านปัญหาและอุปสรรคนะคะ จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 10:34:22

ความคิดเห็นที่ 89 เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวที่สุด นี่หรือคนรักกัน คนรักกันเค้าไม่ทำแบบนี้หรอก ถ้าผมเป็นผู้ชายคนนั้น ผมเลิกดีกว่า เป็นโสดดีกว่า จากคุณ : GARDNER เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 11:58:53

ความคิดเห็นที่ 90 แนะนำค่ะ เราเข้าใจ จขกท อยากถามว่า จขกท รักแฟนมากแค่ไหน ถ้ารักปานกลาง- รักธรรมดา เราว่า หาคนที่เหมาะสมกับเรากว่านี้ดีกว่า ถ้ารักมาก ก็ควรไตร่ตรองให้ดี ว่าพร้อมจะลำบากหรือเปล่า เพราะ เท่าที่ดู profile แฟนจขกทแล้ว  ถ้าเป็นเราๆ ก็ลังเล เพราะ 1. ทัศนคติของครอบครัวเค้า ที่บอกว่าสินสอดให้น้อยๆ --- เราถือว่าไม่ให้เกียรติ ไม่ได้อยากได้เยอะๆ  แต่ก็ควรจะสมฐานะ 2. พื้นฐานของครอบครัวเค้า --- แต่ละคนอาจ มาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินทอง เราจะลำบากใจ ไม่ให้ก็ไม่ได้   ให้ไปก็ไม่รู้จะได้คืนหรือเปล่า 3. เราไม่รู้ว่าฝ่ายชายไม่มีน้ำใจจริงๆ  หรือ จขกท ไม่ได้สื่อออกมาว่ามี เพราะว่า การใช้ชีวิตคู่ ผู้หญิงเราถ้าได้ผู้ชายที่ใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงิน ถือว่าโชคดีที่สุดแล้วค่ะ  เพราะเราจะรู้สึกเกรงใจในตัวสามี เรื่องการเงิน การศึกษา หรือฐานะที่ใครๆว่าเป็นเปลือกนอก แต่มันก็เป็นส่วนสำคัญในการหล่อหลอมคนให้เติบโตมาเป็นคนลักษณะไหน ความรักเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคิดจะ สร้างครอบครัว รักอย่างเดียวยังมันไม่พอ การแต่งงานเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ขอให้บุญกุศลที่ จขกท ได้ทำมาจงดลบันดาลให้ จขกท ได้ตัดสินใจเลือกหนทางที่ดีแก่ชีวิตค่ะ ปล. เรื่องแบบนี้ ไปถามที่ สวนลุม ห้อง ปัญหาสุขภาพจิต น่าจะได้คำแนะนำอีกมากค่ะ จากคุณ : แม่เสือสาว พราวเสน่ห์ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 12:42:31

ความคิดเห็นที่ 91 แม่ จขกท ก็ใจกว้างมากแล้ว ถ้ามีปัญหาจริงๆ แต่รักกัน ก็ควรจะเจอกันครึ่งทาง ถ้าเค้ารักเราจริง ค่าแต่งงานเค้าก็ควรหาได้ อีกอย่าง ถึงค่าสินสอดจะแพงแค่ไหน เชื่อว่าแม่ จขกท ไม่เก็บไว้แน่ คืนทุนให้ลูกเอาไปตั้งตัวหมด ดีไม่ดี นอกจากบ้านจะยกให้แล้วอาจจะมีเงินเพิ่มให้อีก สรุป เรื่องแต่งนี้คิดว่าไม่เกินความสามารถชองฝ่ายชาย เรื่องบ้าน คิดว่าเค้ายังไม่พร้อมมากกว่า แต่ผู้ชาย 40 ผ่อนอีก 30 ปี รวมกันได้ 70 พอดี เค้าก็คงคิดว่านานเกิน จะอยู่บ้านฝ่ายหญิงก็กลัวเค้าจะหาว่ามาเกาะเมียกิน ฝ่ายแม่เค้าก็คงให้อะไรไม่ได้อยู่แล้ว เงินเก็บก็มีไม่พอ เป็นธรรมดาที่จะคิดหนัก ไอ้รัก ก็รัก อยากจะให้มันดีทัดเทียมคนอื่นเค้า แต่มันก็เหลื่อมล้ำกันพอควร อย่างไรเสียก็ควรคุยกันตรงๆ ว่าเรารู้สึกอย่างไร เค้ารู้สึกอย่างไร ถ้าเกิดตกลงกันไม่ได้ ก็จะได้เตรียมตัวถูก เพื่อนเราก็เป็นแบบนี้คนนึง พ่อยศจ่าอากาศอยู่บ้านพักทหาร แต่ตัวเพื่อทำงานบริษัทธรรมดา  เกิดไปชอบลูกสาวนายพลเข้า สุดท้าย ผู้หญิงก็เจอคนที่คู่ควร ผู้ชายก็ต้องถอยไป ได้แฟนเป็นแคชเชียร์ที่ร้านค้าทหารอากาศธรรมดาๆ แฮปปี้ไหม ก็คงอย่างงั้น อย่างไรเสียก็เป็นกำลังใจให้ เอาเป็นว่าเราเข้าใจ จขกท ละกันนะ จากคุณ : ทิโมธี เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 12:59:54

ความคิดเห็นที่ 92 จินตนาการถึงผู้ชายอายุ 40 แต่ยังไม่มีบ้านของตัวเอง แฟนก็เร่งยิกๆให้หาเรือนหอ จะได้แต่งๆกันซะที แต่ผู้ชายก็หาได้อนาทรไม่ งานแต่งพ่อแม่ก็ออกตัวเอี๊ยดว่าจะไม่ช่วย แต่กลับยอมรับความช่วยเหลือของพ่อแม่ผู้หญิงแทน ถ้าเป็นเรา คงต้องเบรคอย่างแรงแล้วล่ะค่ะ คุณไม่ใช่คนเดียวหรอกที่รู้สึกไม่ชอบมาพากล จากคุณ : แมวบอส เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 13:09:29

ความคิดเห็นที่ 93   คิดว่าคงไม่ใช่ความรัก เพราะถ้ารักกันจริงๆ มันจะแบบว่าอาไรก้อยอมอ่ะ ยอมแบบไม่น้อยใจด้วย ยอมแบบว่าสุดๆเหมือนที่เค้าว่าความรักทำให้คนตาบอดอ่ะค่ะ แต่เท่าที่อ่านดู จขกท เป็นผู้หญิงซึ่ง35ปี ถือว่าอายุค่อนข้างมากแล้วรึป่าว เลยโฟกัสไปว่า อยากมีชีวิตคู่แล้ว แล้วคบกับแฟนคนนี้อยู่เลยไม่อยากใช้เวลาที่เหลือไปปรับตัว ลองคบคนอื่น (คนใหม่)หรือคนที่พ่อแม่หาให้น่ะค่ะ ส่วนฝ่ายชาย อายุ40 ก้อคิดว่าเยอะพอควร ไม่อยากผ่อนบ้านอาจเพราะว่าอายุมากแล้วไม่อยากมีภาระผ่อน อยากได้ความสบายใจก้อเป็นได้ หรือถ้ามองในแง่ร้าย ก้ออาจเพราะว่ายังไม่ใช่รักแท้เลยแบบว่ายังไงก้อได้ ถ้าทางผู้หญิงออกก้อเอา ไม่ออกก้อเฉยๆไรแบบนี้ป่าว อันนี้ไม่แน่ใจ คุณ2คนรู้ดีที่สุด ส่วนทางบ้านฝ่ายชาย ถ้าตามที่คุณเล่า เค้าคงไม่มีจริงๆ แล้วเราจะให้เค้าหาเงินมาแต่งเมียให้ลูกน่ะ มันบาปนะคะ ค่าเงิน1หมื่นของเค้าอาจเท่าเป็นล้านของคุณ(แบบว่าเยอะมากสำหรับเค้าน่ะค่ะ) อีกอย่างให้กู้มาแต่งน่ะเค้าคงไม่เอาหรอก คิดว่างั้นนะคะ ส่วนทางบ้านคุณ คิดว่าเพราะสงสารลูก แต่การที่เราทำให้พ่อแม่รู้สึกสงสารเราน่ะ พ่อแม่ไม่สบายใจมันบาปนะคะ ถ้าเป็นไปได้ทำให้ท่านรู้สึกมีความสุขไปกับคุณจะดีกว่าค่ะ โตแล้วขุ่นไว้ในใสไว้นอกน่ะค่ะ ทางที่ดีที่สุด คุณถามตัวเองก่อน ทุกๆข้อ ตอบตัวเองก่อนแล้วก้อคุยกะแฟนคุณ ถ้าตกลงกันได้ ก้อเดินหน้าต่อค่ะ แก้ไขกันไป แต่ถ้าคุยกันแล้วมีปัญหามากขึ้น ลดลงมาเป็นเพื่อนกันดีกว่าค่ะ อายุเท่าไหร่ก้อตาม คนมันคู่กันแล้วไม่แคล้วกันจ้า ...เชื่อในบุพเพสันนิวาสจ้า ...แต่ถ้าฝืนความรู้สึกจริงๆ จะกลายเป็นบุพเพอาละวาดนะคะ ยิ่งแต่งใหญ่เท่าไหร่ก้ออายใหญ่เท่านั้นแหละค่ะ ...ลองกลับไปทบทวนดูนะคะ เป็นกำลังใจให้จ้า... จากคุณ : แม่ลูก1ผู้มีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 15:52:30 A:112.142.122.124 X: TicketID:272616

ความคิดเห็นที่ 94 เท่าที่เคยเห็นจากบุคคคลรอบข้างที่ฝ่ายหญิงมีฐานะดีกว่า หน้าที่การงานดีกว่าฝ่ายชายมาหลายคู่ ถ้าฝ่ายชายถึงแม้มีฐานะการงาน การเงินที่ด้วยกว่า แต่ยังขยันขันแข็ง หารายได้พิเศษเพิ่ม ขวนขวายเพื่อความก้าวหน้าของครอบครัว คู่นั้นก็ยังอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และฝ่ายหญิงก็ไม่มีวันที่จะมาลำเลิกบุญคุญหรือดูถูกฝ่ายชายให้ได้ยิน แต่หากคู่ไหนที่ฝ่ายชายมีฐานะ และหน้าที่การงานการเงินด้อยกว่าฝ่ายหญิงเป็นทุนเดิมแล้ว ยังทำตัวเกียจคร้าน เสเพล หลงไหลในอบายมุขทั้งหลายอีกเป็นกำลังเสริม ก็จะเห็นฝ่ายหญิงมาบ่น มาร้องไห้ตัดพ้อฝ่ายชายให้ฟังอย่างน่าเห็นใจ และหลายคู่ก็ต้องเลิกรากันไป เล่าจากประสบการณ์ที่พบเห็นมาให้ได้ฟัง จขกท ลองเก็บไปคิดดูว่าแฟนของจขกทจัดอยู่ในฝ่ายชายประเภทไหน แล้วชั่งใจเอาว่าจะดำเนินงานแต่งต่อ หรือตัดไฟแต่ต้นลม จากคุณ : Dazzling Daffodil เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 16:54:59

ความคิดเห็นที่ 95   อ่านมาแล้วเข้าใจจขกท. มากเลยนะ เพราะเราเองก็อยู่ในสภาพนี้เหมือนกัน เราเข้าใจเลยที่คนเข้าพูดว่า รักกันอย่างเดียวมันไปไม่รอด เพราะชีวิตจริงมันมีเรื่องของสังคม เงิน เข้ามาเกี่ยว แต่ก็ต้องแล้วแต่จขกท. ว่าจะตัดสินใจยังไง ถ้าคิดว่ารับได้ก็แต่งไปเถอะ จากคุณ : ประกายบุษปะ (ประกายบุษปะ) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 18:15:58

ความคิดเห็นที่ 96 ก๊อบมาทั้งอย่างนี้เลยแล้วกันนะคะเจ้าของกระทู้ "ไม่รู้จะพูดยังไง........... คุณคงรักกันไม่พอน่ะแหละ เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเป็นรักของเรา พวกนี้มันแค่ปัจจัยนอก แล้วเราต้องเข้าใจสามีเรา ชีวิตเป็นของคนสองคนแล้วนะคะ มองแยกกันไม่ได้ คุณบอกว่า บ้านแฟนคุณด้อยกว่าคุณ คุณควรจะมองว่า นี่คือครอบครัวของเรา มากกว่า" แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 20:20:17 จากคุณ : รักกัน "พอ" หรือยัง (Pahom) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 20:19:41

ความคิดเห็นที่ 97 ฟังดูแล้วถ้าคุณ จขกท น้อยใจโชคชะตาตัวเองก็อย่าแต่งดีกว่าค่ะ แต่งไปแล้วก็มานั่งน้อยใจในโชคชะตาอีก พาลจะแตกแยกซะปล่าว จริง ๆ แล้วควรดูนิสัยใจคอมากกว่าน่ะค่ะ ว่าเค้ารักคุณหรือเปล่า อย่างอื่น มันเป็นปัจจัยภายนอก อยู่ที่ตัวคุณจะยอมรับได้แค่ไหน จากคุณ : you're beautiful เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 20:47:06

ความคิดเห็นที่ 98   ในฐานะมีประส่พการณ์ เห็นเรื่องทำนองนี้ แต่ก็แค่หนึ่งประสบการณ์ เพือนดิฉัน แต่งงานกับชายต่างจังหวัด ในสายตาพ่อแม่ฝ่ายหญิงเห็นว่าเป็นคนดี มีการศึกษาใช้ได้ ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ก็เลยไม่รังเกียจอะไร ลูกสาวรักใคร พ่อแม่ก็รักด้วย ผู้ชายมาแต่ตัวจริงๆ พ่อ แม่ ฝ่ายหญิงยกบ้านให้เป็นเรือนหอหนึ่งหลัง อยู่กันมามีลูกหนึ่งคน ฝ่ายชายขอให้น้องสาวเข้ามาอยุ่ด้วยเพื่อเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ก็โอเคนะ ฝ่ายหญิงก็ยินดี ต่อมา คนที่สองตามมา เริ่มมีปัญหาทางการเงิน เพราะฝ่ายชายไม่ได้ช่วยจ่ายอะไร อ้างว่า เงินเดือนน้อย ส่งน้องเรียน และส่งให้ทางบ้าน ซึ่งตอนนี้มีลูกสองคนแล้ว น้อวสาวสองคนที่อยู่ด้วย ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย นอกจากน้องสาวแล้ว หลานยังตามมา สุดท้าย พ่อแม่ฝ่ายชายก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ฝ่ายหญิงต้องเอาเงินที่บ้านมาจุนเจือครอบครัว บ้านที่เคยอยู่สบาย อัดแอ เพื่อนดิฉัน ยอดอึดจริงๆ ทนได้ตั้ง 5 ปี พอกพูนหนี้สินรอบด้าน เพราะต้องจ่ายอยู่คนเดียว ฝ่ายชายเงินเดือนข้าราชการ ส่งน้อง ส่งหลาน ก็เกือบหมดแล้ว ระยะหลัง ไม่ค่อยกลับบ้าน อ้างว่าที่บ้านอึดอัด อยู่ไม่สบาย ก็เลยเที่ยวกับเพื่อน ลูกก็ไม่สนใจช่วยดูแล ฝ่ายหญิงร่างกายทรุดโทรม ทำงานแล้วยังต้องเหนื่อยที่บ้านอีก คุณพ่อตา คุณแม่ยาย ก็เลยตัดสินใจเชิญลูกเขยเคลียร์เรื่องทั้งหลาย เพื่อความสุขของลูกสาว ขอให้ทางบริวารของลูกเขย ย้ายออกไปเสีย เยอะเกิน ฝ่ายชายบอกว่าถ้าจะให้พน้องๆ หลานๆ และพ่อแม่ออก เขาก็ออกด้วย แถมยังต่อว่าพ่อตา พี่งพากันแค่นี้ไม่ได้เชียวหรือ จะอะไรกันนักหนา คุณพ่อเอาบ้านคืน แล้วให้ลูกสาวเลิกกันไปเสีย อยู่กันไปไม่มีอะไรดีขึ้นเลย นี่คือมุมหนึ่งของชีวิต ปัจจุบัน เพื่อนดิฉันมีความสุขดี สดใส สวยเหมือนเดิม หนี้สินเคลียร์เรียบร้อย อยู่กับพ่อ แม่ ตา ยาย ก็ช่วยดูแลหลาน จากคุณ : เสี้ยวหนึ่งของชีวิต เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 22:00:41 A:124.120.84.120 X: TicketID:247512

ความคิดเห็นที่ 99 ต้นทุนชีวิตคุณก็มาไม่เท่ากันแล้ว คุณจบนอก ส่วนแฟนคุณแค่จบป.ตรี ก็ดีเด่ ที่สุดในตระกูล มันก้อแน่หละ ที่ธุรกิจเค้าจะได้กำไรน้อยกว่าคุณ อะไร ๆ เค้าก้อน้อยกว่าคุณ ไม่ได้มาตรฐานเท่าคุณ เท่าสังคมรอบข้างคุณ ถ้าเราเป็นแฟนคุณคงอยากถามว่า " แล้วผิดอะไร ? " อายุ 40 .. ตั้งตัวได้ขนาดนี้ ก็เกินมีนประชากรไทยแล้ว สงสารแฟนคุณหวะ ... สุด ๆ จากคุณ : :: VamleS :: เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 22:34:16

ความคิดเห็นที่ 100 ขอแก้ไขค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 22:42:09 จากคุณ : :: VamleS :: เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 22:40:10

ความคิดเห็นที่ 101 คนรอบๆตัวเรามีเยอะมากที่ผู้หญิงฐานะดีกว่าผู้ชาย บางคู่ฐานะทางบ้านดีพอๆกัน แต่ผู้หญิงหาเงินได้มากกว่าผู้ชาย 3-5 เท่า บางคู่ฐานะผู้หญิงดีกว่า ยังหาเงินได้เยอะกว่าอีก สรุปว่าผู้ชายมองทางไหนๆก็สู้ไม่ได้ทั้งนั้น เท่าที่เราเห็นเราสรุปได้ว่า ผู้หญิงต้องทนค่ะ เพราะผู้ชายจะไม่เปลี่ยน ถ้าตอนนี้ยังรับไม่ได้ แต่งงานไปแย่กว่านี้แน่นอนค่ะ อย่าหวังว่าเค้าจะขวนขวายทำมาหากินมากขึ้น มีแต่จะแย่ลงค่ะ ถ้าก่อนแต่งยังทนไม่ได้ แต่งไปแย่กว่านี้แน่นนอค่ะ จากคุณ : ไอริน เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 00:10:08

ความคิดเห็นที่ 102   ปัญหาทางเศรษฐกิจ และฐานะทางสังคม เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้หญิงที่มีการศึกษา และทำงานเลี้ยงตัวเองในเมืองใหญ่ทั่วโลกเป็นโสดมากขึ้น ไม่ผิดหรอกที่คุณจะคิดแบบนี้ แต่จะผิดทันทีที่คุณแต่งงานไปด้วยทัศนะคติอย่างนี้ และคนที่จะรับผลนั้นไปตลอดคือตัวคุณเอง ถ้าอยากแต่งงาน มีครอบครัวของตัวเองก็ไม่ต้องไปฟังใคร คิดเสียว่าเรายังโชคดีกว่าสาวอินเดีย  เกาหลี แต่ถ้าคิดว่าการแต่งงานไม่ตอบโจทย์ของคุณ ก็อย่าไปแต่ง แฟนก็ไม่ต้องเลิก อะไรทำได้ก็ทำกันไป อะไรที่ทำไม่ได้ก็อย่าไปทำ จากคุณ : like_that เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 00:18:57

ความคิดเห็นที่ 103 ถ้า จขกท. ลดอีโก้ลงสักนิด ชีวิตคงราบรื่นขึ้น ถ้าคบกันแล้ว ต้องมานั่งตั้งข้อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกันว่า ชั้นมี เธอไม่มี ชั้นดี เธอไม่ดี แบบนี้มันจะไปมีความสุขได้หรอคะ เราว่าอะไรที่ช่วยๆกันได้ ก็ช่วยๆกันไปดีกว่า ถ้าคิดจะอยู่ร่วมกันนะ การจะใช้ชีวิตคู่มันก็เหมือนลงเรือลำเดียวกัน ถ้าช่วยๆกันพาย เรือมันก็แล่นไปได้ ถ้าปล่อยให้ใครคนใดคนนึงพายคนเดียว เรือมันก็วนอยู่กับที่เป็นวงกลมนั่นแหละ ฟังที่คุณพูดมาเหมือนจะบอกว่าเค้าไม่เหมาะสมกับคุณเลยในทุกๆด้าน ถ้าเป็นอย่างนั้น เราว่าคุณพักชีวิตคู่ไว้ก่อนดีกว่านะคะ ไว้เจอคนที่คลิกจริงๆ แล้วค่อยว่ากันใหม่ ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : เลดี้ เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 08:54:08

ความคิดเห็นที่ 104 นี้ ขนาดไม่คิดมากน่ะครับ ยังบ่นได้เป็นข้อๆเลย การมีชีวิตร่วมกันผมว่า ตาม คห.103 เลยครับ คุณเลดี้ พูดไว้หมดแล้ว ขอเล่าเรื่องส่วนตัวผมเองนิดหน่อยแล้วกันครับ ผมกับแฟน อายุห่างกัน 8 ปี โดยที่ผมเด็กกว่า เริ่มคบตอนเธอ อายุ 27 ปี ผม 19 ปี เรียนปี 1 หัวเกรียนเลยก็ว่าได้ จากที่เราคบกันก็มีปัญหาหลายอย่างมาก ด้วยอายุที่ห่างกัน 8 ปี แฟนผมทำงานแล้ว ผมยังเรียนอยู่เลยขอเงินแม่ไปวันๆ แต่แฟนผมก็ยังคบผมเพราะอะไรตอนนั้นผมไม่ทราบจริงๆ แต่ผมรู้ว่าผมชอบเธอและอยากคบผู้หญิงคนนี้ด้วยความรู้สึก ที่ดีต่อกันจริงๆ เริ่มคบกันมาได้ ปีกว่า ผมก็เริ่มรู้ว่าเธอ มีหนี้สินจากบัตรเครดิส ที่แฟนคนเก่าเธอ จัดหามาให้ ร่วมๆ 4 แสนกว่าๆได้ แต่ในความคิดผมตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะเงินทองผมยังต้องขอพ่อแม่ อยู่ ผมเลยไม่รู้ว่าหนี้สินที่เธอมี เธอได้แบกรับ ภาระอยู่คนเดียว โดยที่ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้นอกจากตัวเธอเอง วันเวลาผ่านไป เราสองคนก็ยังคบกันอยู่เหมือนเดิมรักกันเหมือนเดิม ในบางครั้งมีเรื่องที่ต้องทำให้ เธอเสียใจเพราะความที่ผมเด็กกว่าก็มีมากมาย แต่เธอก็ให้อภัยเสมอ  เวลา ผ่านร่วงเลย มา  8 ปี  เธอ อายุ 35 ผม อายุ 27 ผมก็ยังรักเธอเหมือนเดิม จาก เด็กหัวเกรียนตอนนี้ มีงานการที่ดีทำ จากนั้งรถเมล์ ก็ซื้อ รถขับ การใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ก็ไม่ทำให้ผมเลิกรักผู้หญิงคนนี้ ถึงตอนนี้ผม ยังไม่มีปัญญา ช่วยลดหนี้ที่เธอมีได้ แต่การที่มีผมยังอยู่และคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มันก็ทำให้เธอมีกำลังใจต่อสู้น่ะครับ ตั้งแต่คบมาผมไม่เคยมองเรื่องฐานะเลย เพราะบ้านผมก็ปานกลางถึงจนด้วยก็ว่าได้ ส่วนเธอต้องต่อสู้คนเดียวตั้งแต่เธอได้ทำงาน ผมยอมรับในความอดทนของเธอจริงๆ อดทนในการทำงาน อดทนต่อภาระหนี้สิน อดทนต่อตัวผม ณ ปัจจุบันเรายังไม่ได้แต่งงานกัน เธอเคยถามว่าจะขอเธอไหม ผมตอบกลับไปว่า ถ้าแม่เธอแถมข้าวสารผมจะขอเดียวนี้เลย ดูผมทำสิ เธอกันยังรักผมเหมือนเดิม ณ ปัจจุบัน ผมเริ่มจะทำบ้านใหม่ แต่คงไม่ได้เป็นเรือนหอหรอกครับ แต่ลองรับกับสิ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีในอณาคตครับ ความรักของคนสองคน มันไม่ได้อยู่เงินตราครับ มันอยู่ที่คนสองคนมากกว่า ถ้าคุณเอาแต่มองว่า คนอื่นได้เจอผู้ชายดีๆรวยๆ นี้ แสดงว่าคุณไม่ได้รักแฟน คุณเลย น่ะครับ คุณต้องการ คนที่ ฐานะดีมาอยู่กับคุณมากกว่า ไม่ได้มองที่ความรักความรู้สึกเลย แต่ผมก็คิดว่า คุณ จขกท. ก็น่าจะมีเหตุผลส่วนตัวอยู่ ส่วนหนึ่งแล้วล่ะ ถึงออกมาในรูปแบบนี้ลองคุยกันปรับความเข้าใจกันก่อนดีกว่าครับ อย่าเพิ่งมองคนรอบข้าง มอง คุณและแฟนคุณก่อนว่าเราสามารถไปในทิศทางไหนได้บ้าง สู้ๆๆครับ ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : คิวตี้ (Louis_SeeD) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 10:02:33

ความคิดเห็นที่ 105   อย่าคิดว่าการแต่งงานคือบทสรุปของชีวติที่สมบูรณ์แบบของลูกผู้หญิงนะคะ ตอนนี้คุณยังไม่แต่คุณยังน้อยใจในโชคชะตาขนาดนี้ ถ้าต้องแต่งกันไป คุณจะน้อยใจในโชคชะตาของคุณขนาดไหน ถ้าสามีในอนาคตไม่สามารถทำได้ตามที่คุณหวัง จากคุณ : NIN เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 11:19:06 A:61.91.117.198 X: TicketID:271556

ความคิดเห็นที่ 106 ขนาดยังไม่ได้แต่งยังคิดเล็กคิดน้อยได้ แล้วถ้าแต่งไปหากเกิดการทะเลาะหรือไม่พอใจกันขึ้น มันจะไม่มากกว่านี้เหรอครับ รักน่ะใช่แต่มันก็มีอย่างอื่นด้วย ถ้ารักกันจริงอย่าเอาเรื่องอย่างนี้มาคิดเลย อยู่กันก็ไม่มีความสุขหรอก มีแล้วไง ไม่มีแล้วไง ตายไปก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ซักอย่าง รักกันแต่งงานกันเข้าใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ผู้ชายเราก็อยากทำอะไรให้ออกมาดี บ้านก็อยากเลือกให้ดีเพื่อเป็นเรือนหอ และเป็นที่ที่คนสองคนจะใช้ชีวิตร่วมกัน มีอะไรพอใจไม่พอใจ ชอบไม่ชอบก็ลองคุยกันดู ปรึกษากัน ลองจินตนาการออกไปอีก10-20ปีข้างหน้า ว่ามันจะเป็นอย่างไร จากคุณ : ndon125 เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 11:25:33

ความคิดเห็นที่ 107 เราเป็นผู้หญิง อ่านแล้วยังสะอึก เปลี่ยนความคิด แล้วชีวิตจะเปลี่ยนค่ะ จากคุณ : p_natsaran เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 13:56:20

ความคิดเห็นที่ 108 ไม่ชอบที่แฟนคุณเจ้าของกระทู้ไม่ยอมบอกแต่แรกว่าจะไม่ซื้อบ้าน หลอกให้ตะลอนๆดูบ้านแล้วทำมาตินู่นตินี่ไปเรื่อยอยู่ได้ตั้งครึ่งปี ไม่มีตัง ไม่อยากซื้อ ก็บอกแต่แรกสิ จะได้ไม่ต้องเหนื่อย คนที่มาว่าฝ่ายหญิงคิดมากเรื่องเงินก็แปลก เขาก็บอกตั้งแต่ต้นกระทู้แล้วว่าฝ่ายชายไม่ช่วยเรื่องงานแต่งเลยนะคะ รายได้ฝ่ายชายเองก็ไม่น้อย แต่โยนภาระให้ฝ่ายหญิงหมดอย่างนี้ เป็นเราเราก็คิดมากค่ะ จากคุณ : เร่ร่อน เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 16:23:18

ความคิดเห็นที่ 109 "เป็นโสดอย่างกล้าหาญ ขึ้นคานอย่างมั่นใจ" สโลแกนเราเอง 555555555+ หญิงเก่งอย่างเราๆ ถ้าหาผู้ชายที่ตัวเองคิดว่าคู่ควรไม่ได้ ก็อยู่คนเดียวค่ะ สบายใจกว่าแยะ จากคุณ : น้ำหวานพิษ เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 17:23:48

ความคิดเห็นที่ 110 ประเด็นเจ้าของกระทู้ฐานะดีกว่า  พื้นเพต่างๆ ดีกว่าคุณแฟน ...อันนี้ไม่ขอออกความเห็นนะคะ  แต่ที่แปลกใจ.....คือ   จะแต่งงานหรือใช้ชีวิตคู่นี่ต้องมีเงินช่วยจากทางบ้านด้วยเหรอคะ เห็นเจ้าของกระทู้บ่นๆ ว่าทางบ้านคุณแฟนไม่ช่วยออกอะไรเลย.... คือเราแปลกใจอ่ะค่ะ  เพราะที่บ้านเรา  ถ้าลูกคนใดที่คิดจะมีครอบครัว หรือแยกตัวออกไปใช้ชีวิตคู่  ที่บ้านไม่เคยให้เงินช่วยอะไรเลยค่ะ ให้หากันเอาเองสองคน  ขอย้ำนะคะว่าช่วยกันหาทั้งสองคน เพราะการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ก็ต้องแชร์ทุกสิ่งอย่างร่วมกัน ถ้ายังไม่สามารถช่วยกันสร้างได้   แต่ยังแบมือขอความช่วยเหลือเรื่องเงินกับพ่อแม่อยู่ พ่อแม่ได้ไล่ตะเพิดแหงเลย ^^  ว่าแค่นี้ยังไม่มีความรับผิดชอบสร้างกันเอง ออกไปใช้ชีวิตคู่แล้วจะไปรอดหรือ  มิต้องกลับมาขอพ่อแม่กันเรื่อยรึ ^^ .....ที่เล่ามา  เป็นสไตล์ของบ้านเรานะคะ  ที่เลี้ยงลูกแบบให้ยืนด้วยตัวเองล้วนๆ สำหรับเรา  ออกมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน  ไม่เคยขอตังค์พ่อแม่เลยค่ะ บ้าน  รถ  ซื้อกันเองสองคน  ช่วยกันผ่อนค่ะ แต่ใครจะผ่อนมากกว่า  ผ่อนน้อยกว่าไม่สำคัญ   เพราะยังงัยเราก็ช่วยกันหาด้วยกันทั้งสองคนค่ะ อย่าคิดมากเลยนะคะ  อย่าน้อยใจไปเลย   เพราะยังงัยคุณกับคุณแฟนของคุณก็ตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ยังมีอะไรอีกเยอะในชีวิตคู่ที่จะต้องแชร์ร่วมกันค่ะ ^^ จากคุณ : chicken demon เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 17:55:12

ความคิดเห็นที่ 111 เห็นด้วยกับ คห 98 ชีวิตคุณต่างกันเกินไป สังคมไม่เหมือนกัน ความคิดก็ย่อมแตกต่าง ตัดสินใจให้ดีนะคะ อย่าไปเสียดายเวลาที่ผ่านมา และไม่ต้องอายถ้าจะต้องยกเลิกงานที่เตรียมไว้ ถ้าไม่แน่ใจในตัวเอง และทำใจไม่ได้ เพราะถ้าแต่างงานกันแล้ว คุณจะเจอญาติพี่น้องเค้าอีกเยอะ เพราะเค้าจะถือว่าคุณคือคนในครอบครัวแล้ว คุณทำใจได้มั้ยที่จะต้องดูแลทั้งหมด เราคิดว่า ว่าทีสามีคุณเค้าคงคิดว่าคุณมีเงินน่าจะช่วยเค้าบ้าง แล้วคุณคิดยังไง หาเวลาอยู่กับตัวเอง และคิดให้ดี ในชีวิตจริง ความรักอย่างเดียวไม่พอหรอกค่ะ ต้องมีความเข่้าใจ ความเสียสละ และบางครั้งยังต้องแกล้งโง่ด้วย ฟังตัวเองค่ะ ดีที่สุด จากคุณ : m (Manomai) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 22:55:54

ความคิดเห็นที่ 112 งงกับเจ้าของกระทู้ ทำไมต้องรีบแต่งภายในปีนี้ คุณอายุเท่าไหร่ เข้าใจเจ้าของกระทู้ค่ะ คนที่อยู่คนละวงสังคม คนละชั้น พูดอย่างนี้คนคงหาว่าดูถูกคน แต่พูดให้มันกระจ่างไปเลย อาจรักเขา แต่รับตัวตนและครอบครัวเขาไม่ค่อยจะได้ ถ้ามันลำบากนัก จะไปแต่งมันทำไมน่ะ ชีวิตเป็นของเรา ก็คบกันไปอีกหน่อยไม่ดีหรือ ให้มันแน่ๆก่อน เป็นแฟนกันก็ดีออก ช่วงนี้ ถ้าจะไปอยู่ด้วยกันที่ตึกแถวคุณแม่ ก็ให้ผู้ชายช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย จะได้รู้ว่าในชีวิตแต่งงานจริงๆ เค้าขี้เหนียวหรือเปล่า เราจะทนไหวไหม คนเยอะไปที่มีลูกก่อนแล้วค่อยแต่งงาน หมดสมัยที่จะคิดแบบโบราณแล้ว ไปอยู่กันสักพักแล้ว อาจคิดได้ว่าผู้ชายคนนี้ที่ช้านจะอยู่ด้วยตลอดชีวิต หรือไม่ก็  ....โชคดีบรรลัย ไม่ได้แต่งงานด้วย เดี๋ยวสลัดยาก ทรัพย์สินกระจ่ายอีก ไม่ได้บอกว่าให้คิดเล็กคิดน้อย แต่ให้คิดเยอะๆ สมัยนี้ คนเลิกกันทุกวินาทีค่ะ ลองคิดดูละกันค่ะ จากคุณ : ฝันราลีห์ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 00:51:05

ความคิดเห็นที่ 113 สงสัยค่ะ ทำไมถึงเลือกแต่งกับเค้าค่ะ? หรือเพราะอายุอานามสมควรแล้วเลยต้องแต่ง เดี่ยวคนจะหาว่าขึ้นคาน แต่ดีที่จขกท.ไม่นอกใจแฟน ไปหาคนที่จะแนะนำผู้ชายใหม่ให้ แต่ถ้สจขกท.รู้สึกแบบนี้ก่อนแต่ง แต่งไปได้เลิกแน่ค่ะ จากคุณ : yaisom เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 17:22:53

ความคิดเห็นที่ 114 ..ท่าจะไม่รอดล่ะมั้ง ลองดูสักพักนึงก็ได้นะ จากคุณ : โจนบ้ากับป้าแก่ๆ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 04:38:42

ความคิดเห็นที่ 115   ขอคั่นเวลาหน่อย แม่เคยเรียกสินสอดให้เรา เงินสี่ร้อย ส้มสี่ลูก แม่บอกเอาไปแม่แถมข้าวสารให้หนึ่งคอนเทนเนอร์ ส่วนเค้าไม่เอา.........แล้วก็หายไปหลังจากที่ครบกันมาสิบสี่ปี วันนี้มีฟามสุขดีในชีวิต ไม่งั้นเงินสี่ร้อยที่เราได้มาอาจจะทรมานเราทั้งชีวิตก็ได้ จากคุณ : มาเมื่อวาน (rataisme) เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 19:30:55

ความคิดเห็นที่ 116 ถึง คห.108 ค่ะ จากข้อความของคุณ และลองอ่านข้อความของจขกท. บรรทัดที่ 5 ดูใหม่นะคะ ถ้าขี้เกียจเลื่อนขึ้นไป เราก๊อปมาให้แล้วค่ะ ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : เลดี้ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:37:59